ลูเธอร์ คาลวิน และกลุ่มโปรแตสแตนท์อื่นๆกับเรื่องพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 4:59 am

Luther, Calvin, and Other Early Protestants on the Perpetual Virginity of Mary
ลูเธอร์ คาลวิน และกลุ่มโปรแตสแตนท์อื่น ๆ กับเรื่อง พรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์

   

  กลุ่มผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ในยุคแรก ๆ ล้วนยอมรับข้อความจริงที่ว่าพระนางมารีย์ทรงเป็นองค์พรหมจารีนิรันดร  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้เป็นเพียง “ธรรมเนียมปฏิบัติ” โดยไม่มีรากฐานสนับสนุนมาจากรพระคัมภีร์เลย  หากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อข้อความในพระคัมภีร์จริง ทำไมถึงไม่มีใครเห็นหรือจำแนกได้อย่างชัดเจนเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับโปรแตสแตนท์ในช่วง 150 ปีมานี้ละ? (ตั้งแต่ช่วงเสรีนิยมทางเทววิทยา) ผู้ซึ่งได้ทิ้งทัศนคติที่ถือกันมาก่อนหน้านี้?  บางคนเชื่อกันว่าพระเยซูทรงมีน้องชายคนอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดด้วย (แต่แนวคิดนี้ก็ขัดแย้งกับข้อคำสอนของคาทอลิก) และแน่นอน ขัดแย้งกับข้อความเชื่อเอกฉันท์ของชาวโปรแตสแตนท์เริ่มแรกด้วย

เรามาดูกันเถิดว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์สอนอย่างไรเรื่องข้อความเชื่อนี้
ถ้าทางคาทอลิกถูกฝังรากลึกกับการถูกมองว่า “โง่เขลา” “สิ้นหวัง” “ผิดอย่างเห็นได้ชัด” และ “ไม่ถือธรรมเนียมปฏิบัติตามพระคัมภีร์”  ก็แปลว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์อย่างเช่น ลูเธอร์ คาลวิน และ เวสเลย์  ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน   แปลกแต่จริง โปรแตสแตนท์ในปัจจุบันที่วิพากษ์วิจารณ์คาทอลิก ก็มีอยู่เพียงแค่ส่วนน้อยที่เล็งวิจารณ์มาที่คาทอลิกจริง ๆ   ข้าพเจ้าคิดว่าข้อผิดพลาดตรงนี้จะมากเกินพอดีหรือไม่แค่ไหนขึ้นกับว่าใครยอมรับ หรือ ประกาศออกมาแค่ไหน เหมือนกับ ออร์เวเลี่ยน (Orwellian)
คติจากเรื่อง Animal farm ที่ว่า
“ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมกันมากกว่าคนอื่น”




เรื่องทั่วไป
 

  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บางทีหากพูดถึงบทบาททางเทวศาสตร์ที่ใครคนหนึ่งจะพูดถึงหัวข้อเรื่องมารียวิทยาในปัจจุบัน คน ๆ นั้น ไม่ควรเรียกหาความช่วยเหลือจาก “กลุ่มธรรมเนียมปฏิรูป” เว้นแต่คนนั้นจะทำด้วยความระวังอย่างเป็นพิเศษที่สุด ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูปนั้นสอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของทางคริสตจักรในวาระสำคัญหลัก ๆ และเหมือนกับของบาทหลวงในช่วงศตวรรษแรกในส่วนข้อปลีกย่อย

ในการเพ่งเล็งไปที่ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูป เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความเห็นเอกฉันท์เพียงไร ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และ ความเป็นองค์พรหมจารีย์นิรันดร ของพระนางมารีย์
{Max Thurian (Protestant), Mary: Mother of all Christians, tr. Neville B. Cryer, NY: Herder & Herder, 1963 (orig. 1962), pp. 77, 197}


ตำแหน่ง “ผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” (aeiparthenos, semper virgo) ปรากฏขึ้นในช่วงแรกของคริสต์ศาสนา  และเป็นสำนวนที่ถูกเก็บไว้ในช่วงยุคกลาง และถูกใช้อย่างต่อเนื่องในบทสารภาพบาปของโปรแตสแตนท์  
(Luther, Calvin, Zwingli, Andrewes; Book of Concord [1580], Schmalkaldic Articles [1537]).

{Raymond E. Brown et al, ed., Mary in the New Testament, Phil.: Fortress Press / NY: Paulist Press, 1978, p.65 (a joint Catholic-Protestant effort) }


ทางโปรแตสแตนท์แยกพระนางมารีย์ออกจากการเคารพบูชา และการสวดภาวนาถึงอย่างเป็นทางการในช่วงศตวรรษที่ 16   และในช่วงศตวรรษที่ 20 การแตกแยกจากกันนั้นก็แตกหักแม้แต่การขับร้องบท “Magnificat”  ก็ยังทำให้กลุ่มเพียวริแทนรู้สึกตะขิดตะควงใจอึดอัดเลย และถ้าพวกเขาล้มเลิกต่อข้อความเชื่อของอัครสาวก  นั่นไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องข้อขัดแย้งกับทางคาทอลิก แต่เพราะเรื่องการเอ่ยถึงพระนางมารีย์ด้วย

