ประกาศพิธีบูชาขอบพระคุณ คอปติก ออร์โธดอกซ์ ประจำเดือน มีนาคม ครับ

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:26 pm

รูปภาพ

⛪️ โบสถ์คอปติกออร์โธด็อกซ์เซนต์มาร์ก & เซนต์จอร์จ
https://maps.app.goo.gl/ArvTsrErV44WLteV8?g_st=ic

ปล. สำหรับนิกายคาทอลิก🇻🇦 สามารถไปร่วม & รับศีลมหาสนิทได้นะครับ แต่จะแทนมิสซาวันอาทิตย์ของนิกายคาทอลิกไม่ได้ (คำบอกจากคุณพ่อแผนกศาสนาสัมพันธ์ ของอัครมณฑลกรุงเทพฯ)

CR. : เรื่องเล่าคอปติก ออร์โธด็อกซ์
https://www.facebook.com/photo?fbid=184 ... 1669013225
แก้ไขล่าสุดโดย Arttise เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:27 pm

+ พบศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ไทย ตอนที่ 1

ชาวไทยส่วนใหญ่นั้นคงรู้จักคริสตศาสนาแน่นอน โดยเฉพาะนิกายคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักนิกายออร์โธด็อกซ์หรือศาสนจักรตะวันออก ยิ่งโดยเฉพาะนิกายคอปติกออร์โธด็อกซ์แล้ว หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แค่ในข่าวเกี่ยวกับการข่มเหงที่เกิดขึ้นโดยชาวมุสลิมในอียิปต์หรือข่าวโป๊ปคอปติกเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่แอดมินค่อนข้างแน่ใจว่า แทบไม่มีใครทราบว่าศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นได้มาเผยแผ่ถึงประเทศไทยของเราแล้ว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา แอดมินได้เดินทางเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนจักรคอปติกที่วัดนักบุญมาร์คและนักบุญจอร์จ(St.Mark and St.George Coptic Orthodox Church) ซึ่งวัดยังมีลักษณะเป็นเพียงบ้านแต่ต่อเติมเป็นวัดเท่านั้น

ทั้งนี้แอดมินได้สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนจักรคอปติกออร์ด็อกซ์ในหลายๆด้านด้วย โดยการสนทนานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น พ่อเป็นคนใจดีมาก ท่านเป็นคนอารมณ์ดีและมักจะพูดติดตลกให้ได้หัวเราะระหว่างสนทนากันอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว แต่เนื่องจากเรื่องของเวลาที่มีจำกัด เพราะคุณพ่อต้องไปทำธุระต่อ ทำให้คำตอบหลายข้อนั้นอาจไม่ครอบคลุม

คุณพ่อที่แอดมินได้สนทนาด้วยนั้นชื่อว่าคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอส(Fr.Yohanna Bestawros) เป็นบาทหลวงจากออสเตรเลียซึ่งเข้ามาเผยแผ่คริสตศาสนานิกายคอปติกออร์โธด็อกซ์ในไทยมาตั้งแต่เริ่มแรก

1.ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์คืออะไรครับคุณพ่อ?

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นเป็นหนึ่งในศาสนจักรของออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ ซึ่งแยกออกมาเมื่อสภาสังคายนาสากลชาลซีดอนค.ศ.451 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในศาสนจักรที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับที่สองท่ามกลางนิกายที่ไม่ใช่ยิว(non-Jew denomination)ทั้งหมด ศาสนจักรแรกคือที่เยรูซาเล็ม มีนักบุญเจมส์อัครสาวก(น้องชายพระเยซู หรือรู้จักกันในอีกชื่อคือ ยากอบ)เป็นพระสังฆราชองค์แรก ศาสนจักรที่สองคืออันติโอก ซึ่งในพระคัมภีร์กล่าวว่าที่อันติโอกพวกสาวกได้ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์เป็นครั้งแรก(กิจการ 11:26)

ศาสนจักรที่สามคือศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียนั่นเอง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากนักบุญมาระโกอัครสาวก(นักบุญมาร์ค)ท่านเกิดที่ดินแดนลิเบีย ซึ่งท่านได้เผยแพร่ความเชื่อไปทั่วแอฟริกาเหนือและท่านได้ก่อตั้งศาสนจักรขึ้นที่อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันช่วงค.ศ.49 ซึ่งถือว่าเป็นต้นกำเนิดของศาสนจักรคอปติก เป็นหนึ่งในศาสนจักรทั้งห้า(คือเยรูซาเล็ม อันติโอก อเล็กซานเดรีย คอนสแตนติโนเปิล และโรม)ของคริสตศาสนจักรในยุคแรก โดยนักบุญมาระโกอัครสาวกนั้นทางคอปติกถือว่าท่านเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกอีกด้วย

คุณพ่ออธิบายต่อด้วยว่าหลักข้อเชื่อและหลักเทววิทยาหลายอย่างต่างก็มีที่มาจากศาสนจักรในอียิปต์หรือศาสนจักรอเล็กซานเดรียนั่นเอง มีนักบุญจากศาสนจักรอเล็กซานเดรียที่มีชื่อเสียงด้านเทววิทยามากมายเช่นนักบุญอะธานาซิอุส(โป๊ปคอปติกองค์ที่ 20) นักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรีย(โป๊ปคอปติกองค์ที่ 24)เป็นต้น

2.ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์มีหลักข้อเชื่ออะไรบ้างครับ?

ศาสนจักรคอปติกนั้นยึดถือหลักข้อเชื่อไนเซีย หลักข้อเชื่อของนักบุญอะธานาซิอุส พระคัมภีร์ไบเบิลซึ่งอันนี้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว รวมไปถึงคำสอนที่สืบเนื่องมาจากอัครสาวกเฉกเช่นเดียวกับศาสนจักรอื่นๆ และกฎหมายพระศาสนจักรก่อนสภาสังคายนาสากลชาลซีดอนด้วย(เนื่องจากทางคอปติกไม่ยอมรับสภาสังคายนาสากลครั้งที่ 4 ที่ชาลซีดอน จึงไม่ยอมรับกฎหมายพระศาสนจักรของสภานั้นและครั้งถัดๆมาด้วย)

3.วิถีชีวิตชาวคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นเป็นเช่นไรครับ? เช่นเรื่องการรับประทานอาหาร การสวดภาวนา

(คุณพ่ออธิบายถึงชีวิตพระนักพรตก่อนว่า) ลัทธิอยู่อารามหรืออารามวาสี(Monasticism)นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากศาสนจักรอียิปต์(อเล็กซานเดรีย) ปัจจุบันมีอารามจำนวนมากอยู่ตามทะเลทรายในอียิปต์ ตลอดแม่น้ำไนล์ตั้งแต่ทิศเหนือของอียิปต์จนถึงอียิปต์ใต้เลยล่ะ

"เอ คุณพ่อพูดเหมือนว่าอารามบนภูเขาเอธอส(กรีกออร์โธด็อกซ์) และอารามนักพรตอื่นๆนี่ต่างก็ได้มาจากอียิปต์ใช่มั้ยครับ?"

