Anglican Church in Thailand
สวัสดีครับ
ผมเป็นสมาชิก newmana มาได้สักปีนึงได้แล้วครับ
เห็นในหลาย ๆ กระทู้กล่าวถึง คริสเตียน คณะแองกลิกันกัน
ก็เลยอยากจะหาข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนอ เพื่อให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้รู้จัก
คริสตจักรแองกลิกัน กันมากขึ้นนะครับ
ป.ล. อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อยนะครับ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะครับ
-------------------------------------------------------------------------
ศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ คณะแองกลิกัน นั้นเขามาในประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า
"องค์การคริสตจักรแองกลิกันในประเทศไทย" มีสำนักงานใหญ่หรือว่าคริสตจักรแม่อยู่ที่
สี่แยกคอนต์แวนต์ ถนนสาทร โดยใช้ชื่อว่า "คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ"
รูปด้านล่างเป็นรูปภายนอกของโบสถ์ที่อยู่ภายในคริสตจักร
ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เอง ได้รับพระราชทานที่ดินจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้า
และดำเนินการสร้างโบสถ์จนแล้วเสร็จ และมีพิธีถวายโบสถ์และเริ่มนมัสการครั้งแรก ในวันที่ 30 เมษายน 1905 ครับ
แต่คริสตจักรแองกลิกันเอง ได้เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ.1864 โดยก่อสร้างโบสถ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แถวท่าเรือกรุงเทพ
มีการนมัสการครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม 1864
ผมเป็นสมาชิก newmana มาได้สักปีนึงได้แล้วครับ
เห็นในหลาย ๆ กระทู้กล่าวถึง คริสเตียน คณะแองกลิกันกัน
ก็เลยอยากจะหาข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนอ เพื่อให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้รู้จัก
คริสตจักรแองกลิกัน กันมากขึ้นนะครับ
ป.ล. อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อยนะครับ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะครับ
-------------------------------------------------------------------------
ศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ คณะแองกลิกัน นั้นเขามาในประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า
"องค์การคริสตจักรแองกลิกันในประเทศไทย" มีสำนักงานใหญ่หรือว่าคริสตจักรแม่อยู่ที่
สี่แยกคอนต์แวนต์ ถนนสาทร โดยใช้ชื่อว่า "คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ"
รูปด้านล่างเป็นรูปภายนอกของโบสถ์ที่อยู่ภายในคริสตจักร
ซึ่งโบสถ์แห่งนี้เอง ได้รับพระราชทานที่ดินจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้า
และดำเนินการสร้างโบสถ์จนแล้วเสร็จ และมีพิธีถวายโบสถ์และเริ่มนมัสการครั้งแรก ในวันที่ 30 เมษายน 1905 ครับ
แต่คริสตจักรแองกลิกันเอง ได้เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ.1864 โดยก่อสร้างโบสถ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แถวท่าเรือกรุงเทพ
มีการนมัสการครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม 1864
แก้ไขล่าสุดโดย TheGrace เมื่อ จันทร์ พ.ย. 12, 2007 10:05 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
คริสตจักรเอง ได้มีโอกาสต้อนรับแขกอาคันตุกะที่สำคัญจากต่างประเทศ
ที่ได้เข้ามาเยือนประเทศไทย และเข้ามาร่วมนมัสการ อยู่บ่อยครั้ง เช่น
- สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
- เจ้าฟ้าชายชาร์ล
- เจ้าหญิงไดอาน่า
- นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ
ในการนมัสการตามปกติทุกสัปดาห์ ก็จะมีบรรดาฑูตของต่างประเทศหลายท่าน
ที่เข้ามาร่วมพิธี
การนมัสการในวันอาทิตย์นั้น จะแบ่งออกเป็นสี่รอบด้วยครับ
- 7:30 ภาคภาษาอังกฤษ
- 10:00 ภาคภาษาอังกฤษ
- 15:00 ภาคภาษาไทย
- 17:30 ภาคภาษาอังกฤษ
ที่ได้เข้ามาเยือนประเทศไทย และเข้ามาร่วมนมัสการ อยู่บ่อยครั้ง เช่น
- สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
- เจ้าฟ้าชายชาร์ล
- เจ้าหญิงไดอาน่า
- นางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ
ในการนมัสการตามปกติทุกสัปดาห์ ก็จะมีบรรดาฑูตของต่างประเทศหลายท่าน
ที่เข้ามาร่วมพิธี
การนมัสการในวันอาทิตย์นั้น จะแบ่งออกเป็นสี่รอบด้วยครับ
- 7:30 ภาคภาษาอังกฤษ
- 10:00 ภาคภาษาอังกฤษ
- 15:00 ภาคภาษาไทย
- 17:30 ภาคภาษาอังกฤษ
แก้ไขล่าสุดโดย TheGrace เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 9:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การปกครอง
คริสตจักรแองกลิกันในประเทศไทย เป็นแขวงการปกครอง (Deanary of Thailand)
ปกครองโดย Dean of Thailand ซึ่งปัจจุบันคือ Revd. Yee Ching Wah (ศาสนาจารย์ ยี ชิง วา)
ซึ่ง Deanary of Thailand จะอยู่ภายใต้การปกครองของ Singapore Diocese หรือเขตการปกครองสิงคโปร์
ปกครองโดย Bishop of Singapore ซึ่งปัจจุบันคือ Archbishop The Most Revd. Dr. John Chew
และมี Bishop Rt. Revd Rennis เป็น Assistant Bishop
และ Diocese of Singapore จะอยู่ภายใต้การปกครองของ South East Asia Province หรือมณฑลการปกครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปกครองโดย Archbishop ซึ่งปัจจุบันคือ Archbishop The Most Revd. Dr. John Chew
ซึ่งทุก ๆ province ในโลกนี้ก็จะมีองค์กร Anglican Communion ที่จะคอยสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง องค์กร Anglican ทั่วโลก
ทุก ๆ 10 ปี Archbishop of Canterburry จะเชิญ Archbishop จากทั่วโลกจะเข้ามาประชุมร่วมกันโดยเรียกการประชุมว่า "Lambeth Conference" ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม ปี 2008
Lambeth Conference 1978
Lambeth Conference 1998
คริสตจักรแองกลิกันในประเทศไทย เป็นแขวงการปกครอง (Deanary of Thailand)
ปกครองโดย Dean of Thailand ซึ่งปัจจุบันคือ Revd. Yee Ching Wah (ศาสนาจารย์ ยี ชิง วา)
ซึ่ง Deanary of Thailand จะอยู่ภายใต้การปกครองของ Singapore Diocese หรือเขตการปกครองสิงคโปร์
ปกครองโดย Bishop of Singapore ซึ่งปัจจุบันคือ Archbishop The Most Revd. Dr. John Chew
และมี Bishop Rt. Revd Rennis เป็น Assistant Bishop
และ Diocese of Singapore จะอยู่ภายใต้การปกครองของ South East Asia Province หรือมณฑลการปกครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปกครองโดย Archbishop ซึ่งปัจจุบันคือ Archbishop The Most Revd. Dr. John Chew
ซึ่งทุก ๆ province ในโลกนี้ก็จะมีองค์กร Anglican Communion ที่จะคอยสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง องค์กร Anglican ทั่วโลก
ทุก ๆ 10 ปี Archbishop of Canterburry จะเชิญ Archbishop จากทั่วโลกจะเข้ามาประชุมร่วมกันโดยเรียกการประชุมว่า "Lambeth Conference" ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 4 สิงหาคม ปี 2008
