อยากทราบเรื่องคุณสมบัติของการเข้าบ้านเณรและการบวชเป็นพระสงฆ์คับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
แต่ละคณะมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน ตามจิตตารมณ์ของแต่ละคณะนะคะ
คิดว่าชอบแบบไหน ลองไปสัมผัส และ พูดคุยกับคุณพ่อเองดีกว่านะคะ
คิดว่าชอบแบบไหน ลองไปสัมผัส และ พูดคุยกับคุณพ่อเองดีกว่านะคะ
ครับผมก็ถามคุณพ่อ ท่านบอกว่าแล้วแต่คณะนั้นจะบริหารจัดการ แต่ของผมจะเข้าซาเลเซียนเน้อ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
จริงรึเปล่าครับที่ว่า คนจะบวชเป็นพระสงฆ์ต้องมาจากพ่อแม่คาทอลิกศีลสมรสเท่านั้น?
ได้ยินจากห้องคำสอนน่ะครับ
ถ้าเป็นงั้นเนี่ย...โอกาสได้พระสงฆ์มาทำงานสักคนนี้น้อยมากเลยนะครับ
ได้ยินจากห้องคำสอนน่ะครับ
ถ้าเป็นงั้นเนี่ย...โอกาสได้พระสงฆ์มาทำงานสักคนนี้น้อยมากเลยนะครับ
ไม่จริงเสมอไปหรอกค่ะ ทุกอย่างเริ่มจากการ "คุยกันก่อน"ライク ๐ ア ๐ イエベン เขียน: จริงรึเปล่าครับที่ว่า คนจะบวชเป็นพระสงฆ์ต้องมาจากพ่อแม่คาทอลิกศีลสมรสเท่านั้น?
ได้ยินจากห้องคำสอนน่ะครับ
ถ้าเป็นงั้นเนี่ย...โอกาสได้พระสงฆ์มาทำงานสักคนนี้น้อยมากเลยนะครับ

ป.ล. เคยพบพระสงฆ์องค์หนึ่ง เป็นคริสตังยืน
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ยะๆๆๆ เยี่ยมไปเลยครับเคยพบพระสงฆ์องค์หนึ่ง เป็นคริสตังยืน
1) เลือกคณะที่จะเข้าหรือยังครับ อยากให้ลองดูจากภารกิจหลักของคณะต่างๆ ว่าแต่ละคณะทำเรื่องใด
2) อายุเท่าไหร่ เรียนอยู่ชั้นไหนครับ ถ้ายังไม่ถึง ม.1 ก็อาจจะลองเป็นเณรที่คณะที่ต้องการก่อนก็ได้ครับ ถ้ายังไม่ถึงม.4 ก็เป็นอีกช่วงที่สามารถลองเข้าเป็นเณรก็ได้ครับ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะออกมาใช้ชีวิตธรรมดา หรือจะดำเนินชีวิตเป็นนักบวชตอนจะจบ ม.6 และยังมีโอกาสตัดสินใจอีกช่วงก่อนจะถวายตัวตลอดชีวิตครับ... (หลายคณะจะมีการเข้าเงียบสำหัรบผู้ที่อยากจะเข้าบ้านเณร โดยจัดในช่วงภาคฤดูร้อน โดยจะรับเด็กที่เพิ่งจบป.6 หรือเพิ่งจบ ม.3 เข้าร่วม ซึ่งผมแนะนำว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะลองเข้าร่วมเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าเป็นเณรในคณะนักบวชนั้นๆ ต่อไปหรือไม่ครับ ให้ลองติดต่อคณะนักบวชนั้นๆ ล่วงหน้าก่อนเพื่อถามข้อมูลครับ)
3) พร้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามกฏระเบียบของคณะนั้นๆ ได้
ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ให้ลองคิดว่า เราอยากบวชเป็นพระสงฆ์หรือนักบวชเพื่อกิจการใด สิ่งใด เมื่อหาพบแล้ว ก็ให้มองว่า คณะนักบวชใดที่เน้นกิจการดังกล่าว เช่น ถ้าเป็นเรื่องการอบรมเยาวชน ดูแลเยาวชน ก็เป็นซาเลเซียน ถ้าปรารณาที่จะอภิบาลผู้ป่วย ก็คามิลเลียน เป็นต้นครับ จากนั้นให้ดูว่า วัดหรือสถานศึกษาหรือองค์กรใดที่มีนักบวชคณะที่เราอยากเข้านั้น ที่ใกล้บ้านเราที่สุดอยู่ที่ใด ก็ลองไปคุยกับพระสงฆ์หรือนักบวชที่นั่น สถานที่ที่น่าพบง่ายที่สุดก็คือที่วัดและที่โรงเรียนครับ ลองเข้าไปคุยและปรึกษาดูครับ
ผมเคยเป็นเณรซาเลเซียนอยู่ในช่วง ม.4 ถึง ม. 6 ครับ จากนั้นก็เข้าเป็นเซมินาเรียน (ก่อนโปสตูรันต์) อยู่ช่วงสั้นๆ ก่อนพบว่าตนเองไม่พร้อม แล้วก็เลยออกมาเรียนรามอยู่ปีนึง ก่อนที่จะสอบเอนทรานท์เข้ามหาวิทยาลัยครับ...
