นักวิทยาศาสตร์จะทดลอง เครื่องสร้างหลุมดำ พรุ่งนี่ครับ !!!!
ในวันที่ 10 กันยายนนี้ องค์กรวิจัยนิวเคลียร์ (European Organization for Nuclear Research) แห่งยุโรป หรือ CERN จะเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ Large Haldron Collider (LHC) เพื่อค้นหาคำตอบว่า จักรวาลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งการทดลองนี้เปรียบเหมือนกับการทดลองสร้างจักรวาลในหลอดแก้ว
การทดลองเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี นับเป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุด ใช้งบประมาณมากที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะเป็นการทดลองเพื่อไขความลับของเอกภพ ใช้นักฟิสิกส์กว่า 2,000 คน จาก 30 กว่าประเทศ และใช้เงินกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือ 260,000 ล้านบาท สร้างอุโมงค์ขนาดยักษ์ขดเป็นวงกลมยาว 18 ไมล์ ลึก 300 ฟุต ที่พรมแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส แถบนครเจนีวา
การไขความลับเอกภพนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีอนุภาคพระเจ้า หรือ "God Particle" หรือ "Higgs Boson" ของ ศ.ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระว่า อนุภาคนี้มีอยู่จริง
แม้ "แอลเอชซี" จะได้ชื่อว่า เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดย นายออตโต รอสเลอร์ นักเคมีชาวเยอรมัน กลับเห็นว่า มันมีโอกาสสร้างหลุมดำ ที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังอวกาศและเวลา
กลุ่มของรอสเลอร์ ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมด้านสิทธิมนุษยชนยุโรป เพื่อขอระงับการทดลอง โดยให้เหตุผลว่า "เป็นการละเมิดต่อสิทธิ์การดำรงชีวิตและละเมิดสิทธิ์ในการมีครอบ ครัว" เนื่องจากหวั่นว่า เมื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้ว จุดจบของโลกจะมาถึง ซึ่งภาพจินตนา การฝันร้ายที่สุดของมนุษย์ มี 2 แบบ
แบบแรก มีการเตือนภัยถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นช่วงเวลา 1 เดือน โลกจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีเหตุผลใดๆ ประกอบ เพราะแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนอีกแล้ว แต่จู่ๆ มันก็ไหว และไหวในทุกๆ พื้นที่ แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อน
แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือนจะถล่มราบเป็นหน้ากลอง น้ำทะเลเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว เกิดมหันตภัยสึนามิขนาดยักษ์ พัดถล่มพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล ฆ่าผู้คนนับล้าน จากนั้นจุดจบของโลกที่แท้จริงจึงมาถึง
โลกเริ่มมีรอยแยกขนาดใหญ่ ลาวาร้อนจัดใต้พื้นปฐพีไหลขึ้นมานองเต็มพื้นดิน มหาสมุทร จนท้องทะเลเดือดพล่าน เกิดเฮอริเคนขนาดยักษ์หลายลูกกระหน่ำโลก สิ่งก่อสร้างทุกชนิดพังทลาย ต้นไม้หักโค่น ภูเขาสูงถล่มลงมา เพราะแผ่นเปลือกโลกแตก
ทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นหินนับล้านๆ ตัน น้ำ อากาศ ชีวิตทุกชีวิต ถูกดูดเข้าไปในแรงดูดที่มองไม่เห็นแต่มีพละกำลังมหาศาล ถ้ามองลงมาจากอวกาศเบื้องบนจะเห็นว่า โลกสีฟ้าขาวไหลลงไปในหลุมดำด้วยความเร็วเพียงพริบตาเดียว
จินตนาการแบบที่ 2 คือ ไม่มีเวลาสำหรับการเตือนภัยใดๆ และเป็นหายนะที่รุนแรงกว่าแบบแรก โดยภายในเวลา 1 ใน 20 ของวินาที โลกทั้งใบจะหายไปจากจักรวาล จากนั้นอีกไม่ถึง 2 วินาที ดวงจันทร์จะหายไปด้วย 8 นาทีต่อมา ดวงอาทิตย์จะแตกเป็นเสี่ยง ตามด้วยดวงดาวทั้งหมดในระบบสุริยจักรวาล