Lambeth Conference 1978
Lambeth Conference 1998
แก้ไขล่าสุดโดย TheGrace เมื่อ จันทร์ พ.ย. 12, 2007 10:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
น่าสนใจครับ กำลังคิดไปเรียนAlpha Courseอยู่เลย
แองกลิกันมีความเชื่อเรื่องสหพันธ์นักบุญ ครับHoly เขียน: กระจกสีสวยมากครับ ทุกคนยังมีรัศมีอยู่เลย :cheesy:
รู้สึกว่า ไคร้สต์เชิร์ซ เอง จะมี องค์กรเนสเซอรี่ ชื่อ Saint Andrew's อะไรนี่ละครับ
ผิดพลาด/ขาดตก อะไรก็ช่วยแก้ด้วยนะครับ
พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์
คริสตจักรแองกลิกันนั้น มีพิธีศีลที่สำคัญ ซึ่งผู้เชื่อทุกคนจะต้องได้รับ คือ
1. Baptism (พิธีศีลบัพติสมา หรือศีลล้างบาป)
สัญลักษณ์คือการจุ่มน้ำ มีความหมายคือการร่วมเป็นหนึ่งเดียวในการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์กับพระคริสต์ การอภัยบาป และการบังเกิดใหม่ในครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้าและคริสตจักร
2. Holy Communion (พิธีศีลมหาสนิท)
สัญลักษณ์คือขนมปังและไวน์ มีความหมายคือการรับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระองค์ และคริสตจักรของพระองค์ แสดงถึงการอภัยบาปและการบำรุงจิตวิญญานภายใน
อนึ่งการรับศีลบัพติสมานั้น ในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่จะใช้วิธีการจุ่มร่างกายลงไปในน้ำจนมิด
แต่หากเป็นเด็กโตจะประกอบพิธีโดยการรดน้ำลงที่ศีรษะ และคริสตจักรแองกลิกันสามารถประกอบพิธีให้ศีลบัพติสมาแก่เด็กทารก
ถึงแม้ว่าเด็กเหล่านันจะยังไม่สามารถประกาศความเชื่อหรือให้คำมั่นสัญญาของตนเองได้ แต่พ่อแม่หรือพ่อแม่ทูนหัวสามารถให้คำมั่นสัญญา
ว่าจะปลูกฝังความเชื่อที่ถูกต้องให้กับทารก เพื่อให้เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นคริสตชนที่ดี
คริสตจักรแองกลิกันนั้น มีพิธีศีลที่สำคัญ ซึ่งผู้เชื่อทุกคนจะต้องได้รับ คือ
1. Baptism (พิธีศีลบัพติสมา หรือศีลล้างบาป)
สัญลักษณ์คือการจุ่มน้ำ มีความหมายคือการร่วมเป็นหนึ่งเดียวในการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์กับพระคริสต์ การอภัยบาป และการบังเกิดใหม่ในครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้าและคริสตจักร
2. Holy Communion (พิธีศีลมหาสนิท)
สัญลักษณ์คือขนมปังและไวน์ มีความหมายคือการรับพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระองค์ และคริสตจักรของพระองค์ แสดงถึงการอภัยบาปและการบำรุงจิตวิญญานภายใน
อนึ่งการรับศีลบัพติสมานั้น ในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่จะใช้วิธีการจุ่มร่างกายลงไปในน้ำจนมิด
แต่หากเป็นเด็กโตจะประกอบพิธีโดยการรดน้ำลงที่ศีรษะ และคริสตจักรแองกลิกันสามารถประกอบพิธีให้ศีลบัพติสมาแก่เด็กทารก
ถึงแม้ว่าเด็กเหล่านันจะยังไม่สามารถประกาศความเชื่อหรือให้คำมั่นสัญญาของตนเองได้ แต่พ่อแม่หรือพ่อแม่ทูนหัวสามารถให้คำมั่นสัญญา
ว่าจะปลูกฝังความเชื่อที่ถูกต้องให้กับทารก เพื่อให้เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นคริสตชนที่ดี
แก้ไขล่าสุดโดย TheGrace เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 11:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แล้วมีศีลกำลังด้วยเปล่าครับ แบบว่าเคยไปคุยกับเขาเขาบอกว่ามีศีลกำลัง(หรือเรียกว่าพิธีรับพระวิญญาณหว่า)ด้วยอะ หรือผมเข้าใจผิดหยอ?
KathaRoS เขียน: ที่นี่เค้าให้เกียรติและให้ความเคารพแม่พระและก็นักบุญด้วยค่ะ
ไม่มีหลักสูตรด่าคาทอลิคค่ะ
อย่างงี้ก้อดีนะไม่เหมือนโปรกลุ่มหัวหนักคอยน่าไปหน่อย
พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ (ต่อ)
นอกจากพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองด้านบนที่คริสตชนแองกลิกันทุกคนจะต้องเข้ารับแล้ว ยังมีพิธีศีลอื่น ๆ ที่สำคัญอีกคือ
3. Confirmation (ศีลกำลัง)
สัญลักษณ์คือการวางมือ ซึ่งผู้ประกอบพิธีจะทำการวางมือยังผู้รับศีล เป็นการรับพระวิญญานบริสุทธิ์ เพื่อความสมบูรณ์แห่งความเป็นคริสตชนสำหรับผู้ที่ได้รับบัพติสมาตั้งแต่ยังเด็ก และเพื่อยืนยันความมั่นคงทางความเชื่อแห่งชีวิตคริสตชน
4. Absolution (ศีลอภัยบาป)
ผู้ประกอบพิธี (ศิษยาภิบาล) จะประกาศการอภัยบาปในนามของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับผู้ที่แสดงความสำนึกและเสียใจในบาปของตน ที่ได้ละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า
5. Ordination
คือการวางมือเพื่อสถาปนาผู้ที่ได้รับกระแสเรียกให้มาเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เช่น deacon, priest, bishop, archbishop เป็นการรับพระหรรษาทาน และรับสิทธิอำนาจของพระเจ้าในการปกครองคริสตจักร
ในภาพคือ พิธีสถาปนา The Most Revd. Rowan Williams เพื่อเป็น Archbishop of Canterbury
6. Holy Matrimany (ศีลสมรส)
สัญลักษณ์คือคำปฏิญานและแหวน คือการที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพระหรรษาทานของพระองค์และอวยพร ในการปฏิญานในการสมรสของคู่บ่าวสาร ที่จะใช้ชีวิตคู่กันตลอดไป
7. Holy Unction
สัญลักษณ์คือ การวางมือและน้ำมัน คือการรับพระหรรษาทานจากพระเจ้าเพื่อการเยียวยาทางจิตวิญญาน จิตใจ และร่างกาย โดยความเชื่อและการอธิษฐาน
นอกจากพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองด้านบนที่คริสตชนแองกลิกันทุกคนจะต้องเข้ารับแล้ว ยังมีพิธีศีลอื่น ๆ ที่สำคัญอีกคือ
3. Confirmation (ศีลกำลัง)
สัญลักษณ์คือการวางมือ ซึ่งผู้ประกอบพิธีจะทำการวางมือยังผู้รับศีล เป็นการรับพระวิญญานบริสุทธิ์ เพื่อความสมบูรณ์แห่งความเป็นคริสตชนสำหรับผู้ที่ได้รับบัพติสมาตั้งแต่ยังเด็ก และเพื่อยืนยันความมั่นคงทางความเชื่อแห่งชีวิตคริสตชน
4. Absolution (ศีลอภัยบาป)
ผู้ประกอบพิธี (ศิษยาภิบาล) จะประกาศการอภัยบาปในนามของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับผู้ที่แสดงความสำนึกและเสียใจในบาปของตน ที่ได้ละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า
5. Ordination
คือการวางมือเพื่อสถาปนาผู้ที่ได้รับกระแสเรียกให้มาเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เช่น deacon, priest, bishop, archbishop เป็นการรับพระหรรษาทาน และรับสิทธิอำนาจของพระเจ้าในการปกครองคริสตจักร
ในภาพคือ พิธีสถาปนา The Most Revd. Rowan Williams เพื่อเป็น Archbishop of Canterbury
