Belong to the Truth Jesus Christ

ประกาศรับสมัครงาน

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ(ยส.)

       เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ดำเนินงานภายใต้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย มีความประสงค์รับเจ้าหน้าที่  

1. ฝ่ายการศึกษา 1 ตำแหน่ง

คุณสมบัติ

   * เพศหญิงหรือชาย  อายุระหว่าง 25-30  ปี
   * วุฒิปริญญาตรี ขึ้นไป
   * มีความรู้ และทักษะ ในการใช้คอมพิวเตอร์และภาษาอังกฤษ (ทั้งพูดและเขียน) ได้ดี
   * มีความสามารถในการค้นคว้า การวิเคราะห์ และการเขียนบทความ
   * มีประสบการณ์การในการทำงานอย่างต่ำ 3 ปี
   * จิตใจเปิดกว้างต่อการเรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน
   * นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จะพิจารณาเป็นพิเศษ


2. ฝ่ายสิทธิมนุษยชน 1 ตำแหน่ง

คุณสมบัติ

   * เพศหญิงหรือชาย อายุระหว่าง 25-30 ปี
   * วุฒิปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์
   * มีความรู้ และทักษะ ในการใช้คอมพิวเตอร์และภาษาอังกฤษ (ทั้งพูดและเขียน) ได้ดี
   * มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างต่ำ 3 ปี
   * มีความสามารถในการจัดอบรม
   * จิตใจเปิดกว้างต่อการเรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน


ผู้สนใจ ส่งจดหมายสมัคร พร้อมประวัติส่วนตัว หลักฐานการศึกษา รูปถ่าย 1 รูป และเงินเดือนที่ต้องการ ส่งมาที่

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ
2492 ซอยประชาสงเคราะห์ 24
ถนนประชาสงเคราะห์ เขตห้วยขวาง
กรุงเทพ 10400

สอบถามเพิ่มเติม 0-2277-4625 หรือ 0-2275-7783
หรือที่ email : jpthai@jpthai.org


หมดเขตรับสมัครวันที่ 31 ธันวาคม 2551

ตำแหน่ง2มีพิจารณาคาทอลิคเป้นพิเศษด้วยไหมครับ

เอิ๊กไม่มีประสบการณ์ อ่ะ - -" แต่จบนิติศาสตร์ อายุ25 ส่วนภาษาอังกฤษนี่ไม่แน่ใจแฮะร้างราไปนานแทบไม่ได้ใช้เลย
(แต่ปกติเด็กนิติ กะ เลขและภาษาอังกฤษ มักจะไม่ค่อยถูกกันนะครับ  )

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เอิ๊กไม่มีประสบการณ์ อ่ะ - -" แต่จบนิติศาสตร์ อายุ25 ส่วนภาษาอังกฤษนี่ไม่แน่ใจแฮะร้างราไปนานแทบไม่ได้ใช้เลย

อยกทราบว่ารับเด็กฝึกงานป่ะฮะ
เรียนนิติศาสตร์ด้านมหาชนมาโดยเฉพาะ เน้นหนักด้านสิทธิมนุษยชน ด้วย

ปล. กำลังหาที่ฝึกงาน ฮา...

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: (แต่ปกติเด็กนิติ กะ เลขและภาษาอังกฤษ มักจะไม่ค่อยถูกกันนะครับ  )

มันเปลี่ยนยุคแล้วกระมังฮะ
๑. จากตารางสถิติ เด็ก นิติ มธ. เป็นเด็กสายวิทย์มากกว่า ๕๐% และส่วนใหญ่ยื่นเลขเข้ามา
๒. ตั้งแต่คณะนิติศาสตร์บังคับเด็กเรียนวิชาศัพท์กฎหมายภาษาอังกฤษ และวิชาการอ่านเอกสารกฎหมายภาษาอังกฤษ
และยังมีภาษาอังกฤษขั้นเทพ (ข้าพเจ้าว่ามันพอๆ กัน TUGET เลยนะนั่น) เป็นข้อสอบสอบเข้าโดยวิธีรับตรง
ส่งผลให้เด็ก EP, Inter หรือเด็กเทพ Eng เป็นชนกลุ่มใหญ่ในคณะไปโดยปริยาย

...มีประเด็นที่เป็นคำถามว่า...ควรดีใจหรือไม่ดีอ่า...

