หน้า 1 จากทั้งหมด 1

การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 03, 2007 5:06 pm
โดย syaorankun02
ผมอยากรู้นะครับบอกละเอียดหน่อยนะครับ อิอิ :grin: :grin: :grin: :grin:

Re: การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 03, 2007 5:13 pm
โดย servus_dei
ศาสนาเป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมานะครับ
แต่การกลับมาหาพระเจ้าคือการกลับมาหาความจริง
นะครับ กลับมาหาพระผู้สร้างที่แท้จริงที่สร้างเรามาครับ

Re: การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 03, 2007 9:00 pm
โดย Dis volentibus
เเล้วเเต่ความเชื่อทางศาสนาของเเต่ละบุคคลค่ะ ::010::
เช่น
ถ้าคุณถามชาวพุทธเพราะคุณจะเปลี่ยนไปนับถือพุทธ
พวกเขาก็คงพูดว่า ไม่บาป
ถ้าคุณถามชาวคริสต์เพราะคุณจะเปลี่ยนมานับถือคริสต์
พวกเราก็คงต้องพูดว่า ไม่บาป อีกเหมือนกัน(ใครจะไปตอบว่าบาป..จริงไหม? :grin:)

เเต่ สำหรับเรา ชาวคริสต์ ถ้าหากคุณกำลังจะย้ายไปศาสนาอื่น
เราก็จะไม่พูดว่า คุณทำบาป เเต่จะถามว่า
ทำไมคุณถึงละทิ้งพระบิดาได้? ในเมื่อพระองค์รักคุณมากขนาดยอมพลีพระชนม์เพื่อคุณ?

เท่านั้นเเหล่ะค่ะ :angel:



ป.ล. เเห่ะๆ ประเด็นคือ ไม่เเน่ใจว่าเจ้าของกระทู้จะย้ายมาหรือย้ายไปน่ะเจ้าค่ะ ::010::เลยเหมาเอา2คำตอบเลย

Re: การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 03, 2007 9:38 pm
โดย Joseph
พี่คิดว่าอย่างนี้นะ กฎที่ว่า อย่างฆ่าคน อย่างขโมย ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร ทำไม่พระเจ้าต้องตั้ง ก็เพื่อมนุษยจะได้อยู่ด้วยกันโดยสันติ การทำตามกฎก็ไม่บาป การไม่ทำตามกฎก็บาป แค่กฎแค่นี้จะทำให้มนุษย์ไปสวรรค์หรือลงนรกหรือ แต่เหนือกว่ากฎพวกนี้คือการเชื่อพระเจ้า

หลายสำนักก็บอกว่าอยากให้ชีวิตมีความสุชพ้นทุกข์ก็ต้องทิ้งโลก อยู่กับความว่างเปล่า ความไม่มี การสันโดษ ก็มีนักคิด นักปรัชญาแสวงหากันไป ถึงการสุขและพ้นทุกข์ การออกจากตัวเอง ปรัชญาหลายอย่างที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้น แต่ว่าเขาไม่รู้จักพระเจ้า

แต่การรู้จักพระเจ้า เราได้ความรอดที่พระองค์ประทานให้ มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระองค์ มีพระองค์เป็นเพื่อน และมีความสุขที่ใกล้ชิดพระองค์ พ้นทุกข์เพราะว่าเราเชื่อและวางใจในพระองค์ เอาปัญหาทั้งหมดที่เรามีฝากไว้กับพระองค์ พระเจ้าเข้ามาหามนุษย์หลายครั้งบอกว่า จงเชื่อและวางใจในเรา  ชีวิตคริสตชนจึงมีความสุขเมื่อเราได้มอบชีวิตฝากไว้กับพระ

