ลูเธอร์ คาลวิน และกลุ่มโปรแตสแตนท์อื่นๆกับเรื่องพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 4:59 am
Luther, Calvin, and Other Early Protestants on the Perpetual Virginity of Mary
ลูเธอร์ คาลวิน และกลุ่มโปรแตสแตนท์อื่น ๆ กับเรื่อง พรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์
กลุ่มผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ในยุคแรก ๆ ล้วนยอมรับข้อความจริงที่ว่าพระนางมารีย์ทรงเป็นองค์พรหมจารีนิรันดร สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้เป็นเพียง “ธรรมเนียมปฏิบัติ” โดยไม่มีรากฐานสนับสนุนมาจากรพระคัมภีร์เลย หากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อข้อความในพระคัมภีร์จริง ทำไมถึงไม่มีใครเห็นหรือจำแนกได้อย่างชัดเจนเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับโปรแตสแตนท์ในช่วง 150 ปีมานี้ละ? (ตั้งแต่ช่วงเสรีนิยมทางเทววิทยา) ผู้ซึ่งได้ทิ้งทัศนคติที่ถือกันมาก่อนหน้านี้? บางคนเชื่อกันว่าพระเยซูทรงมีน้องชายคนอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดด้วย (แต่แนวคิดนี้ก็ขัดแย้งกับข้อคำสอนของคาทอลิก) และแน่นอน ขัดแย้งกับข้อความเชื่อเอกฉันท์ของชาวโปรแตสแตนท์เริ่มแรกด้วย
เรามาดูกันเถิดว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์สอนอย่างไรเรื่องข้อความเชื่อนี้
ถ้าทางคาทอลิกถูกฝังรากลึกกับการถูกมองว่า “โง่เขลา” “สิ้นหวัง” “ผิดอย่างเห็นได้ชัด” และ “ไม่ถือธรรมเนียมปฏิบัติตามพระคัมภีร์” ก็แปลว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์อย่างเช่น ลูเธอร์ คาลวิน และ เวสเลย์ ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน แปลกแต่จริง โปรแตสแตนท์ในปัจจุบันที่วิพากษ์วิจารณ์คาทอลิก ก็มีอยู่เพียงแค่ส่วนน้อยที่เล็งวิจารณ์มาที่คาทอลิกจริง ๆ ข้าพเจ้าคิดว่าข้อผิดพลาดตรงนี้จะมากเกินพอดีหรือไม่แค่ไหนขึ้นกับว่าใครยอมรับ หรือ ประกาศออกมาแค่ไหน เหมือนกับ ออร์เวเลี่ยน (Orwellian)
คติจากเรื่อง Animal farm ที่ว่า
“ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมกันมากกว่าคนอื่น”
เรื่องทั่วไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บางทีหากพูดถึงบทบาททางเทวศาสตร์ที่ใครคนหนึ่งจะพูดถึงหัวข้อเรื่องมารียวิทยาในปัจจุบัน คน ๆ นั้น ไม่ควรเรียกหาความช่วยเหลือจาก “กลุ่มธรรมเนียมปฏิรูป” เว้นแต่คนนั้นจะทำด้วยความระวังอย่างเป็นพิเศษที่สุด ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูปนั้นสอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของทางคริสตจักรในวาระสำคัญหลัก ๆ และเหมือนกับของบาทหลวงในช่วงศตวรรษแรกในส่วนข้อปลีกย่อย
ในการเพ่งเล็งไปที่ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูป เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความเห็นเอกฉันท์เพียงไร ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และ ความเป็นองค์พรหมจารีย์นิรันดร ของพระนางมารีย์
{Max Thurian (Protestant), Mary: Mother of all Christians, tr. Neville B. Cryer, NY: Herder & Herder, 1963 (orig. 1962), pp. 77, 197}
ตำแหน่ง “ผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” (aeiparthenos, semper virgo) ปรากฏขึ้นในช่วงแรกของคริสต์ศาสนา และเป็นสำนวนที่ถูกเก็บไว้ในช่วงยุคกลาง และถูกใช้อย่างต่อเนื่องในบทสารภาพบาปของโปรแตสแตนท์
(Luther, Calvin, Zwingli, Andrewes; Book of Concord [1580], Schmalkaldic Articles [1537]).