การทำลายล้างขยายวงจากโลกของเราไปด้วยความเร็วแสง ทำให้มนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในจักรวาลอื่นตายไปด้วย และไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่จะหยุดยั้งหายนะนี้
อย่างไรก็ตาม "เซิร์น" โต้ว่า ไม่มีทางที่หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เพราะเห็นว่า เมื่อการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี เป็นการเร่งให้อนุภาคชนกันก็จริง แต่การชนกันของ "อนุภาคโปรตอน" ชนกันที่ระดับใกล้ความเร็วแสงนี้ มีพลังน้อยกว่าอนุภาคที่ชนกันในธรรมชาติเป็นอย่างมาก
"เซิร์น" เห็นว่า ถ้าการชนกันของอนุภาคทำให้โลกหายนะแล้ว การชนกันของอนุภาคในธรรมชาติของโลก ที่เกิดขึ้นยาวนานกว่าหมื่นล้านปี นับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบงก์เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน ก็จะทำให้โลกวินาศไปนานแล้ว นอกจากนี้ รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลก อันเกิดจากการชนกันของอนุภาค จนเกิดพลังงานที่สูงกว่าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีมาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เกิดผลร้ายแก่โลกแต่อย่างใด
ส่วนข้อวิตกที่ว่า จะเกิดหลุมดำกลืนกินโลก ก็ชี้แจงว่า หลุมดำขนาดเล็กที่เกิดจากการชนกันของอนุภาคจะหายไปในเวลาอันสั้น เพราะหลุมดำที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการชนกันของ "ควาร์ก" และ "กลูออน" ซึ่งอยู่ในอนุภาคโปรตรอน ดังนั้น จึงสลายไปอยู่ในรูปของอนุภาคที่สร้างหลุมดำนั้นขึ้นมาได้ ช่วงอายุของหลุมดำเล็กจึงสั้นมากๆ
ถ้าการทดลองชุดนี้ล้มเหลว เราอาจจะ...
แล้วเจอกันที่โน่นนะครับ ^0^
การทดลองเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี นับเป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุด ใช้งบประมาณมากที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะเป็นการทดลองเพื่อไขความลับของเอกภพ ใช้นักฟิสิกส์กว่า 2,000 คน จาก 30 กว่าประเทศ และใช้เงินกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือ 260,000 ล้านบาท สร้างอุโมงค์ขนาดยักษ์ขดเป็นวงกลมยาว 18 ไมล์ ลึก 300 ฟุต ที่พรมแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส แถบนครเจนีวา
การไขความลับเอกภพนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีอนุภาคพระเจ้า หรือ "God Particle" หรือ "Higgs Boson" ของ ศ.ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระว่า อนุภาคนี้มีอยู่จริง
แม้ "แอลเอชซี" จะได้ชื่อว่า เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดย นายออตโต รอสเลอร์ นักเคมีชาวเยอรมัน กลับเห็นว่า มันมีโอกาสสร้างหลุมดำ ที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังอวกาศและเวลา
กลุ่มของรอสเลอร์ ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมด้านสิทธิมนุษยชนยุโรป เพื่อขอระงับการทดลอง โดยให้เหตุผลว่า "เป็นการละเมิดต่อสิทธิ์การดำรงชีวิตและละเมิดสิทธิ์ในการมีครอบ ครัว" เนื่องจากหวั่นว่า เมื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้ว จุดจบของโลกจะมาถึง ซึ่งภาพจินตนา การฝันร้ายที่สุดของมนุษย์ มี 2 แบบ
แบบแรก มีการเตือนภัยถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นช่วงเวลา 1 เดือน โลกจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีเหตุผลใดๆ ประกอบ เพราะแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนอีกแล้ว แต่จู่ๆ มันก็ไหว และไหวในทุกๆ พื้นที่ แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อน
แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือนจะถล่มราบเป็นหน้ากลอง น้ำทะเลเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว เกิดมหันตภัยสึนามิขนาดยักษ์ พัดถล่มพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล ฆ่าผู้คนนับล้าน จากนั้นจุดจบของโลกที่แท้จริงจึงมาถึง
โลกเริ่มมีรอยแยกขนาดใหญ่ ลาวาร้อนจัดใต้พื้นปฐพีไหลขึ้นมานองเต็มพื้นดิน มหาสมุทร จนท้องทะเลเดือดพล่าน เกิดเฮอริเคนขนาดยักษ์หลายลูกกระหน่ำโลก สิ่งก่อสร้างทุกชนิดพังทลาย ต้นไม้หักโค่น ภูเขาสูงถล่มลงมา เพราะแผ่นเปลือกโลกแตก
ทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นหินนับล้านๆ ตัน น้ำ อากาศ ชีวิตทุกชีวิต ถูกดูดเข้าไปในแรงดูดที่มองไม่เห็นแต่มีพละกำลังมหาศาล ถ้ามองลงมาจากอวกาศเบื้องบนจะเห็นว่า โลกสีฟ้าขาวไหลลงไปในหลุมดำด้วยความเร็วเพียงพริบตาเดียว
จินตนาการแบบที่ 2 คือ ไม่มีเวลาสำหรับการเตือนภัยใดๆ และเป็นหายนะที่รุนแรงกว่าแบบแรก โดยภายในเวลา 1 ใน 20 ของวินาที โลกทั้งใบจะหายไปจากจักรวาล จากนั้นอีกไม่ถึง 2 วินาที ดวงจันทร์จะหายไปด้วย 8 นาทีต่อมา ดวงอาทิตย์จะแตกเป็นเสี่ยง ตามด้วยดวงดาวทั้งหมดในระบบสุริยจักรวาล
การทำลายล้างขยายวงจากโลกของเราไปด้วยความเร็วแสง ทำให้มนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในจักรวาลอื่นตายไปด้วย และไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่จะหยุดยั้งหายนะนี้
อย่างไรก็ตาม "เซิร์น" โต้ว่า ไม่มีทางที่หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เพราะเห็นว่า เมื่อการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี เป็นการเร่งให้อนุภาคชนกันก็จริง แต่การชนกันของ "อนุภาคโปรตอน" ชนกันที่ระดับใกล้ความเร็วแสงนี้ มีพลังน้อยกว่าอนุภาคที่ชนกันในธรรมชาติเป็นอย่างมาก
"เซิร์น" เห็นว่า ถ้าการชนกันของอนุภาคทำให้โลกหายนะแล้ว การชนกันของอนุภาคในธรรมชาติของโลก ที่เกิดขึ้นยาวนานกว่าหมื่นล้านปี นับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบงก์เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน ก็จะทำให้โลกวินาศไปนานแล้ว นอกจากนี้ รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลก อันเกิดจากการชนกันของอนุภาค จนเกิดพลังงานที่สูงกว่าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีมาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เกิดผลร้ายแก่โลกแต่อย่างใด
ส่วนข้อวิตกที่ว่า จะเกิดหลุมดำกลืนกินโลก ก็ชี้แจงว่า หลุมดำขนาดเล็กที่เกิดจากการชนกันของอนุภาคจะหายไปในเวลาอันสั้น เพราะหลุมดำที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการชนกันของ "ควาร์ก" และ "กลูออน" ซึ่งอยู่ในอนุภาคโปรตรอน ดังนั้น จึงสลายไปอยู่ในรูปของอนุภาคที่สร้างหลุมดำนั้นขึ้นมาได้ ช่วงอายุของหลุมดำเล็กจึงสั้นมากๆ
ถ้าการทดลองชุดนี้ล้มเหลว เราอาจจะ...
แล้วเจอกันที่โน่นนะครับ ^0^
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ย. 09, 2008 5:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แง่วๆ เค้าทดลองเรื่องการกำเหนิดโลกจ้า -0-
†Ecclēsia เขียน: ประมาณว่า จักรวาลนี้มีหลุมดำไม่พอ....เลยต้องสร้างขึ้นมาอีก
เชคชื่อกระทู้ด้วยค่ะŤaşArĐűŕ เขียน: แง่วๆ เค้าทดลองเรื่องการกำเหนิดโลกจ้า -0-†Ecclēsia เขียน: ประมาณว่า จักรวาลนี้มีหลุมดำไม่พอ....เลยต้องสร้างขึ้นมาอีก
"นักวิทยาศาสตร์จะทดลอง เครื่องสร้างหลุมดำ พรุ่งนี่ครับ !!!! "
ก็เลยคิดว่า จะมีหลุมดำเพิ่มขึ้นมาอีก1 (พอจะเก็ตหรือเปล่าหนอ???)
