วาติกันต้อนรับชาวแองกลิกันเข้าสู่พระศาสนจักร
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 5:15 am
วาติกันต้อนรับชาวแองกลิกันเข้าสู่พระศาสนจักร
Rowan Williams อาร์คบิชอบแห่งแคนเตอร์เบอรี่ (ทางซ้ายมือ) จากแองกลิกันและอัครสังฆราชแห่งเวสมินเตอร์ Vincent Nichols จากคาทอลิกให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวในลอนดอนเกี่ยวกับโครงสร้างใหม่ที่ทาง สันตะสำนักได้ประกาศเพื่อ เปิดทางให้ชาวแองกลิกันสามารถเข้าร่วมกับพระศาสนจักรคาทอลิกได้
October 20, 2009
เมื่อ วันอังคารที่ 20 ต.ค. 2009 ทางวาติกันได้ประกาศกฏระเบียบใหม่เป็นการกรุยทางให้ชาวแองกลิกันทั่วโลก สามารถมาเข้าร่วมกับทางคาทอลิกได้ง่ายขึ้น. ทางวาติกันกล่าวว่ากฏระเบียบนี้มิใช่เป็นการชักชวนแต่เป็นการเปิดทางให้ชาว แองกลิกันจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมกับคาทอลิกเพราะ พวกเขาไม่พอใจหัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกันที่อนุญาตให้มีพิธีแต่งงานของชาว เกย์และอนุญาติให้ผู้หญิงสามารถบวชเป็นพระสงฆ์ได้.
พระ สันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงอนุมัติโครงสร้างใหม่ในการเปิดทางให้ชาวแองกลิกันกลับมาสู่พระศาสนจักร คาทอลิก อันเนื่องมาจากความไม่พอใจของพวกเขาต่อทางหัวหน้าศาสนจักรแองกลิกันดังที่ กล่าวมาแล้ว อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ พระสังฆราชแองกลิกันคนหนึ่งก็ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นเกย์. สำหรับโครงสร้างใหม่นี้จะยังคงยอมให้ชาวแองกลิกันที่เข้ามาสู่พระศาสนจักร คาทอลิกแล้วสามารถใช้ธรรมเนียมนิยมเดิมของตนได้.
ประวัติ ศาสตร์อันยาวนานของการกำเนิดศาสนจักรแองกลิกันมีสาเหตุจากการที่กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ปรารถนาจะหย่าร้างกับพระราชินี Catherine of Aragon แต่ทางศาสนจักรที่โรมไม่อนุญาติ พระองค์จึงทรงประกาศแยกตัวจากศาสนจักรแห่งโรมและตั้งศาสนจักรแองกลิกัน ขึ้นมาในปี 1534. ในศตวรรษที่ 16 ได้เกิดการปฏิรูปศาสนาของโปรแตสแตนท์และประกาศแยกตัวจากพระศาสนจักร คาทอลิก. ทำให้เกิดสงคราม 30 ปี ตามมาในศตวรรษที่ 17 ระหว่างทั้งสองฝ่าย สงครามสิ้นสุดลงด้วยการทำสัญญาสันติภาพที่ เวสท์ฟาเรียในปี 1648 (Peace of Westphalia) และทำให้พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 9 ทรงออกสมณสาส์น "การละเลิก,หลีกเลี่ยง ความอยุติธรรม, ความชั่วร้าย, การขาดความยั้งคิด"
ความ สัมพันธ์ระหว่างแองกลิกันและคาทอลิกได้พัฒนาดีขึ้นตลอดมาในระยะหลังนี้. ผู้นำของทั้งสองฝ่ายคือ Rowan Williams อาร์คบิชอบแห่งแคนเตอร์เบอรี่ จากแองกลิกันและอัครสังฆราชแห่งเวสมินเตอร์ Vincent Nichols จากคาทอลิก ได้ให้การยืนยันว่าโครงสร้างใหม่ที่ประกาศมานั้นจะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ ที่มีอยู่.
