หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 4:00 pm
โดย ~@Little lamb@~
เป็นการเล่าเรื่อง เหมือนเราอยุ่ในเหตุการณ์ในยุคนั่นอ่ะนะคะ
โดยมีเจ้าของร้านคนหนึ่งช่างเม้าท์นำเรื่องค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

             สวัสดีครับ  เชิญเข้าพักรับประทานอาหารเที่ยงรสชาติเยอรมันตำรับดั้งเดิมของแท้โบรานจากบาวาเรีย
ที่ผมพ่อครัวลงมือปรุงพิเศษหากินที่ไหนไม่ได้ในเขตรอบเมืองชาคราแมนโต้จุดตื่นทองที่ดังสุดโลก 
เชิญลงจากหลังม้าเอาม้าเข้าโรงพักข้างร้านของผม  ผมมีลูกมือเป็นชาวจีนที่จะดูแลม้าของคุณทั้งหมด 
จะเอาแปรงขนนุ่มลูบตัวม้าของคุณ  จะเอาน้ำเอาข้าวโพดให้กิน  ประคบประหงมให้ฟื้นคืนกำลัง  และมีเรี่ยวแรงเดินทางต่อ
รูปภาพ

โอ๊ะ! ม้าของคุณทั้งสองรูปร่างสูงสง่าเป็นพันธุ์อารเบียนที่หายากในละแวกแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ 
เท่าที่ผมรู้ม้าตระกูลสูงอาชาไนยนี้  เป็นม้าที่เจ้าของทุ่งปศุสัตว์เชื่อสายสเปนเลี้ยงไว้ขี่กันละแวกตอนกลางและตอนใต้ของรัฐ
รูปภาพ

อ้า!!  คุณสองคนพึ่งจะแต่งงาน  แล้วท่องเที่ยวเดินชมศูนย์แพร่ธรรมคาทอลิค 21 แห่งซึ่งเก่าแก่เป็นร้อย ๆ ปี
ของประเทศสเปนที่ตั้งเป็นจุด ๆ ชายขอบมหาสมุทรแปซิฟิคของรัฐเรา


อ้อ! คุณผู้หญิงมีเชื้อสายของชาวสเปน  มิน่า..ใบหน้าคมงามตากลมกว้าง

อ้อ! คุณผู้หญิง  รู้จักพระสงฆ์เจ้าอาวาสของศูนย์แพร่ธรรมหลายองค์ 
รูปภาพ

        อืม~ผมฟังแล้วทึ่ง เดียวเชิญนั่งก่อนผมจะเอาเนื้อหมูชุบแป้งทอด  เอาห่อผักกาดดองเปรี้ยมมาให้กิน 
แล้วจะเอาน้ำแอปเปิ้ลคั้นมาให้ดื่ม  แล้วตบท้ายรายการด้วยแอ้ปเปิ้ลพายบาวาเรีย  รับรองว่ากินแล้วต้องติดใจ

เฮ้ย! คุณผู้หญิงบอกว่าน้ำแอปเปิ้ลคั้นจืดชืดเหมือนน้ำเปล่า  อ้อ! ไม่ใช่หรือครับ   คุณผู้ชายบอกว่ายังไงครับ? 
อ้อ! น้ำแอ้บเปิ้ลคั้นดื่มแล้วสดชื่นน้ำเปล่าเทียบไม่ได้  ขอบคุณครับ...

