หน้า 1 จากทั้งหมด 2
มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 9:35 am
โดย Immanuel (MichaelPaul)
ไปเรียนป.โทวันที่ 2 (วันอาทิตย์ที่ผ่านมา) ก็เรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษในการศึกษากฏหมาย ท่านอาจารย์เคยไปเรียนเมืองนอกแกก็เล่าให้ฟังว่า
"ตอนนั้นดูข่าวตลกชิ... พวกไอริช แมร่งแต่งงานแล้วหย่าไม่ได้โคตรซวยเลยว่ะ รู้ป่ะเพราะอะไรเพราะว่าตอนเข้าโบสถ์มันสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันจนกว่าความตายจะพรากไป ดังนั้น...." (จำมะได้แระเพราะโมโห

) พอตอนพักระหว่างที่ผมไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินบทสนทนาดังนี้
นักศึกษาท่านหนึ่ง : อาจารย์ครับเป็นอิสลามนี่ดีเนอะมีเมียได้ตั้งหลายคน
อาจารย์ : แต่ผมว่าศาสนาพุทธดีสุดเพราะไม่ได้ระบุว่ามีเมียได้กี่คน (ตกลงนี่เลือกศาสนาเพราะเรื่องเมียรึไงฟระ แล้วศีลข้อกาเมล่ะในพุทธเค้าก็ระบุไว้ - -" )
นักศึกษาท่านเดิม : แต่ผมว่านะครับศาสนาคริสต์ดีสุด (ผมคิดในใจเอาแระไงพาดพิงศาสนาตูแระ) เพราะทำบาปเมื่อก็ก็ล้างบาปได้บ่อย
-- ชิ้ง --
ไอ่เอกเข้าไปเจือก : ไม่ใช่นะครับการล้างบาปทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นส่วนที่คุณเข้าใจคือการสารภาพบาปต่อพระเจ้าและพระเจ้าจะให้อภัยต่อเมื่อได้สำนึกในบาปนะครับ
นักศึกษาท่านใหม่ : อาจารย์ครับแล้วตกลงที่ไอริชนี่เค้าทำไงครับเวลาเค้าทะเลาะกันเพราะหย่ากันไม่ได้
-- ชิ้ง --
ไอ่เอกเห็นช่องทางจะเถียงตั้งแต่ในห้องแระ
ไอ่เอก : อ่อเรื่องการแต่งงานแล้วหย่าไม่ได้นั้นเพราะเป็นกฏของพระศาสนจักรคาทอลิค (เนื่องจากวันนั้นผมใส่เสื้อคลุมที่มีตรากางเขนและเขียนว่า Catholic ที่ได้รับตอนรับศีลล้างบาป) เพราะว่าในสมัยปฐมกาลนั้นเมื่อพระเจ้าสร้างโลกพระเจ้าสร้างอดัม.. (เล่าปฐมกาลไป 1 ฉาก) มีคนมายืนฟังหลายคน จากนั้นสักพักวงก็แตก
ปล. ในคลาสนั้นอายุน้อยสุดคือ 24 คือมีผมและอาจจะมีคนอื่นอีกแต่แน่นอนว่าไม่มีใครต่ำกว่า 24 แน่ๆ ส่วนท่านอื่นๆก็หัวหงอกหัวดำกันหมดแระทำงานตำแหน่งหน้าที่ดีๆ อายุก็เยอะแต่ไม่รู้ทำไมคิดได้แค่นี้ เพราะแบบนี้ล่ะมั้งสังคมถึงเป็นแบบนี้ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ที่น่าจะเป็นแบบอย่างแก่เด็กๆกลับไม่เข้าใจเรื่องสาสนามองแต่เรื่องเมีย (หมกมุ่น) แบบนี้จะไม่ให้สังคมมันเสื่อมได้ยังไง มีแต่ความรู้แต่ไร้ซึ่งคุณธรรมเฮ้อ
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:53 am
โดย sasuke
เรียนป.โทจริงรึเปล่าเนี่ย อยากรู้จัง ว่าจบมาจากไหน คนเป็นผู้ใหญ่พูดอะไรทำไมไม่คิด...