"อ้าว แน่นอน เพราะอียิปต์เป็นต้นกำเนิดของลัทธิอารามวาสี ไม่ว่าจะโรม กรีก รัสเซีย ต่างก็ได้รับมาจากอียิปต์ทั้งสิ้น"

(คุณพ่ออธิบายต่อว่า)เมื่อพระนักพรตตื่นนอน พวกเขาก็จะมาวัดน้อยและสวดภาวนากันโดยพระนักพรตทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์จะมีการสวดภาวนาเป็นช่วงๆตลอดทั้งวันถึง 7 ช่วงเวลา ได้แก่
1)6.00 น.
2)9.00 น.
3)12.00 น.(เวลาเที่ยง)
4)15.00 น.
5)18.00 น.
6)ภาวนาก่อนนอน
7)เที่ยงคืน

ยิ่งไปกว่านั้น พ่อกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พระนักพรตคอปติกจะสวดภาวนาตลอดเวลา แม้กำลังทำงานอยู่ พวกเขาก็ยังสวดภาวนาอย่างเคร่งครัด
ส่วนทางด้านฆราวาส คุณพ่อบอกว่าชาวคอปติกควรรับศีลมหาสนิทอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง(วันอาทิตย์)และควรมาฟังแก้บาป(ศีลอภัยบาป)กับบาทหลวงอย่างน้อยเดือนละครั้ง และก่อนมารับศีลมหาสนิทต้องอดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนของวันเสาร์จนกว่าจะได้รับศีลมหาสนิท แต่ถ้าป่วยอยู่ ไม่สามารถอดอาหารได้ก็สามารถไปแก้บาปและขออนุญาตในเรื่องนี้จากบาทหลวงได้ ยิ่งไปกว่านั้นทางคอปติกยังมีการอดอาหารทุกวันพุธและวันศุกร์อีกด้วย(แต่การอดอาหารในที่นี้ไม่ได้แปลว่าอดอาหารไปเลย ไม่กินสักมื้อ หากแต่หมายถึงการละเว้นจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ หรือพูดง่ายๆคือมังสวิรัตินั่นเอง) อีกทั้งทางคอปติกจะมีช่วงอดอาหารทั้งหมดมากถึง 220 วันเลยทีเดียว

4.ทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นใช้ปฏิทินพิธีกรรมอะไรและจารีตพิธีกรรมไหนที่ทางศาสนจักรคอปติกนั้นใช้อยู่

ทางคอปติกนั้นจะใช้ปฏิทินพิธีกรรมคอปติก(Coptic Calendar) และทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์จะฉลองวันคริสต์มาสวันเดียวกับทางศาสนจักรอีสเทีร์นออร์โธด็อกซ์(วันที่ 7 มกราคม)อีกด้วย

ส่วนจารีตพิธีกรรมนั้นคือจารีตอเล็กซานเดรีย ทางคอปติกเชื่อกันว่าพีธีกรรมของพวกเขาถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญมาระโกอัครสาวก(นักบุญมาร์ค)นั่นเอง แต่หลักๆแล้วพิธีกรรม(คุณพ่อบอกว่ามากถึง 95 %) เป็นพิธีกรรมของนักบุญบาซิลผู้ยิ่งใหญ่(St.Basil the great) นอกจากนี้พีธีกรรมของคอปติกยังถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรียซึ่งมักพบที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และนักบุญเกรกอรี่แห่งนาเซียนซัส(St. Gregory of Nazianzus)ซึ่งมักจะใช้ช่วงวันสมโภชที่เกี่ยวกับพระเยซู

ทีนี้มาถึงคำถามที่แอดมินเชื่อว่าหลายคนคงให้ความสนใจและหลายคนอาจสงสัยกันมานานแล้ว

5.ผมทราบมาว่าศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์เองก็มีตำแหน่ง"โป๊ป"เหมือนกันกับศาสนจักรคาทอลิก แล้วระหว่างสองโป๊ปของสองศาสนจักรนั้นต่างกันอย่างไรบ้างครับคุณพ่อ?

คุณพ่อจำแนกข้อแตกต่างเป็นข้อๆให้ได้เห็นเลยทีเดียวครับ ซึ่งผมจะยกมาให้ได้อ่านกันดังนี้

ด้านโป๊ปหรือพระสันตะปาปาคาทอลิก
-มีหลักข้อเชื่อว่าพระสันตะปาปาไม่รู้ผิดพลาด(Papal infallbillity)
-เป็นประมุขศาสนจักรที่มีอำนาจสูงสุดในศาสนจักรแต่เพียงผู้เดียว
-เป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากนักบุญเปโตรอัครสาวกหรือนักบุญปีเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นพระสันตะปาปาคาทอลิกองค์แรก
-พระสันตะปาปาคาทอลิกทรงประทับอยู่ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน

ด้านโป๊ปคอปติก
-ไม่มีหลักข้อเชื่อว่าโป๊ปหรือพระสันตะปาปาไม่รู้ผิดพลาด
-แม้จะเป็นประมุขศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ แต่โป๊ปคอปติกก็ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดในศาสนจักรเลย แต่ทางคอปติกจะยึดถือหลัก"สูงสุดท่ามกลางความเท่าเทียม" (First among equals) โดยจะให้สภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์(Holy Synod)มีอำนาจสูงสุด โป๊ปคอปติกจะเพียงแค่ได้รับเกียรติสูงสุดในบรรดาพระสังฆราชและเป็นประธานสภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีอำนาจสูงสุด(หลักFirst among equalsนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับทางศาสนจักรอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ที่พระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลเองก็ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดเช่นกัน)
-เป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากนักบุญมาระโกอัครสาวกหรือนักบุญมาร์ค ซึ่งถือว่าเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรก
-โป๊ปคอปติกทรงประทับอยู่ที่อาสนวิหารนักบุญมาระโก(นักบุญมาร์ค)ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์

ซึ่งนั่นคือความแตกต่างใหญ่ๆของสองโป๊ปสองศาสนจักร

ทีนี้เรื่องการเลือกตั้งโป๊ปคอปติกเองก็มีส่วนน่าสนใจไม่น้อย เพราะวิธีการเลือกนั้นค่อนข้างแตกต่างจากศาสนจักรอื่นอยู่ไม่น้อย คุณพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้ว่า
เริ่มแรก สภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะคัดเลือกพระนักพรตตามทะเลทรายหรือพระสังฆราชทั่วๆไปและจะนำมาโหวตกันให้เหลือ 7 คน แล้วโหวตอีกครั้งและเลือก 3 คนแรก เมื่อเลือกได้แล้วก็จะนำรายชื่อซึ่งเขียนบนกระดาษใส่ไว้ในกล่องแก้วใหญ่ๆเอาไว้ แล้ววางไว้บนพระแท่นและประกอบพิธีกรรมตามปกติขณะที่มีกล่องแก้ววางอยู่บนพระแท่นเป็นเวลาสามวัน