คุณผู้หญิงนี่มีความรู้รอบตัวเฉียบมาก  ผมฟังแล้วต้องยอมรับว่าทุกสิ่งที่พูดมาเกี่ยวกับศูนย์แพร่ธรรมเก่าแก่ 21 แห่งนี้ถูกต้องเกือบหมด
รูปภาพ
ถูกแล้วครับ  จริง ๆ แล้วรัฐแคลิฟอร์เนียของเรานี่  พึ่งจะประกาศเอกราชจากประเทศเม็กซิโกเมื่อปี ค.ศ. 1848 
สิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เองแคลิฟอร์เนียเคยเป็นจังหวัดเล็ก ๆ จังหวัดหนึ่งของประเทศสเปนตั้งแต่ปีค.ศ. 1493 โน่น  สเปนไม่ได้สนใจใยดีนัก 
เริ่มมีการอพยพโยกย้ายแล้วตั้งรกรากจริง ๆ เมื่อปี ค.ศ. 1769  เมื่อสเปนแพ้สงครามประกาศอิสรภาพของประเทศเม็กซิโก 
แคลิฟอร์เนียก็ตกเป็นของเม็กซิโกเมื่อปี 1821 แล้ว แคลิฟอร์เนียก็ตกเป็นของสหรัฐอเมริกาเมื่อเม็กซิโกแพ้สงครามเมื่อปี 1848
อย่างที่คุณผู้หญิงได้เอ่ยถึงแล้วก็ถึงยุคตื่นทองของแคลิฟอร์เนียที่ดังสุดโลกเมื่อปี 1848-1855 ผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกมุมโลก 
ยุโรป  อเมริกากลาง  อเมริกาใต้และเอเชีย  ซึ่งมีชาวจีนบุกลุยข้ามมหาสมุทรแปซิฟิค  เป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 
ซึ่งถ้าคุณผู้ชายคุณผู้หญิงอยากจะให้ผมเล่าหลังจากอาหารเที่ยงแล้วผมยินดีจะเล่าแลกเปลี่ยนเรื่องราวให้ฟัง...

เฮ้ย!  คุณผู้หญิงบอกว่าแอปเปิ้ลพายบาวาเรียของผมมีแต่แป้งงมหาเนื้อแอปเปิ้ลไม่เจอ?
อ๋อ..ไม่ใช่หรือครับ  อ๋อ..คุณผู้หญิงบอกว่าแป้งกรอบนิ่มทานอร่อยเยอะถูกใจดี  ขอบคุณครับ

อืมม์~  คุณผู้หญิงนี่รู้จริงรู้ลึกเกี่ยวกับศูนย์แพร่ธรรม 21 แห่งนี้ถูกต้องแล้วครับ  ศูนย์แพร่ธรรมนี้ได้ถูกสร้างขึ้นช่วงคศ. 1769-1823
เก่าแก่ที่สุดคือศูนย์แพร่ธรรมซานดิเอโก้ตอนใต้ของรัฐและล่าสุดก็คือศูนย์แพร่ธรรมซานฟรานซิสโกใกล้ ๆ นี่เอง 
ศูนย์เหล่านี้ถูกก่อสร้างด้วยคุณพ่อคณะฟรังซิสกัน  เยซูอิทและคอมินิกัน  จริง ๆ แล้ว  กษัตริย์สเปนไม่อยากให้สร้างเพราะ
พระองค์ต้องการเอาชนพื้นเมืองหรืออินเดียนแดงที่พวกเราเรียกติดปากนี้เป็นทาสเอาแรงงานปลูกผลหมากรากไม้  ดูแลสัตว์เลี้ยง 
แต่พระสันตะปาปาทรงมีพระบัญชาเฉียบขาดว่าห้ามค้าทาส  ให้อิสระชนพื้นเมืองนับถือศาสนาคาทอลิค
รูปภาพ
ศูนย์แพร่ธรรมนี้  มีลักษณะเป็นอารามมีวัดมีที่พักของคุณพ่อมีกำแพงล้อมรอบ  มีสวนปลูกต้นไม้ 
ข้างนอกบริเวณเป็นไรพักแล้วคอกสัตว์  วัดกำแพง  ได้กำลังกายกำลังใจ  แรงศรัทธาของชนพื้นเมืองลุยสร้างให้จากดินเหนียวผสมฟางแห้ง
รูปภาพ
น่าเสียดายที่ศูนย์แพร่ธรมมเหล่านี้ได้ถูกยึดครองหรือทำลายละทิ้งเมื่อประเทศเม็กซิโกยึดแคลิฟอร์เนียธรรมฑูตโดนขับไล่ทำร้าย

