ทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่จึงฉีกคำสั่งสอนของพระเจ้าทิ้งหันไปมีชีวิตเที่ยวดื่มกินพูดจาโอ้อวดกิเลสครับ และเห็นกางเขนเป็นแค่เครื่องประดับแต่ใจไม่ต้อนรับพระเจ้า ที่แย่ที่สุดคือเอากางเขนไปตกแต่งสถานเริงโลกีย์
*อยากถามว่าคนที่กระทำการดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ เค้ามีวีธีการคิดที่แตกต่างจากเราอย่างไร และเราจะสอนลูกหลานอย่างไรไม่ให้มีวิธีการคิดแบบคนเหล่านั้น และไม่ให้คนเหล่านี้ที่อยู่ในสังคมเดียวกับเรามีอิทธิพลทางความคิดต่อลูกหลานเรา*
ทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่จึงฉีกคำสั่งสอนของพระเจ้าทิ้งหันไปมีชีวิตเที่ยวดื่มกิน
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เพราะความบาปครับ
การได้รับการอบรมสั่งสอน เรื่องของพระ พาพวกเขาไปวัด/ไปโบสถ์ ก็ช่วยให้ลูกหลานเติบโตในความเชื่อ
ชีวิตการภาวนาของ พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย พี่ป้า น้าอา ให้ลูกหลาน ถือว่าสำคัญมาก ถึงแม้เขาจะเดินออกจากทางของพระเจ้า
แต่คำภาวนาจากบุคคลที่รักเขา วิงวอน ไปถึงพระกรรณ พระเจ้าแน่นอน ครับ
การได้รับการอบรมสั่งสอน เรื่องของพระ พาพวกเขาไปวัด/ไปโบสถ์ ก็ช่วยให้ลูกหลานเติบโตในความเชื่อ
ชีวิตการภาวนาของ พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย พี่ป้า น้าอา ให้ลูกหลาน ถือว่าสำคัญมาก ถึงแม้เขาจะเดินออกจากทางของพระเจ้า
แต่คำภาวนาจากบุคคลที่รักเขา วิงวอน ไปถึงพระกรรณ พระเจ้าแน่นอน ครับ
-
- โพสต์: 127
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 20, 2008 1:18 pm
คนที่เอากางเขนไปทำแบบนั้นเพราะคงไม่รู้ถึงความหมายของกางเขนว่าคืออะไร การเป็นคนต่างศาสนาอาจทำให้เขาคิดว่ามันคือเครื่องประดับ แต่หากเป็นเราชาวคริสต์คงไม่ทำแบบนั้น ถ้ารู้จักกับเจ้าของสถานที่นั้นแล้วอธิบายให้เค้าฟังได้ว่าอะไรควร ไม่ควรก็คงดี แต่ถ้าทำไม่ได้เราก็คงต้องสอน ลูก หลาน เราเองว่าอะไรไม่ควร ต้องปลูกฝังความเชื่อในทางที่ดีให้แก่เขา เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่เราคิดว่าดีเท่าที่เราคิดได้ เพราะถ้าเราไม่ไปสถานที่พวกนี้เค้าจะอยู่ได้หรือ
ขอเสนอในมุมมองที่ผมได้จากการเข้าเงียบเดี่ยวนะคับ
เป็นเพราะบาปที่มนุษย์มีติดตัวอยู่คับ เป็นเพราะความอ่อนแอในสภาพธรรมชาติของการเป็นมนุษย์ด้วย แต่ที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งก็เพราะอำนาจของบาปมันเก่งคับ บาปหรือมารนี้ไม่จำเป็นจะต้องมาในรูปแบบของความน่ากลัว ความมืด เช่นนั้นก็ได้ แต่บาปอาจจะมาในรูปแบบสิ่งสวยงามก็เป็นได้ การที่มนุษย์หลงไปจากพระและใช้ชีวิตในลักษณะที่่เจ้าของกระทู้ตั้งมาก็เพราะมารใช้ช่องทางนี้ในการดึงเราให้ออกจากลู่ทางของพระเจ้าได้ง่ายคับ ผมจะเสนอบทอ่านของท่านนักบุญเปาโลถึงชาวโรม โรม 1:18 - 31 นะคับ โดยสรุปของบทอ่านนี้คือเมื่อมนุษย์หลงผิดไปทำบาป ทิ้งห่างจากพระเจ้า ภายในจิตใจเขาก็ปิดกั้นตัวเองจากพระไปแล้วคับ พระองค์เองก็ปรารถนาที่จะเข้ามาช่วย แต่เนื่องจากจิตของมารนั้นปิดการรับรู้ที่มาจากพระเจ้าไปเสียแล้ว พระองค์จึงไม่สามารถเข้ามาช่วยเขาได้ ณ เวลานั้น รวมถึงการเอากางเขนไปใข้ในทางที่ผิดด้วย
เพราะงั้นผมคิดว่าถ้าจะปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ให้ลูกหลานเรานั้น สำคัญมากที่จะชี้ให้เห็นถึงอำนาจของบาปที่เป็นต้นเหตุของสิ่งไม่ดีเหล่านี้คับ บาปมันเก่งมากจ้องเล่นงานเราได้ทุกเมื่อ สำคัญคือให้สวดภาวนาแก่ผู้ที่ทำผิดเหล่านั้นและสอนลูกหลานเราไปพร้อมๆกันคับ