{Raymond E. Brown et al, ed., Mary in the New Testament, Phil.: Fortress Press / NY: Paulist Press, 1978, p.65 (a joint Catholic-Protestant effort) }
ทางโปรแตสแตนท์แยกพระนางมารีย์ออกจากการเคารพบูชา และการสวดภาวนาถึงอย่างเป็นทางการในช่วงศตวรรษที่ 16 และในช่วงศตวรรษที่ 20 การแตกแยกจากกันนั้นก็แตกหักแม้แต่การขับร้องบท “Magnificat” ก็ยังทำให้กลุ่มเพียวริแทนรู้สึกตะขิดตะควงใจอึดอัดเลย และถ้าพวกเขาล้มเลิกต่อข้อความเชื่อของอัครสาวก นั่นไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องข้อขัดแย้งกับทางคาทอลิก แต่เพราะเรื่องการเอ่ยถึงพระนางมารีย์ด้วย
แต่ คาลวิน ที่เป็นเช่นเดียวกับ ลูเธอร์ และ สวิงลี สอนเรื่องความเป็นองค์พรหมจารย์นิรันดรของพระนางมารีย์ กลุ่มปฏิรูปแรก ๆ ก็รับเอาข้อความเชื่อนี้มาด้วย ถึงแม้จะมีการสงวนท่าทีไว้บ้างกับตำแหน่ง Theotokos ของพระนางมารีย์ คาลวินยังเคยสอนให้ผู้ติดตามเขาเคารพพระนางในฐานะอาจารย์ผู้สอนสั่งพวกเขาให้ทำตามคำสั่งสอนของพระบุตรของพระนาง
{J.A. Ross MacKenzie (Protestant), in Stacpoole, Alberic, ed., Mary's Place in Christian Dialogue, Wilton, Conn.: Morehouse-Barlow, 1982, pp.35-6}
มาร์ติน ลูเธอร์
พระคริสต์ พระผู้ไถ่ของชาวเรานั้นถือกำเนิดมาจากครรภ์อันพรหมจรรย์ของพระนางมารีย์ โดยไม่ต้องอาศัยผู้ชายเลย และพระนางก็ยังคงดำรงความเป็นพรหมจรรย์นั้นตลอดกาลหลังจากนั้น
{Luther's Works, eds. Jaroslav Pelikan (vols. 1-30) & Helmut T. Lehmann (vols. 31-55), St. Louis: Concordia Pub. House (vols. 1-30); Philadelphia: Fortress Press (vols. 31-55), 1955, v.22:23 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }
พระคริสต์ เป็นพระบุตรแต่องค์เดียวของพระนางมารีย์ และพระนางมิได้ให้กำเนิดบุตรธิดาใดนอกจากพระองค์อีก ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างว่า “พี่น้อง” ในพระคัมภีร์นั้น แท้จริงหมายถึง ‘ญาติ” มากกว่า เพราะจากงานเขียนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ และชาวยิวก็ยังนิยมเรียก ญาติ ว่า พี่น้อง อีกด้วย
{Pelikan, ibid., v.22:214-15 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }
เรื่องโกหกเรื่องใหม่ของข้าพเจ้าถูกแพร่กระจายออกไป หาว่าข้าพเจ้าได้เทศน์สอน และ เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ว่า พระนางไม่ทรงพรหมจรรย์ไม่ก่อนก็หลังการประสูติของพระเยซูคริสต์
{Pelikan, ibid.,v.45:199 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }
ไม่มีข้อความ คำกล่าวอ้างใดในพระคัมภีร์เลย ที่กล่าวว่าพระนางสูญเสียพรหมจรรย์ในภายหลัง
จากพระวรสารนักบุญมัทธิว 1 : 25 พระวรสารบทนี้บอกเราว่านักบุญยอแซฟไม่มีความสัมพันธ์กับพระนางเลยจนกระทั่งพระนางมีพระบุตร มันไม่ได้แปลว่าหลังจากนั้นท่านจะต้องมีความสัมพันธ์กับพระนาง ในทางกลับกันท่านไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพระนางเลย คำพูดพล่ามที่กล่าวว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันหลังจากนั้นไม่มีข้อยืนยันสนับสนุน บางทีคนที่พูดนั้นอาจจะไม่ได้สังเกต หรือ ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อข้อความในพระคัมภีร์ อย่างถ่องแท้เลย
