พอเพียงส่วนบุคคล?...สังคมพอเพียง?
-
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 13, 2007 7:30 pm
สวัสดีคับพี่น้อง...วันนี้มีเรื่องอยากเล่าเเละเตือนใจทุกคนอีกเเล้วคับ
คือผมเห็นจากหลายที่ไม่ว่าจะตามเว็บบอร์ดหรือที่ต่างๆ ที่ชอบนำพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในส่วนท่อนที่ว่า"เศรษฐกิจพอเพียงคือการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง อาจมีของหรูหราได้เเต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น"(ต้องขอโทษด้วยน่ะคับอาจจะไม่ถูกต้อง100%)ทุกคนจึงชอบคิดว่าก็ฉันมีเงินฉันจะทำอะไร ซื้ออะไรก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการตีความเศรษฐกิจพอเพียงเเบบส่วนบุคคลมากเกินไปรึป่าว เราเคยคิดถึงสังคมพอเพียงคือคนในสังคมคนอื่นๆสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ อย่างพร้อมด้วยปัจจัย4บ้างรึป่าว ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นเด็กสังคมเมืองที่ถูกวังวนของวัตถุนิยมครอบงำเหมือนกัน เเต่2เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ผมได้คิดมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ผมอาจยังละกับสิ่งฟุ่มเฟือยได้ไม่ทั้งหมดเเต่ก็ดีขึ้นกว่าเเต่ก่อนมาก ผมไม่รู้ว่าในที่นี้จะมีคนอย่างผมในอดีตรึป่าวถ้ามีผมก็อยากเล่าให้ทุกคนได้คิดถึงสังคมพอเพียงเเบบผมบ้าง
ตัวอย่างที่ผมอยากเล่านั้น ผมว่าต้องมีหลายคนเคยเจอกับตัวเองเพียงเเต่ว่าจะใส่ใจหรือมองข้าม
ผมขอเล่าหน่อยว่าผมชอบกินกาเเฟมาก ถ้าเห็นร้านดาวเขียว(นามเเฝง)ที่ไหนต้องพุ่งเข้าหา ซึ่งปกติผมก็จะนั่งกินที่ร้านไม่ก็ดูดไปเดินเล่นไปอยู่ตามห้าง เเต่เมื่อเสาร์ที่เเล้วตอนกำลังไปที่วัดอัสสัมซึ่งปกติผมจะไปถึงตั้งเเต่บ่าย3 ผมหันไปเห็นร้านดาวเขียวที่ตึกสเตทเทาเวอร์ซึ่งก็เห็นเป็นปกติทุกอาทิตย์เเต่วันนั้นกลับอยากกินมากเลยไปถอยมาให้หายอยากซ่ะหน่อย ระหว่างทางที่จะไปวัดผมก็ดูดไปเรื่อย เเต่เเล้วก็มาเจอกับคุณยายที่นั่งขอทานอยู่(ซึ่งคนมาวัดอัสสัมน่าจะเห็นอยู่บ่อย) วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกถึงความอายจากจิตใต้สำนึกจึงรีบเเอบเเก้วกาเเฟที่ถืออยู่ ผมรู้สึกว่าผมทำบ้าไรอยู่เนี่ย ข้างหน้าผมเป็นคุณยายนั่งขอทานที่น่าจะได้เงินวันนึงไม่เกิน100เเต่ผมกลับถือกาแฟเเก้วละ140อยู่ ผมเลยอยากจะเตือนใจทุกคนว่าสิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเลยนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เก่าๆที่เคยลืมๆไป โดยเรื่องที่2ที่จะเล่าเกิดเมื่อปีที่เเล้วตอนชุมชนพระราม3ไฟไหม้ เค้าก็เปิดรับบริจาคเสื้อผ้า ผมกะพี่จึงไปบริจาคกันเพราะอยู่ใกล้บ้านมากๆ ซึ่งพวกเสื้อผ้าที่หิ้วไปก็คือเสื้อใหม่ของพี่กับของผมที่ซื้อมาเเล้วไม่ชอบ เเต่พอไปถึงเห็นเสื้อผ้าที่เค้านำมาบริจาคกันกลับเป็นเสื้อเก่าที่ดูเก่ามากๆ เก่ากว่าเสื้อนอนของผมซ่ะอีก เเต่คนที่มารับบริจาคนั้นกลับมีสีหน้าที่เเสดงออกถึงความดีใจ ผมกับพี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ผมกับพี่ใส่เสื้อตัวละครึ่งหมื่นเเต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นกลับต้องใส่เสื้อเก่าๆที่ผมคิดว่าถึงมันจะเป็นเสื้อใหม่ก็คงจะดูไม่ดีนัก ซึ่งพอมาคิดย้อนดูเเล้วยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเเบบนี้ เลยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงเรื่องพวกนี้บ้าง....ฝากอ่านด้วยน่ะคับ ขอบคุณมากคับ