เมื่อครบสามวันแล้ว พวกเขาจะสวดภาวนาขอพระเจ้าทรงเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นโป๊ปคอปติกแล้วนำเด็กชายวัยประมาณห้าขวบมาสักคนหนึ่งที่ร่วมพิธี จะเป็นใครก็ได้ และนำผ้าปิดตาเด็กชายคนนั้นแล้วให้เขานำมือหย่อนลงไปเพื่อหยิบกระดาษที่เขียนชื่อมาแผ่นหนึ่ง เมื่อได้แล้ว ก็จะกางออกว่าใครได้เป็นโป๊ปคอปติกองค์ต่อไป

คุณพ่อบอกว่า ต้องกางชื่อที่ไม่ได้ถูกเลือกด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่มีการโกงกันเกิดขึ้น เพราะไม่งั้นแล้วเผลอๆครั้งต่อไปอาจมีคนแอบใส่ชื่อคนเดียวสามแผ่นเลยก็ได้นะ(ฮ่าๆ)

//AdminMichael

โปรดติดตามต่อตอนที่ 2
คำอธิบายภาพอยู่ในภาพ ซึ่งเป็นภาพพิธีกรรมศีลมหาสนิทและภาพแอดมินกับคุณพ่อโยฮันนา

ปล.เนื่องจากคำถามและคำตอบที่ได้สนทนากันนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำต้องแปลสิ่งที่ได้จดไว้ทั้งหมด อีกทั้งเรื่องที่ได้สนทนากันนั้นยาวมาก สนทนากันหลายชั่วโมงเลยทีเดียว จึงจำต้องย่อสิ่งที่ได้สนทนากันซึ่งอาจมีบางอย่างขาดหายไปบ้าง หากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่น่าพอใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ปล.2 เนื่องจากพิธีกรรมของทางคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นมีเพียงเดือนละครั้งโดยบาทหลวงซึ่งเดินทางมาจากออสเตรเลีย หากผู้ใดสนใจจะเข้าร่วมพิธีกรรมศีลมหาสนิทของทางศาสนจักรคอปติก โปรดส่งข้อความถึงแอดมินก่อนนะครับ เพื่อที่จะได้ระบุเวลาที่แน่นอนแก่ผู้สนใจไปให้เมื่อใกล้ถึงเวลาครับ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... 192&type=3
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:27 pm

ต่อจากตอนที่ 1

6.ทางศาสนจักรคอปติกนั้นมีวันฉลองสมโภชอะไรที่สำคัญบ้างครับ?
ทางศาสนจักรคอปติกนั้นมีวันฉลองสำคัญอยู่หลายวัน(ซึ่งวันเวลานั้นกำหนดตามปฏิทินคอปติก วันอาจเปลี่ยนไปตามแต่ละปี)เช่น
-วันสมโภชการประสูติของพระเยซู(Feast of the Nativity) 7 มกราคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงเข้าพิธีสุหนัต(Feast of Circumcision) 15 มกราคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงแสดงองค์(Feast of Epiphany) 20 มกราคม 2016
-วันสมโภชการถวายพระเยซูในวิหาร(Feast of the Lord's entry the temple) 16 กุมภาพันธ์ 2016
-วันสมโภชแห่งกางเขน(Feast of the cross) 19 มีนาคม 2016
-วันสมโภชแม่พระรับสาร(Feast of Annunciation) 7 เมษายน 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์(Feast of Resurrection) 1 พฤษภาคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์(Feast of Ascention) 9 มิถุนายน 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง(Feast of Transfiguration) 19 สิงหาคม 2016

นอกจากนี้ยังมีวันสมโภชที่น่าสนใจอื่นๆด้วยเช่นวันสมโภชปีใหม่คอปติก(11 กันยายน 2016) วันสมโภชครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ลี้ภัยมายังอียิปต์(1 มิถุนายน 2016) เป็นต้น

7.กางเขนคอปติกมีความหมายอย่างไรครับ? (แอดมินถามมาด้วยเผื่อใครสนใจ)
กางเขนคอปติกนั้น เหมือนกับกางเขนทั่วไปคือจะมีเส้นสองเส้นตัดกันเป็นมุมฉาก แต่ตัดกันโดยที่ความยาวทั้งสองเส้นเท่ากันและมีมุมสามมุมในแต่ละแขนสี่แขนกางเขน หมายถึงพระตรีเอกานุภาพ แล้วเนื่องจากมีสี่แขน จึงมีทั้งหมด 12 มุม หมายถึงอัครสาวกทั้ง 12 นั่นเอง และในรูปภาพกางเขนคอปติกมักจะมีตัวอักษรคอปติกกำกับไว้ว่า"พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า"

8.ทำไมศาสนจักรคอปติกถึงใช้ฉาบและไทรแองเกิลเป็นเครื่องดนตรีระหว่างพิธีศีลมหาสนิทล่ะครับ?
คุณพ่อไม่ได้กล่าวตรงๆเรื่องฉาบ แต่กล่าวถึงเรื่องการใช้เครื่องดนตรี คุณพ่อกล่าวไว้ว่าในไบเบิลก็กล่าวถึงการใช้เครื่องดนตรีระหว่างการขับร้องเพลงสรรเสริญอยู่แล้ว(อพยพ 15:20) แต่สำหรับไทรแองเกิลนั้น คุณพ่อบอกว่าถูกเพิ่มขึ้นมาในภายหลัง

ทีนี้มาถึงคำถามที่ค่อนข้างจริงจังพอสมควร และหลายคนอาจอยากจะทราบเช่นกัน

9.สถานการณ์ของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในอียิปต์เป็นอย่างไรและการข่มเหงยังคงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้หรือไม่ครับ?
พอถึงคำถามนี้ คุณพ่อสนทนากับแอดมินด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า ซึ่งผมคิดว่าไม่สามารถจะเขียนบรรยายเองได้จึงขอร้องให้คุณพ่อช่วยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ คุณพ่อเขียนมาเป็นประวัติศาสตร์คร่าวๆดังนี้

