“และด้วยใจโลภเขาจะกล่าวตลบตะแลงค้า กำไรจากท่านทั้งหลายการลงโทษคนเหล่านั้นที่ได้ถูกพิพากษานานมาแล้วจะไม่เนิ่นช้าและความวิบัติที่จะเกิดกับเขาก็หาสลายไปไม่”
2 เปโตร 2:3
โดย
ศจ. คาร์ล ดาห์เฟรด
ศจ. ดร. มนตรี วิสเซอร์
นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงจากตะวันตกเมื่อเดินทางมาทำการประกาศที่ประเทศไทยก็สามารถดึงดูดคนเข้าร่วมได้มาก นักเทศน์เหล่านี้มีประวัติการทำงานยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศของตน แต่ในประเทศไทย มีน้อยคนที่รู้จักคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นคนดีหรือเลว? พวกเขานำพระพรมาหรือสอนผิด เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้
รายงานสั้นๆ นี้เป็นรายงานเกี่ยวกับเบนนี ฮินน์ ซึ่งกำลังจะเดินทางมากรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2012
เบนนี ฮินน์ คือใคร?🕰 ประวัติการรับใช้
เบนนี ฮินน์ อ้างว่าจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาเกิดขึ้นในปี 1973 ขณะที่เขายังเป็นวัยรุ่น และได้รับมอบหมายให้ดูแลสตรีร่างกายไม่สมประกอบคนหนึ่ง ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมการรักษาโรคของแคธรีน คุลแมน เบนนี กล่าวว่าเขาได้เห็นหญิงผู้นั้นได้รับการรักษา อาการเจ็บปวดได้หายไป และขาของเธอก็ “ไม่บิดเบี้ยว” อีก
หลังจากเหตุการณ์นั้น เบนนี ฮินน์ ได้กลายเป็นนักเทศน์ และผู้จัดการประชุมเพื่อการรักษาโรค เขาได้อ้างถึงการอัศจรรย์หลายอย่าง แต่ก็ยากที่จะยืนยันได้ บางครั้งก็ดูเหมือนว่าเขาได้แต่งเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นเอง ตัวอย่างเช่น ฮินน์อ้างว่า ในปี1976 เขาได้เทศนาที่โรงเรียนคาทอลิกสำหรับหญิงล้วนแห่งหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็ม และ “เด็กหญิงทุกคน รวมทั้งแม่ชีทั้งหมดได้รับความรอด” ในกรุงเยรูซาเล็มมีโรงเรียนคาทอลิกสำหรับเด็กหญิงเพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ วิทยาลัยสตรีชมิดช์ ผู้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้ได้สัมภาษณ์นางชีผู้ประจำการอยู่ที่นั่นในปี 1976 รวมทั้งบาดหลวงดูซินด์ ผู้รับผิดชอบงานศาสนกิจทั้งหมดของวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี 1955 และท่านได้ตอบคำถามนี้ว่า “มันเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะว่าไม่มีทางที่เราจะยอมให้นักเทศน์โปรแตสแตนท์ หรือ นักเทศน์ที่เชื่อเรื่องการอธิษฐานรักษาโรคมีโอกาสเขามาสั่งสอนเด็ก ๆ ของเราอย่างเด็ดขาด”
ปี 1979 เบนนี ฮินน์ ได้ย้ายไปอยู่ที่ออรันโด รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา และในปี 1983 เขาได้ก่อตั้ง “ออรันโด คริสเตียน เซนเตอร์” ปลายทศวรรตที่ 1980 เขาเริ่มจัดประชุมเพื่อการรักษาโรคทั่วอเมริกา และในต่างประเทศด้วย ในการประชุมเหล่านั้น ฮินน์บอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสกับเขาโดยตรงและคนเจ็บป่วยที่เขากล่าวถึงอย่างเจาะจงนั้นได้รับการรักษาให้หาย เขากลายเป็นนักเทศน์ที่น่าสนใจติดตาม