ในความเห็นส่วนตัว การเป็นเณรนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันคือเป็นภารดา(บราเดอร์ในซาเลเซียนที่ไม่บวชเป็นพระสงฆ์) หรือเป็นพระสงฆ์ก็ตาม แต่อย่างน้อยเราได้มีโอกาสฝึกตนเองทั้งกาย และใจของเรา และมีโอกาสที่เราจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่า
ผมเองได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะนิสัยส่วนตัวแย่ๆ ที่แก้ไปได้หลายอย่างครับ...
2) อายุเท่าไหร่ เรียนอยู่ชั้นไหนครับ ถ้ายังไม่ถึง ม.1 ก็อาจจะลองเป็นเณรที่คณะที่ต้องการก่อนก็ได้ครับ ถ้ายังไม่ถึงม.4 ก็เป็นอีกช่วงที่สามารถลองเข้าเป็นเณรก็ได้ครับ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะออกมาใช้ชีวิตธรรมดา หรือจะดำเนินชีวิตเป็นนักบวชตอนจะจบ ม.6 และยังมีโอกาสตัดสินใจอีกช่วงก่อนจะถวายตัวตลอดชีวิตครับ... (หลายคณะจะมีการเข้าเงียบสำหัรบผู้ที่อยากจะเข้าบ้านเณร โดยจัดในช่วงภาคฤดูร้อน โดยจะรับเด็กที่เพิ่งจบป.6 หรือเพิ่งจบ ม.3 เข้าร่วม ซึ่งผมแนะนำว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะลองเข้าร่วมเพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าเป็นเณรในคณะนักบวชนั้นๆ ต่อไปหรือไม่ครับ ให้ลองติดต่อคณะนักบวชนั้นๆ ล่วงหน้าก่อนเพื่อถามข้อมูลครับ)
3) พร้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามกฏระเบียบของคณะนั้นๆ ได้
ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ให้ลองคิดว่า เราอยากบวชเป็นพระสงฆ์หรือนักบวชเพื่อกิจการใด สิ่งใด เมื่อหาพบแล้ว ก็ให้มองว่า คณะนักบวชใดที่เน้นกิจการดังกล่าว เช่น ถ้าเป็นเรื่องการอบรมเยาวชน ดูแลเยาวชน ก็เป็นซาเลเซียน ถ้าปรารณาที่จะอภิบาลผู้ป่วย ก็คามิลเลียน เป็นต้นครับ จากนั้นให้ดูว่า วัดหรือสถานศึกษาหรือองค์กรใดที่มีนักบวชคณะที่เราอยากเข้านั้น ที่ใกล้บ้านเราที่สุดอยู่ที่ใด ก็ลองไปคุยกับพระสงฆ์หรือนักบวชที่นั่น สถานที่ที่น่าพบง่ายที่สุดก็คือที่วัดและที่โรงเรียนครับ ลองเข้าไปคุยและปรึกษาดูครับ
ผมเคยเป็นเณรซาเลเซียนอยู่ในช่วง ม.4 ถึง ม. 6 ครับ จากนั้นก็เข้าเป็นเซมินาเรียน (ก่อนโปสตูรันต์) อยู่ช่วงสั้นๆ ก่อนพบว่าตนเองไม่พร้อม แล้วก็เลยออกมาเรียนรามอยู่ปีนึง ก่อนที่จะสอบเอนทรานท์เข้ามหาวิทยาลัยครับ...
ในความเห็นส่วนตัว การเป็นเณรนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันคือเป็นภารดา(บราเดอร์ในซาเลเซียนที่ไม่บวชเป็นพระสงฆ์) หรือเป็นพระสงฆ์ก็ตาม แต่อย่างน้อยเราได้มีโอกาสฝึกตนเองทั้งกาย และใจของเรา และมีโอกาสที่เราจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่า
ผมเองได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะนิสัยส่วนตัวแย่ๆ ที่แก้ไปได้หลายอย่างครับ...