ปล.ผมก็ไม่ได้คิดว่าการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ผิดหรอกน่ะคับ เพียงเเต่อยากให้คิดถึงสิ่งต่างๆที่เราอาจมองข้ามบ้าง
คือผมเห็นจากหลายที่ไม่ว่าจะตามเว็บบอร์ดหรือที่ต่างๆ ที่ชอบนำพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในส่วนท่อนที่ว่า"เศรษฐกิจพอเพียงคือการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง อาจมีของหรูหราได้เเต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น"(ต้องขอโทษด้วยน่ะคับอาจจะไม่ถูกต้อง100%)ทุกคนจึงชอบคิดว่าก็ฉันมีเงินฉันจะทำอะไร ซื้ออะไรก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการตีความเศรษฐกิจพอเพียงเเบบส่วนบุคคลมากเกินไปรึป่าว เราเคยคิดถึงสังคมพอเพียงคือคนในสังคมคนอื่นๆสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ อย่างพร้อมด้วยปัจจัย4บ้างรึป่าว ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นเด็กสังคมเมืองที่ถูกวังวนของวัตถุนิยมครอบงำเหมือนกัน เเต่2เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ผมได้คิดมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ผมอาจยังละกับสิ่งฟุ่มเฟือยได้ไม่ทั้งหมดเเต่ก็ดีขึ้นกว่าเเต่ก่อนมาก ผมไม่รู้ว่าในที่นี้จะมีคนอย่างผมในอดีตรึป่าวถ้ามีผมก็อยากเล่าให้ทุกคนได้คิดถึงสังคมพอเพียงเเบบผมบ้าง
ตัวอย่างที่ผมอยากเล่านั้น ผมว่าต้องมีหลายคนเคยเจอกับตัวเองเพียงเเต่ว่าจะใส่ใจหรือมองข้าม
ผมขอเล่าหน่อยว่าผมชอบกินกาเเฟมาก ถ้าเห็นร้านดาวเขียว(นามเเฝง)ที่ไหนต้องพุ่งเข้าหา ซึ่งปกติผมก็จะนั่งกินที่ร้านไม่ก็ดูดไปเดินเล่นไปอยู่ตามห้าง เเต่เมื่อเสาร์ที่เเล้วตอนกำลังไปที่วัดอัสสัมซึ่งปกติผมจะไปถึงตั้งเเต่บ่าย3 ผมหันไปเห็นร้านดาวเขียวที่ตึกสเตทเทาเวอร์ซึ่งก็เห็นเป็นปกติทุกอาทิตย์เเต่วันนั้นกลับอยากกินมากเลยไปถอยมาให้หายอยากซ่ะหน่อย ระหว่างทางที่จะไปวัดผมก็ดูดไปเรื่อย เเต่เเล้วก็มาเจอกับคุณยายที่นั่งขอทานอยู่(ซึ่งคนมาวัดอัสสัมน่าจะเห็นอยู่บ่อย) วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกถึงความอายจากจิตใต้สำนึกจึงรีบเเอบเเก้วกาเเฟที่ถืออยู่ ผมรู้สึกว่าผมทำบ้าไรอยู่เนี่ย ข้างหน้าผมเป็นคุณยายนั่งขอทานที่น่าจะได้เงินวันนึงไม่เกิน100เเต่ผมกลับถือกาแฟเเก้วละ140อยู่ ผมเลยอยากจะเตือนใจทุกคนว่าสิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเลยนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เก่าๆที่เคยลืมๆไป โดยเรื่องที่2ที่จะเล่าเกิดเมื่อปีที่เเล้วตอนชุมชนพระราม3ไฟไหม้ เค้าก็เปิดรับบริจาคเสื้อผ้า ผมกะพี่จึงไปบริจาคกันเพราะอยู่ใกล้บ้านมากๆ ซึ่งพวกเสื้อผ้าที่หิ้วไปก็คือเสื้อใหม่ของพี่กับของผมที่ซื้อมาเเล้วไม่ชอบ เเต่พอไปถึงเห็นเสื้อผ้าที่เค้านำมาบริจาคกันกลับเป็นเสื้อเก่าที่ดูเก่ามากๆ เก่ากว่าเสื้อนอนของผมซ่ะอีก เเต่คนที่มารับบริจาคนั้นกลับมีสีหน้าที่เเสดงออกถึงความดีใจ ผมกับพี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ผมกับพี่ใส่เสื้อตัวละครึ่งหมื่นเเต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นกลับต้องใส่เสื้อเก่าๆที่ผมคิดว่าถึงมันจะเป็นเสื้อใหม่ก็คงจะดูไม่ดีนัก ซึ่งพอมาคิดย้อนดูเเล้วยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเเบบนี้ เลยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงเรื่องพวกนี้บ้าง....ฝากอ่านด้วยน่ะคับ ขอบคุณมากคับ
ปล.ผมก็ไม่ได้คิดว่าการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ผิดหรอกน่ะคับ เพียงเเต่อยากให้คิดถึงสิ่งต่างๆที่เราอาจมองข้ามบ้าง
อื้มม..เราควรจะใช้เงินแบบจำเป็ยก็พอ
พ่อแม่ทำงานเหนื่อย
แต่บางคนอาจจะหาเงินเอง ก็อย่าใช้เยอะเลย
สิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ชอบประโยคนี้ 555
เรามีเพื่อนเราคนนึง พวกเพื่อนก็จะแบบเรียกคนนี้ว่า ตู้ATMเคลื่อนที่ แบบเพื่อนคนไหนขอเงินก็จะให้ ไปไหนก็เลี้ยงข้าว
ก็รู้ว่ารวยอ่ะน้ะ แต่ก็ควรประหยัด 555 ดูเหมือนเผาเพื่อนตัวเองเลย 55
พ่อแม่ทำงานเหนื่อย
แต่บางคนอาจจะหาเงินเอง ก็อย่าใช้เยอะเลย
สิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ชอบประโยคนี้ 555
เรามีเพื่อนเราคนนึง พวกเพื่อนก็จะแบบเรียกคนนี้ว่า ตู้ATMเคลื่อนที่ แบบเพื่อนคนไหนขอเงินก็จะให้ ไปไหนก็เลี้ยงข้าว
ก็รู้ว่ารวยอ่ะน้ะ แต่ก็ควรประหยัด 555 ดูเหมือนเผาเพื่อนตัวเองเลย 55
ขอบคุณมากค่ะ 
ป.ล. คุณยายที่นั่งขอทานอยู่อัสสัมฯถ้าเดินผ่านก็ให้นะ
เเต่ตอนหลังๆต้องหักห้ามใจตนเองเเล้วค่ะว่าให้บ่อยไปหรือเปล่า รอเราหาตังค์ได้เองก่อนดีกว่า เเห่ะๆ
ป.ล. คุณยายที่นั่งขอทานอยู่อัสสัมฯถ้าเดินผ่านก็ให้นะ
เเต่ตอนหลังๆต้องหักห้ามใจตนเองเเล้วค่ะว่าให้บ่อยไปหรือเปล่า รอเราหาตังค์ได้เองก่อนดีกว่า เเห่ะๆ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
พระจิตเจ้าทรงทำงานผ่านตัวเราแล้วนะครับป๊อบ
ดีแล้ว ๆ ความเห็นใจผู้อื่น เมตตาสงสาร ทำให้เราเข้าใกล้พระมากขึ้นนะครับ
ขอบใจที่แบ่งปันครับ
ปล. อ่านยากจังครับ จัดย่อหน้า กะเว้นระยะบรรทัด จะช่วยให้พี่ ๆ ที่อายุ 21 ทุกคนไม่ปวดตานะครับ
รวมทั้งเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอย่างผมด้วย
ดีแล้ว ๆ ความเห็นใจผู้อื่น เมตตาสงสาร ทำให้เราเข้าใกล้พระมากขึ้นนะครับ
ขอบใจที่แบ่งปันครับ

ปล. อ่านยากจังครับ จัดย่อหน้า กะเว้นระยะบรรทัด จะช่วยให้พี่ ๆ ที่อายุ 21 ทุกคนไม่ปวดตานะครับ
รวมทั้งเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอย่างผมด้วย

"...คำว่าพอก็เพียงพอ เพียงนี้ก็พอ ดังนั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจมีความคิดว่าทำอะไรก็ต้องเพียงพอ หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจมีมาก อาจมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ ตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง.."