ผู้คนจำนวนมากมาร่วมในการประชุมของเขาด้วยหวังว่าจะรับการรักษาโรคให้หายได้ สำนักข่าวของอเมริกันสองแห่งได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้และพบว่าไม่มีสักคนหนึ่งที่ได้รับการรักษาจากการจัดประชุมของเขา และในทางตรงกันข้ามบางคนได้เสียชีวิตจากโรคภัยที่น่าจะได้รับการรักษาด้วย เมื่อมีคนสอบถามถึงเรื่องการรักษาที่ล้มเหลวนี้ เขากลับหลีกเลี่ยงคำถาม หรือไม่ก็ให้สัญญาว่าในอนาคตเขาจะทำให้ดีกว่าเดิม แต่เขาก็ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิมโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ทุกวันนี้ เบนนี ฮินน์ เดินทางไปทั่วด้วยเครื่องบินส่วนตัว จัดการประชุมสำหรับการอัศจรรย์ และใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยด้วยเงินถวายที่ได้จากการจัดประชุมต่างๆ
ชีวิตส่วนตัวเบนนี ฮินน์ เกิดที่อิสราเอลในปี 1952 แล้วได้ย้ายไปอเมริกาพร้อมกับครอบครัวในปี 1967 เขาเป็นชาวปาเลสไตน์ บิดาเป็นชาวกรีก ส่วนมารดาเป็น เติร์ก อาร์มาเนียน เขามีพี่น้องชายหญิงแปดคน และเขาอ้างในหนังสือที่เขียนเล่มหนึ่งว่า บิดาของเขาเป็นผู้ว่าการเมืองจัฟฟา ประเทศอิสราเอล
เบนนี ฮินน์ ได้แต่งงานกับ ซูซานเน ฮาร์เทิร์น ในปี 1979 ทั้งคู่มีบุตรสี่คน ปี 2010 ฮาร์เทิร์นได้ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อฟ้องหย่า ในปีเดียวกันนิตยสารของอเมริกันได้ตีพิมพ์ภาพของฮินน์ เดินจูงมือ หญิงสาวผู้ร่วมงาน พอลลา ไวท์ ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี นิตยสารฉบับนั้นอ้างว่าพวกเขามีสัมพันธภาพเชิงชู้สาวต่อกัน แต่ทั้งสองได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น แต่ก็ไม่เคยอธิบายสาเหตุของการเดินจูงมือกันดังที่เห็นในภาพ พฤษภาคม ปี 2012 ฮินน์ประกาศว่าเขาได้คืนดีกับภรรยาแล้ว และยังอธิบายอีกว่าสาเหตุที่ทำให้เขาแยกกับภรรยานั้นเป็นเพราะว่าเธอติดยาที่หมอสั่ง
นอกจากการปรากฏตัวตามที่ประชุมแล้ว ฮินน์มักหลีกเลี่ยงสถานที่สาธารณะ เขามีบอดี้การ์ดห้อมล้อมอยู่เสมอและเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ ราคา 12 ล้านเหรียญ ตั้งอยู่ริมทะเลทางตอนใต้ของคาลิฟอร์เนีย เขาสนุกกับการเดินทางไปพักผ่อน ดำน้ำที่หมู่เกาะคีย์แมน ด้วยเครื่องบินเจทส่วนตัว
หลักศาสนศาสตร์แม้ดูเหมือนว่าฮินน์จะเป็นส่วนหนึ่งของคณะเพนเตคอส หรือ พวกคาริสเมติก แต่เขาไม่ได้เป็นส่วนของคริสตจักร หรือคริสเตียนคณะใดเลย งานและคำสอนของเขาเน้นเฉพาะเรื่องการรักษาโรคด้วยการอัศจรรย์ สุขภาพและความร่ำรวยเท่านั้น
ในอดีต เบนนี ฮินน์ ได้สอนหลายเรื่องที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระคัมภีร์ ตัวอย่างเช่น:
* องค์ตรีเอกานุภาพ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ – แต่ละพระองค์ก็มีสามพระภาค = เก้าภาค
* ตัวฮินน์ เองเป็น “พระมาซีฮาใหม่ที่ดำเนินอยู่ในโลกนี้”
* หากปราศจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูคริสต์คงทำบาปด้วย
* ธรรมชาติของพระเยซูได้กลายเป็นอย่างเดียวกับซาตาน และพระองค์ต้องเกิดใหม่ในนรก เพื่อพระองค์จะสามารถช่วยเราให้รอดได้