แหะๆ มันเป็นหัวข้อครับ ผมอ่านแล้วก็วิเคราะห์หัวข้อเอาเอง†Ecclēsia เขียน:เชคชื่อกระทู้ด้วยค่ะŤaşArĐűŕ เขียน: แง่วๆ เค้าทดลองเรื่องการกำเหนิดโลกจ้า -0-†Ecclēsia เขียน: ประมาณว่า จักรวาลนี้มีหลุมดำไม่พอ....เลยต้องสร้างขึ้นมาอีก
"นักวิทยาศาสตร์จะทดลอง เครื่องสร้างหลุมดำ พรุ่งนี่ครับ !!!! "
ก็เลยคิดว่า จะมีหลุมดำเพิ่มขึ้นมาอีก1 (พอจะเก็ตหรือเปล่าหนอ???)
- BloodyCross
- โพสต์: 413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 10, 2008 9:49 pm
- ที่อยู่: หน้าจอคอม
ถ้าจะตาย ก็ขอตายหลังรับศีลล้างบาป(อีกนาน)
ก็ประกาศตนก่อนจะตายใงครับ(ให้ทันภายใน 8วิ)baskingdom เขียน: ถ้าจะตาย ก็ขอตายหลังรับศีลล้างบาป(อีกนาน)
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เรียนๆอยู่แล้ววูบไปเนี่ยครับ
คงไม่ต้องสืบ
อิๆ
คงไม่ต้องสืบ
อิๆ
เซิร์นมีกำหนดยิงแสงแรก หรือการพยายามทดลองเดินเครื่องครั้งแรกเร่งอนุภาคแอลเอชซีในวันที่ 10 ก.ย.51 เวลา 09.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 14.15 น. ของวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย
มีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ http://webcast.cern.ch
เอามาจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNe ... 0000106876 คร๊าบ
ลองติดตามดูการถ่ายทอดสดได้ตามเวปที่ว่ามานะ
มีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ http://webcast.cern.ch
เอามาจาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNe ... 0000106876 คร๊าบ
ลองติดตามดูการถ่ายทอดสดได้ตามเวปที่ว่ามานะ
- thanachard
- โพสต์: 134
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 30, 2007 3:00 pm
- ที่อยู่: ฺBangkok, Thailand
น่ากลัวจัง
อย่างน้อยก็น่าจะแค่เกิดหลุมดำจำลองบนโลกเฉยๆนะครับ
สิ้นสุดการทดลอง ปี 53
หลุมดำก็จะค่อยๆหายไปเองครับ
แต่ผมอยากรู้จัง ว่าฝรั่งเขาคิดอะไรกันอยู่
แต่ต้องเกี่ยวกับศาสนา ในด้านไดด้านหนึ่งแน่ครับ
แต่ตัวผมนั้น...มั่นใจในพระองค์ครับ
สิ้นสุดการทดลอง ปี 53
หลุมดำก็จะค่อยๆหายไปเองครับ
แต่ผมอยากรู้จัง ว่าฝรั่งเขาคิดอะไรกันอยู่
แต่ต้องเกี่ยวกับศาสนา ในด้านไดด้านหนึ่งแน่ครับ
แต่ตัวผมนั้น...มั่นใจในพระองค์ครับ
ผมว่า หลับที่บ้านแล้ววูบดีกว่าLike_a_Heaven เขียน: เรียนๆอยู่แล้ววูบไปเนี่ยครับ
คงไม่ต้องสืบ
อิๆ
การทดลองเมื่อกี้ น่าจะประสปผลสำเร็จนะคับ เพราะผมดูถ่ายทอดสดว่ามันชนกันแล้ว เหตุการณ์ปรกติ
โอกาศเกิดหลุมดำ มีแค่ 1ใน 50 ล้านเองครับ
รวบรวมบทความครับ
บทความนี้เป็นตอนแรกของซีรีย์
โอกาศเกิดหลุมดำ มีแค่ 1ใน 50 ล้านเองครับ
รวบรวมบทความครับ
บทความนี้เป็นตอนแรกของซีรีย์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ย. 10, 2008 10:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แต่ยังงั้นก็เถอะนะครับ เขามีเหตุผลที่ต้องทำหรอก
Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน
เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่
เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิ
สิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกได
โนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012
คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน
การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก
โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล
คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ
"ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ >>>แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม
่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั
้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะห
มดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล
็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน
ซึ่งในความคิดของผม...
