Belong to the Truth Jesus Christ

ช่วงนี้คุยกับใครมาก็บอกไปดูเรื่องสี่แพร่งแล้วไม่กล้าอาบน้ำ ไม่กล้าอยู่คนเดียว เลยสงสัยว่าพี่น้องบอร์ดเรามองเรื่อง ผี ในมุมมองแบบไหนครับ

ความรู้สึก ผี ก็คือผี ฮะ :huh:

วัตถุคล้ายสสารชนิดนึง 

ซาตานที่มาชักชวนให้เราทำบาป รูปร่างมันน่าเกลียดน่ากลัวซะยิ่งกว่าผีไหนๆ ลองคิดดูสิ ความคิดมันเลวขนาดนี้แล้วน่าตามันจะเลวขนาดไหน

เป็นวิญญาณคนตายครับ

อืมมม คือถ้าตามพระคัมภีร์แล้วเราไม่มีวิญญาณคะตายหนิคะ เพราะคนใดที่ตายไปแล้วจะกลับมาสู่โลกมนุษย์ไม่ได้อีกเลย อย่างตัวอย่างของเศรษฐีกับลาซารัส
แต่ถ้าเราเข้าใจผิดก็ช่วยแก้ไขด้วยนะ ในฐานะที่เป็นลูกแกะตัวใหม่ อิอิ

ลก 24:36-43  พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาอัครสาวก
ขณะที่บรรดาศิษย์สนทนากันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ในหมู่เขา ตรัสว่า

การใช้พระคัมภีร์ เพื่อเรียนรู้ว่ามีอะไรบ้างเป้นเรื่องถูก แต่การใช้การตีความตามตัวอักษรของบทเพียงบทเดียวในพระคัมภีร์ มาจำกัดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่มีเพราะไม่ได้มีเขียน หรือบทนั้นบังเอิญไม่ได้เขียนถึง เป็นลักษณะการตีความแบบแคบ และเป็นแบบที่พระเยซูไม่เคยใช้นะครับ

เมื่อจะอ่านพระคัมภีร์ก่อนจะตีความว่าอะไรไม่เขียนแปลว่าไม่มี หรือไม่มีทางมีอีกเลย โปรดระลึกถึงบทนี้ไว้เสมอ


ยน 20:30
พระเยซูเจ้ายังทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์อื่นอีกหลายประการให้บรรดาศิษย์เห็น แต่ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้

ยน 21:24-25 
นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง  ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น


---ยังมีเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นจริง แล้วพระคัมภีร์อาจไม่ได้บันทึกไว้ หรือบันทึกแค่บางแง่มุมของมัน ก็ไม่จำเป็นใดๆต้องเอามาฟันธงว่ามันต้องไม่มี หรือแง่มุมอื่นๆนั้นจะต้องไม่มีไปเลย เหมือนตาบอดคลำช้าง จับเจอแต่หางแล้วจะเหมาว่าช้างรูปร่างเหมือนเชือก ก้จะตีความผิดไปไกลครับ

โปรดระลึกเสมอว่า ความเข้าใจในเรื่องของพระเจ้าอย่างแท้จริงมาจากการมีประสบการณ์จริงไม่ใช่แค่อ่านคู่มือจบ หากคุณจะเข้าใจเรื่องของพระเจ้ามากขึ้น แค่การอ่านพระคัมภีร์ กับระวีวารศึกษาที่โบสถ์ มันเป็นแค่เบื้องต้นของเบื้องต้นเท่านั้นครับ ยังคงมีเรื่องให้เรียนรู้ได้อีกยาว