* อาดัมเป็นผู้วิเศษ สามารถบินได้ เพื่อจะได้ครอบครองดูแลบรรดานกทั้งหลายตามที่พระเจ้าได้ตรัสสั่ง อาดัมยังบินได้ไกลออกไปในชั้นบรรยากาศด้วย
* คริสเตียนอาจสูญเสียความรอดได้ แม้ว่าเขาได้ไปอยู่ที่สวรรค์แล้วก็ตาม
พระกิตติคุณแห่งความร่ำรวยฮินน์สอนว่า เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่ประสงค์ให้ผู้เชื่อทุกคนมีสุขภาพดีและฐานะร่ำรวย เขาสอนว่าหากใครก็ตามยอมถวาย “เมล็ด” แห่งความเชื่อ คือเงิน เพื่องานของเขาแล้ว พระเจ้าจะอวยพรพวกเขา เขาบอกว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้เราไม่อาจมีสุขภาพสมบูรณ์ หรืออยู่ตลอดไปในโลกนี้ได้ก็เพราะว่า ซาตานมากมายในโลกที่คอยโจมตีเราอยู่ อย่างไรก็ตามหากเรามีความเชื่อพอ เราก็จะได้รับการรักษา
หัวข้อหลักที่ฮินน์เทศนาอย่างเชื่อมโยงต่อเนื่องคือเรื่อง “การถวาย” และ “การรักษา” อีกนัยหนึ่งก็คือการ “ปฎิญาณความเชื่อก่อน” แล้วจะ “ได้รับตามต้องการ” แม้เขาไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ถ้าคุณถวายเงินให้ผมแล้ว คุณจะได้รับการรักษาให้หายดี” แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือสื่อความหมายที่คนฟังเข้าใจ เพราะในการประชุมของเขา จะมีการเดินถุงถวายหลังจากที่เขาเร้าใจคนฟังเรื่องสัญญาการรักษาโรคและก่อนที่จะเริ่มการวางมือ ฮินน์ต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจว่า หากพวกเขาต้องการที่จะรับการรักษาให้หายแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องปลูกเมล็ดแห่งความเชื่อ (ถวายเงิน) ก่อน เมื่อคนไม่ได้รับการรักษา เขาอธิบายว่า “เหตุผลที่คนไม่ได้รับการรักษา เพราะเขาเริ่มสงสัยพระเจ้าว่า พระองค์จะทำได้จริง ๆ หรือ” หากการรักษานั้นไม่ใช่เรื่องจริงแล้ว ฮินน์จะอธิบายว่าเพราะคนนั้นหลอกตัวเอง
คำพยากรณ์เท็จเบนนี ฮินน์ มักกล่าวคำพยากรณ์ที่เขาอ้างว่าได้ยินจากพระเจ้า ในปี1989 เขาได้พยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในทศวรรษที่ 1990 เขาอ้างว่าคำเหล่านั้นมาจากพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ เขากล่าวว่า:
* พระเจ้าจะทำลายสังคมของพวกรักร่วมเพศในอเมริกาด้วยไฟ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่เกินปี 1994 หรือ 1995
* มหันตภัยจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทางฝั่งทะเลตะวันออกของอเมริกาในระหว่างทศวรรษที่ 1990
* ฟิเดล คาสโตร ผู้นำเผด็จการของคอมมิวนิสต์ คิวบาจะตายในระหว่างทศวรรษที่ 1990
* ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นซาตานมาเกิดใหม่จะครองโลก
* จะได้เห็นพระเยซูในทศวรรษที่ 1990
* พระเยซูคริสต์จะกลับมาก่อนปี 1992 และ1999 พระองค์จะปรากฎพระองค์ให้เห็นระหว่างการประชุมของเขา
ปรากฎว่าไม่มีสักอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเลยพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงผู้พยากรณ์เท็จว่า:
* เฉลยธรรมบัญญัติ18:20 “แต่ผู้เผยพระวจนะคนใดบังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งเรามิได้บัญชาใหกล่าว หรือผู้นั้นกล่าวในนามของพระอื่น ผู้เผยพระวจนะนั้นต้องมีโทษถึงตาย”
