หลายเดือนก่อนข้าพเจ้าเจอ...
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 11:26 am
...ชายต่างชาติ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะต่อรถกลับบ้าน โดยยืนเงอะๆงะๆอยู่แถวๆอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีชายร่างเล็กคนหนึ่งกระวีกระวาดปรี่มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตกใจ แต่ก็กุมสติไว้ให้มั่น พวกบอกว่าขอให้ช่วยหน่อย อ้อ...ขอความช่วยเหลือนี่เอง ข้าพเจ้าจึงสแกนก่อนว่าเป็นคนชาติไหน เผื่อจะได้สวิตช์สลับภาษงภาษาจูนให้ถูกต้องตรงกัน
พวกตอบว่ามาจาก "อิสราเอล"
โอ้วววววว...ววว.....ววว..วว อิสราเอล ดินแดนแห่งพันธสัญญา จากบทภาวนาวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงบทภาวนาเพื่อมวลชน บาทหลวงจะนำภาวนาเพื่อคนนั้นคนนี้มากมาย แต่ที่ขาดไม่ได้ คือภาวนาเพื่อชาวยิว โดยมีข้อความตอนหนึ่ง สวดว่า "พระเจ้าทรงเลือกพวกเขาเป็นพวกแรก" โอ้ ข้าพเจ้าได้เจอลูกหลานของประชากรศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการทรงเลือกเป็นพวกแรก ลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ข้าพเจ้าตื่นเต้นมาก พอมองไปที่บนศีรษะของพวก (เพราะข้าพเจ้าตัวสูงกว่า) เห็นหมวกที่ผู้ชายชาวยิวจะใส่บนศีรษะ ใช่เลย ชาวยิว โอ้วววว ประเสริฐมาก
พวกต้องการให้ข้าพเจ้าช่วยเรียกรถแท็กซี่ เพราะพวกจะไปขึ้นรถบขส.เพื่อไปเที่ยวทางใต้ โดยจะขึ้นรถที่สายใต้ใหม่ และพวกต้องการไปให้ทันขึ้นรถตอนหนึ่งทุ่ม (ตอนที่เจอกันก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว) โธ่ถังกะลังมังบุบ ช่วงเวลาเร่งด่วน rush hour อย่างนี้ จะไปทันได้ง่ายๆสักที่ไหน พวกเรียกรถมาหลายคัน ก็ไม่มีใครไป โอ๊ยยยย แล้วใครจะปายยยยยยยยย รถติดอย่างนั้น ไปส่งแล้วกำรี้กำไรจะมาจากหนายยยยย บางคันเรียกได้ ก็ดันไปต่อราคากับเขาอีก แพงไปก็ไม่เอา เวลาฉุกละหุก กระชั้นชิดอย่างนี้ มันจะไปเลือกมากเรื่องมากได้ซะที่ไหนล่ะ ข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเป็นลูกหลานของประชากรที่ได้รับเลือกสรร เอาฟะ ช่วยเป็นช่วย ก็เลยบอกให้พวกใจเย็นๆไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวข้าพเจ้าจะช่วยเรียกรถให้นะ แต่พวกก็ดั๊นใจร้อน ยังคงดื้อและดึงดัน พยายามเรียกรถแท็กซี่ด้วยตนเองต่อไป (แล้วมาเรียกตูให้ไปช่วยทำแมวอะไรเนี่ย) สุดท้ายพวกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ข้าพเจ้าพยายามชะเง้อหา ก็ไม่เห็น ตัวดันเล็กอีกแน่ะ ยิ่งมองหายาก หรือมี"รถม้าเพลิง"มารับไปแบบประกาศกเอลียาห์แล้วเนี่ย ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ห่วงดอก แต่ถ้าไม่ใช่"รถม้า" แต่เป็น"รถเมล์"มาซิว"โครม"ไปตอนที่พวกกำลังก้มหน้าก้มตาโบกเรียกแท็กซี่ (โดยลืมดูรถดูราว่าขับซ้ายป่ายขวาอย่างไร) เนี่ยสิ จะทำยังง้ายยยยยยยยยยยยย