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 4:23 pm
โดย ~@Little lamb@~
        พูดถึงคุณพ่อนักบวชที่สร้างศูนย์แพร่ธรรมเหล่านี้แล้วผมก็อยากจะบอกว่า  ผมมีความผูกพันกับคณะดอมินิกันเป็นพิเศษ
ผมเป็นเณรเก่าของคณะดอมินิกันสมัยเด็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ ของบาราเซียตอนใต้ของประเทศเยอรมนีครับ

อ๋อ  ขอบคุณที่ให้ความสนใจเรื่องราวส่วนตัวของผมครับ
ผมชื่อ แม็กซิมิเลี่ยน เบ็กเกอร์ (MAXMILIAN BECKER)  เรียกผมง่าย ๆ ว่า “แม็กซ์” ก็แล้วกันนะครับ 
คุณพ่อผมตั้งชื่อตามพระนามของแม็กซ์มิเลี่ยนมหาราช  กษัตริย์เยอรมันโบราณผู้ยิ่งยง  นามสกุลของผมมีความหมายว่า
“ผู้อบ ผู้ทำขนมปัง ขนมพาย” ตามต้นตระกูลของฝ่ายพ่อ
ถูกต้องแล้วครับ  ผมลูกชายได้สูตรลับแล้วก็นำมาเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ  เลี้ยงครอบครัวจนทุกวันนี้
แต่ช้าก่อนอย่าใจร้อนนึกว่าผมลุยมหาสมุทรแอตแลนติคแทบเอาชีวิตไม่รอดแล้วมาตั้งรกรากขายอาหาร 
เรื่องมันสลับซับซ้อนตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าละครเพลงที่สาวงามในเมืองซานฟรานซิสโกนิยมร้องนิยมรำหลายเท่านัก

เฮ้ย!  คุณผู้หญิงว่า  ลีลาผมมาก  น่าหมั่นใส้?
อ๋อ..  ไม่ใช่หรือครับ  อ๋อ  คุณผู้หญิงบอกตื่นเต้นอยากฟังขวัญระทึกรอเกือบไม่ไหว!  ขอบคุณครับ!