"การข่มเหงชาวคอปติกนั้นมีมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 4 โดยชาวโรมันเมื่อจักรพรรดิไดโอคลีเชี่ยนขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งโรม หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ถูกข่มเหงโดยหลายบุคคล เช่นจักรพรรดิเนโร จักรพรรดิมาร์คัส เอาเรลิอุส จักรพรรดิทราจัน
จักรพรรดิดอมีเชียน หลังจากนั้น(พ้นสมัยจักรวรรดิโรมัน) ก็ตามด้วยพวกมุสลิมช่วงคริสตศตวรรษที่ 7 จนถึงปัจจุบัน บางครั้งการข่มเหงหนักขึ้น บางครั้งการข่มเหงเบาลง ซึ่งมันขึ้นอยู่กับขันติธรรมทางศาสนาหรือการยอมรับความแตกต่างทางศาสนาของเคาะลีฟะฮ์(หรือกาหลิบ ผู้นำรัฐอิสลามและผู้สืบทอดอำนาจต่อจากนบีมูฮัมหมัด) พวกมัมลุก(ราชวงศ์หนึ่งซึ่งเคยปกครองอียิปต์) หรือพวกเติร์ก(ตุรกี ในอดีตคือจักรวรรดิออตโตมัน)
ปัจจุบันนั้นการข่มเหงยังคงเกิดขึ้นโดยพวกวาฮาบีซึ่งแสดงออกมาในรูปของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม"

คุณพ่อกล่าวเสริมว่าทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นถูกข่มเหงมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัยเลย ไม่มีสมัยไหนที่ว่างเว้น
และเมื่อผมพูดถึงโบสถ์คอปติกหลายแห่งที่ถูกเผาตามข่าวที่ได้อ่าน คุณพ่อกล่าวทันทีว่าแน่นอน เป็นความจริง โบสถ์ของศาสนจักรคอปติกหลายแห่งในอียิปต์ถูกเผาและทำลายลงโดยพวกวาฮาบี(คุณพ่อพูดว่าพวก"วาฮาบี"นะครับ ไม่ได้พูดว่ามุสลิม)

ผมถามคุณพ่อว่า"แล้วทำไมโป๊ปคอปติกแต่ละท่านจึงสามารถอยู่ในอียิปต์ได้นานนับพันปีล่ะครับ?"
คุณพ่อไม่ได้บอกถึงเหตุผลทางประวัติศาสตร์ แต่คุณพ่อกล่าวกับผมเป็นคำพูดเชิงความเชื่อว่า"พ่อเชื่อว่าโป๊ปคอปติก ถูกปกป้องโดยพระเจ้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โป๊ปคอปติกยังคงอยู่ได้นับพันปีตลอดเวลาที่มุสลิมยึดครองอียิปต์"

เมื่อคุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าและไม่พูดอะไรต่อ แอดมินจึงภาวนาขอพระเจ้าปกป้องโป๊ปคอปติกออร์ด็อกซ์ที่อียิปต์และตัดเข้าคำถามถัดไปเลยดีกว่า

10.ศาสนสัมพันธ์ระหว่างคริสตศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์และศาสนจักรอื่นๆเป็นอย่างไรบ้างครับ?
คุณพ่อกล่าวว่า "จริงๆแล้วศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์(ออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์)กับกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์)นั้นร่วมเอกภาพกันโดยสมบูรณ์นะ สองศาสนจักรสามารถรับศีลมหาสนิทด้วยกันได้"
แต่คุณพ่อก็กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเป็นการร่วมเอกภาพที่มีเฉพาะศาสนจักรกรีกออร์โธด็อกซ์แห่ง"อเล็กซานเดรีย"เท่านั้น เพราะทางพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลนั้นไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นยังเป็นสมาชิกของสภาคริสตจักรโลก(world council of churches)และโป๊ปคอปติกองค์ปัจจุบันคือโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 ได้เข้าพบผู้นำศาสนจักรมาแล้วหลายครั้งอีกด้วย
ทั้งพระสันตะปาปาฟรานซิส(คาทอลิก) พระอัยกาคีริลแห่งมอสโคว์และรัสเซียทั้งมวล(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์) พระอัยกาธีโอดอร์ที่ 2 ของกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ - องค์นี้พบบ่อยเพราะอยู่ที่อียิปต์เหมือนกัน)

เพิ่งทราบมาด้วยว่าคุณพ่อโยฮันนานั้นรู้จักกับคุณพ่อโอเล็ก ชีรีปานิน เจ้าอาวาสวัดนักบุญนิโคลัส กรุงเทพฯ แห่งศาสนจักรรัสเซียออร์โธด็อกซ์ในไทยด้วย คุณพ่อโยฮันนาพูดถึงคุณพ่อโอเล็กด้วยว่าเป็นบาทหลวงที่ดี พูดภาษาอังกฤษได้เก่งอีกต่างหาก

ว่าจะถามอีกหลายๆเรื่องรวมถึงศาสนจักรคอปติกในประเทศไทย แต่พอมาถึงตรงนี้ก็มีคนมาแจ้งว่าคุณพ่อต้องไปทำภารกิจต่อที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งที่นั่นมีวัดคอปติกอยู่อีกแห่งหนึ่งด้วย จึงได้เพียงรายละเอียดคร่าวๆว่า

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นได้เริ่มทำงานมิชชั่นนารีเผยแผ่คริสตศาสนาคอปติกในไทยตั้งแต่ปีค.ศ.2004 และจดทะเบียนตั้งเป็นมูลนิธิ"เซนต์มาร์คแอนด์เซนต์จอร์ท" มีวัดทั้งหมด 2 วัด ที่หนึ่งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 107 แยก 8 เขตบางกะปิกรุงเทพฯ ใกล้กับมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ชื่อว่าวัดนักบุญมาร์คและนักบุญจอร์จ อีกที่หนึ่งอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตั้งเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกด้วยชื่อว่าวัดนักบุญเจมส์อัครสาวก คุณพ่อกล่าวว่ามีผู้นับถือในไทยประมาณ 116 คน(ตัวเลขไม่ค่อยแน่นอนนัก)

แต่เนื่องจากเพิ่งเข้าไทยได้ไม่นาน จึงยังไม่มีวัดที่มีลักษณะเป็นวัดจริงๆ วัดที่มีอยู่ในไทยจึงเป็นเพียงบ้านแต่ต่อเติมเป็นวัดเท่านั้น และไม่มีบาทหลวงประจำอยู่ในไทย จะมีบาทหลวงจากออสเตรเลียมาประกอบพิธีกรรมเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น ซึ่งศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในไทยจะสังกัดสังฆมณฑลแห่งซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แต่ก็นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ที่กำลังเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในไทยในขณะนี้

ก่อนจากลา แอดมินได้ถามคุณพ่อว่าจะมีแผนการสร้างวัดอย่างเป็นทางการหรือเปล่า? คุณพ่อบอกว่าเราก็อยากจะสร้างและกำลังอยู่ระหว่างวางแผนกันอยู่แม้อาจมีอุปสรรคบางประการก็ตาม

จากคำกล่าวของคุณพ่อทำให้เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน ชาวไทยคงจะได้เห็นวัดคอปติกอันสวยงามใจกลางกรุงเทพฯก็เป็นได้ครับ