แต่ คาลวิน ที่เป็นเช่นเดียวกับ ลูเธอร์ และ สวิงลี สอนเรื่องความเป็นองค์พรหมจารย์นิรันดรของพระนางมารีย์  กลุ่มปฏิรูปแรก ๆ  ก็รับเอาข้อความเชื่อนี้มาด้วย ถึงแม้จะมีการสงวนท่าทีไว้บ้างกับตำแหน่ง Theotokos ของพระนางมารีย์   คาลวินยังเคยสอนให้ผู้ติดตามเขาเคารพพระนางในฐานะอาจารย์ผู้สอนสั่งพวกเขาให้ทำตามคำสั่งสอนของพระบุตรของพระนาง

{J.A. Ross MacKenzie (Protestant), in Stacpoole, Alberic, ed., Mary's Place in Christian Dialogue, Wilton, Conn.: Morehouse-Barlow, 1982, pp.35-6}




   

มาร์ติน ลูเธอร์


พระคริสต์ พระผู้ไถ่ของชาวเรานั้นถือกำเนิดมาจากครรภ์อันพรหมจรรย์ของพระนางมารีย์ โดยไม่ต้องอาศัยผู้ชายเลย และพระนางก็ยังคงดำรงความเป็นพรหมจรรย์นั้นตลอดกาลหลังจากนั้น

{Luther's Works, eds. Jaroslav Pelikan (vols. 1-30) & Helmut T. Lehmann (vols. 31-55), St. Louis: Concordia Pub. House (vols. 1-30); Philadelphia: Fortress Press (vols. 31-55), 1955, v.22:23 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }


พระคริสต์ เป็นพระบุตรแต่องค์เดียวของพระนางมารีย์ และพระนางมิได้ให้กำเนิดบุตรธิดาใดนอกจากพระองค์อีก  ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างว่า “พี่น้อง” ในพระคัมภีร์นั้น แท้จริงหมายถึง ‘ญาติ” มากกว่า เพราะจากงานเขียนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ และชาวยิวก็ยังนิยมเรียก ญาติ ว่า พี่น้อง อีกด้วย

{Pelikan, ibid., v.22:214-15 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }



เรื่องโกหกเรื่องใหม่ของข้าพเจ้าถูกแพร่กระจายออกไป หาว่าข้าพเจ้าได้เทศน์สอน และ เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ว่า พระนางไม่ทรงพรหมจรรย์ไม่ก่อนก็หลังการประสูติของพระเยซูคริสต์

{Pelikan, ibid.,v.45:199 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }



ไม่มีข้อความ คำกล่าวอ้างใดในพระคัมภีร์เลย ที่กล่าวว่าพระนางสูญเสียพรหมจรรย์ในภายหลัง
จากพระวรสารนักบุญมัทธิว  1 : 25 พระวรสารบทนี้บอกเราว่านักบุญยอแซฟไม่มีความสัมพันธ์กับพระนางเลยจนกระทั่งพระนางมีพระบุตร มันไม่ได้แปลว่าหลังจากนั้นท่านจะต้องมีความสัมพันธ์กับพระนาง ในทางกลับกันท่านไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพระนางเลย  คำพูดพล่ามที่กล่าวว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันหลังจากนั้นไม่มีข้อยืนยันสนับสนุน บางทีคนที่พูดนั้นอาจจะไม่ได้สังเกต หรือ ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อข้อความในพระคัมภีร์ อย่างถ่องแท้เลย

{Pelikan, ibid.,v.45:206,212-3 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }



บรรณาธิการ เจโรสลาฟ เพลิคัน Jaroslav Pelikan (ลูเธอร์รัน) ยังเสริมเพิ่มเติมด้วยว่า :

ลูเธอร์… ไม่เคยคิดเลยว่าพระนางมารีย์จะมีบุตรธิดาคนอื่นนอกจากพระเยซูคริสต์ และตลอดชีวิตของเขา เขาก็ยืนกรานกับความเชื่อเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนาง
{Pelikan, ibid.,v.22:214-5}





 

จอห์น คาลวิน

เฮลวิดัสได้แสดงทัศนะที่ขาดความรู้อย่างมากเกินไป ในการสรุปว่าพระนางมารีย์ต้องมีบุตรหลายคนแน่ เพียงเพราะคำว่า “พี่น้อง” ของพระเยซูคริสต์ ถูกพูดถึงในบางครั้ง

{Harmony of Matthew, Mark & Luke, sec. 39 (Geneva, 1562), vol. 2 / From Calvin's Commentaries, tr. William Pringle, Grand Rapids, MI: Eerdmans, 1949, p.215; on Matthew 13:55}



จากพระวรสารนักบุญ มัทธิว 1 : 25
ข้ออ้างอิงที่เฮลวิดัสยกมาอ้างนั้น อ้างว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจรรย์จนกระทั่งการคลอดครั้งแรกของพระนาง และหลังจากนั้นพระนางได้มีบุตรคนอื่นกับสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีเหตุผลหรือข้อสรุปที่ชัดเจนจากคำกล่าวอ้างเหล่านี้เลย สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการประสูติของพระเยซูคริสต์นั้น การที่พระองค์ถูกเรียกว่าเป็นบุตรคนแรกจากการคลอดของพระนางนั้นเพื่อจะบอกเราว่าพระนางทรงพรหมจรรย์มาโดยตลอดแม้แต่ตอนคลอดพระบุตร สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นนักประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกเราเอาไว้ และไม่ควรที่จะมีใครทำหัวแข็งเถียงกันในเรื่องนี้ นอกจากว่าเขาเป็นคนชอบถกเถียงเท่านั้น