โทษทีครับ  ไปถึงไหนแล้วครับนี่?
อ๋อ.. ถึงสองสาวงามในเมืองซานฟรานซิสโก
คุณพ่อคุณแม่ผม มีร้านขายขนมปังขนมพายในเมืองเล็ก ๆ  ใกล้เมืองมิวนิค  หรือ  มันเซิ่น  (MUNICH, MUNCHEN) 
เป็นคาทอลิกเคร่งครัด  มีลูก 9 คน  หญิง 5 ชาย 4  ผมเป็นลูกชายคนสุดท้อง  ผมชอบไปวัดฟังมิสซาสวด 
แล้วรู้จักกับคุณพ่อเจ้าอาวาสคณะดอมินิกัน  ท่านเห็นผมมีแววจะเป็นนักบวช  เลยออกปากบอกคุณพ่อคุณแม่ของผมให้ลองเข้าอารามดู
ผมตอนนั้นอายุประมาณ  14  ปีกว่า  ยังเด็กอยู่  เข้าเรียนไม่ได้เลยป้วนเปี้ยนในวัดสนิทสนมกับเณรรุ่นใหญ่  พออายุ  18 
ผมก็ตัดสินใจสมัครเข้าอาราม ในอารามมีที่เก็บเหล้าองุ่น  และเบียร์ที่เหมือนกันเป็นกับดักเป็นเครื่องลองใจผมที่เก็บเหล้าองุ่นและเบียร์นี้ 
เป็นห้องใต้ดินชื้นอับเก็บความเย็น  เจ้าอาวาสท่านไว้ใจผมเพราะผมเป็นลูกศิษย์คนโปรด  เรียกใช้ให้ไขประตูเอาเหล้าองุ่นและเบียร์ให้ท่านเป็นประจำ 
มีวันนหึ่ ผมเกิดความรู้สึกอยากจะแอบดื่มเหล้าองุ่นและเบียร์ให้สาใจ  ได้สติผมก็ใช้แส้ขนม้าโบยตีขับไล่ความคิดชั่วให้หมด 
สวดมนต์ทำพิธีกรรมใช้โทษบาป  แต่อนิจจายิ่งทรมาณตัวเองผมก็ยิ่งอยากดื่มทนไม่ไหวในที่สุดผมก็แอบลงห้องใต้ดิน 
เปิดขวดเหล้าองุ่นทุบก๊อกถังเบียร์ดื่มจนสลบเมามายไม่ได้สติ  เจ้าอาวาสให้รุ่นพี่ตามหาผม  เมื่อเจอท่านก็ให้ชำระตัวแล้วทำโทษใช้บาป 
ผมทุบตีตัวเองจนเนื้อตัวเขียวดำฟกช้ำ  สวดมนต์ภาวนา  แต่อนิจจาวาสนาของผมน้อย 
ไม่ได้เป็นนักบวชดอมินิกันเหมือนท่านนักบุญและนักปราชญ์โทมัส อไควนัส  ผู้เขียนหนังสือดังและทันโลก 
“ชุมมาเทโอโลจิกา  (SUMMA  THEOLOGICA)  ที่เรียกว่า  “แนวทางคำสอนของคริสต์ศาสนา”  ผ่านบ่วงผจญอันแรก 
แล้วผมก็เจอบ่วงผจญอันที่สอง  ที่เป็นจุดจบของความหวังจะเป็นนักบวชดอมินิกัน
วันอาทิตย์วันนั้นเป็นวันที่มีมิสซาสง่ายิ่งใหญ่  เพราะขุนนางเก่าให้เกียรติมาร่วมพิธี  ผมเป็นผู้เก็บถุงทานกับเพื่อนรุ่นพี่
ผมเดินเก็บทานสายตาเพ่งที่พื้นวัดสำรวมกายสำรวมตัวแล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องเพ่งจนผมรู้สึกต้องเงยหน้ามอง 
สุภาพสตรีสูงศักดิ์วัย 16  ลูกสาวสวยขุนนางท่านนั้นยิ้ม  ให้ไมตรีจนมือผมสั่น
จิตใจที่อยากจะรับใช้เพื่อนมนุษย์เทิดพระเกียรติพระเป็นเจ้าของผมก็พลันสลายหายไปจากใจ  ความรักครอบงำจนผมต้องลาสิกขาบท
แล้วผมก็พบกับบทเรียนชีวิตอันยิ่งใหญ่ในชีวิตอีกบท  เธอเป็นดอกฟ้าสูงศักดิ์เกินเอื้อม  ผมเป็นลูกจ้างของร้านอบขนม  อบพาย
เมื่อผมทนพิษรักไม่ไหว  ผมก็บากหน้าไปคฤหาสน์ของขุนนางท่านนั้น  อยากจะขอพบลูกสาวท่าน  ท่านยิ้มสุภาพแล้วให้ผมนั่งคอย 
เมื่อลูกสาวท่านเดินมาในห้อง  ท่านก็ขอตัวแยกไป
โซฟี  เฮอร์แมนน์  (SOPHIE  HERNANN) นามสกุล  นักรบทหารกล้ายิ้มงามแล้วบอกผมว่า  ขอโทษที่ทำให้ผมเข้าใจผิด 
ผมแสนอับอายเจ็บปวดรวดร้าวใจกล่าวลา  แล้วกลับบ้านบอกพ่อแม่ขอไปรัฐแคลิฟอร์เนียหนีอายจะไปผจญโชคผจญภัย 
เพราะได้ข่าวว่ามีการตื่นทองในปี 1848
รูปภาพ
ผมเดินทางข้ามมหาสมุทรแล้ว  ร่วมขบวนเกวียนเข้าเส้นทางโอเรกอน  ผมเดินตลอดเกือบ 3,200  กิโลเมตรเพราะไม่มีม้า 
เอาแรงกายแลกอาหารลุยเกือบ 6 เดือนก็ถึงโอเรกอน  รับจ้างแบกหาม  ตัดไม้  ดูแลสัตว์ในทุ่งปศุสัตว์แล้วก็เก็บเงินซื้อม้า 
เดินทางลงมาที่เมืองซาครามนโต้  จุดตื่นทองของฤดูแล้งปี 1849
คุณผู้ชายพูดถูกแล้วครับ  ตัวเลข 49 ที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันนี่  มีความเป็นมาจากตื่นทองปี 1849  นี้เอง 
ผู้คนนักผจญภัยหลั่งไหลเป็นหมื่น ๆ จากทุกมุมโลก  คำว่า 49 เลยฮิตติดปากกันมา

