Belong to the Truth Jesus Christ

กาลาเทีย  6:17
ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้า

โดนจริงๆครั

แปลหน่อยดิ เอาแบบแง่ดีนะ


บางที่เราอาจใช้มโนธรรมที่ผิดคิดแง่พระคัมภีร์ก็ได้... ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจเทอญ Amen

โอ้!! กระทู้ดีๆ 

น่าจะมีขยายความกว้างๆให้ด้วยนะครับ(เหมือนสารานุกรมไง 

Happy_Win เขียน: กาลาเทีย   6:17
ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้า

In the name of father เขียน: โอ้!! กระทู้ดีๆ 

น่าจะมีขยายความกว้างๆให้ด้วยนะครับ(เหมือนสารานุกรมไง 

ดีจริงๆ รออ่านนะ 

กท นี้ ไม่ต้องขยายเเล้วคร้าบบบ

งั้นผมคงต้องรออ่านของวันพรุ่งนี้ใช่ป่ะ? - -"

ปล. รอยประทับตาของพระเยวูเจ้านี่คือ กางเขน(ที่หน้าผาก)ที่จะลบไม่ออกตลอดชีวิตป่ะคับ ? หรือผมมั่ว ช่วงนี้เบลอๆ

รอยประทับตรา ก็คือ  เมื่อเราเชื่อพระเยซูเจ้า เเล้วเราจะมั่นคงต่อพพระองค์เเละจะรักพระองค์ตลอดไป

พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้า
1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
1:2 ในเริ่มแรกนั้นพระองค์นั้นทรงอยู่กับพระเจ้า

พระเจ้าไม่ทรงจดจำความบาปของคนที่เชื่อ
ฮีบรู 10:16 `"นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น" องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส "เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย
ฮีบรู 10:17 และจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป"'
ฮีบรู 10:18 ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป

Happy_Win เขียน: กาลาเทีย   6:17
ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้า

โดนใจจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ เรามีเส้นทางความเชื่ออยู่แล้ว ไม่มีปัญหาถ้าไม่ล้ำเส้นกัน เราไม่เคยล้ำเส้นใครเลย แต่คนอื่นมักล้ำเส้นใจเราเสมอ เฮ้ออออออออ

พระอวยพรครับผม

Happy_Win เขียน: กาลาเทีย   6:17
ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้า

โดยส่วนตัว วิเคราะห์ว่า
"ขออย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย" เป็นความปรารถนาส่วนตัวของเรา(ซึ่งในที่สุดอาจมีคนมารบกวนก็ได้)
"มีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กาย"นี้เป็นข้อเท็จจริง
กล่าวคือ เราควรระลึกถึงว่าเรามีรอยประทับของพระคริสตเจ้าคือความรัก ผ่านปังบันดาลชีวิต
หน้าที่ของเราคือเผยแสดงความรักและข่าวดีผ่านการกระทำ เนื่องมาจาก ความร้อนรนในรอยประทับนั้น

Happy_Win เขียน: พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้า
1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
1:2 ในเริ่มแรกนั้นพระองค์นั้นทรงอยู่กับพระเจ้า

จากยอห์น(1:1-2)รึ
บทนี้ เป็นการบอกพระธรรมชาติของพระเจ้า เป็นเอกสารทางเทววิทยาฉบับแรกๆ
เป็นการเสริมความเชื่อและความเข้าใจเท่านั้นเอง

Happy_Win เขียน: พระเจ้าไม่ทรงจดจำความบาปของคนที่เชื่อ
ฮีบรู 10:16 `"นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น" องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส "เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย
ฮีบรู 10:17 และจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป"'
ฮีบรู 10:18 ดังนั้นเมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป

โดยส่วนตัว ถ้ามองให้กว้างขึ้น(ทั้งบริบท ฮีบรูบทที่ 10)
จุดมุ่งหมายเพื่อให้เรามองข้ามวัตถุออกและมุ่งเน้นที่จิตใจ

เราจะสังเกตได้ว่า
พระเยซูเจ้า ทรงทำพันธสัญญา(ใหม่)อันยืนยง ทรงจารึกไว้ในจิตใจเรา
ทรงเตือนเราให้ได้ยินเสียง"มโนธรรม"
ทรงผ่านวิหารวัตถุเป็นร่างกายคือวิหารในใจ
ทรงผ่านควันกำยานเป็นคำภาวนาลอยขึ้นเฉพาะพระพักตร์
ทรงผ่านการถวายบูชาไถ่บาปเป็นการฟังเสียงในใจเราเองใน"ศีลอภัยบาป"
เราจึงไม่ต้องถวายบูชา(วัตถุ)อีกแล้ว เราใช้เหตุผลนี้ก็ได้นะครับ
"ข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้า"
คำนี้ที่ทุกคนคุ้นเคย"ผ่านทางกางเขนสู่แสงสว่างสุกใสอันรุ่งโรจน์"

ผมแถมอันนี้ให้
http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... rgive1.pdf

Happy_Win เขียน: พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้า
1:1 ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
1:2 ในเริ่มแรกนั้นพระองค์นั้นทรงอยู่กับพระเจ้า