สุดท้ายนี้ ทางเพจประวัติศาสตร์คริสตศาสนาทั้งตะวันตกและตะวันออกขอขอบพระคุณคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอสเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติร่วมสนทนากับทางแอดมินเพจ ทั้งนี้ทางแอดมินเพจขอภาวนาต่อพระเจ้า ขอพระองค์ทรงอวยพรศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ให้เติบโตมากขึ้นในไทยและขอพระองค์ทรงโปรดอวยพรคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอสและพันธกิจของคุณพ่อให้ยั่งยืนเติบโตสืบไป

ทั้งนี้ขอให้คริสตศาสนิกชน โปรดภาวนาเพื่อศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ที่กำลังถูกข่มเหงที่อียิปต์ในขณะนี้และภาวนาขอพระเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองโป๊ปคอปติกให้ปลอดภัยจากอันตรายใดๆทั้งปวงด้วยเถิด Amen

/AdminMichael

คำอธิบายภาพอยู่ในภาพ ซึ่งเป็นภาพวัดและห้องรับแขกของทางวัด

ปล.เนื่องจากคำถามและคำตอบที่ได้สนทนากันนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำต้องแปลสิ่งที่ได้จดไว้ทั้งหมด อีกทั้งเรื่องที่ได้สนทนากันนั้นยาวมาก สนทนากันหลายชั่วโมงเลยทีเดียว จึงจำต้องย่อสิ่งที่ได้สนทนากันซึ่งอาจมีบางอย่างขาดหายไปบ้าง หากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่น่าพอใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ปล.2 เนื่องจากพิธีกรรมของทางคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นมีเพียงเดือนละครั้งโดยบาทหลวงซึ่งเดินทางมาจากออสเตรเลีย หากผู้ใดสนใจจะเข้าร่วมพิธีกรรมศีลมหาสนิทของทางศาสนจักรคอปติก โปรดส่งข้อความถึงแอดมินก่อนนะครับ เพื่อที่จะได้ระบุเวลาที่แน่นอนแก่ผู้สนใจไปให้เมื่อใกล้ถึงเวลาครับ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... e0285606d6
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:28 pm

ศาสนจักรคริสเตียนทั่วโลก ตอนที่ 2
ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย (Coptic Orthodox Church of Alexandria)

รูปภาพ

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียนั้นเป็นศาสนจักรหนึ่งในคริสตศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ มีถิ่นกำเนิดที่ดินแดนประเทศอียิปต์ในปัจจุบันและร่วมเอกภาพกับศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์อื่นๆได้แก่ศาสนจักรเอธิโอเปียและเอริเทรียออร์โธด็อกซ์เตวาฮีโด ศาสนจักรอัครทูตอาร์เมเนีย ศาสนจักรซีรีแอกออร์โธด็อกซ์แห่งอันติออกและศาสนจักรมาลานคาร่าออร์โธด็อกซ์ซีเรีย

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่สมัยพระเยซูจนถึงยุคอัครสาวก

อียิปต์นั้นมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์คริสตศาสนามาตั้งแต่สมัยของพระเยซูแล้วโดยที่อียิปต์นี่เองที่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ได้อพยพมาตามคำกล่าวของทูตสวรรค์เพื่อหนีการประหารเด็กทารกโดยพระบัญชาของพระเจ้าเฮโรดหลังพวกนัก‍ปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่‍ให้กลับไปเฝ้าเฮ‌โรดความว่า

"แล้วพวกนัก‍ปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่‍ให้กลับไปเฝ้าเฮ‌โรด พวก‍เขาจึงกลับไปยังเมืองของพวกตนทางอื่นเมื่อพวก‍เขาไปแล้วก็มีทูต‍สวรรค์องค์หนึ่งขององค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าได้มาปรา‌กฏแก่โย‌เซฟในความฝันแล้วบอกว่า
'จงลุก‍ขึ้นพาพระ‍กุมารกับมารดาหนีไปประ‌เทศอียิปต์ และคอย‍อยู่ที่นั่นจน‍กว่าเราจะบอกเจ้า เพราะ‍ว่าเฮ‌โรดจะแสวง‍หาพระ‍กุมาร เพื่อจะประ‌หารชีวิตเสีย'
ในเวลากลาง‍คืนโย‌เซฟจึงลุก‍ขึ้น พาพระ‍กุมารกับมารดาไปยังประ‌เทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮ‌โรดสิ้น‍พระ‍ชนม์ ทั้ง‍นี้เกิด‍ขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระ‍วจนะขององค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า ซึ่งได้ตรัสผ่านทางผู้‍เผย‍พระ‍วจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์" (มัทธิว 2:12-15)

ต่อมาเมื่อพระเยซูทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เหล่าอัครสาวกก็กระจายออกไปประกาศพระวรสาร ประกาศความเชื่อต่อผู้คนหลากเชื้อชาติ หนึ่งในนั้นคือนักบุญมาระโกหรือนักบุญมาร์คอัครสาวก ท่านได้เดินทางมายังเมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์เพื่อเผยแพร่ความเชื่อ(ปีที่ท่านมานั้นไม่แน่นอนนัก หลายแหล่งระบุไม่ตรงกัน) เรื่องนี้ทางคอปติกเองก็มีตำนานครับ เรื่องราวมีดังนี้

เมื่อนักบุญมาระโกมาถึงและกำลังเดินตามถนนในเมืองอเล็กซานเดรียโดยที่รองเท้าของท่านนั้นขาด นักบุญมาระโกจึงไปซ่อมรองเท้าที่ร้านของอนาเนียส(Ananias) และขณะที่อนาเนียสกำลังซ่อมรองเท้าของนักบุญมาระโกอยู่นั้น เข็มที่ใช้ซ่อมรองเท้าก็ทิ่มเข้านิ้วของเขาทำให้เขาเจ็บอย่างมาก เขาจึงร้องว่า"โอ้ ข้าแต่พระเจ้าหนึ่งเดียว!" เมื่อนักบุญมาระโกเห็น ท่านจึงภาวนาต่อพระเป็นเจ้าขอพระองค์รักษาเขาให้หายและทันใดนั้นนิ้วของอนาเนียสที่ถูกเข็มทิ่มก็หายเป็นปกติ ซึ่งสร้างความแปลกใจแก่อนาเนียสมาก นักบุญมาระโกจึงพูดคุยกับอนาเนียสเพื่อให้เขารู้ว่าใครคือ"พระเจ้าหนึ่งเดียว"ที่แท้จริงและใครเป็นผู้ที่รักษาเขา จากนั้นอนาเนียสก็เชิญนักบุญมาระโกมาที่บ้านของเขาซึ่งต่อมาเขาและครอบครัวของเขาได้เข้ารับศีลล้างบาปหลังยืนยันความเชื่อคริสตศาสนาและหลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้เชื่อมากขึ้น บ้านของอนาเนียสก็กลายเป็นที่ประชุมของคริสเตียน ทางคอปติกเชื่อว่าบ้านของอนาเนียสนั้นเป็นวัดหรือโบสถ์หลังแรกของอียิปต์อีกด้วย