เฮ้ย!  คุณผู้หญิงบอกผมว่า  สมน้ำหน้าหุ่นถังเบียร์  สาวที่ไหนจะสนใจ
อ๋อ!  ไม่ใช่หรือครับ  อ๋อ!...คุณผู้หญิงบอกว่า  เบียร์คงจะมีรสชาติอร่อยสุดที่ผมจะระงับจิตใจได้  น่าเห็นใจจริง ๆ  ขอบคุณครับ

โอ...คุณผู้หญิงนี่มีความรู้รอบตัวเฉียบคมจริง ๆ  ถูกแล้วครับ  เมืองซาตราเมนโตนี้  เป็นเมืองที่มีความหมายว่าศีลศักดิ์สิทธิ์ 
พระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของเราเป็นภาษาสเปน  (SACRAMENTO = ศีลศักดิ์สิทธิ์)
คุณผู้หญิงผู้ชายจะรับไส้กรอกบาวาเรีย  เป็นของว่างมั้ยครับจะเอาน้ำแอ้บเปิ้ลคั้นอีกรึเปล่า?
อ้อ...ไม่ชอบหรือครับ?
อ๋อ...ชอบแต่อยากจะจิบน้ำเย็นล้างคอ  เชิญตามสบายครับ
จุดพบทองครั้งแรกนี้  เป็นริมลำธารเล็ก ๆ ของแม่น้ำอเมริกาที่ไหลผ่านโรงงานผลิตไม้ของจอห์น ซัตเตอร์  (JOHN  SUTTER) 
รูปภาพ

