อัจฉริยะดนตรีจาก"โลกมืด" ''นภดล บุญลีลากุล''โจ้ เดอะเปียนิสท

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ พ.ย. 02, 2007 6:56 pm

สำหรับผู้ที่ท้อแท้ สิ้นหวังในชีวิต ถ้าได้อ่านเรื่องนี้แล้วคงจะมีแรงในการก้าวต่อไปข้างหน้ากันนะครับ

 

===========================================================

 

"คนตาบอดทุกคนไม่ได้ต้องการความสงสาร แต่ต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนและโอกาสเท่านั้น....."
.....เป็นคำพูดของหนุ่ม "นักเปียโนพิการทางสายตา" ผู้ซึ่งแม้สภาพร่างกายจะไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนคนปกติทั่วไป แต่กับความ "มุ่งมั่นตามหาฝัน" ความกระตือรือร้นของเขา.....ต้องบอกว่าเป็นเลิศ

ณ วันนี้เขาจึงกลายเป็น "นักเปียโนฝีมือดี" ที่คนในแวดวงดนตรีให้การยอมรับ และเขายังเป็นผู้ที่พิการทางสายตาคนแรกของประเทศไทยที่มีอัลบั้มเพลงบรรเลงเป็นของตน
เอง.....

"โจ้ - นพดล บุญลีลากุล"

โจ้-นพดล บุญลีลากุล ศิลปินนักเปียโนผู้พิการทางสายตาคนนี้ ปัจจุบันอายุ 23 ปี เป็นบุตรชายของ นายธนาศักดิ์ บุญลีลากุล-นางรัตนา บุญลีลากุล โดยโจ้เล่าให้ฟังถึงสาเหตุความพิการทางสายตาของเขาว่า.....

"ผมคลอดก่อนกำหนด แม่คลอดผมตอนตั้งท้องได้เพียง7 เดือน จึงทำให้คลอดออกมาตัวเล็กกว่าเด็กที่คลอดตามกำหนด ตอนคลอดออกมานั้นมีน้ำหนักตัวน้อยเพียง 1.3 กิโลกรัม หมอต้องนำเข้าตู้อบให้ออกซิเจนแรง ๆ 2 ครั้ง ซึ่งเมื่อรับออกซิเจนแรงเกินไปก็กระทบประสาทตา เป็นสาเหตุทำให้ประสาทตาเสียมาตั้งแต่เด็ก

แต่ผมก็ไม่ได้นึกโทษใครที่ทำให้ผมตาบอด เพราะถ้าหมอไม่เอาผมเข้าตู้อบ ผมอาจจะมีผลกระทบทางด้านสมอง และอาจจะไม่ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้" .....โจ้กล่าว

ในวัยเด็ก ด้วยความที่ครอบครัวของโจ้นั้นมีฐานะที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก คุณพ่อ-คุณแม่ต้องทำงานอย่างหนัก จึงต้องนำโจ้ไปฝากญาติดูแลสลับกันไป เดี๋ยวไปอยู่กับย่า เดี๋ยวอยู่กับยาย สุดแท้แต่.....

พอโจ้เริ่มโตขึ้นหน่อยพ่อแม่ก็จะสอนให้โจ้ฝึกช่วยเหลือตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ซึ่งโจ้ก็สามารถทำได้เองหมด วัยเด็กจึงเป็นการใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป
แม้ว่าเขาจะพิการทางสายตา..........

โจ้เริ่มเข้าโรงเรียนสอนคนพิการตาบอดกรุงเทพฯ เมื่อตอนอายุได้ 6 ขวบ เริ่มเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 จนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 หลังจากนั้นก็ไปเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนชิโนรส ซึ่งเป็นโรงเรียนของคนปกติ แต่ที่นี่ก็รับนักเรียนที่มีความพิการเข้าเรียนด้วย

โจ้เลือกที่จะเรียนทางด้านศิลป์ภาษา โดยเขาบอกว่า.....เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบวิชาคำนวณ

แน่นอนว่าด้วยความที่ร่างกายไม่ปกติเหมือนคนอื่น เรื่องการเรียนสำหรับโจ้จึงย่อมจะมีความลำบากไม่ใช่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความท้อแท้ให้กับโจ้.....
"การที่เราเป็นคนตาบอด ในการเรียนเราก็ต้องมีความพยายามปรับตัว ทำอะไรก็ต้องให้ว่องไว และต้องขยันเป็นสองเท่าของคนที่ปกติธรรมดา" .....โจ้กล่าว
ในการเรียนนั้นโจ้ไม่ได้ใช้ "อักษรเบรลล์" สำหรับคนตาบอด จะใช้เฉพาะในการจดเล็กเชอร์เท่านั้น โดยเวลาเรียนโจ้จะใช้วิธีการอัดเทปการสอนของอาจารย์ในห้องเรียน แล้วก็นำกลับมานั่งฟังที่บ้านอีกครั้ง

"ผมไม่เคยเสียใจที่เกิดมาตาบอด และใช้ความตาบอดตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นข้อคิดว่าเรามองไม่เห็นเหมือนคนอื่น เพราะฉะนั้นต้องมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า !!"

.....เป็นหลักคิดแบบไม่ท้อแท้ต่อชะตาชีวิตของโจ้
ส่วนความสนใจ "เปียโน" ของโจ้นั้น เริ่มฉายแววมาตั้งแต่เขาอายุแค่ 6 ขวบแล้ว โดยโจ้เล่าว่า.....

"ในตอนที่ผมได้เข้าไปเรียนที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ ก็ได้ยินรุ่นพี่เค้าเล่นเปียโนกัน ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นชอบและหลงใหลในเสียงเปียโน ก็ไปแอบฟังเกือบทุกวัน แต่ไม่กล้าที่จะขอเข้าไปเล่น"

แอบฟังรุ่นพี่เล่นเปียโนอยู่ 1 ปี พออายุได้ 7 ขวบ ก็เลยตัดสินใจบอกแม่ว่า "อยากเรียนเปียโน" คุณแม่จึงไปฝากกับอาจารย์ที่อยู่ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดให้ช่วยสอน และก็ได้เรียนเปียโนสมใจ

เบื้องต้นอาจารย์จะให้โจ้นั้นฝึกฟังเสียงก่อน โดยอาจารย์บอกกับเขาว่า..... จะต้องฝึกฟังจนเกิด "ดุริยปฏิภาณ" หรือแตกฉานในเรื่องของการฟังเสียง ฝึกจนเมื่อฟังเสียงก็จะสามารถแยกได้ว่า คอร์ดอะไร บันไดเสียงอะไร.....

ส่วนเรื่องของการจำโน้ตเปียโน หลายคนคงจะสงสัยว่าคนตาบอดนั้นจะจำอย่างไร ? กับเรื่องนี้โจ้บอกว่า..... เขามีเทคนิคในการจำว่าโน้ตแต่ละตัวอยู่ตรงไหน ด้วยการจับว่าเปียโนหลังนั้นเป็นอย่างไร ถ้ามีกุญแจจะนั่งให้หัวเข็มขัดตรงกับกุญแจ โน้ตตรงกลางตัว คือซีกลาง ถ้าเปียโนไม่มีกุญแจ จะใช้วิธีนับคีย์จากด้านซ้ายมา24 คีย์

"และถ้าเราสามารถฝึกการฟังจนแตกฉานจริง ๆ แล้ว ก็จะสามารถฟังจากเสียงได้เลยว่าโน้ตอยู่ตรงไหน" .....โจ้กล่าว

เมื่อโจ้ได้เรียนเปียโนอย่างที่ใจตัวเองชอบอย่างเป็นจริงเป็นจัง เขาก็ได้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมมาก มีเวลาว่างเมื่อไหร่เป็นต้องซ้อม หลังกินข้าวเที่ยง หลังเลิกเรียน เวลาที่เพื่อน ๆ เขาหยุดพักกินขนมกัน โจ้ก็ยังไปฝึกหัดอยู่คนเดียว ซึ่งเรื่องเวลา สำหรับโจ้แล้ว.....เขาบอกว่า....."เวลาว่างแม้แค่ 5 นาทีก็มีค่า....."
กับประเด็นที่ว่า.....คนที่มีสายตาพิการมักจะมีความสามารถในการได้ยินดีกว่าคนตาดี ตรงนี้โจ้บอกว่า.....