สุดท้าย พวกเรียกแท็กซี่ได้โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้ช่วยเหลืออะไรในระยะที่ห่างจากตัวข้าพเจ้าไปเพียงชั่วกลิ่นตดใกล้จะจาง และพวกก็ให้แท็กซี่ขับมาจอดตรงที่ข้าพเจ้ายืนอยู่แล้วตะโกนให้ข้าพเจ้าเข้าไปยืนยัน คอนเฟิร์มกับโชเฟอร์ คนขับว่า พวกจะไปที่ไหน ต้องขึ้นรถตอนกี่โมง อีตาโชเฟอร์แท็กซี่ก็รับมุข เอาฟะ ไปส่งให้อีกแน่ะ แต่จะขึ้นทางด่วน ก็โอเค พวกยอม แล้วแท็กซี่ก็ค่อยๆขับลับตาข้าพเจ้า ตอนแรกข้าพเจ้านึกว่าจะขับปรื๊ดขึ้นทางด่วนไป ที่ไหนได้ ดันไปจอดรับเพื่อนยิวของพวก แถมด้วยสัมภาระและสัมภารกอีกเป็นกระบุงโกย
ไม่รู้อีตาคนขับเห็นเป็นโชคที่ได้ผู้โดยสาร (มีรายได้) หรือคิดว่าซวยที่ต้องรับคน+ของเป็นตันอย่างนี้ (อาจทำให้รถโหลดเจ๊ง) ก็ไม่รู้ แต่ข้าพเจ้าเองคิดว่า อีตานี่กับเพื่อนที่ขึ้นรถไปด้วยกัน ดูท่าทางใจร้อนอย่างนี้ ถ้าเกิดในสมัยคริสตกาล สงสัยต้องเป็นคนเก็บภาษี ซัดดูสี หรือไม่ก็ฟาริสีอย่างใดอย่างหนึ่งแน่เลย อิ อิ

ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะต่อรถกลับบ้าน โดยยืนเงอะๆงะๆอยู่แถวๆอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีชายร่างเล็กคนหนึ่งกระวีกระวาดปรี่มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตกใจ แต่ก็กุมสติไว้ให้มั่น พวกบอกว่าขอให้ช่วยหน่อย อ้อ...ขอความช่วยเหลือนี่เอง ข้าพเจ้าจึงสแกนก่อนว่าเป็นคนชาติไหน เผื่อจะได้สวิตช์สลับภาษงภาษาจูนให้ถูกต้องตรงกัน
พวกตอบว่ามาจาก "อิสราเอล"
โอ้วววววว...ววว.....ววว..วว อิสราเอล ดินแดนแห่งพันธสัญญา จากบทภาวนาวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงบทภาวนาเพื่อมวลชน บาทหลวงจะนำภาวนาเพื่อคนนั้นคนนี้มากมาย แต่ที่ขาดไม่ได้ คือภาวนาเพื่อชาวยิว โดยมีข้อความตอนหนึ่ง สวดว่า "พระเจ้าทรงเลือกพวกเขาเป็นพวกแรก" โอ้ ข้าพเจ้าได้เจอลูกหลานของประชากรศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการทรงเลือกเป็นพวกแรก ลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ข้าพเจ้าตื่นเต้นมาก พอมองไปที่บนศีรษะของพวก (เพราะข้าพเจ้าตัวสูงกว่า) เห็นหมวกที่ผู้ชายชาวยิวจะใส่บนศีรษะ ใช่เลย ชาวยิว โอ้วววว ประเสริฐมาก