{Pringle, ibid., vol. I, p. 107}



จากคำว่า “พี่น้อง” ชาวฮีบรู หมายความรวมถึง ญาติ และ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ ผูกพัน ใกล้ชิดอื่นไว้ด้วย

{Pringle, ibid., vol. I, p. 283 / Commentary on John, (7:3) }





 
ฮัลไดรค์ สวิงลี่

ในเดือนกันยายนปี 1522  เขาได้เปลี่ยนหันหน้าสู่กลุ่ม บทเพลงพิทักษ์พระนางพรหมจารีย์มารีอา พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร   เพื่อปฏิเสธยืนยันว่าพระนางมารีย์ “ไม่เคยถูกล่วงละเมิด” ทั้งตั้งแต่ ก่อน ระหว่าง และหลังการประสูติพระบุตร การสงสัยเรื่องนี้เป็นการสงสัยในพระสรรพานุภาพของพระเจ้า  มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นสิ่งดีงามที่เราจะกล่าวย้ำถึง(ไม่ใช่การสวด) "คำทักทายทูตสวรรค์" ว่า “วันทามารีอา”   พระเจ้าทรงให้เกียรติพระนางมารีย์เหนือสิ่งสร้างอื่นทั้งปวง รวมถึงบรรดานักบุญ และ ทูตสวรรค์ด้วย  ซึ่งนั่นก็มาจากความบริสุทธิ์ ความไร้มลทิน และความเชื่ออันมิสั่นคลอนของพระนาง ที่พวกเราทุกคนควรถือตามพระนาง แต่กระนั้นก็ดี การสวดภาวนาร้องวิงวอนต้องเป็นการสวดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว


'Fidei expositio,'  เป็นจุลสารฉบับสุดท้ายจากปลายปากกาของเขา
และมีข้อความยืนยันพิเศษเกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางด้วย

{G. R. Potter, Zwingli, London: Cambridge Univ. Press, 1976, pp.88-9,395 / The Perpetual Virginity of Mary . . ., Sep. 17, 1522}


สวิงลี่ได้ตีพิมพิ์ผลงานในปี 1524  
บทเทศน์ “พระนางมารีย์ พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” ('Mary, ever virgin, mother of God)

{Thurian, ibid., p.76}



ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อน หรือประกาศอย่างเปิดเผยเลย กับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์ พระมารดาแห่งพระผู้ไถ่  ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ เลวร้าย ไม่คู่ควร และ ชั่วร้าย  แต่ข้าพเจ้าเชื่ออย่างสุดหัวใจตามพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ว่า พระนางมารีย์ผู้ทรงพรหมจารีย์ได้ทรงให้กำเนิดพระบุตรของพระเจ้าให้กับพวกเรา โดยที่พระนางยังคงบริสุทธิ์ พรหมจารีย์ ไร้มลทิน ทั้งในการให้กำเนิดพระบุตรและหลังจากนั้น จนตลอดนิรันดร

{Thurian, ibid., p.76 / same sermon}


 



เฮนริค บูลลิงเกอร์

บูลลิงเกอร์ ( d. 1575 ) ผู้พิทักษ์ข้อความเชื่อว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจารีย์อยู่เป็นนิตย์ และกล่าวประนามอย่างรุนแรงต่อคริสตศาสนิกชนปลอมผู้บิดเบือนพระนางให้เสื่อมพระเกียรติ

“ในพระนางมารีย์ ทุกสิ่งดูเป็นสิ่งอัศจรรย์ และพระสิริรุ่งโรจน์ทั้งหลายไหลหลั่งมาจากศรัทธาอันบริสุทธิ์ และ ความรักอันร้อนแรงของพระนางต่อพระผู้เป็นเจ้า”
พระนางเป็น “สมาชิกที่โดดเด่น และ สูงส่งที่สุด” ของชุมชนคริสตจักร

“พระนางมารีย์ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างครบครันจากพระเมตตา และ พระโลหิตของพระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระนาง  และพระนางเปี่ยมล้นด้วยพระหรรษาทานจากองค์พระจิตเจ้า มากกว่าใครทุกคน และขณะนี้พระนางทรงเสวยสุขในแดนสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ และยังคงถูกเรียกขานว่า“พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร”

{In Hilda Graef, Mary: A History of Doctrine and Devotion, combined ed. of vols. 1 & 2, London: Sheed & Ward, 1965, vol.2, pp.14-5}






   
จอห์น เวสเล่ย์ (ผู้ก่อตั้ง เมธอดดิซึ่ม-โปรแตสแตนท์)



ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ ทรงประสูติจากพระนางมารีย์ผู้ทรงบุญ
ผู้ทรงสะอาดบริสุทธิ์ พรหมจรรย์ ไร้ซึ่งมลทินใด ๆ ทั้งก่อนและหลังให้กำเนิดพระบุตร

{"Letter to a Roman Catholic," quoted in A. C. Coulter, John Wesley, New York: Oxford University Press, 1964, 495}


จาก http://ic.net/~erasmus/RAZ460.HTM

---------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณคุณCodaxไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอพระเจ้าอวยพรแด่คริสตชนแท้ที่มีความเชื่ออันถูกต้องที่สืบทอดมาจากแรกเริ่มพระศาสนจักรของพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ธ.ค. 01, 2009 12:29 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 12:24 am

พระมารดาของเรากำลังได้รับเกียรติและการเคารพบูชามากขึ้นเรื่อยๆ *ok
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 12:41 am

แม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกัน
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 1:37 am

princess of wands เขียน: แม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกัน
I miss Perpetual Novena prayer a lot!! I usually go to the redeemer church on Wednesday whenever I can..... Right here, I don't have a chance to go and there's no Novena Prayer here too.