คริสตชนแองกลิกันแต่ละคนมีอิสระที่จะเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิก เหมือนเช่นอดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ได้ทำในปี 2007
พระ สันตะปาปาทรงตอบสนองต่อคำร้องขอจากกลุ่มคริสตชนแองกลิกันจำนวนมากทั่วโลก ทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาส,ที่ปรารถนาจะเข้ามาสู่คาทอลิกอย่างเป็นทางการ และมีส่วนอย่างเต็มที่ในพระศาสนจักรคาทอลิก.
ทาง วาติกันไม่ยอมให้ข้อมูลว่าจะมีคริสตชนแองกลิกันทั้งหมดเท่าไรที่จะเปลี่ยนมา เป็นคาทอลิก ปัจจุบันมีคริสตชนแองกลิกันอยู่ทั่วโลกประมาณ 77 ล้านคน.
กลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยม
ใน ปี 1991 กลุ่มคริสตชนแองกลิกันอนุรักษ์นิยม ซึ่งมีประมาณ 400,000 คนได้แยกตัวจากศาสนจักรแองกลิกันด้วยสาเหตุดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นที่คาดการณ์ว่ากลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยมกลุ่มนี้จะมาเข้าร่วมกับ คาทอลิก
พระ คาร์ดินัล เลวาดาให้สัมภาษณ์ว่า "เราได้รับการร้องขอจากคริสตชนกลุ่มใหญ่ ถ้าจะให้ระบุจำนวนพระสังฆราช ก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 - 30 คน" พระคาร์ดินัลได้พูดเช่นนี้หลังจากที่ทางสื่อมวลชนไปลงข่าวว่า ท่านบอกจำนวนพระสังฆราชที่จะมาเข้าร่วมกับคาทอลิกประมาณ 50 คน. สังฆราชเหล่านี้จะมาจาก สหรัฐ,ออสเตรเลีย, และหมู่เกาะในแปซิฟิก
ผู้สื่อข่าวขอให้พระคาร์ดินัลแสดงความคิดเห็นว่านโยบายของวาติกันนี้จะทำให้ศาสนจักรแองกลิกันอ่อนแอลงหรือไม่
"ผม คงไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้. แต่หลังจากการขยายตัวของจักรวรรดิ อังกฤษและการเผยแพร่ของมิสชันนารีแองกลิกัน. ศาสนจักรแองกลิกันตามที่ต่างๆทั่วโลกก็มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้น เรื่อยๆ"
จาก ระเบียบข้อบังคับใหม่นี้ จะทำให้พระสงฆ์แองกลิกันที่แต่งงานแล้วสามารถเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกได้โดยคงอยู่ในสถานะพระสงฆ์ แต่จะไม่สามารถบวชเป็นพระสังฆราชได้
ชาวแองกลิกันอัฟริกันจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่?
ชาว แองกลิกันได้ร้องขอและเจรจากับทางสันตะสำนักมานานแล้วเพื่อจะเข้าร่วมกับ คาทอลิก หลังจากที่ได้แยกตัวจากศาสนจักรแองกลิกัน เพราะความไม่พอใจซึ่งได้ถึงจุดสูงสุดในปี 2004 เมื่อ ศาสนจักรแองกลิกันในสหรัฐได้บวชพระสังฆราชคนแรกที่เป็นคนรักร่วมเพศ คือ Gene Robinson แห่ง New Hampshire.
การ กระทำดังกล่าวและกรณีอื่นอีก เช่นสังฆมณฑลในคานาดาได้ทำพิธีแต่งงานให้กับพวกรักร่วมเพศ ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงแก่กลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอัฟริกา.
