Belong to the Truth Jesus Christ

ความคิดเห็นที่ 85

พวกที่บอกเกรียนแล้วดี ทำไมไม่ไปตัดเกรียนเองซะเลย
ตอนเป็นเด็กต้องมีวินัย พอโตมาไม่จำต้องมีหรือไง ?
ตอนเป็นเด็กต้องรักษาความสะอาดหัว ตอนโตมาก็ไม่ต้องรักษาความสะอาดหัวกันหรือไง ? เชื้อราในหนังหัว ไม่ได้มีแต่ในเด็กนะครับ ผู้ใหญ่ก็มี ดังนั้นคุณไปจัดการตัวเองก่อน ทำให้เด็กมันดู

ดังนั้น ถ้าคิดว่าดี ก็ทำเลยครับ ..จัดมา

จากคุณ : false - [ 2 พ.ย. 50 10:01:55 ]
ความคิดเห็นที่ 82

จริงๆเรื่องนี้ก็เถียงกันมาเป็นสิบปีตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก ผมว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆถึงรุ่นหลานก็ยังไม่จบ นั่นก็เป็นเพราะว่าสังคมเราไม่กล้าทำ Myth Buster ครับ

ผมคิดว่าเรื่องการไว้ผมเกรียนนี่อาจจะถือว่าเป็น Myth อย่างหนึ่งของเมืองไทยได้เลยทีเดียว และยังไม่เห็นว่าใครจะไปขุดว่ามันเริ่มมาจากไหน ใครเป็นคนกำหนดสักที ถ้าจะให้ผมเดาอย่างไม่มีหลักการ ผมก็คงเดาว่าเริ่มมาจากสมัยเชื่อผู้นำนั่นแหละ

ผมคิดว่านโยบายที่มีผลกระทบกับคนหมู่มากและมีคนไม่เห็นด้วย ต้องมีการตัดสินด้่วยข้อมูลหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงพอครับ น่าจะมีใครสักคนศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังสักทีนะ แนวความคิดแบบ "รู้ดีเพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน" ผมคิดว่ามันล้าสมัยไปแล้ว ตอนนี้ควรจะใช้แนวความคิดแบบ "มีข้อมูลหลักฐานอะไรที่น่าเชื่อถือ" มากกว่า

มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าใครเรียนแบบไทยแบบฝรั่ง มันอยู่แค่ว่าไม่มีใครสักคนที่ศึกษามันอย่างจริงๆจังๆเสียทีว่า นโยบายนี้มันมีผลดี ผลเสียอย่างไร ที่เห็นคุยๆกันก็ความคิด ความเชื่อ และประสบการณ์ของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งของเหล่านี้ผมให้น้ำหนักค่อนข้างน้อยเพราะถือว่ามันมีอคติได้มาก

จากคุณ : Nexus - [ 2 พ.ย. 50 08:59:49 ]

เจตนารมณ์ของประกาศของคณะปฏิวัติ ,ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒
ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕

Martin เขียน: ขอโทษครับ นี่คือบอร์ดศาสนา นี่คือบอร์ดพระเยซูคริสตเจ้า ไม่ใช่บอร์ดการเมือง ไม่ใช่บอร์ดเรียกร้องสิทธิมนุษยชน หรือแม้กระทั่งบอร์ดแนวคิดทางการเมืองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยมีรากฐานจากแนวคิดคาร์ล มาร์กซ

sasuke เขียน: สุดท้ายผมคิดว่าไม่ควรที่จะเอาลิ้งค์ของพันทิบมาลงนะครับ
เท่าที่ผมเจอ คนในพันทิบค่อนข้างที่จะคุยกันด้วยอารมณ์
และมักนำความคิดเห็นส่วนตัวมาเป็นเหตุผลมากกว่าใช้ข้อเท็จจริงครับ

NKL เขียน:

Martin เขียน: ขอโทษครับ นี่คือบอร์ดศาสนา นี่คือบอร์ดพระเยซูคริสตเจ้า ไม่ใช่บอร์ดการเมือง ไม่ใช่บอร์ดเรียกร้องสิทธิมนุษยชน หรือแม้กระทั่งบอร์ดแนวคิดทางการเมืองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยโดยมีรากฐานจากแนวคิดคาร์ล มาร์กซ

การเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้ครับ สำคัญที่ผมมาโพสเพราะต้องการเห็นความคิดเห็นของคนหลายๆแบบในเรื่องของกฏนี่ครับ

Pry-Kaew เขียน: ไหนๆพูดก็พูดแล้ว ตัดผมรองทรงสูง ต้องตัดที่ศูนย์ฝึก รด.ตรงวิภาวดีฯ จึงจะออกมาดูดีที่สุด(ความคิดเห็นส่วนบุคคคล) ตัดร้านธรรมดา ดูเหมือนนักเรียนอย่างไรก็ไม่รู้

ความคิดเห็นที่ 91 

ผมยังไม่เคยเห็นคนที่เห็นด้วยกับทรงขาว 3 ด้าน
มาตัดผมทรงนี้ซักคน

โดยเขาเหล่านั้นมักจะอ้างว่า
'ผมโตแล้ว ผมฝึกวินัยมาเพียงพอแล้ว
ผมมีความรับผิดชอบแล้ว ผมรักษาความสะอาดได้'

จากคุณ : Non Member - [ 2 พ.ย. 50 16:10:56 A:58.8.189.190 X: TicketID:134655

Gray Cat Mobster เขียน: [ไหนๆพูดก็พูดแล้ว ตัดผมรองทรงสูง ต้องตัดที่ศูนย์ฝึก รด.ตรงวิภาวดีฯ จึงจะออกมาดูดีที่สุด(ความคิดเห็นส่วนบุคคคล) ตัดร้านธรรมดา ดูเหมือนนักเรียนอย่างไรก็ไม่รู้

NKL เขียน:

sasuke เขียน: สุดท้ายผมคิดว่าไม่ควรที่จะเอาลิ้งค์ของพันทิบมาลงนะครับ
เท่าที่ผมเจอ คนในพันทิบค่อนข้างที่จะคุยกันด้วยอารมณ์
และมักนำความคิดเห็นส่วนตัวมาเป็นเหตุผลมากกว่าใช้ข้อเท็จจริงครับ

แต่เพราะเป็นที่ที่คนจำนวนมากเข้ามาถกเถียงกัน จึงเป็นอีกที่หนึ่งในการเก็บข้อมูลและความเห็นต่างๆได้เป็นจำนวนมากครับ

ไม่สามารถมองข้ามได้

Pry-Kaew เขียน: ไม่รู้ล่ะ กลับไปเมืองไทยปีหน้า จะต้องไปกินข้าวโรงอาหารศูนย์ฝึก รด.วิภาวดีให้ได้ และตัดผมทรง รด.ปีห้า ที่ร้านตัดผมในโรงอาหารให้ได้

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

fides5566
LLLLLLL



Joined: 01 Feb 2006
Posts: 393

Zelda

Last login: 00/00/00
Max lvl: 0
Online: no
Posted: Fri Nov 02, 2007 5:53 pm    Post subject:   

--------------------------------------------------------------------------------

ปัญหาคือทำไมต้องบังคับตัดทรงนี้ ... ผมจบม.ปลายมา 2 ปีผมยังไม่เข้าใจเลย
คือมันไม่ได้ดูดีดูเรียบร้อยเลย ต่างชาติเห็นมันยังอดขำไม่ได้ ทำไมไทยถึงบังคับให้นร.ตัดผมทรงแบบนี้

ต่างประเทศเขาไปถึงไหนแล้ววว มรึงยังเอาแต่ตัดทรงพระเจ้าเห่าอยู่ได้
เหมือนสมัยก่อนที่ไทยห้ามใส่เสื้อเข้าเฝ้า มันโบราณไปแล้วว๊อยยยย!!