ระลึกถึงพระวาจาบทนี้ไว้เสมอครับ

2คร 3:1-18 
เรากำลังจะพูดโอ้อวดตนเองอีกแล้วหรือ เราจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองถึงท่าน หรือจำเป็นต้องมีจดหมายรับรองจากท่าน เหมือนบางคนหรือ  ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายนั้นที่จารึกไว้ในดวงใจของเราให้มนุษย์ทุกคนรู้และอ่านได้  เป็นที่ชัดเจนว่า ท่านทั้งหลายเป็นจดหมายจากพระคริสตเจ้า เป็นจดหมายที่เราเขียน มิใช่เขียนด้วยน้ำหมึก แต่เขียนด้วยพระจิตของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต มิได้จารึกไว้บนแผ่นศิลา แต่จารึกไว้ในดวงใจของมนุษย์ ดุจจารึกบนแผ่นศิลา เรามีความมั่นใจเช่นนี้ต่อพระเจ้าเดชะพระคริสตเจ้า  ทั้งนี้มิใช่เพราะเราคิดว่าเราทำสิ่งใดได้ด้วยตนเอง แต่การทำได้นั้นมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงทำให้เราเป็นผู้รับใช้พันธสัญญาใหม่ มิใช่พันธสัญญาที่เขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นพันธสัญญาของพระจิตเจ้า บัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นนำไปสู่ความตาย แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิต ถ้าภารกิจที่ทำให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา ได้มีความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้ เพราะใบหน้านั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ  ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิความสว่างรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ  ถ้าภารกิจที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น  อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่างรุ่งโรจน์มาแล้ว หมดรัศมีเมื่อเทียบกับความสว่างรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่า  ถ้าสิ่งที่อยู่ชั่วขณะมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด  ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใด แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่  แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น  เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต

แล้วอย่างพวกเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเจ้าที่เจ้าทางนี่ เป็นผีแบบไหนครับ พวกของซาตานรึเปล่า  :huh:

In the name of father เขียน: แล้วอย่างพวกเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเจ้าที่เจ้าทางนี่ เป็นผีแบบไหนครับ พวกของซาตานรึเปล่า  :huh:

ซาตานคืออะไร เรามาทบทวน2เรื่อง
1.พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่ง
2.แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่นบนอบเชื่อฟัง
สิ่งเหล่านั้นได้ตั้งตนเป็น ปรปักษ์กับพระเจ้า/ซาตาน
ดังนั้นจิตที่อยู่ในโลกนี้ ก็มีทั้งเป็นซาตานและไม่เป็นซาตาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราไปเที่ยวป่าเที่ยวเขา
ให้เราสวดข้าแต่พระบิดา ในนามของพระเยซู
ให้จิตทั้งหลายรู้ว่าเราคือ บุตรของพระบิดา พระเจ้าผู้ทรงเป็นที่เคารพและยำเกรงของจิตทั้งหลาย

________________

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส              อฟ 1:17-23

พี่น้อง ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้น 
ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร
อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำลังนี้พระองค์ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้าเมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
และ ให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ทั้งในภพนี้และในภพหน้า

พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง   ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์

เมื่อเดือนที่แล้ว มีเรื่องหนึ่งทำให้พี่งง พี่นอนหลับอยู่แล้วพี่ก็ฝันถึงญาติพี่ที่ตายแล้วเขามาเที่ยวที่บ้าน ตอนเขาเป็นๆ เขาไม่เคยมาเที่ยวที่บ้านพี่เลยเพราะไม่มีโอกาสมา เขาก็เดินเข้าประตูมาแล้วพี่ก็พาไปดูร้านน้องสาวตัดขนสุนัข แล้วก็พาอีกห้องหนึ่งแล้วก็พามาขี้นข้างบนบ้านพี่บอกพี่ว่าคนในบ้านไม่มีใครรู้จักลื้อ อั้วะรู้ว่าลื้อเป็นคนดี แล้วก่อนไปเขาก็ให้หวยพี่ 64 พอตื่นมา พี่ไม่เชื่อคิดว่า ฝันเพ้อเจ้อไปเอง ผลปรากฏว่าหวยออกเดือนที่แล้ว 64 จริงๆ พี่งง เลย มานั่งคิดกับตัวเองเป็นไปได้ยังไง พี่งงมากๆ

น่าเสียดายนะ ถ้าซื้อหวยไปก็ถูกไปละ 55+

โดยส่วนตัวของผมนะ
1.โจรน่ากลัวว่าผี
2.คนเอารัดเอาเปรียบในสังคมต่อผู้อ่อนแอกว่า ขยะแขยงมากกว่าผี
3.พวกขึ้โกง ชั่วยิ่งกว่าผีมาหลอก
4.บริหารการเงินไม่ดี เงินช็อต ขนหัวลุกกว่าเจอพี่มาหลอกอีก
ฯลฯ