ทางไปสวรรค์ที่เคยดูเหมือนยากแต่กลับง่าย ความรอดที่มนุษย์บอกรอดยากนักเกินก็ง่ายขึ้นถ้าเราแสวงหาและเดินตามพระองค์ การติดตามพระองค์ไม่มีอะไรยากแต่จิตใจที่เชื่อ สนิทกับพระองค์และวางใจพระ แต่ในพระคัมภีร์ก็มีบากกลุ่มที่พยายามจะทำให้มันยุ้งยากขึ้นด้วยการตั้งกฎอะไรต่อมิอะไรขึ้นมา เพื่อให้ตัวเองดูดีเพราะทำตามกฎนี้ได้ส่วนคนที่ทำตามกฎนี้ไม่ได้ไม่รอด แม้แต่กฏเล็กๆ น้อยๆ เช่นล้างมือก่อนกินข้าวไม่ล้างมือก่อนกินข้าวเป็นบาป ที่จริงกฏพระเจ้าตั้งขึ้นเพื่อมนุษย์ไม่ใช่ตั้งขึ้นเพื่อพระองค์เอง ที่ตั้งเพื่อให้มนุษย์ไม่ทำร้ายกันและอยู่กันอย่างสันติสุข แต่มนุษย์ยังไปตั้งกฏที่มันไรสาระมากขึ้นทำให้ตังเองเข้าหาพระเจ้ายากขึ้นอีก แล้วคนที่ตั้งกฎนี้ก็คือพวกฟาร์ริสี

Re: การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 04, 2007 4:14 am
โดย ~@Little lamb@~
ถ้าเปลี่ยนจากอย่างอื่นมาเป็นคริสต์ ไม่ทราบค่ะ  แล้วแต่ศาสนานั้น ๆ

แต่ถ้าจากคริสต์ไปเป้นอย่างอื่น..มันไม่ใช่เรื่องบาป
เพราะจริงๆ แล้ว การเป็นคริสต์ คือ เมื่อเป็นแล้ว  ลบล้างไม่ได้
คือเป็นแล้วก็เป็นเลย  ต่อให้คุณทิ้งพระเจ้า  ไปกราบไหว้อย่างอื่นแทน  ความเป็นคริสต์ของคุณก็ยังคงอยู่
ดังนั้น  ไม่ใช่ว่าแต่งแล้วหย่า  แล้วไปจดทะเบียนกับคนใหม่

แต่มันคือการปฏิเสธพระเจ้า  เมื่อเขาตายไป
เขาจะเข้าบ้านของคนที่เขาปฏิเสธหรือละทิ้งไปเองได้หรือเปล่า
ถ้าเขาคิดว่าเมื่อตายไปแล้ว  มีบ้านอื่นให้เขาอยู่  ไม่ใช่บ้านของพระบิดา  ไม่ใช่บ้านพ่อเรา
ก็ไปหาบ้านอื่นที่เขาต้อนรับเขาเถอะค่ะ

แต่สำหรับเราชาวคริสต์  เราจะกลับบ้านพระบิดาเท่านั้น
เราจะอยุ่กับพ่อของเราเท่านั้น

Re: การเปลี่ยนศาสนานี้บาปปะครับ ช่วยบอกทีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 04, 2007 11:59 pm
โดย Joseph
การที่เราเลือกพระเจ้าแล้ว แล้วไปบูชาพระอื่น พระคัมภีร์เรียกว่าเป็นการเล่นชู้ เมื่อเรารับศีลล้างบาปแล้วเราก็คือเจ้าสาวของพระเยซูคริสต์ เป็นกายเดียวกับพระองค์ ดังนั้นภรรยาต้องพึ่งพาและเชื่อฟังสามีซึ่งเป็นศีรษะ แต่ถ้าเราไม่เชื่อฟัง หรือไม่ไว้ใจสามีของเรา เพราะเห็นว่าพระอื่นจะช่วยเราได้ หรือชายอื่นที่ดีกว่าสามีของเรา พระเจ้ามักเปรียบถึงหญิงที่มีชู้

"เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับชาวเมืองนั้นและเมื่อเขาเล่นชู้กับพระของเขาและถวายสัตวบูชาแก่รูปเคารพนั้นเขาจะเชิญพวกเจ้าไปร่วมด้วยและพวกเจ้าจะไปกินของที่เขาถวายบูชานั้น" อพยพ 34:15   