เป็นเพราะบาปที่มนุษย์มีติดตัวอยู่คับ เป็นเพราะความอ่อนแอในสภาพธรรมชาติของการเป็นมนุษย์ด้วย แต่ที่เป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งก็เพราะอำนาจของบาปมันเก่งคับ บาปหรือมารนี้ไม่จำเป็นจะต้องมาในรูปแบบของความน่ากลัว ความมืด เช่นนั้นก็ได้ แต่บาปอาจจะมาในรูปแบบสิ่งสวยงามก็เป็นได้ การที่มนุษย์หลงไปจากพระและใช้ชีวิตในลักษณะที่่เจ้าของกระทู้ตั้งมาก็เพราะมารใช้ช่องทางนี้ในการดึงเราให้ออกจากลู่ทางของพระเจ้าได้ง่ายคับ ผมจะเสนอบทอ่านของท่านนักบุญเปาโลถึงชาวโรม โรม 1:18 - 31 นะคับ โดยสรุปของบทอ่านนี้คือเมื่อมนุษย์หลงผิดไปทำบาป ทิ้งห่างจากพระเจ้า ภายในจิตใจเขาก็ปิดกั้นตัวเองจากพระไปแล้วคับ พระองค์เองก็ปรารถนาที่จะเข้ามาช่วย แต่เนื่องจากจิตของมารนั้นปิดการรับรู้ที่มาจากพระเจ้าไปเสียแล้ว พระองค์จึงไม่สามารถเข้ามาช่วยเขาได้ ณ เวลานั้น รวมถึงการเอากางเขนไปใข้ในทางที่ผิดด้วย
เพราะงั้นผมคิดว่าถ้าจะปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ให้ลูกหลานเรานั้น สำคัญมากที่จะชี้ให้เห็นถึงอำนาจของบาปที่เป็นต้นเหตุของสิ่งไม่ดีเหล่านี้คับ บาปมันเก่งมากจ้องเล่นงานเราได้ทุกเมื่อ สำคัญคือให้สวดภาวนาแก่ผู้ที่ทำผิดเหล่านั้นและสอนลูกหลานเราไปพร้อมๆกันคับ
กางเขนมีทั้งคำสาปแช่งและพระพร
คำสาปแช่ง - ทำให้พระคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์
พระพร - ทำให้พระองค์ทรงคืนพระชนมชีพ และ มนุษย์ทั้งหลายได้รอดพ้น
เมื่อท่านแบกรับคำสาปแช่งด้วยความเต็มใจ พระพรก็จะมีเหนือท่าน เพราะท่านกลายเป็นผู้ที่ต้องการพระหรรษทานมากที่สุด แต่ยอมรับความทุกข์ด้วยความถ่อมใจ
แต่เมื่อใดท่านแบกรับคำสาปแช่งด้วยใจสาปแช่งผู้ื่อื่นด้วย ท่านจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด
จงไปเป็นสุขในพระเจ้าเถิด
คำสาปแช่ง - ทำให้พระคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์
พระพร - ทำให้พระองค์ทรงคืนพระชนมชีพ และ มนุษย์ทั้งหลายได้รอดพ้น
เมื่อท่านแบกรับคำสาปแช่งด้วยความเต็มใจ พระพรก็จะมีเหนือท่าน เพราะท่านกลายเป็นผู้ที่ต้องการพระหรรษทานมากที่สุด แต่ยอมรับความทุกข์ด้วยความถ่อมใจ
แต่เมื่อใดท่านแบกรับคำสาปแช่งด้วยใจสาปแช่งผู้ื่อื่นด้วย ท่านจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด
จงไปเป็นสุขในพระเจ้าเถิด
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ผมขอใช้ประสบการณ์ทางการตลาดตอบแล้วกันครับ (ไม่ใช่เคยทำนะ ที่บ้านก็ไม่ทำด้วย)mrjsna เขียน: ทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่จึงฉีกคำสั่งสอนของพระเจ้าทิ้งหันไปมีชีวิตเที่ยวดื่มกินพูดจาโอ้อวดกิเลสครับ และเห็นกางเขนเป็นแค่เครื่องประดับแต่ใจไม่ต้อนรับพระเจ้า ที่แย่ที่สุดคือเอากางเขนไปตกแต่งสถานเริงโลกีย์
*อยากถามว่าคนที่กระทำการดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ เค้ามีวีธีการคิดที่แตกต่างจากเราอย่างไร และเราจะสอนลูกหลานอย่างไรไม่ให้มีวิธีการคิดแบบคนเหล่านั้น และไม่ให้คนเหล่านี้ที่อยู่ในสังคมเดียวกับเรามีอิทธิพลทางความคิดต่อลูกหลานเรา*
คือ ลูกค้าต้องการการให้ความสำคัญ การได้รับการยอมรับ การได้รับการอะไรก็ตามที่ทำให้ตัวลูกค้ารู้สึกดี (ตามชนิดของกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ)
ผู้ขายสินค้าและบริการจึงบรรดาลสุขให้ลูกค้า เปรียบดั่งลูกค้าคือพระเจ้าที่นำเงิน(พร)มาให้
ผู้ขายสินค้าและบริการ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขายให้ลูกค้าด้วยราคาอันน่าพอใจ
ประมาณนั้นนน
อืม ถ้าไม่อยากให้ลูกหลานเห็นแก่เงิน ก็ต้องรวยๆไว้จะได้เบื่อเงิน เย้ยยยยยยยยยยยย ล้อเล่นนนนน
ก็ต้องปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง คุณธรรมประจำใจ นั่นละ แม้เงินมากแค่ไหนก็ไม่หวั่นถ้ารากฐานหัวใจแข็งแรงพอ