เล็กๆ บางทีก็ดีกว่า ใหญ่ ๆนะ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 25, 2007 2:26 pm
วันนี้มีโอกาสเปิดดูบอร์ดไปเรื่อยๆก็ไปเจอกระทู้ ที่ชื่อว่า ความประทับใจในการไปโบส ต่างๆ ผมก็มีนะแต่ไม่รู้ว่าประทับใจมั้ย
เมื่อประมาณปี 2528 (ตอนที่เริ่มจำความได้แล้ว) ผมไปวัดวัดนึงจริงๆแล้วไปมาตั้งแต่เกิดแล้ว เพราะรับศิลล้างบาปที่นั่นแหละ วัดน้อยๆที่ผมเคยไปชื่อว่าวัดน้อยรังสิต จริงๆแล้วเมื่อก่อนผมก็ไม่เห็นว่าที่นี่เป็นวัดหรอกนะเพราะเค้าใช้บ้านเก่าๆมาทำเป้นวัด ชั่นล่างเอาไว้แก้บาป ชั้นบนเอาไว้ทำพิธี เนื่อที่เล็กนิดเดียวเอง แต่จุคนมากๆเลย เพราะทุกคนที่ไปที่นั่นใจกว้างมากๆ ใครไปก่อนก้นั่งข้างใน แล้วก็ต่อแถวกันไปเรื่อยๆ บางคนก็นั่งพื้น มีที่นิดเดียวก็แบ่งให้คนที่มาใหม่นั่งได้ อบอุ่นดี ตอนกลับบ้าน ใครมีรถมาก็จะชวนคนไม่มีรถขึ้นไปด้วย ไปส่งที่ๆใกล้ที่สุดที่เขาผ่าน ตอนนั้นเราเป้นเหมือนครอบครัวเลย ทุกคนรู้จักกันหมด มีอะไรก็แบ่งกัน ผมไม่เคยคิดว่าที่นั่นเป็นวัด ผมมักบอกกับใครๆเสมอว่าเราจะไปบ้านพระเจ้า ผมรักที่นั่นมาก
ตอนนี้วัดน้อยๆวัดนั้นเติบโตมาเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ชื่อ วัดพระชนณีของพระเป็นเจ้า(ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ) เป็นวัดขนาดใหญ่ ใหญ่จนผมกลัว วัดขนาดใหญ่ขึ้นแต่แปลกที่จุคนได้น้อยกว่าเดิม ผมหมายถึงถ้าเทียบขนาดกับเมื่อก่อนนะ ผมไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว พอผมได้มีโอกาสไปครั้งนี้ มันไม่อบอุ่นอีกแล้ว แต่ละคนที่ไปวัดก็ต่างคนต่างไป ใครอยากนั่งตรงใหนก็นั่ง วัดต้องใช้เก้าอี้เสริมทั้งๆที่ที่นั่งยังมีเหลืออยู่ เพราะมีแต่คนนั่งริมๆ นั่งใกล้พัดลม ที่ตรงกลางของแต่ละแถวจึงว่างเสมอ ที่กว้างขึ้นแต่ใจคนกลับแคบลง สังคมก้แคบลงไปด้วย คนที่จะรู้จักกันก็มีเพียงแต่คนที่ไปบ่อยๆหรือก็พวกกรรมการวัด โอกาสที่คุณพ่อจะลงมาคุยกับคนที่ไปวัดก็น้อยลง บ้านพระเจ้า และ ครอบครัวที่อบอุ่นของผมหายไปแล้ว วัดน้อยๆที่ผมรักเหลือแค่ความทรงจำ ผมคิดถึงทุกคนและคิดถึงบ้านพระเจ้าของผมมากครับ
เมื่อประมาณปี 2528 (ตอนที่เริ่มจำความได้แล้ว) ผมไปวัดวัดนึงจริงๆแล้วไปมาตั้งแต่เกิดแล้ว เพราะรับศิลล้างบาปที่นั่นแหละ วัดน้อยๆที่ผมเคยไปชื่อว่าวัดน้อยรังสิต จริงๆแล้วเมื่อก่อนผมก็ไม่เห็นว่าที่นี่เป็นวัดหรอกนะเพราะเค้าใช้บ้านเก่าๆมาทำเป้นวัด ชั่นล่างเอาไว้แก้บาป ชั้นบนเอาไว้ทำพิธี เนื่อที่เล็กนิดเดียวเอง แต่จุคนมากๆเลย เพราะทุกคนที่ไปที่นั่นใจกว้างมากๆ ใครไปก่อนก้นั่งข้างใน แล้วก็ต่อแถวกันไปเรื่อยๆ บางคนก็นั่งพื้น มีที่นิดเดียวก็แบ่งให้คนที่มาใหม่นั่งได้ อบอุ่นดี ตอนกลับบ้าน ใครมีรถมาก็จะชวนคนไม่มีรถขึ้นไปด้วย ไปส่งที่ๆใกล้ที่สุดที่เขาผ่าน ตอนนั้นเราเป้นเหมือนครอบครัวเลย ทุกคนรู้จักกันหมด มีอะไรก็แบ่งกัน ผมไม่เคยคิดว่าที่นั่นเป็นวัด ผมมักบอกกับใครๆเสมอว่าเราจะไปบ้านพระเจ้า ผมรักที่นั่นมาก
ตอนนี้วัดน้อยๆวัดนั้นเติบโตมาเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ชื่อ วัดพระชนณีของพระเป็นเจ้า(ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ) เป็นวัดขนาดใหญ่ ใหญ่จนผมกลัว วัดขนาดใหญ่ขึ้นแต่แปลกที่จุคนได้น้อยกว่าเดิม ผมหมายถึงถ้าเทียบขนาดกับเมื่อก่อนนะ ผมไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว พอผมได้มีโอกาสไปครั้งนี้ มันไม่อบอุ่นอีกแล้ว แต่ละคนที่ไปวัดก็ต่างคนต่างไป ใครอยากนั่งตรงใหนก็นั่ง วัดต้องใช้เก้าอี้เสริมทั้งๆที่ที่นั่งยังมีเหลืออยู่ เพราะมีแต่คนนั่งริมๆ นั่งใกล้พัดลม ที่ตรงกลางของแต่ละแถวจึงว่างเสมอ ที่กว้างขึ้นแต่ใจคนกลับแคบลง สังคมก้แคบลงไปด้วย คนที่จะรู้จักกันก็มีเพียงแต่คนที่ไปบ่อยๆหรือก็พวกกรรมการวัด โอกาสที่คุณพ่อจะลงมาคุยกับคนที่ไปวัดก็น้อยลง บ้านพระเจ้า และ ครอบครัวที่อบอุ่นของผมหายไปแล้ว วัดน้อยๆที่ผมรักเหลือแค่ความทรงจำ ผมคิดถึงทุกคนและคิดถึงบ้านพระเจ้าของผมมากครับ