ขอบคุณครับ ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

NostalgicPAT เขียน: อืมมม คือถ้าตามพระคัมภีร์แล้วเราไม่มีวิญญาณคะตายหนิคะ เพราะคนใดที่ตายไปแล้วจะกลับมาสู่โลกมนุษย์ไม่ได้อีกเลย อย่างตัวอย่างของเศรษฐีกับลาซารัส
แต่ถ้าเราเข้าใจผิดก็ช่วยแก้ไขด้วยนะ ในฐานะที่เป็นลูกแกะตัวใหม่ อิอิ

ตอนแรกพี่ก็คิดอย่างนี้ ตอนพี่หลงไปอยู่ คริสตจักรความหวัง ทางความหวังพยายามสอนว่า ผี ไม่มี แล้วพี่ก็ถามว่ารู้ได้ยังไวว่า ผีไม่มี พวกความหวังก็เปิดพระคัมภีร์ ลก 16:19-31 ให้พี่อ่าน แล้วบอกว่า คนตายแล้วพระเจ้าขังวิญญาณไว้ที่หนึ่ง แต่พี่ก็ยังเขื่อครึ้งไม่เชื่อครึ่ง แต่อยู่กับชุมชนเขาก็ต้องเชื่อตามไปก่อน

พี่เคยไปอธิฐานรอบเมือง คืออธิฐานผูกมันวิญญาณชั่ว สมาชิกท่านหนึ่งเขาจะขับรถตู้ให้พวกเรานั่งกัน แล้วรถตู้ก็จะขับรอบในเขตรับผิดขอบของพื้นที่ของส่วนเรา ความหวังเขาจะแบ่ง พื้นที่เป็นส่วนๆ ส่วนใครส่วนมัน แขวงใคร แขวงมัน พอไปถึงที่มีศาลเจ้า ศาลพระภูมิพวกเราก็ยกมือขี้นอธิฐานผูกมัดผีวิญญาณชั่วในศาลนั้น ต้นไม่ไหนที่ผูกผ้าแดงพวกเรารถตู้ก็จะยกมือขี้นร้องต่อพระเจ้า

ถ้าเรารับใช้แล้วมีการต่อต้าน หรือมีปัญหา หรือเป้าที่ตั้งไว้ไม่เกิดผลก็ต้องอธิฐานรอบเมืองกันคือผูกมัดผีวิญญาณชั่วไม่ให้มายุ้งกับงานขยายพันธิกิจพระเจ้า เมื่อมีความเหนียวแน่นเช่นนี้ทำให้พี่เชื่อเช่นนั้น

การออก ครน. หรือ คจ.ร่วมนิมิต พวกเรามาจากกรุงเทพฯ บางครั้งถ้างานที่นี้เกิดผลช้าเขาก็ให้นั่งรถขับรอบเมืองกันเพื่ออธิฐานผูกมันตามศาลเจ้า ต่างๆ โดยเฉพาะศาลหลักเมืองจะโดนผูกมันเป็นพิเศษ

ด้วยประสบการณ์ที่เคยผูกพันกันมาทำให้เราเชื่อเรื่องผีไม่มีมากขึ้น แล้วอีกอย่างหนึ่ง พี่เลี้ยงเคยให้พี่ไปซื้อหนังสือคริสเตียนเรื่อง "พระคริสต์ พิชิต ซาตาน" พี่เลี้ยงบอกว่าเขาบอกเขียนได้ดีมากๆ ถ้าสงสัยเรื่องผีให้ไปอ่าน พี่ก็ไปซื้อมาอ่านหนึ่งเล่ม ตอนนั้นรู้สึกดีมากเลยเขาบอกว่า ผีไม่มีจริง แล้วก็มีประสบการรณ์คนโดนผีหลอก แล้วก็การอธิฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ พี่อ่านแล้วรู้สึกว่าเขียนได้ดี พี่ก็เลยซื้อมาทีหลายสิบเล่ม ซื้อมาไว้แจกลูกแกะ

ตอนมาอยู่คาทอลิกก็ยังเหลืออยู่สองเล่ม ก็เอาไปให้พี่น้องคาทอลิกอ่านก็หายไปหมด เพราะถึงพี่จะกลับมาอยู่คาทอลิก ก็ยังเชื่อแบบเรื่องผีแบบคริสเตียนอยู่ หลายคนกลัวผีพี่ก็พยายามพูดในแบบคอนเซปต์คริสเตียนว่า ผีไม่มี ที่มาหลอกคือ ซาตาน สมุนลูซีเฟอร์