โครง สร้างใหม่ได้ถูกประกาศที่โรมและที่ลอนดอน อย่างไรก็ตาม Rowan Williams อัครสังฆราชและหัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกัน ก็กล่าวว่า ท่านไม่เห็นว่าการประกาศนั้นเป็น "ความก้าวร้าว" แต่ประการใด ในทางตรงข้ามท่านกลับเห็นว่า นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
แต่ คุณพ่อ Francis X Rocca ผู้วิเคราะห์ข่าวของวาติกันแผนก Religion News Service มองว่า "สำหรับแองกลิกันที่ยึดมั่นกับความเป็นหนึ่งเดียวกันทางศาสนาแล้ว เรื่อง นี้เป็นความผิดหวังอย่างมาก แต่เหตุการณ์นี้ก็อาจทำให้ภาวะวิกฤติใน ศาสนจักรแองกลิกันบรรเทาลงบ้าง ถ้ากลุ่มอนุรักษ์นิยมแยกตัวไป ก็จะลดความตรึงเครียดของปัญหาการแต่งงานของพวกรักร่วมเพศและการบวชผู้หญิง"
ทาง John Allen ผู้ชำนาญการของวาติกัน จาก the National Catholic Reporter ได้วิเคราะห์ว่ามีคาทอลิกบางคนกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความบาดหมางกัน ระหว่างแองกลิกันกับคาทอลิกได้ เพราะผู้นำของทางแองกลิกันอาจคิดว่า การกระทำของทางคาทอลิกเท่ากับเป็นการขโมยคนของเขา"
หัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกันในเคนย่า Archbishop Eliud Wabukala, ได้ปฏิเสธข้อเสนอในกฏระเบียบใหม่ของพระสันตปาปาที่ยอมให้ชาวแองกลิกันมาเข้า ร่วมกับทางคาทอลิก
ท่านกล่าว ว่า "ครอบครัวโปรแตสแตนท์มีความเข้าใจในความเชื่อแตกต่างจากคาทอลิก อาทิเช่นความเข้าใจในเรื่องศีลมหาสนิท, อาหารค่ำมื้อสุดท้าย หรือความหมายของการอภิบาลรับใช้"
"ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับแองกลิกันอัฟริกันที่จะรวมเข้ากับทางคาทอลิกอย่างเต็มตัว"
http://www.palangjai.0fees.net/anglican.html
Rowan Williams อาร์คบิชอบแห่งแคนเตอร์เบอรี่ (ทางซ้ายมือ) จากแองกลิกันและอัครสังฆราชแห่งเวสมินเตอร์ Vincent Nichols จากคาทอลิกให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวในลอนดอนเกี่ยวกับโครงสร้างใหม่ที่ทาง สันตะสำนักได้ประกาศเพื่อ เปิดทางให้ชาวแองกลิกันสามารถเข้าร่วมกับพระศาสนจักรคาทอลิกได้
October 20, 2009
เมื่อ วันอังคารที่ 20 ต.ค. 2009 ทางวาติกันได้ประกาศกฏระเบียบใหม่เป็นการกรุยทางให้ชาวแองกลิกันทั่วโลก สามารถมาเข้าร่วมกับทางคาทอลิกได้ง่ายขึ้น. ทางวาติกันกล่าวว่ากฏระเบียบนี้มิใช่เป็นการชักชวนแต่เป็นการเปิดทางให้ชาว แองกลิกันจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมกับคาทอลิกเพราะ พวกเขาไม่พอใจหัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกันที่อนุญาตให้มีพิธีแต่งงานของชาว เกย์และอนุญาติให้ผู้หญิงสามารถบวชเป็นพระสงฆ์ได้.
พระ สันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงอนุมัติโครงสร้างใหม่ในการเปิดทางให้ชาวแองกลิกันกลับมาสู่พระศาสนจักร คาทอลิก อันเนื่องมาจากความไม่พอใจของพวกเขาต่อทางหัวหน้าศาสนจักรแองกลิกันดังที่ กล่าวมาแล้ว อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ พระสังฆราชแองกลิกันคนหนึ่งก็ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นเกย์. สำหรับโครงสร้างใหม่นี้จะยังคงยอมให้ชาวแองกลิกันที่เข้ามาสู่พระศาสนจักร คาทอลิกแล้วสามารถใช้ธรรมเนียมนิยมเดิมของตนได้.