หากมันเป็นอย่างข่าวจริงๆ เขาก็คงทำถูกแล้วล่ะครับ เพราะคงไม่มียาน บรรทุกคนเพื่อหลบหนีชะตากรรมนี้ได้หมดโลกหรอก และ จะทำให้ย่นระยะเวลา ในการเดินทางไปดาวอื่นๆนั้นสั้นลงด้วยล่ะครับ
เพราะ อายุมนุษย์สั้นมาก
และการเดินทางไปกลับก็ร่วม 2 ปี(ไม่นับดวงจันทร์ )
ดีไม่ดีอาจจะย้อนเวลา หรือไม่ก็จะเอ๋กับอีกมิติก็ได้ครับ
เครดิต
.mtai.com
http://www.google.co.th/search?hl=th&q=Lhc&meta=
Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน
เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่
เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิ
สิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกได
โนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012
คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน
การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก
โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล
คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ
"ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ >>>แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม
่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั
้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะห
มดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล
็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน
ซึ่งในความคิดของผม...
หากมันเป็นอย่างข่าวจริงๆ เขาก็คงทำถูกแล้วล่ะครับ เพราะคงไม่มียาน บรรทุกคนเพื่อหลบหนีชะตากรรมนี้ได้หมดโลกหรอก และ จะทำให้ย่นระยะเวลา ในการเดินทางไปดาวอื่นๆนั้นสั้นลงด้วยล่ะครับ
เพราะ อายุมนุษย์สั้นมาก
และการเดินทางไปกลับก็ร่วม 2 ปี(ไม่นับดวงจันทร์ )
ดีไม่ดีอาจจะย้อนเวลา หรือไม่ก็จะเอ๋กับอีกมิติก็ได้ครับ
เครดิต
.mtai.com
http://www.google.co.th/search?hl=th&q=Lhc&meta=
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ย. 10, 2008 10:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
เจอกันโลกหน้าพี่น้อง...
ขอพระอวยพร
ขอพระอวยพร
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เมื่อวาน ร่ำลาเพื่อนไปหลายคนแล้ว เพราะคิดว่า จะตกหลุมดำไปแล้ว อิอิ
หลุมดำนะพี่ มะช่ายหลุมระเบิดJeab Agape เขียน:
เมื่อวาน ร่ำลาเพื่อนไปหลายคนแล้ว เพราะคิดว่า จะตกหลุมดำไปแล้ว อิอิ
ผมก็เป็นครับ เมื่อวานตกใจหมดเลยtaiyo เขียน: ขอนอกเรื่องหน่อยนะ ทำไมช่วงนี้ เข้าเว็บบอร์ดแห่งนี้ไม่ค่อยได้อ่ะครับ เข้าแล้วหลุดบ่อยจริงๆ ต้องพยายามหลายครั้งกว่าจะเข้าได้ แต่ก่อนก็เข้าได้ตามปกติ ไม่ทราบว่าเป็นที่ระบบของเว็บนี้อ่ะเปล่า หรือเป็นที่เน็ตผมเอง
สักวันพวกเขาคงเข้าใจครับk.kung เขียน: จะมาทดลองกันทำไมนะ ก็รู้อยู่แล้วว่าโลกนี้พระเจ้าเป็นคนสร้าง ใครจะมาเหนือกว่าพระเจ้าไม่ได้
ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยโทษเขาด้วย
เดี๋ยวการทดลองจะรู้ผลในอีกหลายสัปดาห์นะครับ
- Jack Sparrow
- โพสต์: 353
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am
เมื่อวานเรือไข่มุขดำของผมโดนหลุมดำดูดกลืนเข้าไปแล้ว แต่โชว์ดีที่กัปตันบาร์บอสซ่าทะลุมิติไปช่วยออกมาครับ ไม่ใช่ทุกคนเดินทางไปที่นั่นแล้วจะกลับมาได้ง่ายๆ นะครับ แต่ผมกลับมาได้อย่างปลอดภัย อิอิ
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 12, 2008 12:27 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.