แล้วผมละงง ทีเด็กไปแข่งโอลิมปิกดันไว้ยาวหน่อยได้ สงสัยจะอายเหมือนกัน
ถ้าปล่อยให้เด็กหัวขาวสามด้านไปโชวต่างประเทศละมั้ง?

necromancer เขียน: ถ้างั้นขอถาม จขกท. กลับ
แล้วทำไมนักเรียนไทยจึงจะต้องไว้ผมยาว

ความคิดเห็นที่ 60 

ตอนเขียนก็คิดไว้ละครับ รับรองเดี็ยวต้องมีคนมาบอกว่าบูชาฝรั่ง สำหรับผม ผมไม่สนหรอกว่าจะไทย จะฝรั่งพูด ผมสนว่าที่เค้าพูดมันมีประเด็นหรือไม่ ให้คนที่มาจากข้างนอกเค้่าวิจารณ์ บางครั้งมันสะท้อนในมุมที่ตัวเราเองดูยังไงก็ไม่เห็นครับ

เรื่องการแต่งตัวผ้าซิ่นหรือแฟชั่นผมไม่ขอพูด มันจะหลุดประเด็น ขอกลับมาที่ ทรงนักเรียนกับการศึกษาบ้านเรา

ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจและยกความเห็นของฝรั่งคนนี้มา เพราะแกเป็นนักการศึกษา สอนมหวิทยาลัยมาแล้วหลายทวีป(แกมาจากยุโรป)รวมทั้งแถวบ้านเรา(จีนและกัมพูชา)

ซึ่งความเห็นเราก็ตรงกันในหลายๆเรื่อง คือ จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกว่าจะบังคับตัดผมหรือใส่เครื่อแบบหรือเปล่า ที่สนคือ"มันสร้างระเบียบวินัยแบบที่พูดกันได้จริงหรอเปล่า" ระเบียบวินัยในสังคมไทยปัจจุบันโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่เป็นยังไง ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ (คหที่ 57 ผมเห็นคุณก็ยังตั้งกระทู้เลยว่า เด็กไทยเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด) ก็แปลว่าไอ้วิธีที่ใช้กันอยู่น่ะ(ไม่ใช่แค่เรื่องผมเท่านั้น)มันไม่ได้ผล มันไม่ได้สร้างจิตสำนึกแบบที่เราทุกคนอยากให้มันเป็น ผมว่าถึงเวลารึเปล่าที่มาดูที่วิธีการว่ามันสนองจุดประสงค์ได้แค่ไหน ดูกันที่สิ่งที่เกิดขึ้นครับ อย่าแค่พูดหลักการว่า ทำแบบนี้ๆเพื่อให้เป็นแบบนั้นๆ

ผมเคยถามเพื่อนคนนี้เรื่องเปรียบเทียบระบบการศึกษาและนักเรียนของไทยกับที่ที่เค้าเคยสอนมา เอาใกล้ๆบ่้านเราก็ได้ ยังไม่ต้องข้ามทวีป คำตอบฟังแล้วน่าคิดมาก

เธอบอกว่า ความขัดแย้งที่เธอเห็นได้ชัดที่สุดคือ ประเทศนี้เน้นเรื่องศิษย์เคารพครูและระเบียบวินัยมากกว่าทุกที่ที่เธอเคยไปอยู่มา แต่นักศึกษากลับไร้ซึ่งระเบียบและความเคารพที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ (อย่าให้บอกชื่อม.เลยนะครับ) เธอบอก เอาแค่ว่าเรื่องพื้นฐาน เข้าชั้นเรียนตรงเวลา ทำงานที่สั่งไปครบ ให่้ความสนใจเวลาอยู่ในชั้นเรียน เรื่องพวกนี้ก็คือการเคารพผู้สอน นักศึกษาไทย(ที่ต้องแต่งเครื่องแบบเพื่อสร้างวินัย)ขาดตรงนี้มาก