* เยเรมีย์ 14:14 “และพระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “พวกผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นเผยพระวจนะเท็จในนามของเรา เรามิได้ใช้เขาทั้งหลายและเรามิได้บัญชาเขาหรือพูดกับเขาทั้งหลาย เขาเผยนิมิตเท็จแก่เจ้าทั้งหลายเป็นการทำนายที่ไร้ค่า เป็นการล่อลวงของจิตใจเขาเอง”
* เยเรมีย์ 23:16 “พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง กระทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เขากล่าวถึงนิมิตแห่งใจของเขาเอง มิใช่จากพระโอษฐ์ของพระเจ้า”
การเงินงบประมาณประจำปีของเบนนี ฮินน์ แต่ละปีมีมากกว่า 100 ล้านเหรียญ แต่ไม่มีใครรู้จำนวนแน่ชัด เพราะว่าเขาไม่เคยเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริง อย่างไรก็ตามหน่วยสืบสวนของสภาอเมริกันได้ทำการตรวจสอบงบประมาณของเขาในปี 2006 และพบว่าสูงถึง 97.93 ล้านเหรียญ นี่คืองบประมาณการทำงานของคน ๆ เดียว หากเปรียบเทียบกับ โอ เอ็ม เอฟ สากล ที่ส่งมิชชันนารีมากกว่า 1,000 คน แต่มีงบประมาณประจำปีอยู่ที่59 ล้านเหรียญเท่านั้น คำถามจึงเกิดขึ้นว่าเพราะเหตุใดงานของคน ๆ เดียวจึงต้องใช้งบประมาณมากมายขนาดนั้น และเช่นกัน ไม่มีใครรู้ เพราะว่าเบนนี ฮินน์ ไม่ได้บอกเรา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้รับรู้ข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้:
* เบนนี ฮินน์ มีเงินเดือนระหว่าง 500,000 ถึง 1,000,000 เหรียญต่อปี นี่ไม่รวมถึงค่าลิขสิทธิ์หนังสือของเขาด้วย
* เขามีบ้านราคา 12 ล้านเหรียญ ซึ่งจ่ายให้โดยองค์กรของเขา และบ้านหลังนี้เป็นเพียงหนึ่งในอย่างน้อยบ้านสามหลังที่เขาเป็นเจ้าของ
* เขาเป็นเจ้าของเครื่องบินราคา 36 ล้านเหรียญ และค่าใช้จ่ายอีก ปีละ600,000 เหรียญ
* โรงแรมที่เขาพักเสมอนั้น จะเป็นระดับห้องสูท ราคา 3,000 เหรียญต่อคืน
* ฮินน์ เรียกค่าใช้จ่าย 25,000 เหรียญ สำหรับงานประกาศ ที่เขาใช้เวลาเดินทางจากบ้านเพียง 30 นาทีเท่านั้น
* นี่คือหลักปรัชญาในการทำงานของฮินน์ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาได้กล่าวคำที่ผู้คนจดจำได้อย่างดีว่า “ผมไม่ต้องการทองคำในสวรรค์ แต่ผมจะมีเดี๋ยวนี้”
เบนนี ฮินน์ หาเงินมากมายได้อย่างไร?โดยหลักแล้ว จากคำสอนที่เขาบอกว่า หากใครถวายเงินให้เขาแล้ว พระเจ้าจะอวยพรคนนั้นมากมายหลายเท่าทวีคูณ
* เบนนี ฮินน์ ผู้มีรายได้มากกว่า 100 ล้าน ต่อปี เดินทางไปยังประเทศยากจนรอบโลก เรียกร้องให้ผู้ฟังถวายเงินเพื่อพันธกิจของเขา ทำให้ ฮินน์รวยขึ้น ขณะนี้ผู้ฟังของเขายังยากจนเหมือนเดิม
* เบนนี ฮินน์ สอนว่า ในวันสุดท้ายพระเจ้าจะมองข้ามคนที่ไม่ได้ถวายเงิน
* เบนนี ฮินน์ หาทุนสำหรับการสร้างสถานเด็กกำพร้า ในเม็กซิโก เมื่อนักข่าวไปตรวจสอบเรื่องนี้ก็พบว่ายังไม่มีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตามที่อ้าง ทำให้เห็นชัดว่า