แม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกัน --> is in the novena prayer!! I miss it... :'(
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 1:47 am

Buddy เขียน:
princess of wands เขียน: แม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกัน
I miss Perpetual Novena prayer a lot!! I usually go to the redeemer church on Wednesday whenever I can..... Right here, I don't have a chance to go and there's no Novena Prayer here too.

แม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกัน --> is in the novena prayer!! I miss it... :'(
นพวารสามารถสวดเองที่บ้านได้ไม่จำเป็นต้องสวดที่วัดครับ
Buddy.

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 4:01 am

Thanks ka.. K. Holy... :) And this is the link for those who wants to pray.. :)

http://www.thai.to/diokorat/7sorrows/wednesday.html

By the way, your article is so good but it just can't stop someone... :)
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 9:30 am

พี่บัดดี้ใช้คำว่า By the way, your article is so good but it just can't stop someone... ท่าทางจะแค้นจัดนะนี่ ฮิ๊ๆๆๆๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:50 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:34 am

แสดงให้เห็นครับว่า แม่พระกำลังทำงานเพื่อรวมคริสตชนเป็นเอกภาพครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:50 am

บางคนเขามีใจหินคะ
เราไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนเขาหรอก

ต้องให้พระเจ้าเปลี่ยนเขาคะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 2:45 pm

สุภาษิต27-15
ฝนย้อยแปะๆไม่หยุดในฤดูฝนฉันใด
ผู้หญิงที่ขี้ทะเลาะก็เหมือนกันฉันนั้น
ที่จะยับยั้งเธอก็เหมือนยับยั้งลม
หรือกอบน้ำมันด้วยมือขวา

---รายนั้นผมเห็นว่าไม่ได้มาคนเดียวหรอกครับความจริงแล้วเป็นกลุ่มใหญ่ เพียงแต่ให้คนเดียวออกหน้าเท่านั้น เวลาทนไม่ไหวขึ้นมาก็เผยตัวเหล่าผู้ช่วยในบางที ในพระวิวรณ์ก็บอกไว้แล้วครับว่า งูยักษ์สีแดงจะพยายามทำลายเกียรติของแม่พระทุกวิถีทางมันกวาดดาวให้ตกจากฟ้าได้1ใน3 และพยายามพ่นน้ำให้แม่พระโดนพัดหายๆไปจากสายตาของมัน แต่พระสิริที่พระเจ้าประทานให้สตรีผู้นี้ไม่เคยมัวหมองลง และแผ่นดินก็อ้าปากกลืนน้ำที่งูใหญ่นั้นพ่นออกมา พระเจ้าปกป้องพระนางด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เอง

พระแม่มีอำนาจเหนือนรกทั้งสิ้นรวมกันครับ :D
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 3:50 pm

;) ;) เป็นกำลังใจให้ น้องโฮลี่ สู้ต่อไปค่ะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 5:16 pm

หนูคิดถึง บทสรรเสริญของพระนางมารีย์ งับ


พระธรรมลูกา

1:46 นางมารีย์จึงว่า "จิตใจของข้าพเจ้าก็ยกย่องพระเจ้า
1:47 และวิญญาณของข้าพเจ้าก็เกิดความยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
1:48 เพราะพระองค์ทรงห่วงใยฐานะอันยากต่ำแห่งทาสีของพระองค์ เพราะนั่นแหละ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกชั่วอายุจะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก
1:49 เพราะว่าผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงกระทำการใหญ่กับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์
1:50 พระกรุณาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้ยำเกรงพระองค์ทุกชั่วอายุสืบไป
1:51 พระองค์ทรงสำแดงฤทธิ์ด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งแตกฉานซ่านเซ็นไป
1:52 พระองค์ทรงถอดเจ้านายจากพระที่นั่ง และพระองค์ทรงยกผู้น้อยขึ้น
1:53 พระองค์ทรงโปรดให้คนอดอยากอิ่มด้วยสิ่งดี และทรงกระทำให้คนมั่งมีไปมือเปล่า
1:54 พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ คือพระองค์ทรงจดจำพระกรุณาของพระองค์
1:55 ที่มีต่ออับราฮัม และต่อพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์ ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้กับบรรพบุรุษของเรา"
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:07 pm

พี่บัดดี้ใช้คำว่า By the way, your article is so good but it just can't stop someone... ท่าทางจะแค้นจัดนะนี่ ฮิ๊ๆๆๆๆ
Not at all ja because I smiled afterwards. Don't you see? ;)

K. Holy,

Do you think there are many ones? I don't know na ka.. It's possible that there is just one... And I've got assumption that she may not have a good relationship with her parents.. and it's possible that she's the only child. Usually, the only child has strong will and has personal world that no one can touch. ..... Sometimes it contains false belief that no one can say about it and they can't change or they'll lose their esteem. .... False belief doesn't mean only about religion but also mean genral thing.. like I am alone .. No one loves me.... I shouldn't have done that..... It was not my fault!! ... or even .. I was all my fault!!

