Michale Ballack
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 15, 2008 1:14 am
หากจะกล่าวถึงควันหลงของศึกยูโร 2008 ที่เพิ่งม่านรูด เอ๊ย รูดม่านปิดฉากไปนั้น นักเตะที่เป็นที่กล่าวถึงกันมากที่สุดอีกคนหนึ่ง คงไม่มีใครกิน "ไกเซอร์น้อย" มิชาเอล บัลลัค จอมทัพจากทีม "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน แต่ไม่ใช่เพราะการที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสะเด็ดสะเด่าเร้าใจ หรือมีข่าวฉาวๆเรื่องการย้ายทีมไม่เว้นวันจนแฟนบอลเหนื่อยหน่ายอย่างนักเตะบางคน แต่ก็อย่างที่ทุกๆคนรู้กัน ว่าในปีที่ผ่านมา ยอดนักเตะเมืองเบียร์ผู้นี้ คือผู้มีบุญคุณที่ทำให้ชาวไร่แห้วได้มีจะกินมาตลอดปีที่ผ่านมา ถูกแล้วล่ะครับ เพราะพี่แกเล่นกวาด "แห้ว" มาซะทุกถ้วยที่มีส่วนร่วม โดยเฉพาะการอยู่ห่างจากแชมป์แค่คืบถึง 4 ถ้วย ที่เขาได้รับตำแหน่งที่ไม่พึงปรารถนา (แต่ต้องมีคนยอมเข้าไปเสี่ยงรับทุกที) นั่นคือ "รองแชมป์"
ถ้าจะเปิดปูมถึงตำนานดวง "อีแร้ง" ของนักเตะหน้าละม้าย แมตต์ เดมอน คนนี้แล้ว จะเห็นว่ามันมีปฐมบทความซวยมาตั้งแต่ฤดูกาล 2001/2002 อันโด่งดัง สมัยเขายังเพิ่งสร้างชื่อเป็นไอ้หนุ่มหน้ามลคนดีคนเดิมของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ในปีนั้นสร้างผลงานไว้แบบสุดยอดเหนือธรรมชาติ ทำท่าจะมีลุ้น "ทริปเปิ้ลแชมป์" ถ้วยใบใหญ่เอาซะงั้น และเขาก็เป็นคนที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดของทีมซะด้วย เรียกว่า "ขาขึ้น" เอามากๆ และพอถึงบทสรุปของฤดูกาลมาถึง ก็ขาขึ้นจริงๆครับ แต่หมายถึง "ขาชี้ฟ้า" เลยนะ เพราะทีม "ห้างขายยา" ของเขาในปีนั้น กลับมักน้อย เอาแต่รองแชมป์ไปทั้ง 3 ถ้วยเปรมปรีดิ์กันไป แถมพอหมดฤดูกาล ทีมชาติเยอรมันของเขา ยังอุตส่าห์ฝ่าด่านหินในฟุตบอลโลก เข้าชิงไปคว้าแห้วได้อีก 1 ลูก เรียกว่ากินแห้วกันจนอิ่มเลยทีเดียว
ว่ากันว่าชะตากรรมของคนเรามักเล่นตลก เมื่ออีก 6 ปีต่อมา วงล้อรอแชมป์ได้เข้ามาทับซ้อนรอยเดิมอีกครั้ง แม้จะย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลมาหวังล้างซวยยังเกาะอังกฤษ แต่ผลก็เป็นไปอย่างที่รู้กัน แห้ว 4 ลูก กับฤดูกาลที่ดีเยี่ยมมาตลอดจนถึงความผิดหวังในวันสุดท้ายที่แต่ละถ้วยต้องตัดสินแชมป
์ เมื่อทีม "สิงโตพันล้าน" เชลซี ที่ฟูมฟักโดย "เสี่ยหมี" ฝ่าฟันเข้าไปคว้ารองแชมป์มา 3 ถ้วยอย่างน่าภาคภูมิใจ และทีมชาติเยอรมัน ก็มีน้ำใจจัดให้อีก 1 ดอก ในการคว้ารองแชมป์ยูโร 2008 มาอย่างทุลักทุเล
วีรกรรมสยองขวัญ 8 รองแชมป์ใน 2 ปี ทำให้หลายคนสถาปนาบัลลัคเป็น "ตัวซวย" เป็นเจ้าแห่งรองแชมป์ เป็นพระรองคนสำคัญ (ชนิดที่กบ ทรงสิทธ์ อาจต้องชิดซ้าย) เป็นคนที่ไร้ราศีและราคีของแชมป์ ฯลฯ ในนัดชิงยูโรที่ผ่านมา เมื่อรู้ว่าบัลลัคลงสนาม กองเชียร์เยอรมันหลายคนอาจถึงกับเย็นยะเยือก พร้อมส่ง SMS ไปรายการคุยข่าว บอกว่า "ถึงแม้ลำปางจะหนาวมาก แต่ตอนนี้เยอรมันหนาวขรี้แตกไปเลยฮะ" ก็ได้ ผมจะไม่แปลกใจซักนิด ถ้าเขาเป็นคนไทย แล้วจะโดนแนะให้ไปอาบน้ำมนต์ 99 วัด, สักยันต์รูปถ้วยแชมป์รอบตัว หรือแต่งงานกับงูเหลือมล้างซวยไปนู่นเลย
แต่คุณๆควรคิดกันอย่างนั้นจริงๆหรือ...