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 3:33 pm
โดย ~@Little lamb@~
ดีแล้วที่กล้าเป็นพยานถึงพระเจ้าและความเชื่อของเรา
พี่ไม่ได้มองไอ้ที่หัวหงอก หัวดำเขาคุยกัน พี่มองว่าเธอมีความกล้า
เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืม อย่าพูดด้วยอารมณ์ สวดขอปรีชาญาณจากพระเจ้าบ่อย ๆ นะจ๊ะ
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 4:20 pm
โดย :+: seraphim :+:

เข้ามาชื่นชมในความกล้าหาญคะ เหมือนอาจารย์สอนศาสนาเปรียบเทียบของน้องสาวพี่เหมือนกัน แกจบเปรียญ 9 ถามน้องสาวพี่ว่า ทำไมไม่คิดเปลี่ยนศาสนา น้องสาวตอบว่า ไม่คิดที่จะเปลี่ยน เพราะได้พบพระเจ้าสิ่งที่จริงแม่ และแน่นอน คล้ายกับว่า เจ้าสาวเมื่อเลือกเจ้าบ่าวแล้วจะไม่เปลี่ยนใจเป็นอื่น (ว่าที่ซิสเตอร์) ตอบ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 5:36 pm
โดย Batholomew
ยกนิ้วให้เลยครับเอก

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 6:33 pm
โดย -Rei-
ดีแล้วๆๆ สู้ๆ ค่ะ ^^
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 7:24 pm
โดย แบกะดิน
สู้ต่อไปค่ะ
ยอมตายต่อสู้เพื่อความดี เพื่อศักดิ์ศรีของความมีชัย*
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 8:32 pm
โดย อันตน
ปรบมือให้ครับ
มันไม่ใช่แค่รายนี้รายเดียวหรอกครับ มันมีอีกหลายรายที่คิดอะไรแต่ทางลามกอย่างเดียว
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 8:43 pm
โดย Buddy
เห็นด้วยนะว่า อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะ แต่อาจไม่ใช่เรื่องหมกมุ่น น่าจะเกิดจากปมด้อยอะไรมากกว่า ก็เลยพยายามแสดง power ผ่านทางเรื่องนี้ เหมือนมีเมียเยอะแล้วดูมีอำนาจไง
และก็น่าเศร้าที่เค้าเหมือนไม่เข้าใจความหมายชีวิตคู่ที่รักกันและต้องอดทน ไม่ใช่หนีปัญหาด้วยการหย่า ไม่ยอมอดทนแก้ปัญหา .... ไม่รู้ความหมายของความรักที่อดทนนานเหมือนความรักพระเจ้า
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 8:46 pm
โดย อันตน
Buddy เขียน:
เห็นด้วยนะว่า อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะ แต่อาจไม่ใช่เรื่องหมกมุ่น น่าจะเกิดจากปมด้อยอะไรมากกว่า ก็เลยพยายามแสดง power ผ่านทางเรื่องนี้ เหมือนมีเมียเยอะแล้วดูมีอำนาจไง
และก็น่าเศร้าที่เค้าเหมือนไม่เข้าใจความหมายชีวิตคู่ที่รักกันและต้องอดทน ไม่ใช่หนีปัญหาด้วยการหย่า ไม่ยอมอดทนแก้ปัญหา .... ไม่รู้ความหมายของความรักที่อดทนนานเหมือนความรักพระเจ้า
ไม่ได้พาดพิงนะ อาจจะมีปัญหาในครอบครัวก็ได้งับ คล้ายๆป้าเบียบรัดอะไรทำนองนั้น
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:01 pm
โดย Dis volentibus
สุดยอดเลยค่ะพี่ นับถือๆ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:05 pm
โดย Alphonse
ไม่ใช่อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะพอหรอกมั้ง
แต่ อาจารย์ที่รู้ไม่จริงนี่สิ เป็นปัญหาของสังคมไทย
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:38 pm
โดย Buddy
อันตน เขียน:
Buddy เขียน:
เห็นด้วยนะว่า อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะ แต่อาจไม่ใช่เรื่องหมกมุ่น น่าจะเกิดจากปมด้อยอะไรมากกว่า ก็เลยพยายามแสดง power ผ่านทางเรื่องนี้ เหมือนมีเมียเยอะแล้วดูมีอำนาจไง