ผู้ค้นพบก็คือ  เจมส์  มาร์แชล  (JAMES  MARSHALL)
รูปภาพ

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 4:30 pm
โดย ~@Little lamb@~
    หัวหน้าคนงานที่  จอห์น  ซึ่งเป็นเจ้าของทุ่งปศุสัตว์  เลี้ยงวัว  ถึง  12,000  ตัวมีคนงานเป็นร้อย ๆ 
สั่งให้ตัดโค่นต้นไม้จะเผาไฟใช้ในทุ่งปศุสัตว์
เจมส์บอกว่า  สายตาของเขากระทบสิ่งหนึ่งที่เป็นประกายต้องแสงแดด  เอื้อมมือหยิบก็ได้ก้อนทองขนาดเมล็ดถั่วลันเตา
แล้วก็เก็บได้อีกหลายก้อน  มันเป็นวันที่ 24 มกราคม 1848 วันที่พลิกประวัติศาสตร์โฉมหน้าของรัฐแคลิฟอร์เนีย  และสหรัฐอเมริกาและโลก
รูปภาพ
ตื่นทองที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์  ไม่ได้เป็นข่าวประกาศเปรี้ยงปร้าง  เพราะเจมส์กับจอห์นกลัวมีคนจะมาทำลายพื้นที่ ๆ เป็นทุ่งปศุสัตว์ 
ไม่ได้มีความสนใจปิดข่าวจะสร้างอาณาจักรเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย  ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน
ผู้ค้นพบและเป็นผู้ที่ควรจะรวยก็กลายเป็นผู้พ่ายแพ้ในชีวิต  ทุ่งปศุสัตว์ขาดทุนยับเยิน  แม้กระทั่งเมื่อมีผู้คนหลั่งไหลตื่นทองมากเป็นหมื่น ๆ 
จอห์นก็ไม่ได้สนใจไปร่วมขุดร่วมหา
ข่าวลือของการค้นพบทองได้แพร่สพัดไปทั่วบริเวณ  ผู้คนฟังแล้วหัวเราะว่าเป็นเรื่องชวนหัวเพ้อฝัน 
แต่ในกลุ่มผู้ได้ยินเรื่องราวนั้น  มีพ่อค้าหัวใสผู้หนึ่งชื่อ  แซมเบรนนัน  (SAM  BRANNAN)  ที่เป็นผู้พลิกโฉมโลกด้วย
กลวิธีการค้าที่แยบยล  แซมไม่ได้สนใจจะไปขุดทอง  แซมจะขายเครื่องมือเครื่องใช้ให้พวกนักแสวงโชค
รูปภาพ
แซมพ่อค้าในเมืองซานฟรานซิสโกกว้านซื้อจอบ  พลั่ว  ถัง  ถาด  ตระแกรง  และเครื่องมือเครื่องใช้อื่น ๆ
ในการขุดหาทอง  เมื่อซื้อจนหมดทุกร้าน  พ่อค้าหัวใส  ก็วิ่งตามถนนหนทางประกาศป่าวร้องสุดลำคอว่า 
“ทอง..ทอง..ที่แม่น้ำอเมริกา!”  แล้วชูขวดอวดฝุ่นทอง
ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลไปแสวงโชค  แต่ชาวบ้านฝั่งตะวันออกของประเทศเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไร 
กลัวว่าจะเป็นข่าวลือเท่านั้นเอง  ต้องคอยให้รัฐบาลออกมาแถลงชี้แจง
ประธานาธิบดี  เจมส์  โพล็ค  (JAMES  POLKS)  ประธานาธิบดีคนที่ 11 ของสหรัฐ  ก็ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าเป็นจริง 
ในปลายเดือนธันวาคม  ปี ค.ศ.1848
รูปภาพ
ความแตกตื่นโกลาหลก็ยังเกิดขึ้นทุกครัวเรือนในประเทศพูดถึงทอง  ที่สามารถจะเปลี่ยนฐานะ  อนาคต 
จากความยากจนตกอับ  ล้มเหลวในการงานการค้า  ฝันเฟื่อง  แล้วทุกชนชั้น  ทุกอาชีพ  เด็กหนุ่ม  ผู้ใหญ่
สามีก็กล่าวอำลาครอบครัวคนรัก  มุ่งหน้าสู่เมือซากราเมนโต้ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  จะพยายามทำความฝันให้เป็นความจริง 
บ้างก็ใช้เส้นทางโอเรกอนลุยจากรัฐมิสซูรี่ข้ามทุ่งราบ  ป่า  ภูเขา  สู่รัฐโอเรกอน  แล้วเดินเข้าสู่เมืองซาคราเมนโต้ 
บ้างก็นั่งเรืออ้อมลงอเมริกาใต้  จากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค  เข้าชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก  บ้างก็ลงเรือข้ามคลองปานามา
ตัดสู่ตอนกลางของทวีปอเมริกากลางเข้ามหาสมุทรแปซิฟิค
รูปภาพ
ผู้คนทั่วโลกแตกตื่น  ความหวังบรรเจิดเหนือชาวอเมริกัน  ทยอยกันข้ามมหาสมุทรจากยุโรป  เอเชีย  อเมริกากลาง  และ  อเมริกาใต้
ประมาณว่ามีเป็นแสน ๆ ที่หลั่งไหลเข้าขุมทอง  มันเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์โลก  ดวงดีก็เจอทอง 
ดวงไม่ดีก็ชวด  ดวงดีเจอทองแต่ไม่รู้จักเก็บออม  ก็สูญเสียให้กับพ่อค้าเจ้าเลห์ที่ขายบริการทุกอย่างจากโรงเหล้า  บ่อนพนัน 
โสเภนี  หรือถูกโจรจี้ปล้น  คนฉลาดก็ถอนตัวกลับเอาทองไปตั้งตัวก็มีมากหลาย  คนฉลาดน้อยก็ชวดต้องตรากตรำ
ซ่อนทองขุดหาในน้ำมัน........  จนเป็นโรคเท้าเปื่อย
รูปภาพ
กฎธรรมชาติที่นักธุรกิจการค้ารู้จักดีก็บังเกิดขึ้นทันตา  ประโยคสั้น ๆ  แต่ความหมายลึกล้ำ 
”สินค้าและความต้องการ”  (SUPPLY  AND  DEMAND)  ที่มนุษย์ใช้กันมาตั้งแต่โบราณก็ผลุดทะลุขึ้น
ในท่ามกลางความแตกตื่นโกลาหล  พลั่ว  เสียม  จอบ  ถาด  เสื้อผ้ากางเกง  อาหาร  สตรี ฯลฯ  ก็ถีบราคาทะยานตัว 
ซื้อไม่ไหว  ไม่เป็นไรลูกค้ากระเป๋าหนักด้วยทองยืนเข้าแถวรออยู่
ปลายปีของ ค.ศ.1849  ทองที่หาง่ายก็หมด  แต่ผู้คนยังทะยอยกันมาจากทุกมุมโลก
“เฮ้อ...อีหนู  เอาน้ำแอปเปิ้ลคั้นมาให้พ่อจิบคอหน่อย
เฮ้ย...ทำไมมันจืดชืดเหมือนน้ำบาดาลไม่มีรสชาติ
เฮ้ย...พ่อไม่เคยบอกให้เราผลมสูตรแล้วเอาน้ำจืดเติมเป็น 3 เท่า  เราฟังผิดเอง  เฮ้ย!  พ่อพูดแล้วยังเถียงต่อหน้าแขกหรือ 
เดี๋ยวก็เอาแส้ขนม้าตีให้หลังลาย  แหนะ!  พ่อบอกแล้วยังยืนลอยหน้าเถียง  ยืนพุงแอ่นแขนท้าวสะเอวขี้มูกไหลเป็นทาง
เฮ้ย! ไม่ต้องขู่ว่าจะฟ้องแม่  ไป  พ่อกำลังคุยออกรส  เฮ้ย!  คุณผู้หญิงว่า  ผมบ้าน้ำลาย  อ๋อ  ไม่ใช่หรือครับ
อ๋อ  ฟังผมแล้วถึงกับลืมกลืนน้ำลาย  ขอบคุณครับ