ซึ่งนอกจากนักบุญมาระโกจะเป็นผู้ก่อตั้งศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียแล้ว ทางคอปติกถือว่าท่านเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกด้วย(เช่นเดียวกับทางกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียที่ถือว่าท่านเป็นพระอัยกาองค์แรกเหมือนกัน)

ต่อมาท่านได้แต่งตั้งอนาเนียสเป็นพระสังฆราช(ต่อมาอนาเนียสได้เป็นโป๊ปคอปติกองค์ที่ 2 ต่อจากนักบุญมาระโก) หลังจากนั้นก็มีคริสเตียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทางคอปติกเชื่อว่าต่อมาท่านได้โปรดศีลบวชพระสงฆ์ 3 องค์และสังฆานุกรอีก 7 คน เพื่อช่วยงานอภิบาลของอนาเนียส

ค.ศ.68 นักบุญมาระโกก็สิ้นชีวิตโดยมีตำนานว่าในวันหนึ่งที่นักบุญมาระโกกำลังประกอบพิธีกรรมศีลมหาสนิท วันนั้นเป็นวันเดียวกับวันที่พวกนอกศาสนาฉลองเทพเซราพิส(Serapis) เทพเจ้าของพวกนอกศาสนาองค์หนึ่ง ด้วยการสนับสนุนของเจ้าเมืองชาวโรมัน พวกนอกศาสนาจึงบุกเข้ามาและเข้าโจมตีวัดที่นักบุญมาระโกกับคริสเตียนคนอื่นๆกำลังสวดภาวนา พวกเขาจับนักบุญมาระโกมัดไว้กับเชือกแล้วลากท่านไปตามถนนในเมือง พอตกกลางคืนก็นำตัวท่านไปขังไว้และในวันต่อมาท่านก็ถูกลากไปตามถนนซ้ำอีกและสิ้นชีวิตด้วยการเป็นมรณสักขี

แม้นักบุญมาระโกจะสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่กลุ่มคริสเตียนที่อยู่แถบอเล็กซานเดรียก็ยังเติบโตมากขึ้น อนาเนียสได้ขึ้นเป็นพระสังฆราชแห่งอเล็กซานเดรียต่อจากนักบุญมาระโก ถึงตรงนี้คงกล่าวได้ว่าศาสนจักรนี้เป็นหนึ่งในคริสตศาสนจักรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้

+++++++++++++++++++++++++++++

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่หลังยุคอัครสาวกจนถึงมุสลิมเข้ายึดครองประเทศอียิปต์

ขณะที่ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียเติบโตมากขึ้น การข่มเหงก็มีมากขึ้นเช่นกัน ศาสนจักรคอปติกนั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศาสนจักรที่ทุกข่มเหงมากที่สุด หนักที่สุดและมีอย่างยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเชี่ยน(Emperor Diocletian)แห่งจักรวรรดิโรมัน ทำให้บางครั้งจะมีคนเรียกศาสนจักรนี้ว่า"Church of Martyrs"
(ศาสนจักรแห่งมรณสักขี)

แต่แม้จะถูกข่มเหงมากเสียเพียงใด ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียกลับมีคุณูปการแก่คริสตศาสนาเป็นอย่างมาก มีการตั้งโรงเรียนแห่งอเล็กซานเดรีย(School of Alexandria)ซึ่งเป็นสถาบันเทววิทยาคริสตศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคแรก ต่อมาได้เป็นศูนย์กลางทางเทววิทยาแห่งหนึ่งของโลก มีเหล่าพระสังฆราชหลายองค์จากที่ต่างๆมาสอนวิชาที่นี่ มีคณบดีคนสำคัญๆและทำให้เกิดนักปราชญ์ นักวิชาการ นักเทววิทยาออกมาเป็นจำนวนมาก

เช่นนักบุญคลีเมนต์อเล็กซานเดรีย(St.Clement of Alexandria) นักเทววิทยาและปิตาจารย์ศาสนจักร, ออริเจน(Origen) นักเทววิทยาและงานเขียนที่มีชื่อเสียงของเขา,นักบุญไดโอนิซิอุสแห่งอเล็กซานเดรีย(St.Dionysius of Alexandria),นักบุญดิไดมัสผู้ตาบอด(Saint Didymus the Blind) นักเทววิทยาผู้ตาบอด,นักบุญปีเตอร์ ผู้เป็นตราแห่งเหล่ามรณสักขี(Saint Peter the Seal of Martyrs),นักบุญอะธานาซิอุส (St..Athanasius of Alexandria) ปิตาจารย์และปราชญ์ศาสนจักร ผู้เป็นกำลังหลักในการต้านลัทธิอาเรียน ฯลฯ

สถาบันเทววิทยาแห่งนี้ยังมีส่วนสำคัญในการยืนยันความเชื่อที่ถูกต้องและต่อต้านความเชื่อนอกรีตในยุคแรกอีกด้วยทั้งลัทธิอาเรียน เนสตอเรียน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางเทววิทยาที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกในอดีต

นอกจากสถาบันเทววิทยาแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อคริสตศาสนาไม่แพ้กัน นั่นคือ"ลัทธิอารามวาสี"

ลัทธิอารามวาสีคือการใช้ชีวิตถือสันโดษ ละทิ้งสิ่งทางโลกและจะอาศัยในอารามที่สงบซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนแถบอียิปต์ช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 3 มีอารามมากมายตั้งอยู่ตามทะเลทรายหรือตามถ้ำในแถบอียิปต์โดยมีนักบุญแอนโทนี่ผู้ยิ่งใหญ่(St.Anthony the Great)เป็นพระนักพรตคนสำคัญและกล่าวกันว่าท่านเป็นผู้เริ่มชีวิตอารามวาสีเป็นคนแรกด้วยซึ่งต่อมาลัทธิอารามวาสีก็ได้รับความนิยมและแพร่กระจายออกไปจนปัจจุบันมีอารามของศาสนจักรต่างๆมากมายและเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตถือสันโดษตามแบบพระคัมภีร์ได้เป็นอย่างดี