My assumption is a bit based on psychology and also THEOPHOSTIC HEALING which I had read it recently... :) And LL is right that only God can heal.... :)

Nong Jeab,

Thanks for the gospel ja.... :)

All generation will call me BLESSED... I love this too. In fact, this is also the name of a book by Fr. Jim McManus, C.Ss.R. ...... :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 9:59 am

ผมเคยเรียนเกี่ยวกับขนบความเชื่อของทางศาสนาพุทธมา เกี่ยวกับมารดาของพระพุทธเจ้า ผมคิดว่าคล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ การรักษาพรหมจรรย์ได้ดีมาก

ชาวพุทธเชื่อว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้าได้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้าในขณะที่พระนางรักษาศีล 8 คือ พระนางไม่ได้ข้องแวะกับพระสวามีของพระนาง พระนางได้ฝันว่ามีช้างมามอบดอกบัวให้ จากจุดนี้ ผมคิดว่าความเชื่อของคนยุคก่อนเกี่ยวกับการมาบังเกิดของบุคคลที่พิเศษสุดที่จะมาเป็นพระผู้กอบกู้มนุษยชาตินั้น เขาให้ความสำคัญกับการเกิดมาก คือจะต้องเกิดด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ เกิดอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เกิดด้วยกิเลสแบบมนุษย์ทั่วไป ซึ่งผมเห็นว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
และทำไมพระมารดาของพระพุทธเจ้าถึงสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดพระพุทธเจ้าไม่นาน ตามคติความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ครรภ์ใดที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ มนุษย์ธรรมดาไม่มีบุญได้ใช้ร่วมกับพระองค์ ดังนั้นเพื่อมิให้ใครใช้ครรภ์ของพระมารดาพระพุทธเจ้าอีก พระนางจึงต้องสิ้นพระชนม์ เพราะหากพระนางยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะแบบนั้น โอกาสที่พระนางจะให้กำเนิดพระโอรสธิดาอีกย่อมมีได้ เพราะพระนางไม่ได้ตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ตอนที่ให้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้า พระนางแค่ถือศีลเพียงชั่วคราว แต่สำหรับพระนางมารีย์ พระนางตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต พระนางจึงไม่ต้องสิ้นพระชนม์ ความเชื่อทั้งสองศาสนานี้ แม้จะเกิดต่างสถานที่กัน ต่างเวลากันถึงห้าร้อยกว่าปี แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกัน ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะนำพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบกับพระเยซูเจ้า แต่อยากแสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่างของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับบางคน ที่ทรงส่งมาในโลกนี้เพื่อภารกิจสำคัญบางอย่าง

และในการประสูติมาของพระเยซูเจ้านั้น ก็มิได้ทำลายพรหมจรรย์ของพระนาง เพราะพระวรกายของพระเยซูเจ้านั้นมีความพิเศษที่สามารถผ่านทะลุวัตถุต่าง ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับเวลาที่ทรงเด็จผ่านทะลุประตูมาหาบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว หรือแม้แต่ผ้าตราสังของพระองค์ ก็มีความเชื่อว่า พระองค์ทรงออกมาจากผ้านั้นแบบทำลุผ่านออกมา โดยไม่ต้องพังประตู กำแพง ทลายหรือผืนผ้าให้ฉีกขาด ซึ่งการผ่านออกมาจากพระครรภ์ของแม่พระก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 11:00 am

ขอบคุณมุมมองที่พี่เพชรเสนอมาฮะ อ่านแล้วเข้าตาเข้าใจเชียวแต่ไม่ทราบว่า

คนพุทธ จะคิดอย่างไรนะ ...........................ดูเหมือนต้นกำเนิดนี่สำคัญมากนะฮะ 8)
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 11:10 am

ขอบคุณครับพี่เพชร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 1:58 pm

เรื่องของพุทธนี้ก็รู้มาตอนเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวิชาภาษาไทยต้องท่องเรื่องชาดกของพุทธนี่แหละครับ แล้วอาจารย์ก็อธิบายความหมาย แล้วเลยโดนใจว่าทำไมคอนเซปเดียวกับคาทอลิกเลยนะ เรื่องการบังเกิดของศาสดา ที่มารดาจะต้องบริสุทธิ์หมดจด
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 1:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ พ.ย. 26, 2007 11:26 pm

น่าจะทบทวนกันนะคะ :grin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร พ.ย. 27, 2007 12:14 am

ขอบคุณครับ
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

อังคาร พ.ย. 27, 2007 12:27 am

ต้องมีสักวันแหละน่า ที่เรามารวมกันเป็น1เดียว แล้วผมจาสวดเพื่อรอวันนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ย. 27, 2007 1:28 am

Rakkypoko! เขียน: ต้องมีสักวันแหละน่า ที่เรามารวมกันเป็น1เดียว แล้วผมจาสวดเพื่อรอวันนั้น
อาแมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:22 am