พี่ไปพักโรงแรมไหนพี่ก็จะอธิฐานผูกมันผีวิญญาณชั่วก่อนนอน เสมอ ถ้ากลัวก็อธิฐานผูกมันเสียเลย หรือถ้าเผื่อเจอมาลองดีกับคนของพระเยซูก็ขับไล่ไปเสียเลยในนามพระเยซู ถึงตัวเป็นคาทอลิกก็ยังมีความคิดแบบคริสเตียน

(ยังมีต่อ)

เมื่อพี่อยู่กับคาทอลิกนานๆ คาทอลิกมักภาวนาเพื่อวิญญาณหรือภูมิผีที่พบเห็นแล้วมาเล่าบ่อยๆ ทำให้พี่เริ่มสนใจแบบคาทอลิก แล้วก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ พระคัมภีร์ข้อเดี๋ยวกับที่โฮลี่ยกมาให้ดูมันขี้นมาในความคิด ลก. 24:36-43  พี่ก็คิดว่าผีมันน่าจะมีจริง เพราะเยซูไม่ได้บอกว่า "อย่ากลัวเลยเพราะว่าผีไม่มี พระบิดาได้เก็บวิญญาณคนตายไว้อีกโลกหนึ่งซึ่งจะมาหาคนที่นี่ก็จะไม่ได้" แต่พระองค์บอกว่า "ผีไม่มีเนื้อหนังไม่มีกระดูก" นั่นก็แสดงว่าผีมีแต่ว่าไม่มีเนื้อหน้งไม่มีกระดูก

ด้วยพระคัมภีร์ข้อนี้ทำให้พี่เปลี่ยนความคิดว่าผีมีจริง แต่ความเชื่อมันยังมัวๆ  แล้วเมื่อเดือนที่แล้วเรื่องหวยออก 64 เรื่องนี้ทำให้ความเชื่อพี่ชัดเจนขึ้นแล้วก็นั่งคิดหาคำตอบอยู่นาน

แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้พี่เคืองใจพระเจ้า คือเมื่อคืนวันเสาร์พี่ก็นอนคิดพระคัมภีร์ ลก. 24:36-43 อยู่บนเตียงไปๆ มาๆ ปิดไฟแล้วแต่ยังไม่หลับ ขณะเดียวกันก็เกิดความเคืองใจพระเจ้าขึ้นมานิดๆ เนื่องจากว่าพระเยซูเดินบนน้ำมาหาสาวก แล้วบอกกับสาวกว่า "เพราะว่าผีไม่มีเนื้อหนังหรือกระดูดเหมือนอย่างที่เรามีอยู่นั้น"(ข้อ 39) แล้วก็ถามสาวกว่า "พวกท่านมีอะไรกินบ้าง"(ข้อ 41) แล้วก็เดินไปกินอาหารให้สาวกดู พี่รู้สึกเคืองใจที่ว่า "ผีไม่มีเนื้อหนังไม่มีกระดูก"  คือเมื่อเราตายแล้ว ร่างกายเน่าเบื่อยไป แต่วิญญาณยังอยู่ แต่พระเยซูตาย แล้วร่างกายไม่เน่าเบื่อยไป แต่ยังกลับมาหาสาวกได้ในสภาพร่างกายปกติ ทั้งๆ ที่เราเชื่อพระเจ้าเหมือนกัน เป็นร่างกายเดียวกับพระเจ้าเหมือนกัน อยากเป็นแบบนั้นบ้างจังเลย

แล้วพอรุ่งเช้าพี่ไมวัดพระแม่มหาการุณย์ รอบ 10 โมงครึ่ง อัศจรรย์เหลือเชื่อ คุณพ่อเทศตรงกับที่พี่เคืองอยู่ในใจคือ เทศว่า "ร่างกายเราเป็นเป็นร่างกายบาป เพราะเยซูคริสต์ร่างกายไม่มีบาปกำเนิด ดังนั้นเมื่อพระเยซูตายจึงฟื้นคืนชีพทั้งร่างกาย แต่ร่างกายเราเป็นร่างกายบาป ร่างกายเราต้องเปื่อยเน่าไป เพื่อรับร่างกายใหม่ในสวรรค์" พี่ฟังแล้วตกใจเลยเหลือเชื่อแค่คิดเมื่อคืนพระเจ้าพูดด้วยผ่านคุณพ่อ คุณพ่อเทศตรงกับที่เราคิดไว้เลย