ค.ศ.325 เกิดสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียขึ้นเพื่อต้านลัทธิอาเรียน ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียเองก็มีส่วนสำคัญในสภาสังคายนาสากลครั้งนี้ โดยเฉพาะนักบุญอะธานาซิอุสแห่งอเล็กซานเดรีย แม้ขณะนั้นท่านยังเป็นสังฆานุกรอยู่ แต่ท่านก็ได้ต่อต้านลัทธินี้ในสภาอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เกิดสภาสังคายนาสากลแห่งคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่ 1 (สภาครั้งที่ 2) ในปีค.ศ.381 และสภาสังคายนาสากลแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 1 (สภาครั้งที่ 3) ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียก็ยังคงมีส่วนสำคัญต่อสภาสังคายนาสากล เช่นนักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรียในสภาสังคายนาสากลแห่งเอเฟซัส ท่านเป็นประธานสภาครั้งนั้นและประกาศประณามคำสอนนอกรีตของเนสตอริอุสและบัพพาชนียกรรมเขา

การแตกแยกของศาสนจักร

แต่แล้วประวัติศาสตร์ของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ก็เกิดจุดที่ต้องแตกแยกขึ้นมา เมื่อช่วงคริสตศตรรษที่ 5 ยูตีเชส(Eutyches) บาทหลวงและเป็นเจ้าอาวาสในกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้สอนคำสอนนอกรีตว่าพระคริสต์มีธรรมชาติเดียว คือธรรมชาติของความเป็นพระเจ้าเท่านั้น เขาร้องขอให้จักรพรรดิธีโอดอซิอุสที่ 2 เปิดสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 2 เมื่อปีค.ศ.449 ได้สำเร็จ ซึ่งมีโป๊ปดิออสกอรัสแห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Dioscorus of Alexandria) มาด้วยกันกับพระอัยกาจูเวนนัลแห่งเยรูซาเล็ม(Juvenal of Jerusalem) พระอัยกาดอมนัสแห่งอันติออก(Domnus of Antioch) ซึ่งผลคือ โป๊ปดิออสกอรัสกลับไม่อ่านจดหมายจากพระสันตะปาปาลีโอที่ 1 ที่ประกาศยืนยันว่าพระคริสต์มีสองพระธรรมชาติกลับประกาศว่ายูตีเชสนั้นถูกต้อง ไม่ผิด และนำไปสู่สภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนในอีกสองปีต่อมา

แม้ตามประวัติศาสตร์ทั่วๆไปที่เราได้อ่านกันจะเป็นทางโป๊ปดิออสกอรัสนั้นสนับสนุนยูตีเชส แต่ในทางคอปติกแล้ว จะมองอีกมุมหนึ่งคือแท้จริงแล้วท่านเป็นผู้ปกป้องความเชื่อที่ถูกต้อง ทางคอปติกมองว่าสภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนเป็นสภาที่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โป๊ปดิออสกอรัสและศาสนจักรคอปติกถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับยูตีเชสเพราะท่านเป็นประธานสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 2 ซึ่งให้อภัยยูตีเชสว่าไม่ผิด โดยในภายหลัง สภาของทางคอปติกเองก็ประณามคำสอนของยูตีเชสเหมือนกัน โป๊ปดิออสกอรัสยังได้กล่าวข้อเปรียบเทียบเรื่องธรรรมชาติพระคริสต์ ซึ่งเป็นการปกป้องความเชื่อที่ถูกต้องด้วย แต่ท่านก็ถูกกล่าวหานานัปการ โดยหลักๆมาจากการที่โป๊ปดิออสกอรัสประกาศบัพพาชนียกรรมพระสังฆราชแห่งโรมและไม่ได้ปรากฏตัวในสภาสังคายนาถึงสามครั้ง

ช่วงสภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนช่วงหลังๆ ซึ่งผู้แทนจากอียิปต์ไม่ได้อยู่ด้วย ศาสนจักรแห่งคอนสแตนติโนเปิลและโรมได้รับอำนาจแทนศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรีย ศาสนจักรอียิปต์ถูกตราหน้าว่าเป็น"พวกโมโนฟีไซต์" (เชื่อว่าพระคริสต์มีพระธรรมชาติเดียวคือธรรมชาติของคความเป็นพระเจ้า)ซึ่งทางคอปติกเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดที่เกิดจากปัญหาทางภาษาศาสตร์และการตีความหมายกัน เพราะในปัจจุบันทางคอปติกจะยึดถือหลัก"มีอาฟีไซต์" (Miaphysite-ความเป็นพระเจ้าและมนุษย์ของพระคริสต์มารวมกันเป็นธรรมชาติเดียว

เมื่อโป๊ปดิออสกอรัสทรงลี้ภัยและสิ้นพระชนม์ลงในปีค.ศ.454 พระอัยกาโพรเทอริอุส(Proterius)ได้รับการสถาปนาแทนโป๊ปดิออสดอรัส แต่ไม่ได้รับการยอมรับโดยคริสตศาสนิกชนในอียิปต์และยังคงภักดีต่อโป๊ปดิออสกอรัส นับตั้งแต่นั้นมา ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียนี้ก็ถูกจักรพรรดิไบแซนไทน์ข่มเหงเรื่อยมา วัดถูกทำลาย ผู้คนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง จักรพรรดิจัสติเนียนประกาศปิดวัดทั้งหมดและข่มเหงชาวคอปติกในอียิปต์

เหตุการณ์เป็นแบบนี้จนกระทั่งเกิดศาสนาใหม่ขึ้นมาบนคาบสมุทรอารเบีย ชาวอาหรับหันไปนับถือศาสนานี้และต่อมาไม่นานก็ได้เข้าครอบครองอียิปต์นั่นคือศาสนาอิสลามนั่นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่หลังมุสลิมเข้ายึดครองประเทศอียิปต์จนถึงปัจจุบัน

ช่วงที่มุสลิมเริ่มเข้ายึดครองประเทศอียิปต์นั้นตรงกับสมัยโป๊ปเบนจามินที่ 1 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Banjamin I of Alexandria) แม้จะเป็นคนศาสนาอื่นเข้ามายึดครองและมาอยู่เหนืออำนาจ แต่กว่าสี่ศตวรรษหลังจากมุสลิมเข้าครองอียิปต์ ศาสนจักรคอปติกก็เจริญรุ่งเรืองและชาวอียิปต์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวคริสต์ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะศาสดาของศาสนาอิสลามเคยได้เทศน์สอนด้วยความเมตตาต่อชาวคอปติกไว้ว่า

"เมื่อเจ้ายึดครองอียิปต์แล้ว จงดีต่อชาวคอปติกสำหรับการที่พวกเขาเป็นผู้อยู่ในความคุ้มครองและเป็นญาติมิตรของเจ้า"
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2023 10:28 pm