พวกต้องการให้ข้าพเจ้าช่วยเรียกรถแท็กซี่ เพราะพวกจะไปขึ้นรถบขส.เพื่อไปเที่ยวทางใต้ โดยจะขึ้นรถที่สายใต้ใหม่ และพวกต้องการไปให้ทันขึ้นรถตอนหนึ่งทุ่ม (ตอนที่เจอกันก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว) โธ่ถังกะลังมังบุบ ช่วงเวลาเร่งด่วน rush hour อย่างนี้ จะไปทันได้ง่ายๆสักที่ไหน พวกเรียกรถมาหลายคัน ก็ไม่มีใครไป โอ๊ยยยย แล้วใครจะปายยยยยยยยย รถติดอย่างนั้น ไปส่งแล้วกำรี้กำไรจะมาจากหนายยยยย บางคันเรียกได้ ก็ดันไปต่อราคากับเขาอีก แพงไปก็ไม่เอา เวลาฉุกละหุก กระชั้นชิดอย่างนี้ มันจะไปเลือกมากเรื่องมากได้ซะที่ไหนล่ะ ข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเป็นลูกหลานของประชากรที่ได้รับเลือกสรร เอาฟะ ช่วยเป็นช่วย ก็เลยบอกให้พวกใจเย็นๆไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวข้าพเจ้าจะช่วยเรียกรถให้นะ แต่พวกก็ดั๊นใจร้อน ยังคงดื้อและดึงดัน พยายามเรียกรถแท็กซี่ด้วยตนเองต่อไป (แล้วมาเรียกตูให้ไปช่วยทำแมวอะไรเนี่ย) สุดท้ายพวกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ข้าพเจ้าพยายามชะเง้อหา ก็ไม่เห็น ตัวดันเล็กอีกแน่ะ ยิ่งมองหายาก หรือมี"รถม้าเพลิง"มารับไปแบบประกาศกเอลียาห์แล้วเนี่ย ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ห่วงดอก แต่ถ้าไม่ใช่"รถม้า" แต่เป็น"รถเมล์"มาซิว"โครม"ไปตอนที่พวกกำลังก้มหน้าก้มตาโบกเรียกแท็กซี่ (โดยลืมดูรถดูราว่าขับซ้ายป่ายขวาอย่างไร) เนี่ยสิ จะทำยังง้ายยยยยยยยยยยยย
สุดท้าย พวกเรียกแท็กซี่ได้โดยที่ข้าพเจ้าไม่ได้ช่วยเหลืออะไรในระยะที่ห่างจากตัวข้าพเจ้าไปเพียงชั่วกลิ่นตดใกล้จะจาง และพวกก็ให้แท็กซี่ขับมาจอดตรงที่ข้าพเจ้ายืนอยู่แล้วตะโกนให้ข้าพเจ้าเข้าไปยืนยัน คอนเฟิร์มกับโชเฟอร์ คนขับว่า พวกจะไปที่ไหน ต้องขึ้นรถตอนกี่โมง อีตาโชเฟอร์แท็กซี่ก็รับมุข เอาฟะ ไปส่งให้อีกแน่ะ แต่จะขึ้นทางด่วน ก็โอเค พวกยอม แล้วแท็กซี่ก็ค่อยๆขับลับตาข้าพเจ้า ตอนแรกข้าพเจ้านึกว่าจะขับปรื๊ดขึ้นทางด่วนไป ที่ไหนได้ ดันไปจอดรับเพื่อนยิวของพวก แถมด้วยสัมภาระและสัมภารกอีกเป็นกระบุงโกย
ไม่รู้อีตาคนขับเห็นเป็นโชคที่ได้ผู้โดยสาร (มีรายได้) หรือคิดว่าซวยที่ต้องรับคน+ของเป็นตันอย่างนี้ (อาจทำให้รถโหลดเจ๊ง) ก็ไม่รู้ แต่ข้าพเจ้าเองคิดว่า อีตานี่กับเพื่อนที่ขึ้นรถไปด้วยกัน ดูท่าทางใจร้อนอย่างนี้ ถ้าเกิดในสมัยคริสตกาล สงสัยต้องเป็นคนเก็บภาษี ซัดดูสี หรือไม่ก็ฟาริสีอย่างใดอย่างหนึ่งแน่เลย อิ อิ