เธอไม่เห็นด้วยกับการแต่งเครื่องแบบในระดับอุดมศึกษา ด้วยเหตุผลว่า ถ้าโดจนอายุเท่านี้แล้ว ยังไม่มีจิตสำนึกเองเรื่องระเบีบบหรือความรับผิดชอบ มันก็สร้างไม่ทันแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเครื่องแบบหรืออะไร แต่จุดนี้ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วย(เห็นมั้ยครับ ผมไม่ได้ยกฝรั่งว่าพูดอะไรมาใช่หมด) เพราะบ้านเราส่วนนึงแต่งเครื่องแบบเพื่อแสดงความรักสถาบัน จุดนี้ผมเข้าใจ(แม้สถาบันผมจะไม่บังคับเรื่องเครื่องแบบ)

อีกเรื่องที่น่าคิดมาก(ขอเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วครับ ยาวแล้ว) เธอให้ข้อสังเกตว่า นักศึกษาจะตั้งใจทำงานต่อเมื่อ "งานที่สั่งต้องมีคะแนน" ถ้าไม่มีคะแนนต่อให้เป็นเรื่องสำคัญมีประโยชน์แค่ไหน ก็ไม่ทำ หรือทำแบบชุ่ย จุดนี้ผมฟังแล้วคิดอยู่นานมาก "มันเกิดจากอะไรนะ?" เป็นไปได้มั๊ยว่ามันเกิดจากการที่เด็กเคยชินกับการบังคับมาตลอด? เมื่อมาถึงสภาพที่ไม่มีอะไรบังคับ เด็กก็ไม่ทำ แล้วสภาพนี้แน่นอน ติดไปจนถึงเป็นผู้ใหญ่ (อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยเจอผู้ร่วมงานแบบทำแค่พอผ่าน)

สุดท้ายผมกลับมาที่เรื่องไม่เห็นด้วยกับทรงผมบังคับ ผมยังมองว่ามันเป็นการบังคับ"ที่ไม่มีเหตุผล" แทนที่เราจะสอนให้เด็กมีจิตสำนึก"คิดได้ด้วยตัวเอง"ว่าอะไรควรไม่ควร เชื่อสิครับ ถ้าเราสร้างตรงนี้ได้(ไม่ใช่จากวิธีที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้แน่นอน)กฎระเบียบแทบไม่จำเป็น เพราะเด็กจะรู้เองว่าอะไร"ควรทำ เพราะอะไร" แต่สภาพหลายๆอย่างที่เด็กต้องเจอ(เรื่องทรงผมเป็นแค่หนึ่งในนั้น)คือสภาพที่เด็กรู้ว่าอะไร"ต้องทำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร" แล้วคนก็วิจารณ์ว่า เด็กสมัยนี้ไม่มีความคิด+คิดไม่เป็น ไม่ใช่ความผิดเด็กครับ เราไม่เคยเปิดโอกาสหรือส่งเสริมให้เด็กคิดเองเลยต่างหาก เราได้แต่บังคับ แต่ไม่อธิบาย (แต่พอเริ่มพ้นวัยเด็ก จะมีความคาดหวังจากสังคมว่าต้องคิดเองได้)

มนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรครับ แค่ป้อนคำสั่งให้ทำตามก็จบ มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 48 04:01:27

แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 48 03:55:36

แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 48 03:47:47

จากคุณ : Baritone  - [ 30 ธ.ค. 48 03:44:23 ]

...ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในสังคม(ไทย)ที่มี ความกำกวมทางโลกทัศน์ อยู่สูงครับ เราต่อต้านสิ่งหนึ่งอย่างสุดโต่ง แต่เราก็สนับสนุนสิ่งหนึ่งอย่างสุดขั้วเหมือนกัน ทั้งๆที่บางทีแล้วทั้งสองสิ่งนั้นมีพื้นฐานทางความคิด หรือรากความเชื่อจากสิ่งเดียวกัน ผมว่า"majoring on minor things" ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันความลักลั่นนั้น (ขออภัยที่ไม่สามารถถอดความเป็นภาษาไทยที่กินความได้สละสลวยนะครับ) เราให้ความสนใจที่จะบังคับในจุดเล็กๆ อย่างการบังคับให้นักเรียนตัดผมเกรียนอย่างเข้มงวด แต่ละเลยที่จะจัด กิจกรรม หรือให้ความสำคัญที่จะปลูกฝังความคิดเรื่องระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อสังคม (ทุกวันนี้โรงเรียนมุ่งเน้นไปในทิศทางของการเป็นเลิศทางวิชาการมากกว่า)


...แต่ทั้งนี้ผมก็อยากจะให้มองประเด็นนี้ในทางสายกลางมากกว่านะครับ อย่างที่หลายท่านเสนอไปแล้วว่าควรเป็นทรงผมที่ดูเรียบร้อย แต่ไม่ใช่บังคับให้ตัดเกรียน และเข้มงวดถึงขนาดที่ต้องมีอาจารย์ฝ่ายปกครองไถประจานถ้าตัดผมมาไม่สั้นพอ


...อ้อ! นอกเรื่องนะครับ แล้วทราบไหมครับว่าผมทรงนักเรียนนี้ เป็นสิ่งที่เรารับมาจาก"ตะวันตก" ในยุคสมัยหนึ่ง (คล้ายๆกับการรับแนวคิดเรื่องการแต่งกายให้มิดชิดมากๆ ทั้งๆที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน จากยุควิคตอเรีย) และดำรงตนเป็นโลกทัศน์ซ้อนอยู่ในสังคมไทยที่กำกวมนี้มายาวนาน : )

NKL เขียน:

necromancer เขียน: ถ้างั้นขอถาม จขกท. กลับ
แล้วทำไมนักเรียนไทยจึงจะต้องไว้ผมยาว

ผมแค่คิดว่า กฏหัวเกรียนเหมือนมันจะล้าสมัยสำหรับตอนนี้ไปแล้วครับ ถ้าจะออกน่าจะแค่ออกว่า "สุภาพ" แค่นั้นน่าจะพอ

อีกหนึ่งปัญหาคือ พวกอ.ชอบตรวจผมกันจนไม่เป็นอันเรียน แถมยังชอบกล้อนผมนักเรียนจนแหว่งทำให้เป็นที่อับอาย(เข้าข่ายทำร้ายร่างกาย-ขืนใจไม๊?) เคยมีกรณีที่ครูกล้อนผมเด็ก แล้วตัดโดนหูขาดมาแล้ว กรณีการตรวจกันแบบนี้นี่เสียสุขภาพจิตทั้งครูและเด็ก บางครั้งอาจก่อให้เกิดอันตรายและความอับอายต่อสังคม บางทีผมว่าตัดถูกต้องแล้ว แต่แค่ตัดเกินมานิดนึง ถูกไล่ไปตัดใหม่ ค่าตัดผมก็แพง เปลืองชะมัด

เกรียนกับติ่งหูทำให้เด็กเรียบร้อย เป็นเด็กดีได้จริง เกรียนน่าจะเป็นคำที่สื่อในทางที่ดีนะครับ แต่ปัจจุบันทำไมคำว่าเกรียนกับติ่งหูถึงสื่อไปทางลบแทน

ผมว่าสมควรยกเลิกกฏขาวสามด้าน กับ ทรงติ่งหู ถ้าจะออกกฏน่าจะเอาแค่ ทรงผมที่สุภาพ น่าจะพอ แล้วก็ไม่ต้องStrictเรื่องนี้มาก เอาไปตรวจบุหรี่-ยาเสพติด น่าจะดีกว่า

necromancer เขียน:

NKL เขียน:

necromancer เขียน: ถ้างั้นขอถาม จขกท. กลับ
แล้วทำไมนักเรียนไทยจึงจะต้องไว้ผมยาว

ผมแค่คิดว่า กฏหัวเกรียนเหมือนมันจะล้าสมัยสำหรับตอนนี้ไปแล้วครับ ถ้าจะออกน่าจะแค่ออกว่า "สุภาพ" แค่นั้นน่าจะพอ

อีกหนึ่งปัญหาคือ พวกอ.ชอบตรวจผมกันจนไม่เป็นอันเรียน แถมยังชอบกล้อนผมนักเรียนจนแหว่งทำให้เป็นที่อับอาย(เข้าข่ายทำร้ายร่างกาย-ขืนใจไม๊?) เคยมีกรณีที่ครูกล้อนผมเด็ก แล้วตัดโดนหูขาดมาแล้ว กรณีการตรวจกันแบบนี้นี่เสียสุขภาพจิตทั้งครูและเด็ก บางครั้งอาจก่อให้เกิดอันตรายและความอับอายต่อสังคม บางทีผมว่าตัดถูกต้องแล้ว แต่แค่ตัดเกินมานิดนึง ถูกไล่ไปตัดใหม่ ค่าตัดผมก็แพง เปลืองชะมัด

เกรียนกับติ่งหูทำให้เด็กเรียบร้อย เป็นเด็กดีได้จริง เกรียนน่าจะเป็นคำที่สื่อในทางที่ดีนะครับ แต่ปัจจุบันทำไมคำว่าเกรียนกับติ่งหูถึงสื่อไปทางลบแทน

ผมว่าสมควรยกเลิกกฏขาวสามด้าน กับ ทรงติ่งหู ถ้าจะออกกฏน่าจะเอาแค่ ทรงผมที่สุภาพ น่าจะพอ แล้วก็ไม่ต้องStrictเรื่องนี้มาก เอาไปตรวจบุหรี่-ยาเสพติด น่าจะดีกว่า

ถ้าเด็กมันมีสมอง...รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
กะอีแค่ตัดเกรียนมาเรียนยังจะเป็นจะตาย..ยังกับบุพการีเสียชีวิต
ถ้ามันทำถูกระเบียบตามวิสัยวิญญูชน
อาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องมาตรวจหรอกครับ

ผมเกลียดอนุรักษ์นิยมนะ
แต่กฎแค่นี้ยังทำไม่ได้ กลัวไม่หล่อไม่สวย หาภรรยา สามี ในวัยเรียนไม่ได้
ชาตินี้ประเทศนี้ก็ยัง ปฏิวัติ 10 ปี ครั้งต่อไปอย่างนี้ล่ะครับ

สิทธิมี เรียกร้องหา
หน้าที่มี ไม่เคยทำ

แล้วบ่นว่าไม่พัฒนา แค่นี้ยังจะเรียกร้องให้ตัวเอง
ยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่มั่น ข้อตกลงมหาชน ไม่เคยคิด

ไม่รู้ว่ามันจะสวย จะหล่ออะไรกันนักหนา...ทั้งๆ ที่หน้าที่ตอนนั้นน่ะ ไม่ใช่หาคู่มาสมรส
และสิทธินี้ก็ไม่ใช่สิทธิที่เด็กม.ปลาย ควรได้

กฎหมาย สร้างขึ้นมาเพื่อ มหาชน ไม่ใช่เพื่อความพอใจ...

มันไม่เป็นการทำร้ายจิตใจ หรือขืนใจหรอกครับ...
เพราะมันไม่ใช่ประโยชน์มหาชน

ผมก็ยังไม่เห็นประโยชน์ของการไว้ผมยาวในเด็ก ม.ปลายอยู่ดี

แล้วถ้าคุณเอาคำว่า "สุภาพ" มาใช้

ขอนิยามคำว่า "ทรงสุภาพ" หน่อยครับ ว่าต้องยาวเท่าไหร่...อะไรยังไง
เชื่อสิ สักวันมันก็จะหาทางยาวกว่านั้นอีก เพราะมันกลัวมันหาเพศตรงข้ามมาควงไม่ได้...