ประวัติ ศาสตร์อันยาวนานของการกำเนิดศาสนจักรแองกลิกันมีสาเหตุจากการที่กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ปรารถนาจะหย่าร้างกับพระราชินี Catherine of Aragon แต่ทางศาสนจักรที่โรมไม่อนุญาติ พระองค์จึงทรงประกาศแยกตัวจากศาสนจักรแห่งโรมและตั้งศาสนจักรแองกลิกัน ขึ้นมาในปี 1534. ในศตวรรษที่ 16 ได้เกิดการปฏิรูปศาสนาของโปรแตสแตนท์และประกาศแยกตัวจากพระศาสนจักร คาทอลิก. ทำให้เกิดสงคราม 30 ปี ตามมาในศตวรรษที่ 17 ระหว่างทั้งสองฝ่าย สงครามสิ้นสุดลงด้วยการทำสัญญาสันติภาพที่ เวสท์ฟาเรียในปี 1648 (Peace of Westphalia) และทำให้พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 9 ทรงออกสมณสาส์น "การละเลิก,หลีกเลี่ยง ความอยุติธรรม, ความชั่วร้าย, การขาดความยั้งคิด"
ความ สัมพันธ์ระหว่างแองกลิกันและคาทอลิกได้พัฒนาดีขึ้นตลอดมาในระยะหลังนี้. ผู้นำของทั้งสองฝ่ายคือ Rowan Williams อาร์คบิชอบแห่งแคนเตอร์เบอรี่ จากแองกลิกันและอัครสังฆราชแห่งเวสมินเตอร์ Vincent Nichols จากคาทอลิก ได้ให้การยืนยันว่าโครงสร้างใหม่ที่ประกาศมานั้นจะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ ที่มีอยู่.
คริสตชนแองกลิกันแต่ละคนมีอิสระที่จะเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิก เหมือนเช่นอดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ได้ทำในปี 2007
พระ สันตะปาปาทรงตอบสนองต่อคำร้องขอจากกลุ่มคริสตชนแองกลิกันจำนวนมากทั่วโลก ทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาส,ที่ปรารถนาจะเข้ามาสู่คาทอลิกอย่างเป็นทางการ และมีส่วนอย่างเต็มที่ในพระศาสนจักรคาทอลิก.
ทาง วาติกันไม่ยอมให้ข้อมูลว่าจะมีคริสตชนแองกลิกันทั้งหมดเท่าไรที่จะเปลี่ยนมา เป็นคาทอลิก ปัจจุบันมีคริสตชนแองกลิกันอยู่ทั่วโลกประมาณ 77 ล้านคน.
กลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยม
ใน ปี 1991 กลุ่มคริสตชนแองกลิกันอนุรักษ์นิยม ซึ่งมีประมาณ 400,000 คนได้แยกตัวจากศาสนจักรแองกลิกันด้วยสาเหตุดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นที่คาดการณ์ว่ากลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยมกลุ่มนี้จะมาเข้าร่วมกับ คาทอลิก
พระ คาร์ดินัล เลวาดาให้สัมภาษณ์ว่า "เราได้รับการร้องขอจากคริสตชนกลุ่มใหญ่ ถ้าจะให้ระบุจำนวนพระสังฆราช ก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 - 30 คน" พระคาร์ดินัลได้พูดเช่นนี้หลังจากที่ทางสื่อมวลชนไปลงข่าวว่า ท่านบอกจำนวนพระสังฆราชที่จะมาเข้าร่วมกับคาทอลิกประมาณ 50 คน. สังฆราชเหล่านี้จะมาจาก สหรัฐ,ออสเตรเลีย, และหมู่เกาะในแปซิฟิก
ผู้สื่อข่าวขอให้พระคาร์ดินัลแสดงความคิดเห็นว่านโยบายของวาติกันนี้จะทำให้ศาสนจักรแองกลิกันอ่อนแอลงหรือไม่
"ผม คงไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้. แต่หลังจากการขยายตัวของจักรวรรดิ อังกฤษและการเผยแพร่ของมิสชันนารีแองกลิกัน. ศาสนจักรแองกลิกันตามที่ต่างๆทั่วโลกก็มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้น เรื่อยๆ"
จาก ระเบียบข้อบังคับใหม่นี้ จะทำให้พระสงฆ์แองกลิกันที่แต่งงานแล้วสามารถเปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกได้โดยคงอยู่ในสถานะพระสงฆ์ แต่จะไม่สามารถบวชเป็นพระสังฆราชได้
ชาวแองกลิกันอัฟริกันจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่?