และก็น่าเศร้าที่เค้าเหมือนไม่เข้าใจความหมายชีวิตคู่ที่รักกันและต้องอดทน ไม่ใช่หนีปัญหาด้วยการหย่า ไม่ยอมอดทนแก้ปัญหา .... ไม่รู้ความหมายของความรักที่อดทนนานเหมือนความรักพระเจ้า
ไม่ได้พาดพิงนะ อาจจะมีปัญหาในครอบครัวก็ได้งับ คล้ายๆป้าเบียบรัดอะไรทำนองนั้น
ยังดีที่สอนโท อย่างน้อยก็เป็นเด็กโต มีวิจารณญาณ สามารถแยกแยะได้ .... ถ้าสอนชั้นเล็กนี่ คงมีปัญหา
แต่คนในสังคมเป็นแบบนี้เยอะนะ จนเดี๋ยวนี้คนไม่เห็นคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของการแต่งงานแล้ว อย่างป้าเบียบ ... ที่จริงป้าก็พยายามดีนะให้คนเห็นคุณค่า (อาจมี motivation มาจากปัญหาส่วนตัว อันนี้ก็ไม่ว่ากัน อย่างน้อยก็พยายามทำอะไรบ้าง) ... ถ้่าป้าได้อบรมการแต่งงานแบบคริสต์ซะหน่อย น่้าจะช่วยให้ป้าทำอะไรมีหลักการมากขึ้น ไม่ใช่ตัดสินหรือหาทางออกตามอารมณ์หรือมุมมองตัวเอง
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:41 pm
โดย Batholomew
สวดให้เค้าคิดได้ด้วยนะครับ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:44 pm
โดย Buddy
necromancer เขียน:
ไม่ใช่อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะพอหรอกมั้ง
แต่ อาจารย์ที่รู้ไม่จริงนี่สิ เป็นปัญหาของสังคมไทย
บทบาทอาจารย์เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เป็น resource นะจ้ะ แต่เป็น facilitator คือเป็นคนคอยชี้นำ ชี้ให้เห็นความรู้หรือที่มาของความรู้ ไม่ใช่เป็นแหล่งความรู้หรือข้อมูล ถ้าไม่รู้จริงเราแย้งได้ แต่แย้งด้วยความสุภาพและเคารพ เหมือนการโต้แย้งในเวทีวิชาการ เพราะความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครรู้จริงหรอก แต่เราควรมีกระบวนการคิดและให้เหตุผล ซึ่งจะนำไปสู่การเรียนรู้จากกันและกันมากกว่า
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 10:49 pm
โดย taiyo
ข้าน้อยขอคารวะ 1 จอก

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:12 pm
โดย yuki
อย่าว่าแต่ ป.โท เลยค่ะ บางที ป.ตรีก้อมีอาจารย์ หลุดๆ ออกมาเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้ว่าไรอ่ะค่ะ ถือว่าเค้าไม่รู้
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:19 pm
โดย Immanuel (MichaelPaul)
necromancer เขียน:
ไม่ใช่อาจารย์ไม่มีวุฒิภาวะพอหรอกมั้ง
แต่ อาจารย์ที่รู้ไม่จริงนี่สิ เป็นปัญหาของสังคมไทย
นั่นจิ น่าจะรู้ว่าถึงแม้ศาสนาพุทธจะไม่ได้ระบุว่ามีเมียได้กี่คนก็น่าจะรู้ว่ามีศีลข้อ กาเม ซึ่งอยู่ในศีล 5 ที่เค้าเคยท่องมาตั้งแต่เด็กๆ - -"
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 7:22 am
โดย Florian
น้องเอกเก่งมากเลย...ประทับใจ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 05, 2008 4:12 pm
โดย กรอกสมบูรณ์
เข้ามาชื่นชม และ ปรบมือให้อีกคนค่ะ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 05, 2008 5:46 pm
โดย †mommomza†
เป็นกำลังใจให้จร้า
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 05, 2008 7:31 pm
โดย Like a Heaven
น่าสรรเสริญครับ
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 05, 2008 11:17 pm
โดย KuRapiKa
ชื่นชมครับผม ปรบมือให้ ๆ
เจอบ่อยครับ คนที่รู้ไม่จริง แต่พูดออกมา ทำให้เราเสียหาย