"การที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าพวกผมนั้นมองไม่เห็น จึงจำเป็นต้องฝึกฟังเสียงเอา อย่างในการเล่นเปียโนนั้นคนตาดีจะใช้การดูโน้ตในการเล่น โดยที่ไม่นิยมใช้วิธีการฟัง แต่สำหรับพวกผมจะใช้การฟังเสียง ซึ่งโน้ตอักษรเบรลล์ก็มีแต่พวกผมจะไม่ค่อยสนใจ เพราะอย่างนั้นผมจึงมีประสาทหูในการฟังที่ดีกว่าคนตาดี"
"แต่ถึงอย่างไรในการเรียนดนตรีนั้น ก็มีหลักสำคัญอยู่ 6 หลักคือ ฟัง-เล่น-อ่าน-เขียน-คิด-ท่อง ถ้าเราสามารถปรับหลักทั้ง 6 หลักให้เสมอกัน ก็จะสามารถเล่นดนตรีได้ดี"

และในการฝึกหัดเล่นเปียโนของโจ้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันง่าย ๆ เขาเผยถึง "ข้อคิด" เพื่อที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จว่า..... "เราต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่มีอะไรที่เราจะได้มาง่าย ๆ....."

โจ้เริ่มเรียนเปียโนด้วย แนวเพลงคลาสสิก อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า.....
"มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ฟังเพลงแนวป๊อป แล้วสามารถฟังออกว่าเขาใช้คอร์ดไหนบ้าง กลับมาแกะตามได้ก็ดีใจมาก และก็เริ่มที่จะศึกษาแนวเพลงป๊อปกับรุ่นพี่ แต่แนวเพลงที่ชอบและหลงใหลมากเป็นพิเศษจริง ๆ ก็คือแนวแจซซ์ ซึ่งที่ชอบเพราะแนวเพลงแจซซ์นั้นมันมีเสน่ห์ในตัว"

โจ้ยังบอกอีกว่า..... ที่จริงเขาเริ่มสนใจแนวเพลงแจซซ์มาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 แล้ว สนใจจากการที่ได้ยินบทเพลง พระราชนิพนธ์ เริ่มสนใจที่จะศึกษา โดยการอัดเพลงเหล่านี้ ไว้ฟัง และก็แกะโน้ตเอง

เมื่อเริ่มที่จะสนใจแนวเพลงแจซซ์ โจ้ก็ต้องการที่จะศึกษาทางด้านแจซซ์อย่างจริงจัง หลังจากจบ ม.6 ที่โรงเรียนชิโนรส ก็มีความต้องการที่จะเข้าไปเรียนทางด้านแจซซ์ต่อที่มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้พี่ชื่อ "แนน" ที่เป็นครูสอนภาษาอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาพยายามช่วยสานฝัน
.... .

"พี่แนนเป็นคนที่สอนในเรื่องของภาษา แล้วยังให้คนมาสอนในเรื่องของเพลงแจซซ์ เพื่อมุ่งหวังที่จะให้ผมสามารถสอบเข้าไปเรียนที่มหิดลได้ แต่แล้วผมก็ต้องหยุดความคิดที่จะเข้าเรียนที่มหิดล เพราะผมกลับมาคิดแล้วว่าคงจะสู้ไม่ไหวในเรื่องของค่าเล่าเรียน" .....โจ้กล่าวเสียงเศร้า ๆ

อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฝีมือเปียโนของตนเองไปในแนวเพลงแจซซ์ ก็มิได้ลดน้อยลง และเมื่อโจ้ได้ยินมาว่าทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จะมีการทดลองเปิดหลักสูตรเพลงแจซซ์ เขาจึงพยายามที่จะเข้าเรียนต่อที่นี่ โดยสอบระบบโควตา ซึ่งต้องเตรียมตัวเองหนัก ต้องซ้อมเพิ่มอย่างหนัก และที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ

และระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่นี่ "ฝันที่เป็นจริง" ของโจ้ก็ก้าวไกลไปอีกขั้น เขามีโอกาสออกอัลบั้มเพลงบรรเลงของตนเอง ด้วยการช่วยเหลือชักนำของศิลปินเพลง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ด้วยการให้โอกาสของค่ายยักษ์อาร์เอส.ฯ โดย "โจ้ เดอะ เพียนิสท์ บาย เดย์" คือชุดแรก และตามด้วยชุด 2 "โจ้ เดอะ เพียนิสท์ บาย ไนท์"

ปัจจุบันโจ้กำลังเรียนอยู่ปี 3 และก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือเปียโนของตนเองต่อไป...

"ผมอยากเล่นเปียโนกับนักดนตรีแจซซ์ระดับโลก อยากเป็นนักเปียโนแจซซ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผมรู้ว่ามันยาก แต่ถ้าผมขยันซ้อม และได้รับโอกาส ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้..."

.....นี่คือ "ปลายฝัน" ของ "โจ้ - นพดล บุญลีลากุล"
เขารู้ดีว่ามัน "ยากยิ่ง" แม้แต่กับคนสายตาปกติ
แต่เขาก็ไม่หยุดฝัน...และยังมุ่งมั่นตามฝัน...

ฉายา
Marie Antoinette
โพสต์: 626
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
ที่อยู่: bkk

ศุกร์ พ.ย. 02, 2007 8:37 pm

คนเนียะ เขาเก่งนะ มีความสามารถดี เคยฟังด้วล่ะ ตอนที่เอาเพลงเก่าของ อาร์เอส มาทำเป็นเพลงบรรเลงอะ เพราะมากกกก
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ พ.ย. 03, 2007 1:09 am

ขอบคุณที่แบ่งปันนะครับ : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
~KaThaRoS~
โพสต์: 792
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
ที่อยู่: Bkk
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ย. 03, 2007 1:35 pm

เคยเรียนดนตรีกะพี่โจ้
แบบว่าเอียร์สุดยอดมากก
นุ๋ร้องเพี๊ยนแค่ติดแฟลตพี่โจ้บอกได้ว่าร้องติดแฟลตคีย์อะไร...หูระดับเทพ!!!
เล่นเปียโนก็โคตรเก่งเลย ฟังครั้งเดียวสามารถแกะเพลงได้ทั้งเพลง

พี่โจ้จบมาจาก เอกดนตรีสากล ศิลปกรรม มศว. แบบว่าาเก่งโคตรจิงๆ ยอมรับเลย
(ปกติจะชมพี่โต๋ออกนอกหน้า วันนี้ขอชมพี่โจ้ผู้น่ารักซักวัน  : emo045 :)

เป็นพระพรของพระเจ้าล้วนๆ พระสอนใจเราให้เรามองดูชีวิตของเค้า ไม่ให้เราสิ้นหวัง ให้เรามีความพยายาม
และนำศักยภาพที่พระให้เรามาใช้ให้มากที่สุดและเกิดประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มากที่สุด...
รี่มองพี่เค้าทำให้รี่มีความพยายามมากๆ ขนาดพี่เค้าตาบอดยังเล่นเปียโนเก่งขนาดนี้เลย
ส่วนเราตาดีๆทำไมถึงอ่านโน้ตเพี๊ยนวะ...น่าคิด.. : xemo016 : : emo036 :
lend
โพสต์: 32
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 24, 2007 10:15 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 15, 2007 11:03 pm

ขอบคุณนะครับ :wink: ทำให้ผมได้อะไรดีๆไปเยอะเลย ได้คิดอะไรอีกเยอะทีเดียว และได้ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งถ้าเราอยู่กับ พระผู้เป็นเจ้า
ตอบกลับโพส