ขอบคุณมากครับ
และแล้วก็กลับไปร้องเพลงHymn Theotokos(พระมารดาพระเจ้า)ต่อ

โอ้จงชื่นชมยินดี โอ้พรหมจารีมารีอา พระมาดาพระเป็นเจ้า เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระผู้เป้นเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดใด และบุตรของท่านทรงบุญหนักหนาเหตุว่าท่านได้ให้กำเนิดพระผู้-ถ่วิญยาณของชาวเรา
โอ้คำวิงวอนของพระแม่(พระมารดาของพระเป็นเจ้า)ที่มีต่อข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ชิปโป
โพสต์: 184
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 03, 2006 4:17 am

อังคาร ธ.ค. 01, 2009 12:30 am

Andreas เขียน: ผมเคยเรียนเกี่ยวกับขนบความเชื่อของทางศาสนาพุทธมา เกี่ยวกับมารดาของพระพุทธเจ้า ผมคิดว่าคล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ การรักษาพรหมจรรย์ได้ดีมาก

ชาวพุทธเชื่อว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้าได้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้าในขณะที่พระนางรักษาศีล 8 คือ พระนางไม่ได้ข้องแวะกับพระสวามีของพระนาง  พระนางได้ฝันว่ามีช้างมามอบดอกบัวให้ จากจุดนี้ ผมคิดว่าความเชื่อของคนยุคก่อนเกี่ยวกับการมาบังเกิดของบุคคลที่พิเศษสุดที่จะมาเป็นพระผู้กอบกู้มนุษยชาตินั้น เขาให้ความสำคัญกับการเกิดมาก  คือจะต้องเกิดด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ เกิดอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เกิดด้วยกิเลสแบบมนุษย์ทั่วไป   ซึ่งผมเห็นว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
และทำไมพระมารดาของพระพุทธเจ้าถึงสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดพระพุทธเจ้าไม่นาน ตามคติความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ครรภ์ใดที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ มนุษย์ธรรมดาไม่มีบุญได้ใช้ร่วมกับพระองค์ ดังนั้นเพื่อมิให้ใครใช้ครรภ์ของพระมารดาพระพุทธเจ้าอีก พระนางจึงต้องสิ้นพระชนม์ เพราะหากพระนางยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะแบบนั้น โอกาสที่พระนางจะให้กำเนิดพระโอรสธิดาอีกย่อมมีได้  เพราะพระนางไม่ได้ตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต  ตอนที่ให้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้า พระนางแค่ถือศีลเพียงชั่วคราว  แต่สำหรับพระนางมารีย์ พระนางตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต พระนางจึงไม่ต้องสิ้นพระชนม์  ความเชื่อทั้งสองศาสนานี้ แม้จะเกิดต่างสถานที่กัน ต่างเวลากันถึงห้าร้อยกว่าปี แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกัน ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะนำพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบกับพระเยซูเจ้า แต่อยากแสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่างของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับบางคน ที่ทรงส่งมาในโลกนี้เพื่อภารกิจสำคัญบางอย่าง

และในการประสูติมาของพระเยซูเจ้านั้น ก็มิได้ทำลายพรหมจรรย์ของพระนาง เพราะพระวรกายของพระเยซูเจ้านั้นมีความพิเศษที่สามารถผ่านทะลุวัตถุต่าง ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับเวลาที่ทรงเด็จผ่านทะลุประตูมาหาบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว หรือแม้แต่ผ้าตราสังของพระองค์ ก็มีความเชื่อว่า พระองค์ทรงออกมาจากผ้านั้นแบบทำลุผ่านออกมา โดยไม่ต้องพังประตู กำแพง ทลายหรือผืนผ้าให้ฉีกขาด ซึ่งการผ่านออกมาจากพระครรภ์ของแม่พระก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
ข้อมูลนี้ แม้แต่คนพุทธส่วนมากยังไม่รู้ด้วยซ้ำนะงับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ธ.ค. 01, 2009 7:04 am

Holy เขียน:
Rakkypoko! เขียน: ต้องมีสักวันแหละน่า ที่เรามารวมกันเป็น1เดียว แล้วผมจาสวดเพื่อรอวันนั้น
อาแมน
ขอให้เป็นไปตามความเชื่อของพวกเราเถิดพระเจ้าข้า  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร ธ.ค. 01, 2009 8:45 am

Andreas เขียน: ผมเคยเรียนเกี่ยวกับขนบความเชื่อของทางศาสนาพุทธมา เกี่ยวกับมารดาของพระพุทธเจ้า ผมคิดว่าคล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ การรักษาพรหมจรรย์ได้ดีมาก