{Pelikan, ibid.,v.45:206,212-3 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }
บรรณาธิการ เจโรสลาฟ เพลิคัน Jaroslav Pelikan (ลูเธอร์รัน) ยังเสริมเพิ่มเติมด้วยว่า :
ลูเธอร์… ไม่เคยคิดเลยว่าพระนางมารีย์จะมีบุตรธิดาคนอื่นนอกจากพระเยซูคริสต์ และตลอดชีวิตของเขา เขาก็ยืนกรานกับความเชื่อเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนาง
{Pelikan, ibid.,v.22:214-5}
จอห์น คาลวิน
เฮลวิดัสได้แสดงทัศนะที่ขาดความรู้อย่างมากเกินไป ในการสรุปว่าพระนางมารีย์ต้องมีบุตรหลายคนแน่ เพียงเพราะคำว่า “พี่น้อง” ของพระเยซูคริสต์ ถูกพูดถึงในบางครั้ง
{Harmony of Matthew, Mark & Luke, sec. 39 (Geneva, 1562), vol. 2 / From Calvin's Commentaries, tr. William Pringle, Grand Rapids, MI: Eerdmans, 1949, p.215; on Matthew 13:55}
จากพระวรสารนักบุญ มัทธิว 1 : 25
ข้ออ้างอิงที่เฮลวิดัสยกมาอ้างนั้น อ้างว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจรรย์จนกระทั่งการคลอดครั้งแรกของพระนาง และหลังจากนั้นพระนางได้มีบุตรคนอื่นกับสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีเหตุผลหรือข้อสรุปที่ชัดเจนจากคำกล่าวอ้างเหล่านี้เลย สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการประสูติของพระเยซูคริสต์นั้น การที่พระองค์ถูกเรียกว่าเป็นบุตรคนแรกจากการคลอดของพระนางนั้นเพื่อจะบอกเราว่าพระนางทรงพรหมจรรย์มาโดยตลอดแม้แต่ตอนคลอดพระบุตร สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นนักประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกเราเอาไว้ และไม่ควรที่จะมีใครทำหัวแข็งเถียงกันในเรื่องนี้ นอกจากว่าเขาเป็นคนชอบถกเถียงเท่านั้น
{Pringle, ibid., vol. I, p. 107}
จากคำว่า “พี่น้อง” ชาวฮีบรู หมายความรวมถึง ญาติ และ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ ผูกพัน ใกล้ชิดอื่นไว้ด้วย
{Pringle, ibid., vol. I, p. 283 / Commentary on John, (7:3) }
ฮัลไดรค์ สวิงลี่
ในเดือนกันยายนปี 1522 เขาได้เปลี่ยนหันหน้าสู่กลุ่ม บทเพลงพิทักษ์พระนางพรหมจารีย์มารีอา พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร เพื่อปฏิเสธยืนยันว่าพระนางมารีย์ “ไม่เคยถูกล่วงละเมิด” ทั้งตั้งแต่ ก่อน ระหว่าง และหลังการประสูติพระบุตร การสงสัยเรื่องนี้เป็นการสงสัยในพระสรรพานุภาพของพระเจ้า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นสิ่งดีงามที่เราจะกล่าวย้ำถึง(ไม่ใช่การสวด) "คำทักทายทูตสวรรค์" ว่า “วันทามารีอา” พระเจ้าทรงให้เกียรติพระนางมารีย์เหนือสิ่งสร้างอื่นทั้งปวง รวมถึงบรรดานักบุญ และ ทูตสวรรค์ด้วย ซึ่งนั่นก็มาจากความบริสุทธิ์ ความไร้มลทิน และความเชื่ออันมิสั่นคลอนของพระนาง ที่พวกเราทุกคนควรถือตามพระนาง แต่กระนั้นก็ดี การสวดภาวนาร้องวิงวอนต้องเป็นการสวดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว
'Fidei expositio,' เป็นจุลสารฉบับสุดท้ายจากปลายปากกาของเขา
และมีข้อความยืนยันพิเศษเกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางด้วย
{G. R. Potter, Zwingli, London: Cambridge Univ. Press, 1976, pp.88-9,395 / The Perpetual Virginity of Mary . . ., Sep. 17, 1522}
สวิงลี่ได้ตีพิมพิ์ผลงานในปี 1524
บทเทศน์ “พระนางมารีย์ พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” ('Mary, ever virgin, mother of God)
{Thurian, ibid., p.76}
ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อน หรือประกาศอย่างเปิดเผยเลย กับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์ พระมารดาแห่งพระผู้ไถ่ ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ เลวร้าย ไม่คู่ควร และ ชั่วร้าย แต่ข้าพเจ้าเชื่ออย่างสุดหัวใจตามพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ว่า พระนางมารีย์ผู้ทรงพรหมจารีย์ได้ทรงให้กำเนิดพระบุตรของพระเจ้าให้กับพวกเรา โดยที่พระนางยังคงบริสุทธิ์ พรหมจารีย์ ไร้มลทิน ทั้งในการให้กำเนิดพระบุตรและหลังจากนั้น จนตลอดนิรันดร
{Thurian, ibid., p.76 / same sermon}
เฮนริค บูลลิงเกอร์
บูลลิงเกอร์ ( d. 1575 ) ผู้พิทักษ์ข้อความเชื่อว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจารีย์อยู่เป็นนิตย์ และกล่าวประนามอย่างรุนแรงต่อคริสตศาสนิกชนปลอมผู้บิดเบือนพระนางให้เสื่อมพระเกียรติ
“ในพระนางมารีย์ ทุกสิ่งดูเป็นสิ่งอัศจรรย์ และพระสิริรุ่งโรจน์ทั้งหลายไหลหลั่งมาจากศรัทธาอันบริสุทธิ์ และ ความรักอันร้อนแรงของพระนางต่อพระผู้เป็นเจ้า”
พระนางเป็น “สมาชิกที่โดดเด่น และ สูงส่งที่สุด” ของชุมชนคริสตจักร
“พระนางมารีย์ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างครบครันจากพระเมตตา และ พระโลหิตของพระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระนาง และพระนางเปี่ยมล้นด้วยพระหรรษาทานจากองค์พระจิตเจ้า มากกว่าใครทุกคน และขณะนี้พระนางทรงเสวยสุขในแดนสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ และยังคงถูกเรียกขานว่า“พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร”
{In Hilda Graef, Mary: A History of Doctrine and Devotion, combined ed. of vols. 1 & 2, London: Sheed & Ward, 1965, vol.2, pp.14-5}
จอห์น เวสเล่ย์ (ผู้ก่อตั้ง เมธอดดิซึ่ม-โปรแตสแตนท์)
ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ ทรงประสูติจากพระนางมารีย์ผู้ทรงบุญ
ผู้ทรงสะอาดบริสุทธิ์ พรหมจรรย์ ไร้ซึ่งมลทินใด ๆ ทั้งก่อนและหลังให้กำเนิดพระบุตร
{"Letter to a Roman Catholic," quoted in A. C. Coulter, John Wesley, New York: Oxford University Press, 1964, 495}
จาก http://ic.net/~erasmus/RAZ460.HTM
---------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณCodaxไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอพระเจ้าอวยพรแด่คริสตชนแท้ที่มีความเชื่ออันถูกต้องที่สืบทอดมาจากแรกเริ่มพระศาสนจักรของพระองค์
ลูเธอร์ คาลวิน และกลุ่มโปรแตสแตนท์อื่น ๆ กับเรื่อง พรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์