ทำไมไม่มีใครนึกถึง หรือบางทีอาจลืมไปแล้ว ว่าบัลลัค สมัยยังเป็นดาวรุ่ง เคยเป็นหนึ่งในทีมไกเซอร์สเลาเทิร์น ของ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเก้ล ชุดมหัศจรรย์ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ ทั้งๆที่เพิ่งเป็นน้องใหม่ร้ายบริสุทธ์เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นบุนเดสลีก้าในฤดูกาล 1997-98 และเขาก็เป็นนักเตะหน้าใหม่ที่ได้ลงสนามครั้งแรกในลีกสูงสุดครั้งแรกในปีนั้นซะด้วย ดีไม่ดีในตอนนั้นอาจมีหลายคนเรียกเขาว่าเป็น "ตัวเงินตัวทอง" เอ๊ย "ตัวนำโชค" ของทีมซะด้วยซ้ำไป
นอกจากนั้น ในปี 2002 ที่เขาย้ายไปร่วมทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เขาก็สามารถกวาด "ดับเบิ้ลแชมป์" ของเยอรมัน มาครองได้ในฤดูกาลนั้นเลย แถมยังทำซ้ำได้อีกในปี 2005 ,2006 ซึ่งก็มีน้อยคนที่จะเป็นตัวหลักพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ 3 สมัยกับทีมๆหนึ่ง และระหว่างนั้น เขาก็ยังคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัว เป็นนักฟุตบอลแห่งปีของเยอรมัน ในปี 2002, 2003 และ 2005 บวกกับรางวัลมิดฟิลด์แห่งปีของยูฟ่า ในปี 2002 อีกด้วย
และแม้หลายคนจะกระแนะกระแหน ว่าบัลลัคย้ายมาเป็นดาวดับอับแสงที่เชลซี เพราะยังไม่เคยได้แชมป์ลีกหรือ แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองเลยตั้งแต่ย้ายมา แต่อย่าลืมว่า ในปีแรกที่ย้ายมา เชลซีก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยได้นะ ซึ่งถ้าเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ทีมโรคจิตอย่างเชลซี ก็อาจจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมหาศาลไปแล้ว คิดรวมๆกันแล้ว เขาก็มีผลงานย้ายไปทีมไหน ทีมนั้นได้แชมป์เลยมา 3 ทีมเหมือนกัน เห็นอย่างงี้แล้ว จะหาว่าเขาจะเป็นตัวซวยอีกก็ใจดำเกินไปมั้ง
ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ต้องมีเหตุผล สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมาจากการกระทำของเรา มากกว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรทั้งนั้น ถ้าบัลลัคจะเป็นรองแชมป์ซะส่วนใหญ่ในอาชีพของเขา ก็เป็นเพราะเขายัง
ถ้าจะเปิดปูมถึงตำนานดวง "อีแร้ง" ของนักเตะหน้าละม้าย แมตต์ เดมอน คนนี้แล้ว จะเห็นว่ามันมีปฐมบทความซวยมาตั้งแต่ฤดูกาล 2001/2002 อันโด่งดัง สมัยเขายังเพิ่งสร้างชื่อเป็นไอ้หนุ่มหน้ามลคนดีคนเดิมของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ในปีนั้นสร้างผลงานไว้แบบสุดยอดเหนือธรรมชาติ ทำท่าจะมีลุ้น "ทริปเปิ้ลแชมป์" ถ้วยใบใหญ่เอาซะงั้น และเขาก็เป็นคนที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดของทีมซะด้วย เรียกว่า "ขาขึ้น" เอามากๆ และพอถึงบทสรุปของฤดูกาลมาถึง ก็ขาขึ้นจริงๆครับ แต่หมายถึง "ขาชี้ฟ้า" เลยนะ เพราะทีม "ห้างขายยา" ของเขาในปีนั้น กลับมักน้อย เอาแต่รองแชมป์ไปทั้ง 3 ถ้วยเปรมปรีดิ์กันไป แถมพอหมดฤดูกาล ทีมชาติเยอรมันของเขา ยังอุตส่าห์ฝ่าด่านหินในฟุตบอลโลก เข้าชิงไปคว้าแห้วได้อีก 1 ลูก เรียกว่ากินแห้วกันจนอิ่มเลยทีเดียว