แก้ไขล่าสุดโดย thanwa เมื่อ อังคาร ธ.ค. 30, 2008 1:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- billa-bong
- ~@
- โพสต์: 668
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
- ที่อยู่: thailand
สู้ๆน่ะคร้าบบบ เป็นกำลังใจให้ หุหุ 
พระอวยพรคร้าบบ

พระอวยพรคร้าบบ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงแม้ไม่ได้บวช แต่เป็นโอกาสใกล้ชิดพระเจ้า และได้ปรับเปลี่ยนชีวิตเมื่อติดสนิทกับพระเจ้าthanwa เขียน:
ในความเห็นส่วนตัว การเป็นเณรนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันคือเป็นภารดา(บราเดอร์ในซาเลเซียนที่ไม่บวชเป็นพระสงฆ์) หรือเป็นพระสงฆ์ก็ตาม แต่อย่างน้อยเราได้มีโอกาสฝึกตนเองทั้งกาย และใจของเรา และมีโอกาสที่เราจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่า
ผมเองได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะนิสัยส่วนตัวแย่ๆ ที่แก้ไปได้หลายอย่างครับ...
ตามท่านเปาโลบอกว่า "ผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ ก็ถูกสร้างใหม่ สิ่งสารพัดเก่าๆ ก็ล่วงไป กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น"
เวอร์ชั่นเจี๊ยบ "ผู้ที่อยู่บ้านเณร ก็ถูกสร้างใหม่ นิสัยชั่วเก่าๆ ก็ถูกกระชากไป แล้วมีนิสัยก็เปลี่ยนใหม่แทนที่"
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
น่ารักดีครับ ^ ^Jeab Agape เขียน:เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงแม้ไม่ได้บวช แต่เป็นโอกาสใกล้ชิดพระเจ้า และได้ปรับเปลี่ยนชีวิตเมื่อติดสนิทกับพระเจ้าthanwa เขียน:
ในความเห็นส่วนตัว การเป็นเณรนั้น ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ไปถึงฝั่งฝันคือเป็นภารดา(บราเดอร์ในซาเลเซียนที่ไม่บวชเป็นพระสงฆ์) หรือเป็นพระสงฆ์ก็ตาม แต่อย่างน้อยเราได้มีโอกาสฝึกตนเองทั้งกาย และใจของเรา และมีโอกาสที่เราจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดพระเจ้าได้มากกว่า
ผมเองได้ประโยชน์มาก โดยเฉพาะนิสัยส่วนตัวแย่ๆ ที่แก้ไปได้หลายอย่างครับ...
ตามท่านเปาโลบอกว่า "ผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ ก็ถูกสร้างใหม่ สิ่งสารพัดเก่าๆ ก็ล่วงไป กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น"
เวอร์ชั่นเจี๊ยบ "ผู้ที่อยู่บ้านเณร ก็ถูกสร้างใหม่ นิสัยชั่วเก่าๆ ก็ถูกกระชากไป แล้วมีนิสัยก็เปลี่ยนใหม่แทนที่"
ตอบแบบง่ายๆเลยนะครับ(สำหรับคนเข้าบ้านเณรตอนโตแล้ว)
1.มีกระแสเรียกจากพระเป็นเจ้า เพือให้เข้าบ้านเณร และเพื่อให้บุคคลผู้นั้น เป็นบราเดอร์ และได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในเวลาต่อมา
2.บ้านต้องมีเงิน และมีตังเข้าขั้นรวยพอสมควร เพราะขณะเข้าบ้านเณร ผู้นั้นไม่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ดังนั้น ครอบครัวต้องส่งเสียล้วนๆ บ้านเณรออกให้แค่ค่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าเทอมเท่านั้นครับ(เคสนี้ คริสตังยืน คนเดียวในครอบครัว ไม่ต้องหวังเลย ไม่มีคนส่งอยู่แล้ว แม้นว่าจะมีความเชื่อขนาดยอมตายเพื่อพระศาสนจักรได้ก็ตาม นี้คือความจริง)
3.ตนเองต้องมีความศรัทธา มุ่งมั่น และเสียสละเพื่อพี่น้องคริสตชนอย่างแท้จริง แต่ศรัทธาขนาดไหน ไม่มีเงิน ก็หมดสิทธ์ครับ(กล้าพูดเลย ใครจะมาส่งคนเข้าบ้านเณร เป็นบราเดอร์ หากไม่ใช่ลูกใช่หลาน หรือญาติตัวเอง เกิดเป็นคริสตังยืน ชาตินี้ไม่ต้องหวังเรื่องประตูบ้านเณรหรอกครับ เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน)