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 12:19 am
โดย Immanuel (MichaelPaul)
อุตส่หาขุดขึ้นมา วิชานั้นเป็นวิชาแรกครับ ตอนนี้ใกล้จบแระครับอีก 3-4 วิชา เท่าที่เรียน เกือบทุกวิชาต้องมาแตะศาสนาจักร "อย่างน้อยก็น่าภูมิใจว่าศาลศาสนจักรเป็นที่มาของศาลระบบไต่สวน" อาจารย์บางท่านก็ดีพูดแต่ในเนื้อหา แตะนิดหน่อย บางท่านก็เลยเถิดชอบกัด จิก ความเชื่อสมัยนั้นเช่น โลกแบน (เกือบทุกวิชาอ่ะ)
สุดท้ายไปคุยกะอาจารย์ทุกท่านคงไม่ไหว เลยไปโพสต์ไว้ในเว็ปของรุ่นแระ แต่ก็ไม่มีคนสนใจ เฮ้อออ
ปล. มีโครงการทำฟิวเจอร์บอร์ดเกี่ยววันคริสต์มาส ว่าจะเอาไปแปะหน้าห้อง แต่ปัญหาคือหาข้อมูลที่แน่นอน + ภาพไม่ได้ใครมีอนุเคราะห์ทีครับ (ภาพรบกวนขอเป็นโปสเตอร์ส่งมาที่บ้านทีงับ T^T)
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 12:44 pm
โดย bb_z
ถึงโลกจะมีแต่เรื่องทุกข์ แต่อยากมองให้มันสนุก
จากที่อ่านมา ผมว่าอาจารย์แกไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนานะครับ เลยพูดแบบนี้ออกมา สำหรับคนที่เคร่งในศาสนา ฟังแล้วจะรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
"อย่างน้อยก็น่าภูมิใจว่าศาลศาสนจักรเป็นที่มาของศาลระบบไต่สวน" อาจารย์บางท่านก็ดีพูดแต่ในเนื้อหา แตะนิดหน่อย บางท่านก็เลยเถิดชอบกัด จิก ความเชื่อสมัยนั้นเช่น โลกแบน (เกือบทุกวิชาอ่ะ)
ศาสนจักรเป็นที่มาของศาลระบบไต่สวน น่าภูมิใจครับ แต่ผมว่าศาสนจักรถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ฝ่ายเดียวรึป่าวครับ เช่นตัวเองเชื่อว่าโลกแบน พอมีคนแย้งว่าโลกกลม ก็จะประหารชีวิต หรือไม่คนนั้นก็จะโดนคว้ำบาตรจากคนในสังคม ปัจจุบันเมือคนรู้แล้วว่าโลกกลม มันก็น่ากัดไหมละครับ
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 3:42 pm
โดย Zion
bb_z เขียน:
ถึงโลกจะมีแต่เรื่องทุกข์ แต่อยากมองให้มันสนุก
จากที่อ่านมา ผมว่าอาจารย์แกไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนานะครับ เลยพูดแบบนี้ออกมา สำหรับคนที่เคร่งในศาสนา ฟังแล้วจะรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
ถ้าผมเป็นผู้หญิง
ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หรือไม่นับถือศาสนาก็ตาม
ผมก็คงไม่รู้สึกสนุก กับความคิดเชิงบริโภคนิยม
ที่มองว่าผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งระบายอารมณ์ของผู้ชายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
คิดจะคบก็คบ คิดจะเลิกก็เลิก........
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 3:45 pm
โดย Dis volentibus
ยศิยล:ผู้แสวงหาพระเจ้า เขียน:
bb_z เขียน:
ถึงโลกจะมีแต่เรื่องทุกข์ แต่อยากมองให้มันสนุก
จากที่อ่านมา ผมว่าอาจารย์แกไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนานะครับ เลยพูดแบบนี้ออกมา สำหรับคนที่เคร่งในศาสนา ฟังแล้วจะรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
ถ้าผมเป็นผู้หญิง
ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หรือไม่นับถือศาสนาก็ตาม
ผมก็คงไม่รู้สึกสนุก กับความคิดเชิงบริโภคนิยม
ที่มองว่าผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งระบายอารมณ์ของผู้ชายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
คิดจะคิด คิดจะเลิกก็เลิก........