กลุ่มผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ในยุคแรก ๆ ล้วนยอมรับข้อความจริงที่ว่าพระนางมารีย์ทรงเป็นองค์พรหมจารีนิรันดร สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้เป็นเพียง “ธรรมเนียมปฏิบัติ” โดยไม่มีรากฐานสนับสนุนมาจากรพระคัมภีร์เลย หากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อข้อความในพระคัมภีร์จริง ทำไมถึงไม่มีใครเห็นหรือจำแนกได้อย่างชัดเจนเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับโปรแตสแตนท์ในช่วง 150 ปีมานี้ละ? (ตั้งแต่ช่วงเสรีนิยมทางเทววิทยา) ผู้ซึ่งได้ทิ้งทัศนคติที่ถือกันมาก่อนหน้านี้? บางคนเชื่อกันว่าพระเยซูทรงมีน้องชายคนอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดด้วย (แต่แนวคิดนี้ก็ขัดแย้งกับข้อคำสอนของคาทอลิก) และแน่นอน ขัดแย้งกับข้อความเชื่อเอกฉันท์ของชาวโปรแตสแตนท์เริ่มแรกด้วย
เรามาดูกันเถิดว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์สอนอย่างไรเรื่องข้อความเชื่อนี้
ถ้าทางคาทอลิกถูกฝังรากลึกกับการถูกมองว่า “โง่เขลา” “สิ้นหวัง” “ผิดอย่างเห็นได้ชัด” และ “ไม่ถือธรรมเนียมปฏิบัติตามพระคัมภีร์” ก็แปลว่าผู้ก่อตั้งโปรแตสแตนท์อย่างเช่น ลูเธอร์ คาลวิน และ เวสเลย์ ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน แปลกแต่จริง โปรแตสแตนท์ในปัจจุบันที่วิพากษ์วิจารณ์คาทอลิก ก็มีอยู่เพียงแค่ส่วนน้อยที่เล็งวิจารณ์มาที่คาทอลิกจริง ๆ ข้าพเจ้าคิดว่าข้อผิดพลาดตรงนี้จะมากเกินพอดีหรือไม่แค่ไหนขึ้นกับว่าใครยอมรับ หรือ ประกาศออกมาแค่ไหน เหมือนกับ ออร์เวเลี่ยน (Orwellian)
คติจากเรื่อง Animal farm ที่ว่า
“ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมกันมากกว่าคนอื่น”
เรื่องทั่วไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บางทีหากพูดถึงบทบาททางเทวศาสตร์ที่ใครคนหนึ่งจะพูดถึงหัวข้อเรื่องมารียวิทยาในปัจจุบัน คน ๆ นั้น ไม่ควรเรียกหาความช่วยเหลือจาก “กลุ่มธรรมเนียมปฏิรูป” เว้นแต่คนนั้นจะทำด้วยความระวังอย่างเป็นพิเศษที่สุด ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูปนั้นสอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติของทางคริสตจักรในวาระสำคัญหลัก ๆ และเหมือนกับของบาทหลวงในช่วงศตวรรษแรกในส่วนข้อปลีกย่อย
ในการเพ่งเล็งไปที่ข้อความเชื่อเรื่องพระนางมารีย์ของกลุ่มปฏิรูป เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความเห็นเอกฉันท์เพียงไร ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และ ความเป็นองค์พรหมจารีย์นิรันดร ของพระนางมารีย์
{Max Thurian (Protestant), Mary: Mother of all Christians, tr. Neville B. Cryer, NY: Herder & Herder, 1963 (orig. 1962), pp. 77, 197}
ตำแหน่ง “ผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” (aeiparthenos, semper virgo) ปรากฏขึ้นในช่วงแรกของคริสต์ศาสนา และเป็นสำนวนที่ถูกเก็บไว้ในช่วงยุคกลาง และถูกใช้อย่างต่อเนื่องในบทสารภาพบาปของโปรแตสแตนท์
(Luther, Calvin, Zwingli, Andrewes; Book of Concord [1580], Schmalkaldic Articles [1537]).