ป.ล. รู้สึกว่าพระเจ้ากำลังจะสอนพี่เรื่องนี้ในช่วงนี้

1. ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูก แสดงว่ามันไม่มีร่างกายใช่ไหมครับ
2.มันคงไม่มาทำร้ายเราด้วยเพราะไม่มีไม่มือไม่มีกระดูกถูกไหมครับ 

holy holy holy เขียน: 1. ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูก แสดงว่ามันไม่มีร่างกายใช่ไหมครับ
2.มันคงไม่มาทำร้ายเราด้วยเพราะไม่มีไม่มือไม่มีกระดูกถูกไหมครับ 

1.แต่มันจะปรากฏเป็นร่างอะไรก็ได้

2.มันทำร้ายผ่านความหวาดกลัวของเรา ฮะ

Pry-Kaew เขียน: โดยส่วนตัวของผมนะ
1.โจรน่ากลัวว่าผี
2.คนเอารัดเอาเปรียบในสังคมต่อผู้อ่อนแอกว่า ขยะแขยงมากกว่าผี
3.พวกขึ้โกง ชั่วยิ่งกว่าผีมาหลอก
4.บริหารการเงินไม่ดี เงินช็อต ขนหัวลุกกว่าเจอพี่มาหลอกอีก
ฯลฯ

เหงล่วย โดยเฉพาะข้อ 4 

In the name of father เขียน:

Pry-Kaew เขียน: โดยส่วนตัวของผมนะ
1.โจรน่ากลัวว่าผี
2.คนเอารัดเอาเปรียบในสังคมต่อผู้อ่อนแอกว่า ขยะแขยงมากกว่าผี
3.พวกขึ้โกง ชั่วยิ่งกว่าผีมาหลอก
4.บริหารการเงินไม่ดี เงินช็อต ขนหัวลุกกว่าเจอพี่มาหลอกอีก
ฯลฯ

เหงล่วย โดยเฉพาะข้อ 4 

ใช่ครับ ยืนยันอีกครั้ง ข้อ4 เนี่ย จะไปหาพระสงฆ์เก่งๆ หรือใครที่ไหนขับไล่ออกไปก็ไม่ได้ แม้หาหาเงินได้เยอะ แต่หากบริหารไม่ดี ก็ช็อต ต้องพึ่งปัญญา และความอดทนอย่างเดียวครับผม(รวมทั้งสวดภาวนาด้วย เพื่อให้เกิดปรีชาญาณในการแก้ปัญหา)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

ผีคือ...
ผู้ซึ่งวันๆ เอาแต่เล่นไพ่ หวย etc.,

ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบบบบบ เข้าใจแล้วค่ะ อิอิ คุณ Holyเก่งจังเลยค่ะ จริงๆ เรื่องนี้คนที่คริสตจักรความหวังเค้าสอนเราอ่ะค่ะ สงสัยเราคงต้องไปลองเรียนคำสอนคาทอลิกดูแล้วล่ะมั้ง จะได้มีหลายๆมุมมอง เพราะ เราว่าที่นี่มันก็แปลกๆอ่ะ แถมมีหลายอย่างอยู่เลยอ่ะที่เรายังไม่เข้าใจ

หลอน

NostalgicPAT เขียน: ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบบบบบ เข้าใจแล้วค่ะ อิอิ คุณ Holyเก่งจังเลยค่ะ จริงๆ เรื่องนี้คนที่คริสตจักรความหวังเค้าสอนเราอ่ะค่ะ สงสัยเราคงต้องไปลองเรียนคำสอนคาทอลิกดูแล้วล่ะมั้ง จะได้มีหลายๆมุมมอง เพราะ เราว่าที่นี่มันก็แปลกๆอ่ะ แถมมีหลายอย่างอยู่เลยอ่ะที่เรายังไม่เข้าใจ

ไม่ได้เก่งเกิงอะไรเลยครับ ถ้าเห็นว่ามีสิ่งใดดีก็ขอบคุณพระเจ้าก็แล้วกันครับ ผมเป็นแค่เครื่องมือที่บกพร่อง สิ่งดีทุกอย่างมาจากผู้ใช้คือพระเจ้า สิ่งแย่ที่ปะปนมาจากความบกพร่องของเครื่องมือ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

อื้ม...ความรุ้เยอะแยะเลย

ถ้าตื่นเช้าๆยังไม่ได้อาบน้ำ จ้องกระจก นั่น!!!!!!!!!!!!