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541...
ผมคิดว่า "แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ ตามอัตภาพ" อาจมีคนไปตีความเข้าข้างตัวเองได้มาก แต่ที่จริงมันก็สมบูรณ์ในพระราชดำรัสอยู่แล้วว่า ต้องพอประมาณ ตามอัตภาพ มันก็คือไม่อยากมีอยากได้เกินตัวน่ะครับ เอาง่ายๆเลยคือ ต้องไม่ถึงกับเป็นหนี้ หรือไปอยากได้ของที่ไม่มีเงินพอซื้อ ซึ่งก็นั่นแหละ ผมว่าใครซื่อสัตย์กับตัวเองก็รู้ตัวได้เองว่าพอเพียงของตัวคือเท่าไหน
พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541...
ผมคิดว่า "แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ ตามอัตภาพ" อาจมีคนไปตีความเข้าข้างตัวเองได้มาก แต่ที่จริงมันก็สมบูรณ์ในพระราชดำรัสอยู่แล้วว่า ต้องพอประมาณ ตามอัตภาพ มันก็คือไม่อยากมีอยากได้เกินตัวน่ะครับ เอาง่ายๆเลยคือ ต้องไม่ถึงกับเป็นหนี้ หรือไปอยากได้ของที่ไม่มีเงินพอซื้อ ซึ่งก็นั่นแหละ ผมว่าใครซื่อสัตย์กับตัวเองก็รู้ตัวได้เองว่าพอเพียงของตัวคือเท่าไหน
บางคนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ว่าเรามีเงินที่จะใช้ เราก็ใช้ตามที่สมควรแก่ที่มี
แต่ว่าไม่ได้แยก ว่าอะไรที่ need และอะไรที่ want
และฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ want มากเกินไป
คนเรา จะจนจะรวย กินข้าวแกงอย่างมากสองจานก็อิ่มเหมือนกัน...
แต่ว่าไม่ได้แยก ว่าอะไรที่ need และอะไรที่ want
และฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ want มากเกินไป
คนเรา จะจนจะรวย กินข้าวแกงอย่างมากสองจานก็อิ่มเหมือนกัน...
ของพี่ สองจานไม่อิ่มล่ะ ต้องสามจานสี่จาน up !!! :afro:sasuke เขียน: บางคนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ว่าเรามีเงินที่จะใช้ เราก็ใช้ตามที่สมควรแก่ที่มี
แต่ว่าไม่ได้แยก ว่าอะไรที่ need และอะไรที่ want
และฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ want มากเกินไป
คนเรา จะจนจะรวย กินข้าวแกงอย่างมากสองจานก็อิ่มเหมือนกัน...
โห จริงง่ะพี่ พี่กินกระเป๋าโดราเอมอนไปใช่ไหมเนี่ย กินอะไรๆก็หายหมดFlorian เขียน:ของพี่ สองจานไม่อิ่มล่ะ ต้องสามจานสี่จาน up !!! :afro:sasuke เขียน: บางคนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ว่าเรามีเงินที่จะใช้ เราก็ใช้ตามที่สมควรแก่ที่มี
แต่ว่าไม่ได้แยก ว่าอะไรที่ need และอะไรที่ want
และฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ want มากเกินไป
คนเรา จะจนจะรวย กินข้าวแกงอย่างมากสองจานก็อิ่มเหมือนกัน...

ถ้ามีกระเป๋าโดราเอมอนจริงนะ พี่ไม่กินหรอก แต่จะเก็บรักษาไว้ เพื่อว่าจะได้งัดเอาของวิเศษออกมาใช้ ของวิเศษที่ใช้แน่ๆก็คือ"เครื่องผลิตขนมโมจิ" จะผลิตกินแกล้มกับชาเขียวญี่ปุ่น ฮึ่ม อร่อยแน่ โออิชี เดส เน้sasuke เขียน:โห จริงง่ะพี่ พี่กินกระเป๋าโดราเอมอนไปใช่ไหมเนี่ย กินอะไรๆก็หายหมดFlorian เขียน:ของพี่ สองจานไม่อิ่มล่ะ ต้องสามจานสี่จาน up !!! :afro:sasuke เขียน: บางคนก็คิดแบบนั้นจริงๆ ว่าเรามีเงินที่จะใช้ เราก็ใช้ตามที่สมควรแก่ที่มี
แต่ว่าไม่ได้แยก ว่าอะไรที่ need และอะไรที่ want
และฟุ่มเฟือยกับสิ่งที่ want มากเกินไป
คนเรา จะจนจะรวย กินข้าวแกงอย่างมากสองจานก็อิ่มเหมือนกัน...
