พอเพียงส่วนบุคคล?...สังคมพอเพียง?
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2007 8:43 pm
สวัสดีคับพี่น้อง...วันนี้มีเรื่องอยากเล่าเเละเตือนใจทุกคนอีกเเล้วคับ
คือผมเห็นจากหลายที่ไม่ว่าจะตามเว็บบอร์ดหรือที่ต่างๆ ที่ชอบนำพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในส่วนท่อนที่ว่า"เศรษฐกิจพอเพียงคือการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง อาจมีของหรูหราได้เเต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น"(ต้องขอโทษด้วยน่ะคับอาจจะไม่ถูกต้อง100%)ทุกคนจึงชอบคิดว่าก็ฉันมีเงินฉันจะทำอะไร ซื้ออะไรก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการตีความเศรษฐกิจพอเพียงเเบบส่วนบุคคลมากเกินไปรึป่าว เราเคยคิดถึงสังคมพอเพียงคือคนในสังคมคนอื่นๆสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ อย่างพร้อมด้วยปัจจัย4บ้างรึป่าว ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นเด็กสังคมเมืองที่ถูกวังวนของวัตถุนิยมครอบงำเหมือนกัน เเต่2เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ผมได้คิดมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ผมอาจยังละกับสิ่งฟุ่มเฟือยได้ไม่ทั้งหมดเเต่ก็ดีขึ้นกว่าเเต่ก่อนมาก ผมไม่รู้ว่าในที่นี้จะมีคนอย่างผมในอดีตรึป่าวถ้ามีผมก็อยากเล่าให้ทุกคนได้คิดถึงสังคมพอเพียงเเบบผมบ้าง
ตัวอย่างที่ผมอยากเล่านั้น ผมว่าต้องมีหลายคนเคยเจอกับตัวเองเพียงเเต่ว่าจะใส่ใจหรือมองข้าม
ผมขอเล่าหน่อยว่าผมชอบกินกาเเฟมาก ถ้าเห็นร้านดาวเขียว(นามเเฝง)ที่ไหนต้องพุ่งเข้าหา ซึ่งปกติผมก็จะนั่งกินที่ร้านไม่ก็ดูดไปเดินเล่นไปอยู่ตามห้าง เเต่เมื่อเสาร์ที่เเล้วตอนกำลังไปที่วัดอัสสัมซึ่งปกติผมจะไปถึงตั้งเเต่บ่าย3 ผมหันไปเห็นร้านดาวเขียวที่ตึกสเตทเทาเวอร์ซึ่งก็เห็นเป็นปกติทุกอาทิตย์เเต่วันนั้นกลับอยากกินมากเลยไปถอยมาให้หายอยากซ่ะหน่อย ระหว่างทางที่จะไปวัดผมก็ดูดไปเรื่อย เเต่เเล้วก็มาเจอกับคุณยายที่นั่งขอทานอยู่(ซึ่งคนมาวัดอัสสัมน่าจะเห็นอยู่บ่อย) วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกถึงความอายจากจิตใต้สำนึกจึงรีบเเอบเเก้วกาเเฟที่ถืออยู่ ผมรู้สึกว่าผมทำบ้าไรอยู่เนี่ย ข้างหน้าผมเป็นคุณยายนั่งขอทานที่น่าจะได้เงินวันนึงไม่เกิน100เเต่ผมกลับถือกาแฟเเก้วละ140อยู่ ผมเลยอยากจะเตือนใจทุกคนว่าสิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเลยนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เก่าๆที่เคยลืมๆไป โดยเรื่องที่2ที่จะเล่าเกิดเมื่อปีที่เเล้วตอนชุมชนพระราม3ไฟไหม้ เค้าก็เปิดรับบริจาคเสื้อผ้า ผมกะพี่จึงไปบริจาคกันเพราะอยู่ใกล้บ้านมากๆ ซึ่งพวกเสื้อผ้าที่หิ้วไปก็คือเสื้อใหม่ของพี่กับของผมที่ซื้อมาเเล้วไม่ชอบ เเต่พอไปถึงเห็นเสื้อผ้าที่เค้านำมาบริจาคกันกลับเป็นเสื้อเก่าที่ดูเก่ามากๆ เก่ากว่าเสื้อนอนของผมซ่ะอีก เเต่คนที่มารับบริจาคนั้นกลับมีสีหน้าที่เเสดงออกถึงความดีใจ ผมกับพี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ผมกับพี่ใส่เสื้อตัวละครึ่งหมื่นเเต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นกลับต้องใส่เสื้อเก่าๆที่ผมคิดว่าถึงมันจะเป็นเสื้อใหม่ก็คงจะดูไม่ดีนัก ซึ่งพอมาคิดย้อนดูเเล้วยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเเบบนี้ เลยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงเรื่องพวกนี้บ้าง....ฝากอ่านด้วยน่ะคับ ขอบคุณมากคับ
ปล.ผมก็ไม่ได้คิดว่าการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ผิดหรอกน่ะคับ เพียงเเต่อยากให้คิดถึงสิ่งต่างๆที่เราอาจมองข้ามบ้าง