"ผี" คือความกลัวหรืออาจเป็นความคิดถึงคนที่ตายไป เมื่อคิดถึง ก็ฝันถึง
และคิดว่าเป็นคนที่ตายไปแล้วกลับมาหา สุดท้ายก็กลายเป็นการเปิดช่องทาง
ให้มารใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ล่อลวงให้มนุษย์จดจ่อที่สิ่งเหล่านี้
และหันความสนใจไปจากพระเจ้า

"ผี" คือสิ่งที่เป็นอบายมุข หรืออาจไม่เป็นแต่เราให้ความสำคัญมากกว่าพระเจ้า
เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำขาดไม่ได้(ทำนองเดียวกับความหมายนึงของรูปเคารพ)
เช่น ผีพนัน ผีขี้เกียจ ฯลฯ

"ผี" คือวิญญาณในสถานฟ้าอากาศ เทพผู้ครอง ศักดิเทพ อิทธิเทพ เทพอาณาจักร
ซึ่งพระเจ้าเราทรงปลดทิ้งหมดแล้ว (โคโลสี 2:15)
เป็นวิญญาณที่มนุษย์(ที่ไม่เชื่อพระเจ้า)ให้ความนับถือ แทนที่จะนับถือพระเจ้า

-------
สำหรับเรื่องรายการหรือหนังประเภทผีๆ พวกนี้จริงๆ แล้วเราว่าคริสตชนไม่ควรดู
เพราะว่ามันเพียงไม่มีประโยชน์ ไม่ได้เสริมสร้างจิตวิญญาณ
แถมทำร้ายจิตวิญญาณอีกต่างหาก
บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองแน่ ดูเพื่อความบันเทิง ไม่ได้คิดอะไร
แต่มันก็เป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้มารใช้ความกลัว(ที่คุณอาจจะมั่นใจว่าไม่กลัว)
ในจิตใต้สำนึก ทำให้คล้อยตาม เช่นไม่กล้าทำนั่นทำนี่
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า และอยู่ใต้พระหัตถ์พระเจ้า

และสำหรับคนที่ชอบจับกลุ่มพูดคุยหรือเล่าเรื่องผีกันแบบไร้สาระ(ยกเว้นคำพยานหรือเพื่อการศึกษาเชิงเทววิทยา-ศาสนศาสตร์)
ที่ไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ก็เท่ากับเป็นการยกย่องความเก่งของผี แทนที่จะยกย่องพระเจ้า

Gracia เขียน: "ผี" คือความกลัวหรืออาจเป็นความคิดถึงคนที่ตายไป เมื่อคิดถึง ก็ฝันถึง
และคิดว่าเป็นคนที่ตายไปแล้วกลับมาหา สุดท้ายก็กลายเป็นการเปิดช่องทาง
ให้มารใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ล่อลวงให้มนุษย์จดจ่อที่สิ่งเหล่านี้
และหันความสนใจไปจากพระเจ้า

อันนี้เหมือนการพูดจาเชิงจิตวิทยา มองอีกแง่ก็เหมือนฟันธงว่าฝันนั้นฝันนี้ มาจากการคิดไปเองแน่ๆ และในความเป็นจริง การเจอผีส่วนมาก กลับทำให้คนคิดถึงพระเจ้ามากขึ้น เพราะเริ่มเฉลียวใจว่า โลกหลังความตายมีจริง วิญญาณมีจริง คนเจอผีและโดนผีหลอกส่วนมากจะคิดคล้ายๆกันคือ จะเรียกพระเจ้าช่วย ยิ่งคาทอลิคด้วยแล้ว ถ้าเจอหรือฝันถึงวิญญาณคนตาย จะเข้าวัดมากขึ้น สวดมากขึ้น ขอมิซซามากขึ้น ดังนั้นแล้ว ถ้าปีศาจจะใช้มุขนี้ มันคงต้องใช้กับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าอยู่แล้ว(ไม่มีที่พึ่งทางใจ) หรือไม่ก็ใช้กับคนที่ไม่ใช่คาทอลิค(ไม่มีความหวังในโลกหน้า) จึงอาจจะได้ผลทำนองว่า "ห่างพระเจ้ามากขึ้น" หาไม่แล้ว ผลจะตรงข้ามทำงานล้มเหลว