{Raymond E. Brown et al, ed., Mary in the New Testament, Phil.: Fortress Press / NY: Paulist Press, 1978, p.65 (a joint Catholic-Protestant effort) }
ทางโปรแตสแตนท์แยกพระนางมารีย์ออกจากการเคารพบูชา และการสวดภาวนาถึงอย่างเป็นทางการในช่วงศตวรรษที่ 16 และในช่วงศตวรรษที่ 20 การแตกแยกจากกันนั้นก็แตกหักแม้แต่การขับร้องบท “Magnificat” ก็ยังทำให้กลุ่มเพียวริแทนรู้สึกตะขิดตะควงใจอึดอัดเลย และถ้าพวกเขาล้มเลิกต่อข้อความเชื่อของอัครสาวก นั่นไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องข้อขัดแย้งกับทางคาทอลิก แต่เพราะเรื่องการเอ่ยถึงพระนางมารีย์ด้วย
แต่ คาลวิน ที่เป็นเช่นเดียวกับ ลูเธอร์ และ สวิงลี สอนเรื่องความเป็นองค์พรหมจารย์นิรันดรของพระนางมารีย์ กลุ่มปฏิรูปแรก ๆ ก็รับเอาข้อความเชื่อนี้มาด้วย ถึงแม้จะมีการสงวนท่าทีไว้บ้างกับตำแหน่ง Theotokos ของพระนางมารีย์ คาลวินยังเคยสอนให้ผู้ติดตามเขาเคารพพระนางในฐานะอาจารย์ผู้สอนสั่งพวกเขาให้ทำตามคำสั่งสอนของพระบุตรของพระนาง
{J.A. Ross MacKenzie (Protestant), in Stacpoole, Alberic, ed., Mary's Place in Christian Dialogue, Wilton, Conn.: Morehouse-Barlow, 1982, pp.35-6}
มาร์ติน ลูเธอร์
พระคริสต์ พระผู้ไถ่ของชาวเรานั้นถือกำเนิดมาจากครรภ์อันพรหมจรรย์ของพระนางมารีย์ โดยไม่ต้องอาศัยผู้ชายเลย และพระนางก็ยังคงดำรงความเป็นพรหมจรรย์นั้นตลอดกาลหลังจากนั้น
{Luther's Works, eds. Jaroslav Pelikan (vols. 1-30) & Helmut T. Lehmann (vols. 31-55), St. Louis: Concordia Pub. House (vols. 1-30); Philadelphia: Fortress Press (vols. 31-55), 1955, v.22:23 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }
พระคริสต์ เป็นพระบุตรแต่องค์เดียวของพระนางมารีย์ และพระนางมิได้ให้กำเนิดบุตรธิดาใดนอกจากพระองค์อีก ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างว่า “พี่น้อง” ในพระคัมภีร์นั้น แท้จริงหมายถึง ‘ญาติ” มากกว่า เพราะจากงานเขียนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ และชาวยิวก็ยังนิยมเรียก ญาติ ว่า พี่น้อง อีกด้วย
{Pelikan, ibid., v.22:214-15 / Sermons on John, chaps. 1-4 (1539) }
เรื่องโกหกเรื่องใหม่ของข้าพเจ้าถูกแพร่กระจายออกไป หาว่าข้าพเจ้าได้เทศน์สอน และ เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ว่า พระนางไม่ทรงพรหมจรรย์ไม่ก่อนก็หลังการประสูติของพระเยซูคริสต์
{Pelikan, ibid.,v.45:199 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }
ไม่มีข้อความ คำกล่าวอ้างใดในพระคัมภีร์เลย ที่กล่าวว่าพระนางสูญเสียพรหมจรรย์ในภายหลัง
จากพระวรสารนักบุญมัทธิว 1 : 25 พระวรสารบทนี้บอกเราว่านักบุญยอแซฟไม่มีความสัมพันธ์กับพระนางเลยจนกระทั่งพระนางมีพระบุตร มันไม่ได้แปลว่าหลังจากนั้นท่านจะต้องมีความสัมพันธ์กับพระนาง ในทางกลับกันท่านไม่เคยมีความสัมพันธ์กับพระนางเลย คำพูดพล่ามที่กล่าวว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันหลังจากนั้นไม่มีข้อยืนยันสนับสนุน บางทีคนที่พูดนั้นอาจจะไม่ได้สังเกต หรือ ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อข้อความในพระคัมภีร์ อย่างถ่องแท้เลย