ว ส ว สฺ ต์ เขียน: ส่งผลให้เด็ก EP, Inter หรือเด็กเทพ Eng เป็นชนกลุ่มใหญ่ในคณะไปโดยปริยาย

...มีประเด็นที่เป็นคำถามว่า...ควรดีใจหรือไม่ดีอ่า...

อยู่ที่ว่าพี่ท่านจะเป็นชนกลุ่มใหญ่หรือชนกลุ่มน้อยล่ะ 

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เอิ๊กไม่มีประสบการณ์ อ่ะ - -" แต่จบนิติศาสตร์ อายุ25 ส่วนภาษาอังกฤษนี่ไม่แน่ใจแฮะร้างราไปนานแทบไม่ได้ใช้เลย

อยกทราบว่ารับเด็กฝึกงานป่ะฮะ
เรียนนิติศาสตร์ด้านมหาชนมาโดยเฉพาะ เน้นหนักด้านสิทธิมนุษยชน ด้วย

ปล. กำลังหาที่ฝึกงาน ฮา...

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: (แต่ปกติเด็กนิติ กะ เลขและภาษาอังกฤษ มักจะไม่ค่อยถูกกันนะครับ  )

มันเปลี่ยนยุคแล้วกระมังฮะ
๑. จากตารางสถิติ เด็ก นิติ มธ. เป็นเด็กสายวิทย์มากกว่า ๕๐% และส่วนใหญ่ยื่นเลขเข้ามา
๒. ตั้งแต่คณะนิติศาสตร์บังคับเด็กเรียนวิชาศัพท์กฎหมายภาษาอังกฤษ และวิชาการอ่านเอกสารกฎหมายภาษาอังกฤษ
และยังมีภาษาอังกฤษขั้นเทพ (ข้าพเจ้าว่ามันพอๆ กัน TUGET เลยนะนั่น) เป็นข้อสอบสอบเข้าโดยวิธีรับตรง
ส่งผลให้เด็ก EP, Inter หรือเด็กเทพ Eng เป็นชนกลุ่มใหญ่ในคณะไปโดยปริยาย

...มีประเด็นที่เป็นคำถามว่า...ควรดีใจหรือไม่ดีอ่า...

จะฝึกงานด้านไหนอ่ะ ตอนนี้พี่ฝึกงานทนายอยู่อ่ะครับ
ว่าแต่เด๋วนี้เด็กนิติเป้นเด็กสายวิทย์แระเหรอ สมัยพี่นะ เด็กนิติ จะไม่ถูกกะตัวเลขและภาษาอังกฤษอย่างแรง -*-

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
จะฝึกงานด้านไหนอ่ะ ตอนนี้พี่ฝึกงานทนายอยู่อ่ะครับ

อ่า...ยังคิดไม่ออกเลยฮะ
ความจริงคณะก็ไม่ได้บังคับ แต่ถามใครก็บอกฝึก เลยต้องฝึกแบบตามกระแส (ฮา...)
วันจันทร์นี้ก็จะไป walk in ตาม Law Firm ดู (ด้วยคะแนนเฉลี่ยแค่เลข 7 นำหน้านิดๆๆ)
ถ้าไม่ได้ Firm ก็คงต้องร่อนหาหน่วยงานราชการหรือสำนักงานทนายความแล้วล่ะฮะ

อีกอย่าง เอชไม่อยากทำ Law Firm ด้วย เลยอยากฝึก Firm ดู
เพื่อให้แน่ใจว่า คิดถูกที่ไม่อยากเป็น
(ประเด็นหลักคือเงินเดือนมันดีขั้นเทพ ฮา...)

ถ้าหาเองแล้วแป้ว จะรบกวนพี่ละกันนะฮะ
(โอกาสแป้วเริ่มมาเยือน เพราะหลายๆ ที่ปิดรับสมัคร Summer Clerk ไปแล้ว มัวแต่ชักช้า เง้อ...)

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: ว่าแต่เด๋วนี้เด็กนิติเป้นเด็กสายวิทย์แระเหรอ สมัยพี่นะ เด็กนิติ จะไม่ถูกกะตัวเลขและภาษาอังกฤษอย่างแรง -*-

คือเอชว่า เด็กวิทย์เข้ากับนิติศาสตร์มากกว่าเด็กศิลป์ นะฮะ
เพราะเรียนหลักการใช้เหตุและผล การพิจารณาความเป็นจริง ไม่อยู่ในจินตนาการและความสวยงามเท่าไหร่
และอีกอย่างเอชมองว่า คณิตศาสตร์ กับ นิติตรรกะ เป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกันมาก
เวลาปรับบท เอชก็ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์บ่อยๆ คะแนนดีด้วย ...ฮา....

sasuke เขียน:

ว ส ว สฺ ต์ เขียน: ส่งผลให้เด็ก EP, Inter หรือเด็กเทพ Eng เป็นชนกลุ่มใหญ่ในคณะไปโดยปริยาย

...มีประเด็นที่เป็นคำถามว่า...ควรดีใจหรือไม่ดีอ่า...