ชาวพุทธเชื่อว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้าได้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้าในขณะที่พระนางรักษาศีล 8 คือ พระนางไม่ได้ข้องแวะกับพระสวามีของพระนาง  พระนางได้ฝันว่ามีช้างมามอบดอกบัวให้ จากจุดนี้ ผมคิดว่าความเชื่อของคนยุคก่อนเกี่ยวกับการมาบังเกิดของบุคคลที่พิเศษสุดที่จะมาเป็นพระผู้กอบกู้มนุษยชาตินั้น เขาให้ความสำคัญกับการเกิดมาก  คือจะต้องเกิดด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ เกิดอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เกิดด้วยกิเลสแบบมนุษย์ทั่วไป   ซึ่งผมเห็นว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
และทำไมพระมารดาของพระพุทธเจ้าถึงสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดพระพุทธเจ้าไม่นาน ตามคติความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ครรภ์ใดที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ มนุษย์ธรรมดาไม่มีบุญได้ใช้ร่วมกับพระองค์ ดังนั้นเพื่อมิให้ใครใช้ครรภ์ของพระมารดาพระพุทธเจ้าอีก พระนางจึงต้องสิ้นพระชนม์ เพราะหากพระนางยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะแบบนั้น โอกาสที่พระนางจะให้กำเนิดพระโอรสธิดาอีกย่อมมีได้  เพราะพระนางไม่ได้ตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต  ตอนที่ให้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้า พระนางแค่ถือศีลเพียงชั่วคราว  แต่สำหรับพระนางมารีย์ พระนางตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต พระนางจึงไม่ต้องสิ้นพระชนม์  ความเชื่อทั้งสองศาสนานี้ แม้จะเกิดต่างสถานที่กัน ต่างเวลากันถึงห้าร้อยกว่าปี แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกัน ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะนำพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบกับพระเยซูเจ้า แต่อยากแสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่างของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับบางคน ที่ทรงส่งมาในโลกนี้เพื่อภารกิจสำคัญบางอย่าง

และในการประสูติมาของพระเยซูเจ้านั้น ก็มิได้ทำลายพรหมจรรย์ของพระนาง เพราะพระวรกายของพระเยซูเจ้านั้นมีความพิเศษที่สามารถผ่านทะลุวัตถุต่าง ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับเวลาที่ทรงเด็จผ่านทะลุประตูมาหาบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว หรือแม้แต่ผ้าตราสังของพระองค์ ก็มีความเชื่อว่า พระองค์ทรงออกมาจากผ้านั้นแบบทำลุผ่านออกมา โดยไม่ต้องพังประตู กำแพง ทลายหรือผืนผ้าให้ฉีกขาด ซึ่งการผ่านออกมาจากพระครรภ์ของแม่พระก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พระมารดา มารีย์ มิได้ให้กำเนิด พระเยซูโดยการ หลับนอนฉันสามี ภรรยา เหมือน พระมารดา ของท่าน สิทธถะ ที่ท่านกำเนิดโดย ธรรมชาติ
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ อังคาร ธ.ค. 01, 2009 2:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ธ.ค. 01, 2009 8:53 am

jacky เขียน:
Andreas เขียน: ผมเคยเรียนเกี่ยวกับขนบความเชื่อของทางศาสนาพุทธมา เกี่ยวกับมารดาของพระพุทธเจ้า ผมคิดว่าคล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ การรักษาพรหมจรรย์ได้ดีมาก

ชาวพุทธเชื่อว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้าได้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้าในขณะที่พระนางรักษาศีล 8 คือ พระนางไม่ได้ข้องแวะกับพระสวามีของพระนาง  พระนางได้ฝันว่ามีช้างมามอบดอกบัวให้ จากจุดนี้ ผมคิดว่าความเชื่อของคนยุคก่อนเกี่ยวกับการมาบังเกิดของบุคคลที่พิเศษสุดที่จะมาเป็นพระผู้กอบกู้มนุษยชาตินั้น เขาให้ความสำคัญกับการเกิดมาก  คือจะต้องเกิดด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ เกิดอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เกิดด้วยกิเลสแบบมนุษย์ทั่วไป   ซึ่งผมเห็นว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
และทำไมพระมารดาของพระพุทธเจ้าถึงสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดพระพุทธเจ้าไม่นาน ตามคติความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ครรภ์ใดที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ มนุษย์ธรรมดาไม่มีบุญได้ใช้ร่วมกับพระองค์ ดังนั้นเพื่อมิให้ใครใช้ครรภ์ของพระมารดาพระพุทธเจ้าอีก พระนางจึงต้องสิ้นพระชนม์ เพราะหากพระนางยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะแบบนั้น โอกาสที่พระนางจะให้กำเนิดพระโอรสธิดาอีกย่อมมีได้  เพราะพระนางไม่ได้ตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต  ตอนที่ให้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้า พระนางแค่ถือศีลเพียงชั่วคราว  แต่สำหรับพระนางมารีย์ พระนางตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต พระนางจึงไม่ต้องสิ้นพระชนม์  ความเชื่อทั้งสองศาสนานี้ แม้จะเกิดต่างสถานที่กัน ต่างเวลากันถึงห้าร้อยกว่าปี แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกัน ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะนำพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบกับพระเยซูเจ้า แต่อยากแสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่างของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับบางคน ที่ทรงส่งมาในโลกนี้เพื่อภารกิจสำคัญบางอย่าง

และในการประสูติมาของพระเยซูเจ้านั้น ก็มิได้ทำลายพรหมจรรย์ของพระนาง เพราะพระวรกายของพระเยซูเจ้านั้นมีความพิเศษที่สามารถผ่านทะลุวัตถุต่าง ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับเวลาที่ทรงเด็จผ่านทะลุประตูมาหาบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว หรือแม้แต่ผ้าตราสังของพระองค์ ก็มีความเชื่อว่า พระองค์ทรงออกมาจากผ้านั้นแบบทำลุผ่านออกมา โดยไม่ต้องพังประตู กำแพง ทลายหรือผืนผ้าให้ฉีกขาด ซึ่งการผ่านออกมาจากพระครรภ์ของแม่พระก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พระมารดา มารีย์ มิได้ให้กำเนิด พระเยซูโดยการ สมสู่ เหมือน พระมารดา ของท่าน สิทธถะ ที่ท่านกำเนิดโดย ธรรมชาติ
เห็นด้วยครับ