ชาว แองกลิกันได้ร้องขอและเจรจากับทางสันตะสำนักมานานแล้วเพื่อจะเข้าร่วมกับ คาทอลิก หลังจากที่ได้แยกตัวจากศาสนจักรแองกลิกัน เพราะความไม่พอใจซึ่งได้ถึงจุดสูงสุดในปี 2004 เมื่อ ศาสนจักรแองกลิกันในสหรัฐได้บวชพระสังฆราชคนแรกที่เป็นคนรักร่วมเพศ คือ Gene Robinson แห่ง New Hampshire.
การ กระทำดังกล่าวและกรณีอื่นอีก เช่นสังฆมณฑลในคานาดาได้ทำพิธีแต่งงานให้กับพวกรักร่วมเพศ ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงแก่กลุ่มแองกลิกันอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอัฟริกา.
โครง สร้างใหม่ได้ถูกประกาศที่โรมและที่ลอนดอน อย่างไรก็ตาม Rowan Williams อัครสังฆราชและหัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกัน ก็กล่าวว่า ท่านไม่เห็นว่าการประกาศนั้นเป็น "ความก้าวร้าว" แต่ประการใด ในทางตรงข้ามท่านกลับเห็นว่า นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
แต่ คุณพ่อ Francis X Rocca ผู้วิเคราะห์ข่าวของวาติกันแผนก Religion News Service มองว่า "สำหรับแองกลิกันที่ยึดมั่นกับความเป็นหนึ่งเดียวกันทางศาสนาแล้ว เรื่อง นี้เป็นความผิดหวังอย่างมาก แต่เหตุการณ์นี้ก็อาจทำให้ภาวะวิกฤติใน ศาสนจักรแองกลิกันบรรเทาลงบ้าง ถ้ากลุ่มอนุรักษ์นิยมแยกตัวไป ก็จะลดความตรึงเครียดของปัญหาการแต่งงานของพวกรักร่วมเพศและการบวชผู้หญิง"
ทาง John Allen ผู้ชำนาญการของวาติกัน จาก the National Catholic Reporter ได้วิเคราะห์ว่ามีคาทอลิกบางคนกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความบาดหมางกัน ระหว่างแองกลิกันกับคาทอลิกได้ เพราะผู้นำของทางแองกลิกันอาจคิดว่า การกระทำของทางคาทอลิกเท่ากับเป็นการขโมยคนของเขา"
หัวหน้าของศาสนจักรแองกลิกันในเคนย่า Archbishop Eliud Wabukala, ได้ปฏิเสธข้อเสนอในกฏระเบียบใหม่ของพระสันตปาปาที่ยอมให้ชาวแองกลิกันมาเข้า ร่วมกับทางคาทอลิก
ท่านกล่าว ว่า "ครอบครัวโปรแตสแตนท์มีความเข้าใจในความเชื่อแตกต่างจากคาทอลิก อาทิเช่นความเข้าใจในเรื่องศีลมหาสนิท, อาหารค่ำมื้อสุดท้าย หรือความหมายของการอภิบาลรับใช้"
"ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับแองกลิกันอัฟริกันที่จะรวมเข้ากับทางคาทอลิกอย่างเต็มตัว"
http://www.palangjai.0fees.net/anglican.html