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 4:33 pm
โดย ~@Little lamb@~
          เมื่อทองหายาก  รายได้ไม่มี  ผู้คนก็เริ่มดิ้นรนกระเสือกกระสนหันเข้าหาบ่อนพนัน  เริงรมณ์ดื่มเหล้าด้วยความสิ้นหวัง 
บางคนถึงกับจี้ปล้นทำร้ายผู้อื่น  แล้วความเกลียดชังต่อชาวต่างชาติต่างผิวก็ทะลุเปรี้ยงปร้างลุกลามไปทั่ว
รูปภาพ
บุคคลเหล่านี้คือผู้นำหัวหน้าครอบครัว  เมื่อไม่มีทองมีทรัพย์ก็ไม่กล้ากลับบ้าน  อับอายขายหน้าจมปลักในตัณหา
แล้วพ่อค้านักธุรกิจก็ยึดครองแหล่งขุดทองใช้เครื่องจักรสูบน้ำ  สว่านกำลังแรงทะลายดินหินผา  ป่าไม้พินาศแบบไม่มีวันฟื้นคืนกลับ
ตื่นทองของแคลิฟอร์เนียก็ซาลง  จนถึงปี ค.ศ.1855  ก็เป็นอันว่าสิ้นสุด
“โอ้!...คุณผู้หญิงสงสัยว่าพวกคนจีนที่มาแสวงโชคประสบความสำเร็จมั่งหรือเปล่า?
ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ  มีเรื่องราวเป็นประวัติหลักฐานว่าพวกเขาส่วนมากก็ประสบความสำเร็จร่ำรวยกลับบ้านในช่วงต้นตื่นทอง 
ผมจะเล่าให้ฟังถึงความเฉลียวฉลาดของพวกเขา
ที่หลุมขุดทองแห่งหนึ่งซึ่งทองได้ถูกค้นหาจนหมดแล้ว  มีแต่กระท่อมไม้ที่ใช้นอนกันสัก 4-5 คน  เจ้าของประกาศขายแต่ไม่มีใครสนใจ 
ชาวจีน 3 คนรวมหุ้นกันซื้อในราคา 25 เหรียญ  เจ้าของขายให้พอได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ  ชาวจีน 3 คนก็รื้อเพิงไม้ยกพื้นนอนออก
แล้วลงกอบเอาผงทองที่หล่นจากกระเป๋ากางเกง  ซึ่งตกในร่องพื้นเอาไปขายได้เงิน 350 เหรียญ  ชาวจีนหัวใสเมื่อขุดทองได้ก็เอาทองตีเป็นกระทะ 
เป็นถาดสี่ด่างสีดำ  แบกติดตัวขึ้นเรือ  พอกลับบ้านก็หลอมกระทะ  หลอมขายได้ทองสุกเหลืองปลั่งร่ำรวยไปตาม ๆ กัน
รูปภาพ
“เฮ้ย!...โทฟี่..ทำไมถึงอุ้มลูกกระเตงเอวสองคนเดิน  เดี๋ยวลูกอีกคนในท้องจะไม่สบาย   
เฮ้ย!...ผมไม่ได้พูดว่าจะเฆี่ยนฮันนาด้วยแส้ขนม้า  เฮ้ย!...ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นโรงงานผลิตลูก  มี 4 จะเอาให้ถึง 9 เหมือนพ่อผม 
เฮ้ย!...ผมไม่ได้คดได้โกงใคร  ผมเห็นคุณแซมมหาเศรษฐีใหญ่ในซานฟรานซิสโกกว้านซื้อพวกเครื่อขุดทอง  ผมก็เอามั่ง 
กว้านซื้อแอปเปิ้ลเหมาขาดทำสัญญาแล้วก็ผลิตแอปเปิ้ลขาย