ว่ากันว่าชะตากรรมของคนเรามักเล่นตลก เมื่ออีก 6 ปีต่อมา วงล้อรอแชมป์ได้เข้ามาทับซ้อนรอยเดิมอีกครั้ง แม้จะย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลมาหวังล้างซวยยังเกาะอังกฤษ แต่ผลก็เป็นไปอย่างที่รู้กัน แห้ว 4 ลูก กับฤดูกาลที่ดีเยี่ยมมาตลอดจนถึงความผิดหวังในวันสุดท้ายที่แต่ละถ้วยต้องตัดสินแชมป
์ เมื่อทีม "สิงโตพันล้าน" เชลซี ที่ฟูมฟักโดย "เสี่ยหมี" ฝ่าฟันเข้าไปคว้ารองแชมป์มา 3 ถ้วยอย่างน่าภาคภูมิใจ และทีมชาติเยอรมัน ก็มีน้ำใจจัดให้อีก 1 ดอก ในการคว้ารองแชมป์ยูโร 2008 มาอย่างทุลักทุเล
วีรกรรมสยองขวัญ 8 รองแชมป์ใน 2 ปี ทำให้หลายคนสถาปนาบัลลัคเป็น "ตัวซวย" เป็นเจ้าแห่งรองแชมป์ เป็นพระรองคนสำคัญ (ชนิดที่กบ ทรงสิทธ์ อาจต้องชิดซ้าย) เป็นคนที่ไร้ราศีและราคีของแชมป์ ฯลฯ ในนัดชิงยูโรที่ผ่านมา เมื่อรู้ว่าบัลลัคลงสนาม กองเชียร์เยอรมันหลายคนอาจถึงกับเย็นยะเยือก พร้อมส่ง SMS ไปรายการคุยข่าว บอกว่า "ถึงแม้ลำปางจะหนาวมาก แต่ตอนนี้เยอรมันหนาวขรี้แตกไปเลยฮะ" ก็ได้ ผมจะไม่แปลกใจซักนิด ถ้าเขาเป็นคนไทย แล้วจะโดนแนะให้ไปอาบน้ำมนต์ 99 วัด, สักยันต์รูปถ้วยแชมป์รอบตัว หรือแต่งงานกับงูเหลือมล้างซวยไปนู่นเลย
แต่คุณๆควรคิดกันอย่างนั้นจริงๆหรือ...
ทำไมไม่มีใครนึกถึง หรือบางทีอาจลืมไปแล้ว ว่าบัลลัค สมัยยังเป็นดาวรุ่ง เคยเป็นหนึ่งในทีมไกเซอร์สเลาเทิร์น ของ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเก้ล ชุดมหัศจรรย์ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ ทั้งๆที่เพิ่งเป็นน้องใหม่ร้ายบริสุทธ์เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นบุนเดสลีก้าในฤดูกาล 1997-98 และเขาก็เป็นนักเตะหน้าใหม่ที่ได้ลงสนามครั้งแรกในลีกสูงสุดครั้งแรกในปีนั้นซะด้วย ดีไม่ดีในตอนนั้นอาจมีหลายคนเรียกเขาว่าเป็น "ตัวเงินตัวทอง" เอ๊ย "ตัวนำโชค" ของทีมซะด้วยซ้ำไป
นอกจากนั้น ในปี 2002 ที่เขาย้ายไปร่วมทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค เขาก็สามารถกวาด "ดับเบิ้ลแชมป์" ของเยอรมัน มาครองได้ในฤดูกาลนั้นเลย แถมยังทำซ้ำได้อีกในปี 2005 ,2006 ซึ่งก็มีน้อยคนที่จะเป็นตัวหลักพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ 3 สมัยกับทีมๆหนึ่ง และระหว่างนั้น เขาก็ยังคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัว เป็นนักฟุตบอลแห่งปีของเยอรมัน ในปี 2002, 2003 และ 2005 บวกกับรางวัลมิดฟิลด์แห่งปีของยูฟ่า ในปี 2002 อีกด้วย
และแม้หลายคนจะกระแนะกระแหน ว่าบัลลัคย้ายมาเป็นดาวดับอับแสงที่เชลซี เพราะยังไม่เคยได้แชมป์ลีกหรือ แชมเปี้ยนส์ลีกมาครองเลยตั้งแต่ย้ายมา แต่อย่าลืมว่า ในปีแรกที่ย้ายมา เชลซีก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยได้นะ ซึ่งถ้าเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ทีมโรคจิตอย่างเชลซี ก็อาจจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมหาศาลไปแล้ว คิดรวมๆกันแล้ว เขาก็มีผลงานย้ายไปทีมไหน ทีมนั้นได้แชมป์เลยมา 3 ทีมเหมือนกัน เห็นอย่างงี้แล้ว จะหาว่าเขาจะเป็นตัวซวยอีกก็ใจดำเกินไปมั้ง
ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ต้องมีเหตุผล สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมาจากการกระทำของเรา มากกว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตอะไรทั้งนั้น ถ้าบัลลัคจะเป็นรองแชมป์ซะส่วนใหญ่ในอาชีพของเขา ก็เป็นเพราะเขายัง