![]()

-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ไม่ตอบล่ะ ไม่เห็นพี่ป๊อบ ไปตอบกระทู้คนอื่นๆเลย มีแต่ตั้งกระทู้ให้คนอื่นตอบ ระวังนะเรียนเศรษฐศาสตร์แล้วจะเป็นคนคิดเอาแต่กำไรฝ่ายเดียว :rolleyes:
เคยคุยกับคนที่ไม่ชอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมา
เค้าว่าเศรษฐกิจพอเพียงสอนให้คนพอใจในความยากจนของตัวเอง ไม่มีความทะเยอทะยานไปให้ดีกว่า สูงกว่า เป็นระบอบที่เหมือนกับการปกครองแบบศักดินา ที่สอนให้พวกไพร่ทาสพอใจในความเป็นอยู่ของตน ไม่ดิ้นรนไปมากกว่านั้น
ก็ต่างคนต่างมุมมองเนอะ
เค้าว่าเศรษฐกิจพอเพียงสอนให้คนพอใจในความยากจนของตัวเอง ไม่มีความทะเยอทะยานไปให้ดีกว่า สูงกว่า เป็นระบอบที่เหมือนกับการปกครองแบบศักดินา ที่สอนให้พวกไพร่ทาสพอใจในความเป็นอยู่ของตน ไม่ดิ้นรนไปมากกว่านั้น
ก็ต่างคนต่างมุมมองเนอะ

-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
แต่ความเป็นจริงแล้วคนเมือง ก็ไม่ค่อยได้หยุดคิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่
มีแต่ชาวบ้านชนบทเท่านั้นล่ะค่ะที่เค้าจะพอเพียงกันจริงๆ
แต่ ถ้าเรา เริ่ม พอเพียงจากตัวเราก่อนและมองคนรอบข้าง
แบบที่ ป๊อป เขียน ก็คงจะดีไม่น้อย

มีแต่ชาวบ้านชนบทเท่านั้นล่ะค่ะที่เค้าจะพอเพียงกันจริงๆ
แต่ ถ้าเรา เริ่ม พอเพียงจากตัวเราก่อนและมองคนรอบข้าง
แบบที่ ป๊อป เขียน ก็คงจะดีไม่น้อย

-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
พี่ตั้ว ๆ ตื่น ๆFlorian เขียน:ถ้ามีกระเป๋าโดราเอมอนจริงนะ พี่ไม่กินหรอก แต่จะเก็บรักษาไว้ เพื่อว่าจะได้งัดเอาของวิเศษออกมาใช้ ของวิเศษที่ใช้แน่ๆก็คือ"เครื่องผลิตขนมโมจิ" จะผลิตกินแกล้มกับชาเขียวญี่ปุ่น ฮึ่ม อร่อยแน่ โออิชี เดส เน้sasuke เขียน:โห จริงง่ะพี่ พี่กินกระเป๋าโดราเอมอนไปใช่ไหมเนี่ย กินอะไรๆก็หายหมดFlorian เขียน: ของพี่ สองจานไม่อิ่มล่ะ ต้องสามจานสี่จาน up !!! :afro:![]()
![]()

-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
กร๊ากกกกกส ส สBatholomew เขียน:พี่ตั้ว ๆ ตื่น ๆFlorian เขียน:ถ้ามีกระเป๋าโดราเอมอนจริงนะ พี่ไม่กินหรอก แต่จะเก็บรักษาไว้ เพื่อว่าจะได้งัดเอาของวิเศษออกมาใช้ ของวิเศษที่ใช้แน่ๆก็คือ"เครื่องผลิตขนมโมจิ" จะผลิตกินแกล้มกับชาเขียวญี่ปุ่น ฮึ่ม อร่อยแน่ โออิชี เดส เน้sasuke เขียน: โห จริงง่ะพี่ พี่กินกระเป๋าโดราเอมอนไปใช่ไหมเนี่ย กินอะไรๆก็หายหมด![]()
![]()
![]()