คือผมเห็นจากหลายที่ไม่ว่าจะตามเว็บบอร์ดหรือที่ต่างๆ ที่ชอบนำพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในส่วนท่อนที่ว่า"เศรษฐกิจพอเพียงคือการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง อาจมีของหรูหราได้เเต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น"(ต้องขอโทษด้วยน่ะคับอาจจะไม่ถูกต้อง100%)ทุกคนจึงชอบคิดว่าก็ฉันมีเงินฉันจะทำอะไร ซื้ออะไรก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการตีความเศรษฐกิจพอเพียงเเบบส่วนบุคคลมากเกินไปรึป่าว เราเคยคิดถึงสังคมพอเพียงคือคนในสังคมคนอื่นๆสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติ อย่างพร้อมด้วยปัจจัย4บ้างรึป่าว ผมเองก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นเด็กสังคมเมืองที่ถูกวังวนของวัตถุนิยมครอบงำเหมือนกัน เเต่2เดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้ผมได้คิดมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ผมอาจยังละกับสิ่งฟุ่มเฟือยได้ไม่ทั้งหมดเเต่ก็ดีขึ้นกว่าเเต่ก่อนมาก ผมไม่รู้ว่าในที่นี้จะมีคนอย่างผมในอดีตรึป่าวถ้ามีผมก็อยากเล่าให้ทุกคนได้คิดถึงสังคมพอเพียงเเบบผมบ้าง
ตัวอย่างที่ผมอยากเล่านั้น ผมว่าต้องมีหลายคนเคยเจอกับตัวเองเพียงเเต่ว่าจะใส่ใจหรือมองข้าม
ผมขอเล่าหน่อยว่าผมชอบกินกาเเฟมาก ถ้าเห็นร้านดาวเขียว(นามเเฝง)ที่ไหนต้องพุ่งเข้าหา ซึ่งปกติผมก็จะนั่งกินที่ร้านไม่ก็ดูดไปเดินเล่นไปอยู่ตามห้าง เเต่เมื่อเสาร์ที่เเล้วตอนกำลังไปที่วัดอัสสัมซึ่งปกติผมจะไปถึงตั้งเเต่บ่าย3 ผมหันไปเห็นร้านดาวเขียวที่ตึกสเตทเทาเวอร์ซึ่งก็เห็นเป็นปกติทุกอาทิตย์เเต่วันนั้นกลับอยากกินมากเลยไปถอยมาให้หายอยากซ่ะหน่อย ระหว่างทางที่จะไปวัดผมก็ดูดไปเรื่อย เเต่เเล้วก็มาเจอกับคุณยายที่นั่งขอทานอยู่(ซึ่งคนมาวัดอัสสัมน่าจะเห็นอยู่บ่อย) วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกถึงความอายจากจิตใต้สำนึกจึงรีบเเอบเเก้วกาเเฟที่ถืออยู่ ผมรู้สึกว่าผมทำบ้าไรอยู่เนี่ย ข้างหน้าผมเป็นคุณยายนั่งขอทานที่น่าจะได้เงินวันนึงไม่เกิน100เเต่ผมกลับถือกาแฟเเก้วละ140อยู่ ผมเลยอยากจะเตือนใจทุกคนว่าสิ่งที่เราคิดว่าเล็กน้อยเเต่กับคนอื่นอาจคือชีวิตของเค้าในหนึ่งวันเลยทีเดียว ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเลยนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เก่าๆที่เคยลืมๆไป โดยเรื่องที่2ที่จะเล่าเกิดเมื่อปีที่เเล้วตอนชุมชนพระราม3ไฟไหม้ เค้าก็เปิดรับบริจาคเสื้อผ้า ผมกะพี่จึงไปบริจาคกันเพราะอยู่ใกล้บ้านมากๆ ซึ่งพวกเสื้อผ้าที่หิ้วไปก็คือเสื้อใหม่ของพี่กับของผมที่ซื้อมาเเล้วไม่ชอบ เเต่พอไปถึงเห็นเสื้อผ้าที่เค้านำมาบริจาคกันกลับเป็นเสื้อเก่าที่ดูเก่ามากๆ เก่ากว่าเสื้อนอนของผมซ่ะอีก เเต่คนที่มารับบริจาคนั้นกลับมีสีหน้าที่เเสดงออกถึงความดีใจ ผมกับพี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ผมกับพี่ใส่เสื้อตัวละครึ่งหมื่นเเต่ในขณะเดียวกันคนเหล่านั้นกลับต้องใส่เสื้อเก่าๆที่ผมคิดว่าถึงมันจะเป็นเสื้อใหม่ก็คงจะดูไม่ดีนัก ซึ่งพอมาคิดย้อนดูเเล้วยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเเบบนี้ เลยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงเรื่องพวกนี้บ้าง....ฝากอ่านด้วยน่ะคับ ขอบคุณมากคับ
ปล.ผมก็ไม่ได้คิดว่าการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่ผิดหรอกน่ะคับ เพียงเเต่อยากให้คิดถึงสิ่งต่างๆที่เราอาจมองข้ามบ้าง