อยู่ที่ว่าพี่ท่านจะเป็นชนกลุ่มใหญ่หรือชนกลุ่มน้อยล่ะ 

อ้าวนี่เราเป็นชนกลุ่มใหญ่หรอ
คริๆ
กล้าพูดเนอะคนเรา -*-

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
จะฝึกงานด้านไหนอ่ะ ตอนนี้พี่ฝึกงานทนายอยู่อ่ะครับ

อ่า...ยังคิดไม่ออกเลยฮะ
ความจริงคณะก็ไม่ได้บังคับ แต่ถามใครก็บอกฝึก เลยต้องฝึกแบบตามกระแส (ฮา...)
วันจันทร์นี้ก็จะไป walk in ตาม Law Firm ดู (ด้วยคะแนนเฉลี่ยแค่เลข 7 นำหน้านิดๆๆ)
ถ้าไม่ได้ Firm ก็คงต้องร่อนหาหน่วยงานราชการหรือสำนักงานทนายความแล้วล่ะฮะ

อีกอย่าง เอชไม่อยากทำ Law Firm ด้วย เลยอยากฝึก Firm ดู
เพื่อให้แน่ใจว่า คิดถูกที่ไม่อยากเป็น
(ประเด็นหลักคือเงินเดือนมันดีขั้นเทพ ฮา...)

ถ้าหาเองแล้วแป้ว จะรบกวนพี่ละกันนะฮะ
(โอกาสแป้วเริ่มมาเยือน เพราะหลายๆ ที่ปิดรับสมัคร Summer Clerk ไปแล้ว มัวแต่ชักช้า เง้อ...)

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: ว่าแต่เด๋วนี้เด็กนิติเป้นเด็กสายวิทย์แระเหรอ สมัยพี่นะ เด็กนิติ จะไม่ถูกกะตัวเลขและภาษาอังกฤษอย่างแรง -*-

คือเอชว่า เด็กวิทย์เข้ากับนิติศาสตร์มากกว่าเด็กศิลป์ นะฮะ
เพราะเรียนหลักการใช้เหตุและผล การพิจารณาความเป็นจริง ไม่อยู่ในจินตนาการและความสวยงามเท่าไหร่
และอีกอย่างเอชมองว่า คณิตศาสตร์ กับ นิติตรรกะ เป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกันมาก
เวลาปรับบท เอชก็ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์บ่อยๆ คะแนนดีด้วย ...ฮา....

    ถ้าฝีกงานหน่วยงานราชการน่าจะมีสิทธได้มากกว่านะเพราะสำนักงานทนายความ ส่วนใหญ่จะรับเฉพาะคนที่สอบผ่านใบอนุญาตว่าความภาคทฤษฎีมาแล้วอ่ะนะ แต่ Law Firm นี่ถ้าเก่งภาษาอังกฤษแล้วมีใบอนุญาตว่าความนะ ลายเซ่นต์แกร๊กเดียว ใบละ 300 บาท *0*

    สงสัยยุคสมัยเปลี่ยนไปแระ สมัยก่อนนี่เด็กที่มาเรียนนิติคือกลุ่มที่เกลียดเลขเข้ากระดูกดำ (รวมไปถึงภาษาอังกฤษด้วย) ที่แน่ๆได้ข่าวมาว่าพวกหมอก็มาเรียนนิติเพิ่มกันหลายคน มาแย่งงานตูอีก - -"

Starry Night เขียน: อ้าวนี่เราเป็นชนกลุ่มใหญ่หรอ
คริๆ
กล้าพูดเนอะคนเรา -*-

เช่นกันฮะ...แต่แอบโง่ Eng อยู่ดี ฮา...