4.สรุป ตัวเองมีศรัทธาและอยากรับใช้พระศาสนจักรและพีน้องคริสตัง+บ้านมีเงิน+บ้านเป็นคริสตังทั้งครอบครัว เลยส่งเสริมให้ได้อยู่ใกล้พระเป็นเจ้า+มีกระแสเรียกจากพระเป็นเจ้า ให้เป็นพระสงฆ์หรือเข้าบ้านเณร................หากขาดไปจากนี้ ไม่มีทางและไม่มีหวังครับ(แต่หากบ้านไม่ค่อยมีเงิน แต่เป็นคริสตังนอน ยังพอมีหวังครับ)
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ปล.ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิกไทย เคยมีไหมครับ ที่บราเดอร์ สังฆคานุกร และพระสงฆ์ มาจากคริสตังยืนคนเดียวในครอบครัวและญาติพี่น้อง เงินไม่ค่อยมี ไร้คนเข้าใจทางวีถีความเชื่อ มองการเข้าวัด เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเหมือนการเข้าผับ เข้าบ้านเณร ไร้คนส่งแน่นอน คริสตังนอนส่วนใหญ่แทบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ และไร้ความเห็นใจในทุกกรณี(ยังไม่นับพวกหัวดื้อ ใจดำ ซ้ำเติม หย่อหยิ่ง จองหอง และไร้สิ้นซึ่งความเห็นใจ แม้นกระทั่งความภาวนา) คาดว่าไม่มีแน่นอนใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ
1.มีกระแสเรียกจากพระเป็นเจ้า เพือให้เข้าบ้านเณร และเพื่อให้บุคคลผู้นั้น เป็นบราเดอร์ และได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในเวลาต่อมา
2.บ้านต้องมีเงิน และมีตังเข้าขั้นรวยพอสมควร เพราะขณะเข้าบ้านเณร ผู้นั้นไม่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ดังนั้น ครอบครัวต้องส่งเสียล้วนๆ บ้านเณรออกให้แค่ค่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าเทอมเท่านั้นครับ(เคสนี้ คริสตังยืน คนเดียวในครอบครัว ไม่ต้องหวังเลย ไม่มีคนส่งอยู่แล้ว แม้นว่าจะมีความเชื่อขนาดยอมตายเพื่อพระศาสนจักรได้ก็ตาม นี้คือความจริง)
3.ตนเองต้องมีความศรัทธา มุ่งมั่น และเสียสละเพื่อพี่น้องคริสตชนอย่างแท้จริง แต่ศรัทธาขนาดไหน ไม่มีเงิน ก็หมดสิทธ์ครับ(กล้าพูดเลย ใครจะมาส่งคนเข้าบ้านเณร เป็นบราเดอร์ หากไม่ใช่ลูกใช่หลาน หรือญาติตัวเอง เกิดเป็นคริสตังยืน ชาตินี้ไม่ต้องหวังเรื่องประตูบ้านเณรหรอกครับ เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน)
4.สรุป ตัวเองมีศรัทธาและอยากรับใช้พระศาสนจักรและพีน้องคริสตัง+บ้านมีเงิน+บ้านเป็นคริสตังทั้งครอบครัว เลยส่งเสริมให้ได้อยู่ใกล้พระเป็นเจ้า+มีกระแสเรียกจากพระเป็นเจ้า ให้เป็นพระสงฆ์หรือเข้าบ้านเณร................หากขาดไปจากนี้ ไม่มีทางและไม่มีหวังครับ(แต่หากบ้านไม่ค่อยมีเงิน แต่เป็นคริสตังนอน ยังพอมีหวังครับ)
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ปล.ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิกไทย เคยมีไหมครับ ที่บราเดอร์ สังฆคานุกร และพระสงฆ์ มาจากคริสตังยืนคนเดียวในครอบครัวและญาติพี่น้อง เงินไม่ค่อยมี ไร้คนเข้าใจทางวีถีความเชื่อ มองการเข้าวัด เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเหมือนการเข้าผับ เข้าบ้านเณร ไร้คนส่งแน่นอน คริสตังนอนส่วนใหญ่แทบไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ และไร้ความเห็นใจในทุกกรณี(ยังไม่นับพวกหัวดื้อ ใจดำ ซ้ำเติม หย่อหยิ่ง จองหอง และไร้สิ้นซึ่งความเห็นใจ แม้นกระทั่งความภาวนา) คาดว่าไม่มีแน่นอนใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
จขกท. เป็นยังไงบ้างแล้วครับ? 