ดังนั้นชาวคอปติกจึงมีเสรีภาพในการนับถือคริสตศาสนาโดยจ่ายภาษีพิเศษที่เรียกว่า"จิซยา" (Jizya) ซึ่งจะทำให้พวกเขาเป็น"ผู้ถูกคุ้มครอง" และถ้าหากว่ามีใครที่จ่ายภาษีนี้ไม่ได้ ก็จะมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ เปลี่ยนมานับถืออิสลามหรือจะยอมเสียสิทธิพลเรือนที่จะได้รับการ"คุ้มครอง" ซึ่งบางครั้งอาจหมายถึง "ถูกฆ่า" แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีการบัญญัติกฎแบบนี้ ภายใต้ราชวงศ์อับบาซิด ชาวคอปติกก็ยังคงอยู่กับหนึ่งในยุคที่สงบที่สุดของพวกเขา ภาษาคอปติกยังคงเป็นภาษาที่ใช้พูดกันทั่วอียิปต์ก่อนจะค่อยๆหันมาใช้ภาษาอารบิก ทำให้ในพิธีกรรมของคอปติกนั้นจะมีการนำใช้ทั้งภาษาคอปติกและอารบิก

แต่สถานการณ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ชาวคริสต์คอปติกเริ่มถูกกีดกันทางศาสนาเช่นเรื่องของการถูกกีดกันไม่ให้สร้างวัดใหม่หรือซ่อมวัดเก่า งานฉลองทางศาสนาในที่สาธารณะถูกกีดกันและเรื่องทางกฎหมายอื่นๆ ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างช้าๆแต่เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 12 มุสลิมก็กลายเป็นคนส่วนใหญ่ในอียิปต์แทนชาวคริสต์คอปติก สถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากอยู่อย่างสงบกลับกลายเป็นว่าต้องอยู่ท่ามกลางความเป็นศัตรูของมุสลิม

ในศตวรรษที่ 19 สถานการณ์เริ่มดีขึ้นภายใต้ราชวงศ์ของมูฮัมหมัด อาลี ภาษีจิซยาได้ถูกยกเลิกไปในปีค.ศ.1855 และต่อมาหลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่กระนั้นในปัจจุบันทางคอปติกก็ยังต้องประสบกับการข่มเหงทางความเชื่อจากชาวมุสลิมที่มีแนวคิดรุนแรงและจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในประเทศอียิปต์

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในปัจจุบันนั้นถือหลักคริสตศาสนศาสตร์แบบ Miaphysitism ซึ่งเชื่อว่าความเป็นพระเจ้าและมนุษย์ของพระคริสต์มารวมกันเป็นธรรมชาติเดียวโดยไม่คละปนกัน ไม่สับสนและไม่ผลัดเปลี่ยนกัน เช่นเดียวกับศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์อื่นๆเช่นซีรีแอกออร์โธด็อกซ์แห่งอันติออก ศาสนจักรอัครทูตอาร์เมเนีย เป็นต้น

ศาสนจักรนี้ใช้จารีตพิธีกรรมอเล็กซานเดรียซึ่งประกอบไปด้วยพิธีกรรมของนักบุญบาซิล นักบุญเกรกอรี่และนักบุญไซริล ใช้ภาษาคอปติกเป็นหลักและอาจมีภาษาอารบิกผสมด้วย แต่อย่างไรก็ตามพิธีกรรมของทางคอปติกนั้นก็สามารถใช้ภาษาอื่นได้ เช่นภาษาอังกฤษ ซึ่งจารีตนี้เป็นจารีตพิธีกรรมเดียวกับศาสนจักรเอธิโอเปียและเอริเทรียออร์โธด็อกซ์เตวาฮีโด เพียงแต่สองศาสนจักรนี้จะใช้ภาษากีอิซ(Ge'ez)

ประมุขแห่งศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในปัจจุบันคือโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 (Pope Tawadros II) โดยได้รับเลือกผ่านธรรมเนียมโบราณของคอปติกจากสภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.2012 และได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.2012 เป็นโป๊ปคอปติกและพระอัยกาแห่งสังฆสำนักแห่งนักบุญมาร์คองค์ที่ 118 ต่อจากโป๊ปชีนูดาที่ 3 (Pope Shenouda III)ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อ 17 มีนาคม ค.ศ.2012

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาคริสตจักรโลก(World Council of Churches) เมื่อปีค.ศ.1948 โดยเป็นสมาชิกก่อตั้ง ศาสนจักรนี้ค่อนข้างมีศาสนสัมพันธ์กับต่างนิกายทั้งคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ โดยเฉพาะกับศาสนจักรกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย

ทางเว็บไซต์ของสภาคริสตจักรโลกได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์มีสมาชิกประมาณ 12,000,000คน แบ่งออกเป็นในอียิปต์ 11,000,000 คน และทวีปอื่นๆอีก 1,000,000 คน
แต่กระนั้นสถิติก็ไม่แน่นอนนักเพราะสถานการณ์ทางการเมืองและสังคมจากอดีตจนถึงปัจจุบันที่อียิปต์ ทำให้ชาวคอปติกจำนวนมากอพยพไปยังต่างประเทศ โดยมีผู้นับถือส่วนใหญ่ที่อียิปต์ และกระจายออกไปทั้งจากผู้อพยพในทวีปอเมริกาและยุโรปและมีมาจากการเผยแผ่ศาสนาในทวีปแอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน

กางเขนแบบคอปติก
รูปภาพ

นักบุญมาระโกหรือมาร์คอัครสาวก ผู้เผยแพร่ความเชื่อไปยังดินแดนอียิปต์
รูปภาพ

ภาพนักบุญแอนโทนี่ผู้ยิ่งใหญ่(St.Anthony the Great) กล่าวกันว่าท่านเป็นผู้เริ่มชีวิตอารามวาสีเป็นคนแรก
รูปภาพ

โป๊ปไซริลที่ 6 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Cyril VI of Alexandria) โป๊ปคอปติกองค์ที่ 116 ตั้งแต่ปีค.ศ.1959-1971
รูปภาพ

โป๊ปชีนูดาที่ 3 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Cyril VI of Alexandria) โป๊ปคอปติกองค์ที่ 117 ตั้งแต่ปีค.ศ.1971-2012
รูปภาพ

ภาพโป๊ปชีนูดาที่ 3 พบพระสันตะปาปาพอลที่ 6 เมื่อปีค.ศ.1973 และได้เซ็นข้อตกลงเรื่องคริสตศาสนศาสตร์ร่วมกัน

นอกจากนี้ท่านยังเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกที่ได้พบพระสันตะปาปาแห่งโรมในรอบ 1500 ปี

เครดิตภาพ:http://todayquestions.blogspot.com/2012 ... chive.html
รูปภาพ

ภาพโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 โป๊ปคอปติกองค์ปัจจุบัน
รูปภาพ

ภาพพิธีกรรมศีลมหาสนิทของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย
รูปภาพ

/AdminMichael

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.copticcentre.com/the-coptic- ... h/history/
http://lacopts.org/orthodoxy/coptic-ort ... h/history/
http://www.stabraam.org/the-coptic-fait ... ml?start=3
https://www.oikoumene.org/en/member-chu ... dox-church
https://www.cia.gov/library/publication ... os/eg.html

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... 261&type=3
ตอบกลับโพส