...

ยุคตื่นทองที่แคลิฟอร์เนีย  ได้พลิกโฉมหน้าของสหรัฐอเมริกา  จากประเทศเกษตรกรรม  เป็นประเทศอุตสาหกรรม 
เป็นประเทศกล้าได้กล้าเสีย  กล้าเสี่ยง  ผจญภัย  ไม่กลัวความล้มเหลว  ล้มแล้วลุก  มีความหวังเหมือนนักแสวงโชคขุดทอง 
จินตนาการกว้างไกลไฝ่ฝันแบบไร้ขอบเขตและขีดจำกัด
แคลิฟอร์เนียรัฐแห่งความฝัน  รัฐของนักแสวงโชคเสี่ยงภัย  มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก  อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี 
ขายฝันให้เป็นจริง  ไหลมุ่งเข้า  “รัฐทอง” (GOLDEN  STATE)  มาตลอด  นักสู้ชายหญิงที่ฉลาด  ขยันขันแข็ง  ก็พบทอง 
สร้างความฝันให้เป็นจริง  ที่ใจไม่สู้  ไม่ขยันขันแข็ง  ก็ประสบความล้มเหลวเหนือกลุ่ม  “49”  (FORTY-NINER=โฟตินายเนอร์) เมื่อ 157 ปีที่ผ่านมา


อ้างอิงและรูปประกอบ
www.WIKIPEDIA.ORG
WWW.PBS.ORG/GOLDRUSH/
WWW.CA.GOV/STATE
HTTP://GERHAN>ABOUT>COM
WWW.CALIFCRNIAMISSIONS.COM

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 8:01 pm
โดย Jeab Agape
Wow Wow Wow

ถ้าเจี๊ยบเจอก้อนทองแบบนั้น แล้วจะรู้ไหม :cheesy:

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 9:49 pm
โดย Jack Sparrow
ไม่รู้เอามาให้พี่เถอะน้อง พี่จะเอาไปขายช่วงนี้ เหอๆ

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 7:45 am
โดย P
อีก account หนึ่งของการค้นพบทอง โดยระบุชื่อคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย (ไม่ใช่เพียง John A. Sutter & James W. Marshall)

http://www.sfmuseum.org/hist6/grush.html

เอามาลงเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าจริงๆแล้ว "มอรมอน" มีส่วนร่วมในการค้นพบทองคำในแคลิฟอร์เนียด้วย

::011::

Re: สายัณห์ทัวร์ : ตื่นทอง ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 30, 2008 11:55 am
โดย Yan Agape
Sayan asked me to pass this to you all: Thank you Little Lamp for the great effort, appreciate everyone's input and feedback. I am somewhere in the Middle East, digging black gold.