ถามอีกข้อ ใช้อะไรวัดว่า "ล้าสมัย" "พัฒนา" หรือ "ไม่พัฒนา" ครับ...
สุดท้าย...อย่าเอาคำว่า "สิทธิ" และ "หน้าที่" มาล้อเล่น

ปล. รู้แค่นี้ล่ะ...เพราะส่วนตัวผมไม่เคยตัดเกรียน

ความคิดเห็นที่ 36 

ยังไงผมก็เห็นว่า  "ควรปล่อยให้นักเรียนไว้ผม แต่พองาม  งามในที่นี้คือไม่ใช่สั้นเหม่ง ทรงนักเรียน ร้อนหัวเวลาดดนแดด น้ำมันที่หัวไหลมามันใบหน้า   .......  และ ก็ไม่ควรยาวจนรุงรัง น่ารังเกียจ "

ความพอดี ทางสายกลางมีนิครับ  โลกเราไม่ต้องการคำตอบ แบบ เอา ไม่เอา ใช่ ไม่ใช้ อนุญาต ไม่อนุญาต

แต่เราต้องการ  ว่า  ถ้าเลือกแบบนี้ ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

จากคุณ : KK (KK Tay)   - [ 26 ธ.ค. 48 10:02:41 ]

melis เขียน: ในความคิดของเมลลิสนะ
เพื่อให้ดูออกได้ง่ายว่า นี่คือนักเรียนนะ แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาก็ตามเถอะ เวลาหนีเที่ยวในวันธรรมดาที่มีการเรียนการสอน หรือเที่ยวกลางคืน ฯลฯ มันก็ง่ายกว่าเด็กทั่วๆไป เพราะเด็กนักเรียนเนี้ยะ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถึงแม้ว่าคุณจะเรียนถึงระดับชั้น ม.6 อะ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณโตแล้ว เพราะขึ้นชื่อว่านักเรียน ยังไงก็ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ค่ะ  เข้าใจค่ะ เพราะเคยมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ประมาณว่า ชั้นอยู่ ม.6 แล้วนะ ทำไมถึงยังไม่ให้ไว้ล่ะ เพราะเรียนอีกแค่ปีเดียวเอง พอโตมา มองเด็กนักเรียนถึงได้เข้าใจว่ายังงี้นี่เอง
คุณเคยเห็นมั้ยค่ะ
- เด็กนักเรียนกอดจูบกันตามที่สาธารณะ
- เด็กนักเรียนมั่วสุมตามสวนสาธารณะ ป้ายรถเมล์ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
- เด็กนักเรียนเข้าโรงแรม   
                        
                               ฯลฯ
ขนาดว่าใส่ชุดนักเรียนนะนี่ เห็นแล้วเอือมระอาเลย ถ้าเป็นนักเรียนผมยาว ก็จะไม่เป็นที่สังเกต แต่เด็กผมสั้น มองยังไงๆ ก็รู้ว่าเป็นนักเรียน ค่ะ

Gray Cat Mobster เขียน: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ ... 179523.PDF

เมืองกังวล
เมืองใดไร้สิ่งอันพึงมี ย่อมเสื่อมศักดิ์ศรีไร้คุณค่า
พระมหาธีระราชเจ้าจอมปรัชญา ทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า...น่ากังวล

เมืองใดไม่มีทหาร เมืองนั้นไม่นาน...เป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้น ไม่ช้า...นับจน
เมืองใดไม่มีพานิชเลิศ เมืองนั้น ย่อมเกิดสับสน
เมืองใดไร้ศิลปะโสภณ เมืองนั้น ไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมือนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน
(บทพระราชนิพนธ์แต่จำไม่ได้แล้วว่าของท่านไหน)

necromancer เขียน: ถ้างั้นขอถาม จขกท. กลับ
แล้วทำไมนักเรียนไทยจึงจะต้องไว้ผมยาว