"เกรงว่าเจ้าจะรับบุตรหญิงของเขามาเป็นภรรยาบุตรชายของเจ้าและบุตรหญิงของเขานั้นจะไปเล่นชู้กับพระของเขาและชักชวนให้บุตรชายของเจ้าไปเล่นชู้กับพระนั้นด้วย" อพยพ 34:16 (หมายถึงแต่งงานกับคนต่างศาสนาก็ต้องระวังเพราะอาจถูกภรรยาหรือสามีจุงให้ไปบูชาพระของเขา)

และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า"ดูเถิดตัวเจ้าจวนจะต้องหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้วและชนชาตินี้จะลุกขึ้นและเล่นชู้กับพระแปลกๆของแผ่นดินนี้ในที่ที่เขาไปอยู่ท่ามกลางนั้นเขาทั้งหลายจะทอดทิ้งเราเสียและหักพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำไว้กับเขา" 
เฉลยธรรมบัญญัติ 31:16   

"แต่เขาทั้งหลายก็ยังไม่เชื่อฟังผู้วินิจฉัยทั้งหลายของเขาเพราะเขาทั้งหลายเล่นชู้กับพระอื่นและกราบไหว้พระอื่นไม่ช้าเขาก็หันไปเสียจากทางซึ่งบรรพบุรุษของเขาได้ดำเนินผู้ได้เชื่อฟังพระธรรมบัญญัติของพระเจ้าแต่เขาทั้งหลายมิได้กระทำตาม"   ผู้วินิจฉัย 2:17

"กิเดโอนก็เอาทองคำนี้ทำเป็นรูปเอโฟดเก็บไว้ที่เมืองของท่านคือโอฟราห์และบรรดาคนอิสราเอลก็เล่นชู้กับรูปนี้กระทำให้เป็นบ่วงดักกิเดโอนและพงศ์พันธุ์ของท่าน" ผู้วินิจฉัย 8:33

"แต่เขาทั้งหลายละเมิดต่อพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขาและเล่นชู้กับบรรดาพระของชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินนั้นผู้ซึ่งพระเจ้าทรงทำลายเสียต่อหน้าเขาทั้งหลาย"  1 พงศาวดาร 5:25

เมื่อสิ้นเจ็ดสิบปีพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนเมืองไทระและเมืองนั้นจะกลับไปรับจ้างใหม่และจะเล่นชู้กับบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นบนพื้นโลก อิสยาห์ 23:17

"หัวถนนทุกแห่งเจ้าสร้างที่สูงของเจ้าและเอาความงามของเจ้ามาทำลามกอ้าขาของเจ้าให้ผู้ที่ผ่านไปมาไม่ว่าใครและทวีการเล่นชู้ของเจ้า" เอเสเคียล 16:25 (หมายถึงคนบูชาทุดศาสนาไม่เลือกศาสนาไหนว่าดีรับหมด)

"เจ้าอย่าเล่นชู้กับคนอียิปต์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่มักมากของเจ้าทวีการเล่นชู้ของเจ้าเพื่อกระทำให้เรากริ้ว" เอเสเคียล 16:26 (หมายถึงชนชาติอิสราเอลไปบูชาพระอียิปต์)

"และมอบเจ้าไว้ในมือชู้ของเจ้าเขาจะทำลายห้องหลังคาโค้งของเจ้าลงและทำลายสถานที่สูงของเจ้าเขาจะปลดเอาเสื้อผ้าของเจ้าและเอาเครื่องรูปพรรณอันงามของเจ้าไปเสียปล่อยให้เจ้าเปลือยเปล่าและล่อนจ้อน" เอเสเคียล 16:39 (พระเจ้าจะมอบเราไว้ในซาตานหรือพระที่เราบูชาและเขาเอาสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้ไปเสีย)

"โออิสราเอลเอ๋ยอย่าเปรมปรีดิ์ไปอย่าเปรมปรีดิ์อย่างชนชาติทั้งหลายเลยเพราะเจ้าทั้งหลายเล่นชู้นอกใจพระเจ้าของเจ้าเจ้าทั้งหลายรักค่าสินจ้างของหญิงแพศยาตามบรรดาลานนวดข้าว" โฮเชยา 9:1