🛩 บ้านราคาหลายล้าน และเครื่องบินส่วนตัวเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับเขามากกว่า* ปี 2008 ระหว่างการประชุมครั้งหนึ่งใน เซ้าท์ อัฟริกา ผู้ร่วมงานของฮินน์คนหนึ่ง บอกว่า พระเจ้าจะทำให้ผู้ฟัง 500 คน กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน หากพวกเขายินดี ถวายเงินคนละ 1,000 เหรียญทันทีภายในสองนาทีนั้น
* งานประกาศทางสถานีโทรทัศน์ ที บี เอ็น เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ที่เบนนี ฮินน์ไม่ได้แจ้งเรื่องงบประมาณอย่างชัดเจน เมื่อหลานสาวของผู้ก่อตั้งได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน เธอพบว่าเงินงบประมาณมากกว่า 50 ล้านเหรียญขององค์กรถูกนำไปใช้ส่วนตัว และเธอได้แจ้งตำรวจ
ข้ออ้างในการรักษาโรคผู้คนสนใจร่วมประชุมของเบนนี ฮินน์ เพราะเรื่องการรักษาโรค เราไม่ค่อยเห็นว่าฮินน์วางมืออธิษฐานให้ใคร ปกติแล้วเขาจะประกาศว่า นายเอ นายบี หรือนายซี ที่อยู่ในกลุ่มผู้ฟังได้รับการรักษาให้หายจากความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ แล้วจะขอเชิญคนเหล่านั้นขึ้นมาบนเวทีเพื่อเป็นพยาน
แต่จุดน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ คนที่ร่างกายพิการอย่างเห็นได้ชัดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนเวที พวกเขาจะถูกเชิญให้กลับไปยังที่นั่งของตนเองเสมอ
จะมีการกลั่นกรองคนที่ต้องการขึ้นไปเป็นพยาน และคนที่แสดงออกอย่างกระตือรือร้นเท่านั้นจะขึ้นบนเวทีได้ แล้วไม่มีการตรวจสอบว่าคำพยานนั้นเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาอ้างว่า การหายจากโรค (เช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ) ไม่สามารถตรวจสอบได้ทันทีขณะที่เป็นพยาน
องค์กรของเบนนี ฮินน์ ไม่ได้ติดต่อกับคนเหล่านั้นภายหลัง ดังนั้นจึงไม่อาจรู้ได้ว่าคำพยานเรื่องการหายโรคเป็นความจริง
แต่เมื่อคนอื่นได้พยายามติดตามผลการรักษานั้นก็ไม่พบว่ามีการอัศจรรย์เกิดขึ้น คืนหนึ่งเบนนี ฮินน์ อ้างว่ามีคนได้หายโรค 76 ราย แล้วรายการทีวี รายการหนึ่งต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่เบนนี ฮินน์ ให้ชื่อบุคคลได้เพียงห้าคนเท่านั้น มีการเฝ้าติดตามทั้งห้าคนนี้เป็นเวลาหนึ่งปี ไม่มีสักคนหายจากโรค และมีหญิงคนหนึ่งได้เสียชีวิตจากอาการป่วยที่น่าจะหายตามข้ออ้างในที่ประชุมของฮินน์แล้ว
ข้อสรุปเบนนี ฮินน์ หลอกลวงคริสตจักรของพระเจ้า เขาเป็นผู้พยากรณ์เท็จ และสอนผิด เขาไม่ได้รักพระเจ้าแต่รักเงิน เขาเป็นคนอันตรายเพราะว่าเขาหาเงินมากมายเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยของตนเองและงานที่เต็มด้วยเล่ห์กล เขาเป็นคนอันตรายเพราะเขาหลอกให้ความหวังเรื่องการหายโรคจอมปลอมแก่คนอื่น เขาเป็นคนอันตรายเพราะว่าเขาได้นำพระนามพระเจ้าลงมาให้เป็นที่เสื่อมเสียท่ามกลางคนทั้งหลายทั้งในหมู่ผู้เชื่อ และผู้ไม่เชื่อที่รู้เท่าทันการหลอกลวงของเขา
เราขอเตือนให้คริสตจักรต่อต้านการหลอกลวงของเขา และขอให้บรรดารผู้นำฝ่ายวิญญาณพูดความจริงเพื่อป้องกันฝูงแกะของเรา
#คริสต์ #โปรแตสแตนต์ #คริสต์ศรัทธา #คริสเตียน #เบนนีฮินน์ #คริสตจักรไทย #เพนเทคอสต์ #คาริสเมติก #protestant #BennyHinn #Pentecostalism #Charismatic
CR. : https://www.facebook.com/FaithOfLord/po ... dVgDMBkFSl