{Pelikan, ibid.,v.45:206,212-3 / That Jesus Christ was Born a Jew (1523) }
บรรณาธิการ เจโรสลาฟ เพลิคัน Jaroslav Pelikan (ลูเธอร์รัน) ยังเสริมเพิ่มเติมด้วยว่า :
ลูเธอร์… ไม่เคยคิดเลยว่าพระนางมารีย์จะมีบุตรธิดาคนอื่นนอกจากพระเยซูคริสต์ และตลอดชีวิตของเขา เขาก็ยืนกรานกับความเชื่อเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนาง
{Pelikan, ibid.,v.22:214-5}
จอห์น คาลวิน
เฮลวิดัสได้แสดงทัศนะที่ขาดความรู้อย่างมากเกินไป ในการสรุปว่าพระนางมารีย์ต้องมีบุตรหลายคนแน่ เพียงเพราะคำว่า “พี่น้อง” ของพระเยซูคริสต์ ถูกพูดถึงในบางครั้ง
{Harmony of Matthew, Mark & Luke, sec. 39 (Geneva, 1562), vol. 2 / From Calvin's Commentaries, tr. William Pringle, Grand Rapids, MI: Eerdmans, 1949, p.215; on Matthew 13:55}
จากพระวรสารนักบุญ มัทธิว 1 : 25
ข้ออ้างอิงที่เฮลวิดัสยกมาอ้างนั้น อ้างว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจรรย์จนกระทั่งการคลอดครั้งแรกของพระนาง และหลังจากนั้นพระนางได้มีบุตรคนอื่นกับสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีเหตุผลหรือข้อสรุปที่ชัดเจนจากคำกล่าวอ้างเหล่านี้เลย สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการประสูติของพระเยซูคริสต์นั้น การที่พระองค์ถูกเรียกว่าเป็นบุตรคนแรกจากการคลอดของพระนางนั้นเพื่อจะบอกเราว่าพระนางทรงพรหมจรรย์มาโดยตลอดแม้แต่ตอนคลอดพระบุตร สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นนักประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกเราเอาไว้ และไม่ควรที่จะมีใครทำหัวแข็งเถียงกันในเรื่องนี้ นอกจากว่าเขาเป็นคนชอบถกเถียงเท่านั้น
{Pringle, ibid., vol. I, p. 107}
จากคำว่า “พี่น้อง” ชาวฮีบรู หมายความรวมถึง ญาติ และ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ ผูกพัน ใกล้ชิดอื่นไว้ด้วย
{Pringle, ibid., vol. I, p. 283 / Commentary on John, (7:3) }
ฮัลไดรค์ สวิงลี่
ในเดือนกันยายนปี 1522 เขาได้เปลี่ยนหันหน้าสู่กลุ่ม บทเพลงพิทักษ์พระนางพรหมจารีย์มารีอา พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร เพื่อปฏิเสธยืนยันว่าพระนางมารีย์ “ไม่เคยถูกล่วงละเมิด” ทั้งตั้งแต่ ก่อน ระหว่าง และหลังการประสูติพระบุตร การสงสัยเรื่องนี้เป็นการสงสัยในพระสรรพานุภาพของพระเจ้า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องและเป็นสิ่งดีงามที่เราจะกล่าวย้ำถึง(ไม่ใช่การสวด) "คำทักทายทูตสวรรค์" ว่า “วันทามารีอา” พระเจ้าทรงให้เกียรติพระนางมารีย์เหนือสิ่งสร้างอื่นทั้งปวง รวมถึงบรรดานักบุญ และ ทูตสวรรค์ด้วย ซึ่งนั่นก็มาจากความบริสุทธิ์ ความไร้มลทิน และความเชื่ออันมิสั่นคลอนของพระนาง ที่พวกเราทุกคนควรถือตามพระนาง แต่กระนั้นก็ดี การสวดภาวนาร้องวิงวอนต้องเป็นการสวดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว
'Fidei expositio,' เป็นจุลสารฉบับสุดท้ายจากปลายปากกาของเขา
และมีข้อความยืนยันพิเศษเกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางด้วย
{G. R. Potter, Zwingli, London: Cambridge Univ. Press, 1976, pp.88-9,395 / The Perpetual Virginity of Mary . . ., Sep. 17, 1522}
สวิงลี่ได้ตีพิมพิ์ผลงานในปี 1524
บทเทศน์ “พระนางมารีย์ พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร” ('Mary, ever virgin, mother of God)
{Thurian, ibid., p.76}
ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อน หรือประกาศอย่างเปิดเผยเลย กับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเรื่องความพรหมจารีย์นิรันดรของพระนางมารีย์ พระมารดาแห่งพระผู้ไถ่ ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ เลวร้าย ไม่คู่ควร และ ชั่วร้าย แต่ข้าพเจ้าเชื่ออย่างสุดหัวใจตามพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ว่า พระนางมารีย์ผู้ทรงพรหมจารีย์ได้ทรงให้กำเนิดพระบุตรของพระเจ้าให้กับพวกเรา โดยที่พระนางยังคงบริสุทธิ์ พรหมจารีย์ ไร้มลทิน ทั้งในการให้กำเนิดพระบุตรและหลังจากนั้น จนตลอดนิรันดร
{Thurian, ibid., p.76 / same sermon}
เฮนริค บูลลิงเกอร์
บูลลิงเกอร์ ( d. 1575 ) ผู้พิทักษ์ข้อความเชื่อว่าพระนางมารีย์ทรงพรหมจารีย์อยู่เป็นนิตย์ และกล่าวประนามอย่างรุนแรงต่อคริสตศาสนิกชนปลอมผู้บิดเบือนพระนางให้เสื่อมพระเกียรติ
“ในพระนางมารีย์ ทุกสิ่งดูเป็นสิ่งอัศจรรย์ และพระสิริรุ่งโรจน์ทั้งหลายไหลหลั่งมาจากศรัทธาอันบริสุทธิ์ และ ความรักอันร้อนแรงของพระนางต่อพระผู้เป็นเจ้า”
พระนางเป็น “สมาชิกที่โดดเด่น และ สูงส่งที่สุด” ของชุมชนคริสตจักร
“พระนางมารีย์ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างครบครันจากพระเมตตา และ พระโลหิตของพระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระนาง และพระนางเปี่ยมล้นด้วยพระหรรษาทานจากองค์พระจิตเจ้า มากกว่าใครทุกคน และขณะนี้พระนางทรงเสวยสุขในแดนสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ และยังคงถูกเรียกขานว่า“พระมารดาพระเจ้าผู้ทรงพรหมจารีย์นิรันดร”
{In Hilda Graef, Mary: A History of Doctrine and Devotion, combined ed. of vols. 1 & 2, London: Sheed & Ward, 1965, vol.2, pp.14-5}
จอห์น เวสเล่ย์ (ผู้ก่อตั้ง เมธอดดิซึ่ม-โปรแตสแตนท์)
ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ ทรงประสูติจากพระนางมารีย์ผู้ทรงบุญ
ผู้ทรงสะอาดบริสุทธิ์ พรหมจรรย์ ไร้ซึ่งมลทินใด ๆ ทั้งก่อนและหลังให้กำเนิดพระบุตร
{"Letter to a Roman Catholic," quoted in A. C. Coulter, John Wesley, New York: Oxford University Press, 1964, 495}
จาก http://ic.net/~erasmus/RAZ460.HTM
---------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณCodaxไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอพระเจ้าอวยพรแด่คริสตชนแท้ที่มีความเชื่ออันถูกต้องที่สืบทอดมาจากแรกเริ่มพระศาสนจักรของพระองค์