บทนี้เป็นบทที่อยู่ในส่วนของอารัมภบทพระวรสารนักบุญยอห์น (ยน.1:1-18)
นักบุญยอห์นเป็นผู้นิพนธ์พระวรสารคนสุดท้าย เป็นผู้ที่นำผลของธรรมประเพณีในการรับใช้พระวาจา
และการเป็นผู้รับใช้พระวาจามาถึงเรา ซึ่งสิ่งนี้เป็นกระแสเรียกของเราทุกคน
เช่นเดียวกับนักบุญยอห์น ให้เราติดตามพระวาจา ด้วยหัวใจที่คอยรับฟัง

บรรดาปิตาจารย์เรียกพระวรสารนักบุญยอห์นว่าเป็น "พระวรสารฝ่ายจิต" และเรียกผู้แต่งว่าเป็น "นักเทววิทยา"

"ไม่มีใครสามารถเข้าใจความหมายของพระวรสารนี้ได้
ถ้าเขาไม่ซบศีรษะที่พระอุระของพระเยซูเจ้า และรับพระนางมารีย์เป็นมารดาของตน" ออริแจนกล่าว

พระวรสารนี้ประกอบด้วย 2 ภาค ภาคแรก ภาคหนังสือแห่งเครื่องหมาย ภาคสอง ภาคหนังสือแห่งสิริมงคล
หนังสือแห่งเครื่องหมายเป็นพระวาจาและกิจการในชีวิตพระเยซูเจ้าที่ปรากฎต่อสาธารณชน ภาคแรกมีทั้งหมด 12 บท
ส่วน หนังสือแห่งพระสิริมงคลนั้น ไม่ได้เล่าในสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำหรือตรัส แต่เป็นสิ่งที่พระบิดาทรงกระทำต่อพระเยซูเจ้า
ในการยกย่ององค์พระเยซูเจ้า โดยทางพระทรมานและการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหนังสือแห่งพระสิริมงคล
คือ ในบทที่ 13-21

หนังสือแห่งเครื่องหมายเล่าเรื่องอัศจรรย์ทั้ง 7 ประการของพระเยซูเจ้า แบ่งออกเป็น 7 ตอน
หนังสือแห่งพระสิริมงคลก็แบ่งออกเป็น 7 ตอนเช่นเดียวกัน และในหลายตอนก็แบ่งออกเป็น 7 ส่วนย่อยๆอีก

เวลานี้ ถ้าเราเปิดพระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 1 ซึ่งแบ่งเป็น 3 ตอนเท่าๆกัน คือ
แต่ละตอนมี 17 วรรค (1-18,19-34,35-51)
ตอนแรกเป็นเหมือนบทกวี ซึ่งอาจจะเป็นบทเพลงพิธีกรรม ที่นักบุญยอห์นใช้เป็นบทนำ และสารบัญของตน เรารู้จักบทกวีนี่อยู่แล้ว

" เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ดำรงอยู่แล้ว และพระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า"
ต้นฉบับภาษากรีกของนักบุญยอห์น เขียนคำว่าพระวาจาโดยไม่มีคำนำหน้า (article) ทั้งนี้เพราะสำหรับนักบุญยอห์น
พระวาจาเป็นนามเฉพาะ เป็นชื่อของบุคคลที่ 2 ในพระตรีเอกภาพ

(รายละเอียด อ่านต่อได้ในหนังสือ " รำพึงและเข้าใจ พระวรสารนักบุญยอห์น เป็นบทเทศน์ของคุณพ่อเชลีนาส(Fr.Andre Gelinas,SJ)
พระสงฆ์ชาวแคนาดา คณะเยซูอิต ที่ได้นำการเข้าเงียบ 8 วัน ให้กับคณะเซอร์ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร)

คุณ WIN คร๊าบ....หายไปไหนคร๊าบ....?
รออ่าน รอเสริมอยู่นะกั๊บ
ยังมีพระวาจาอีกมากมายที่พี่น้องเราจะได้แบ่งปันความคิดกันนะ :cheesy:

ของวันนี้ 8พค51

พระบุตรทรงอยู่เหนือพวกทูตสวรรค์
ฮีบรู 1:14
ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นแต่เพียงวิญญาณผู้ปรนนิบัติ
ที่พระองค์ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดเป็นมรดกมิใช่หรือ
ความทุกข์ทรมานของพระคริสต์
ฮีบรู 2:10 ด้วยว่าในการที่พระเจ้าจะทรงพาบุตรเป็นอันมากถึงสง่าราศีนั้น
ก็สมอยู่แล้วที่พระองค์ผู้เป็นเจ้าของสิ่งสารพัด และผู้ทรงบันดาลให้สิ่งสารพัดบังเกิดขึ้น
จะให้ผู้ที่เป็นนายแห่งความรอดของเขานั้นได้ถึงที่สำเร็จโดยการทนทุกข์ทรมาน

เมื่อคืนอ่านมากไปหน่อย ตอนนอนเลยฝันอะ เห็นพวกกลุ่มเปลวไฟด้วยละ
มันคือรัยเรอ อธิษฐานเยอะมากเลยเมื่อวาน 

ดีมากเลยครับ

เพราะฉะนั้นจงอย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าวันพรุ่งนี้คงมีความกระวนกระวายของวันพรุ่งนี้เอง ความทุกข์ของวันใดก็พอสำหรับวันนั้น พระธรรม (ลืมข้อพระคัมภีร์ แฮะ ๆ)