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:      ถ้าฝีกงานหน่วยงานราชการน่าจะมีสิทธได้มากกว่านะเพราะสำนักงานทนายความ ส่วนใหญ่จะรับเฉพาะคนที่สอบผ่านใบอนุญาตว่าความภาคทฤษฎีมาแล้วอ่ะนะ แต่ Law Firm นี่ถ้าเก่งภาษาอังกฤษแล้วมีใบอนุญาตว่าความนะ ลายเซ่นต์แกร๊กเดียว ใบละ 300 บาท *0*

     สงสัยยุคสมัยเปลี่ยนไปแระ สมัยก่อนนี่เด็กที่มาเรียนนิติคือกลุ่มที่เกลียดเลขเข้ากระดูกดำ (รวมไปถึงภาษาอังกฤษด้วย) ที่แน่ๆได้ข่าวมาว่าพวกหมอก็มาเรียนนิติเพิ่มกันหลายคน มาแย่งงานตูอีก - -"

อ่า...ปกติเวลาฝึกงาน Summer Clerk ของปีสาม
ก็จะฝึก Law Firm กันนะฮะ มีน้อยมากที่ไปฝึกงานตามหน่วยงานราชการ
(เพราะกลัวต้องไปเดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร ชงกาแฟ)

และประเด็นหลักๆ คือ Law Firm เงินดีเว่อร์..
แค่ฝึกงานได้เลข ๕ หลัก (แถมเลขนำหน้าไม่ใช่เลข ๑ ฮา...)
แถมได้ทำงานจริงๆ จังๆ แต่เขาจะ required คะแนนเฉลี่ยน 70+ เป็นส่วนใหญ่

ส่วนฝึกงานที่บอกว่ารับคนผ่านตั๋วทนายภาค ๑ มาแล้ว
อันนั้นมันฝึกเพื่อเก็บ ๖ เดือน ป่ะฮะ
ถ้าใช่...สังเกตว่าส่วนใหญ่จะไม่ฝึกกัน จะให้เซ็นให้เลย (เง้อ...)

ไม่ใช่แค่นั้นฮะ...คนที่สอบติดหมอแล้วไม่เอา มาเรียนนิติ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อนรุ่นในโต๊ะข้าพเจ้าประมาณ ๓ คน (จาก ๒๐) ที่ติดหมอแล้วสละสิทธิ์มาเรียนนิติ (รวมข้าพเจ้าด้วย ฮา..)
ส่วนรุ่นน้องข้าพเจ้าในโต๊ะก็ ๓-๔ คนไม่แน่ใจที่ไม่เรียนหมอ

ยุคมันเปลี่ยนไป...เพราะคนไม่อยากเสี่ยงกับความรับผิดชอบของหมอ
อีกอย่าง...เรียนนิติ แล้วไปทำ firm เงินมันดีกว่าหมอจริงๆ แต่หนักไปหน่อย
และออกแนวนักกฎหมายขายวิญญาณไปเยอะ (แหะๆ หลอกเอาเงินฝรั่ง)

ข้าพเจ้าว่า ๓๐๐ ถูกไปนะฮะ
พี่ที่ข้าพเจ้ารู้จัก...ทำ firm รับปรึกษากฎหมายคิดชั่วโมงละ ๒๐๐ US ต่อ ทนายหนึ่งคน
ถ้าร่างสัญญาคิดหน้าละ ๕๐๐ เหรียญ (ขั้นต่ำ)
ถ้าต้องการทนายมากกว่าหนึ่งก็ให้คูณจำนวนหัวเพิ่ม

ก็เลยอยากไปฝีก Firm เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ชอบ
เลยอยากไปฝึกเพื่อให้มั่นใจว่า...ไม่ชอบจริงๆ (ว๊อยยส์)

ความสามารถสูงกันจัง ความสามารถเราไม่อาจเอื้อม


Law Firm .. ความใฝ่ฝันของเด็กนิติสมัยนี้เลยเนอะ ช่วยไม่ได้ก็ค่าตอบแทนมันสูงซะ

เราไปเดินทางสายระหว่างประเทศดีกว่า (ยากกว่าเดิมอีก 555+)

แต่เราก็คนหนึ่งอ่ะ ที่เรียนสายศิลป์ภาษามา และเราก็ไม่คิดว่า เด็กสายวิทย์จะสามารถเรียนได้ดีกว่าสายศิลป์ภาษาด้วย ที่คณะเราคนที่เข้ามาเป็นที่หนึ่งและจบออกไปเป็นที่หนึ่งเกือบทุกปีก็เด็กศิลป์ภาษา