Gracia เขียน: "ผี" คือสิ่งที่เป็นอบายมุข หรืออาจไม่เป็นแต่เราให้ความสำคัญมากกว่าพระเจ้า
เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำขาดไม่ได้(ทำนองเดียวกับความหมายนึงของรูปเคารพ)
เช่น ผีพนัน ผีขี้เกียจ ฯลฯ

"ผี" คือวิญญาณในสถานฟ้าอากาศ เทพผู้ครอง ศักดิเทพ อิทธิเทพ เทพอาณาจักร
ซึ่งพระเจ้าเราทรงปลดทิ้งหมดแล้ว (โคโลสี 2:15)
เป็นวิญญาณที่มนุษย์(ที่ไม่เชื่อพระเจ้า)ให้ความนับถือ แทนที่จะนับถือพระเจ้า

กระทู้แนะนำครับ

†ทูตสวรรค์และพระเยซูเจ้า กับการโต้วาทีทางความเชื่อของ น.เปาโล† 
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5261.0

Gracia เขียน: สำหรับเรื่องรายการหรือหนังประเภทผีๆ พวกนี้จริงๆ แล้วเราว่าคริสตชนไม่ควรดู
เพราะว่ามันเพียงไม่มีประโยชน์ ไม่ได้เสริมสร้างจิตวิญญาณ
แถมทำร้ายจิตวิญญาณอีกต่างหาก
บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองแน่ ดูเพื่อความบันเทิง ไม่ได้คิดอะไร
แต่มันก็เป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้มารใช้ความกลัว(ที่คุณอาจจะมั่นใจว่าไม่กลัว)
ในจิตใต้สำนึก ทำให้คล้อยตาม เช่นไม่กล้าทำนั่นทำนี่
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า และอยู่ใต้พระหัตถ์พระเจ้า

และสำหรับคนที่ชอบจับกลุ่มพูดคุยหรือเล่าเรื่องผีกันแบบไร้สาระ(ยกเว้นคำพยานหรือเพื่อการศึกษาเชิงเทววิทยา-ศาสนศาสตร์)
ที่ไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ก็เท่ากับเป็นการยกย่องความเก่งของผี แทนที่จะยกย่องพระเจ้า

เห็นด้วยครับ

วันนี้พี่ไปวัดพระแม่มหาการุญ คุณพ่อเทศว่า คนก็มีวิญญาณ สัตว์ก็มีวิญญาณ แต่สัตว์มีวิญญาณระดับสัตว์ภาษาลาติดเรียกว่า.... ใครรู้ช่วยตอบที แต่คนมีวิญญาณแล้วได้วิญาณของพระเจ้าจากพระจิตทางลมปราณ พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาและก็ระบายลมปราณให้มนุษย์มีชีวิตโดยพระจิตวิญญาณของมนุษย์จึงมาจากพระเจ้า

ดังนั้นสัตว์ก็มีวิญญาณด้วยแต่คนละระดับกับมนุษย์

แล้ววิญญาณของคนกับสัตว์แตกต่างกันไหมครับ สรุปว่าวิญญาณของคนไม่มีเนื้อไม่มีกระดูกจับต้องไม่ได้ แล้วอยากถามวอีกว่า วิญญาณของคนกับวิญญาณของทูตสวรรค์แตกต่างกันไหมครับ เพราะอ่านพระคัมภีร์เจอตอนที่ยาโคบต่อสู้กัยทูตสวรรค์ก็แสดงว่าทูตสวรรค์มีเนื้อมีกระดูก แล้วผมก็เคยอ่านเจอที่พระเยซูพูดว่าเมื่อมนุษย์ตายแล้วจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์องค์หนึ่ง เลยงงๆ พี่น้องคิดเห็นว่ายังไงครับ