เห็นด้วยเจ้าค่ะ...ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง
ไม่ต้องเคร่งศาสนา เเต่ถ้าเป็นมนุษย์เเล้วมีศีลธรรมบ้าง ก็น่าจะมองออกค่ะ ว่ามันเป็นเรื่องน่าเกลียด ไร้สาระ
เเล้วคนที่เป็นอาจารย์ ก็ไม่สมควรเอามาพูดกับนักศึกษา...
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 4:07 pm
โดย Viridian
เห็นด้วยกับ ยศิยล และ Ecclēsia นะ
จากประโยคสรุปของเจ้าของกระทู้ที่ว่า...
"ทำงานตำแหน่งหน้าที่ดีๆ อายุก็เยอะแต่ไม่รู้ทำไมคิดได้แค่นี้ เพราะแบบนี้ล่ะมั้งสังคมถึงเป็นแบบนี้ผู้ใหญ่ที่มีความรู้ที่น่าจะเป็นแบบอย่างแก่เด็กๆกลับไม่เข้าใจเรื่องสาสนามองแต่เรื่องเมีย (หมกมุ่น) แบบนี้จะไม่ให้สังคมมันเสื่อมได้ยังไง มีแต่ความรู้แต่ไร้ซึ่งคุณธรรมเฮ้อ"
จะเห็นได้ว่า เอาเข้าจริง งานนี้ ศาสนาเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องเท่านั้น
Main Idea มันอยู่ที่ทัศนคติของผู้พูดมากกว่านะ ที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นหรือนางบำเรอ
ดังนั้น มันจึงไม่เกี่ยวกับที่ว่าผู้พูดเคร่งศาสนาหรือไม่แต่อย่างใด
ต่อให้คนที่ไม่มีศาสนา ถ้าเขาไม่มีจิตใจอกุศล เขาก็คงไม่พูดออกมาแบบนี้หรอก
เชื่อเถอะว่า ถ้าเป็นคุณ bb_z เอง คุณ bb_z ก็คงไม่มาพูดแบบนี้หรอก ใช่ไหมล่ะคะ

Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 4:41 pm
โดย Immanuel (MichaelPaul)
bb_z เขียน:
ถึงโลกจะมีแต่เรื่องทุกข์ แต่อยากมองให้มันสนุก
จากที่อ่านมา ผมว่าอาจารย์แกไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนานะครับ เลยพูดแบบนี้ออกมา สำหรับคนที่เคร่งในศาสนา ฟังแล้วจะรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
"อย่างน้อยก็น่าภูมิใจว่าศาลศาสนจักรเป็นที่มาของศาลระบบไต่สวน" อาจารย์บางท่านก็ดีพูดแต่ในเนื้อหา แตะนิดหน่อย บางท่านก็เลยเถิดชอบกัด จิก ความเชื่อสมัยนั้นเช่น โลกแบน (เกือบทุกวิชาอ่ะ)
ศาสนจักรเป็นที่มาของศาลระบบไต่สวน น่าภูมิใจครับ แต่ผมว่าศาสนจักรถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ฝ่ายเดียวรึป่าวครับ เช่นตัวเองเชื่อว่าโลกแบน พอมีคนแย้งว่าโลกกลม ก็จะประหารชีวิต หรือไม่คนนั้นก็จะโดนคว้ำบาตรจากคนในสังคม ปัจจุบันเมือคนรู้แล้วว่าโลกกลม มันก็น่ากัดไหมละครับ
เป็นอะไรมากไหมคุณ มันก็เป็นเรื่องของความผิดพลาดของบุคคลในสมัยก่อน ทีมีอำนาจแล้วพลาดพลั้งไป ผมเข้าใจแระว่าทำฝรั่งถึงเจริญกว่าไทย เพราะว่าเค้ารู้จักที่จะมองหาแต่จุดดี แต่คนไทยส่วนใหญ่(อย่างคุณ) มักจะมองหาข้อเสีย
Re: มันน่าขำตรงไหน - -"
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2008 5:00 pm
โดย :+: seraphim :+:

เข้าข่ายสำเนียงส่อภาษา ภาษาที่พูดออกมาส่อความคิดเง่าๆ ของอาจารย์ เหอๆๆๆๆ