อีกอย่าง ที่ผมรู้ พระพุทธเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ที่เซ็งกับโลกีย์ในวัง แล้วจึงออกบวชสู่นิพพาน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ธ.ค. 01, 2009 10:16 am

jacky เขียน:
Andreas เขียน: ผมเคยเรียนเกี่ยวกับขนบความเชื่อของทางศาสนาพุทธมา เกี่ยวกับมารดาของพระพุทธเจ้า ผมคิดว่าคล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ การรักษาพรหมจรรย์ได้ดีมาก

ชาวพุทธเชื่อว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้าได้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้าในขณะที่พระนางรักษาศีล 8 คือ พระนางไม่ได้ข้องแวะกับพระสวามีของพระนาง  พระนางได้ฝันว่ามีช้างมามอบดอกบัวให้ จากจุดนี้ ผมคิดว่าความเชื่อของคนยุคก่อนเกี่ยวกับการมาบังเกิดของบุคคลที่พิเศษสุดที่จะมาเป็นพระผู้กอบกู้มนุษยชาตินั้น เขาให้ความสำคัญกับการเกิดมาก  คือจะต้องเกิดด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ เกิดอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ใช่เกิดด้วยกิเลสแบบมนุษย์ทั่วไป   ซึ่งผมเห็นว่ามีลักษณะคล้าย ๆ กับการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
และทำไมพระมารดาของพระพุทธเจ้าถึงสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดพระพุทธเจ้าไม่นาน ตามคติความเชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า ครรภ์ใดที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ มนุษย์ธรรมดาไม่มีบุญได้ใช้ร่วมกับพระองค์ ดังนั้นเพื่อมิให้ใครใช้ครรภ์ของพระมารดาพระพุทธเจ้าอีก พระนางจึงต้องสิ้นพระชนม์ เพราะหากพระนางยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะแบบนั้น โอกาสที่พระนางจะให้กำเนิดพระโอรสธิดาอีกย่อมมีได้  เพราะพระนางไม่ได้ตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต  ตอนที่ให้ปฏิสนธิพระพุทธเจ้า พระนางแค่ถือศีลเพียงชั่วคราว  แต่สำหรับพระนางมารีย์ พระนางตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต พระนางจึงไม่ต้องสิ้นพระชนม์  ความเชื่อทั้งสองศาสนานี้ แม้จะเกิดต่างสถานที่กัน ต่างเวลากันถึงห้าร้อยกว่าปี แต่ก็ยังมีความละม้ายคล้ายกัน ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจจะนำพระพุทธเจ้ามาเปรียบเทียบกับพระเยซูเจ้า แต่อยากแสดงให้เห็นถึงแผนการบางอย่างของพระเจ้าที่ทรงมีสำหรับบางคน ที่ทรงส่งมาในโลกนี้เพื่อภารกิจสำคัญบางอย่าง

และในการประสูติมาของพระเยซูเจ้านั้น ก็มิได้ทำลายพรหมจรรย์ของพระนาง เพราะพระวรกายของพระเยซูเจ้านั้นมีความพิเศษที่สามารถผ่านทะลุวัตถุต่าง ๆ ได้เลย เช่นเดียวกับเวลาที่ทรงเด็จผ่านทะลุประตูมาหาบรรดาสาวก หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว หรือแม้แต่ผ้าตราสังของพระองค์ ก็มีความเชื่อว่า พระองค์ทรงออกมาจากผ้านั้นแบบทำลุผ่านออกมา โดยไม่ต้องพังประตู กำแพง ทลายหรือผืนผ้าให้ฉีกขาด ซึ่งการผ่านออกมาจากพระครรภ์ของแม่พระก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พระมารดา มารีย์ มิได้ให้กำเนิด พระเยซูโดยการ สมสู่ เหมือน พระมารดา ของท่าน สิทธถะ ที่ท่านกำเนิดโดย ธรรมชาติ
เปลี่ยนคำไม่ได้เหรอครับ

สมสู่ มีความหมายเท่ากับ การมีเพศสัมพันธ์
แต่น้ำหนักของคำ ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะใน case นี้ ผมว่าน่าจะใช้คำที่ดีกว่านี้อีกหน่อยครับ

ไม่ได้ตำหนินะครับ แค่อยากให้เลือกคำอย่างระมัดระวัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

ศุกร์ ธ.ค. 04, 2009 12:50 pm

อืมๆ ข้อมูลใหม่ๆ ขอบคุณนะคะ

เอ่อ ต้องระวังการใช้คำจริงๆ : emo036 :
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

พุธ ธ.ค. 21, 2011 8:48 pm

ขอบคุณครับพี่ปอที่ช่วยหากระทู้นี้ส่งมาให้ จะได้ตอบโจทย์คนที่โจมตีแม่พระได้เป็นข้อๆไปครับ :s002:
ตอบกลับโพส