6. Holy Matrimany (ศีลสมรส)
สัญลักษณ์คือคำปฏิญานและแหวน คือการที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพระหรรษาทานของพระองค์และอวยพร ในการปฏิญานในการสมรสของคู่บ่าวสาร ที่จะใช้ชีวิตคู่กันตลอดไป
7. Holy Unction
สัญลักษณ์คือ การวางมือและน้ำมัน คือการรับพระหรรษาทานจากพระเจ้าเพื่อการเยียวยาทางจิตวิญญาน จิตใจ และร่างกาย โดยความเชื่อและการอธิษฐาน
แก้ไขล่าสุดโดย TheGrace เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 10:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 07, 2005 1:38 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอบคุณ TheGrace ครับ
ผมเคยไป Christ Church ใกล้ๆ BNH เหมือนกัน
สวยมากๆๆๆ ดูคลาสสิคสุดๆ (โดยเฉพาะภายใน)
ผมเคยไป Christ Church ใกล้ๆ BNH เหมือนกัน
สวยมากๆๆๆ ดูคลาสสิคสุดๆ (โดยเฉพาะภายใน)
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
คริสตชนนิกายแองกลิกัน ก็บอกว่าตัวเองเป็นคาทอลิกเหมือนกันครับ
แองกลิกัน = anglo-catholic ครับ มีพระอัครสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่เป็นประมุขของศาสนจักร
ส่วนคาทอลิกที่นับถือองค์พระสันตะปาปาแห่งกรุงโรมเป็นประมุขคือ Roman-catholic ครับ
บทสวดคล้าย ๆ กับเราครับ
แองกลิกัน = anglo-catholic ครับ มีพระอัครสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่เป็นประมุขของศาสนจักร
ส่วนคาทอลิกที่นับถือองค์พระสันตะปาปาแห่งกรุงโรมเป็นประมุขคือ Roman-catholic ครับ
บทสวดคล้าย ๆ กับเราครับ
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
น่าสนใจมาก ว่าจะไปหลายครั้งละ แต่ไปไม่ถูก แนะนำเส้นทางหน่อยสิ เผื่อมีโอกาสจะแวะไป
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ลองไปอ่านรายละเอียดที่นี่นะครับMaew Martha (Grace) เขียน: น่าสนใจมาก ว่าจะไปหลายครั้งละ แต่ไปไม่ถูก แนะนำเส้นทางหน่อยสิ เผื่อมีโอกาสจะแวะไป
http://www.thaianglican.org/home.html
นิกานนี้ทุกอย่างเหมือนคาทอลิกเกือบหมดเพียงแต่ไม่ขึ้นตรงกะปาปัมเท่านั้นเอง และก็พระสงแต่งงานได้มั้งถ้าจำไม่ผิด
วันนี้เพิ่งไปมา^^
บทข้อเชื่อไนเซีย เหมือนของโรมันคาทอลิกเลย
บทข้อเชื่อไนเซีย เหมือนของโรมันคาทอลิกเลย
เป็นสำนวนที่ สภาคริสตจักรแปลขึ้นมาGray Cat Mobster เขียน: วันนี้เพิ่งไปมา^^
บทข้อเชื่อไนเซีย เหมือนของโรมันคาทอลิกเลย
เอาเข้าจริงๆแล้ว...
หลักข้อเชื่อ อัครทูต/นิเช มาร์ตินลูเธอร์ เป็นคนบอกให้ยึดถือเอง
ในหนังสือเพลงนมัสการ ของโปรฯ จะมี
แต่รู้สึกว่าโปรฯรุ่นหลังๆ จะไม่รู้จัก
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เป็นบางโบสถ์น่ะ ที่ไม่รู้จักยศิโยน:ผู้ยำเกรงพระเจ้า เขียน:เป็นสำนวนที่ สภาคริสตจักรแปลขึ้นมาGray Cat Mobster เขียน: วันนี้เพิ่งไปมา^^
บทข้อเชื่อไนเซีย เหมือนของโรมันคาทอลิกเลย
เอาเข้าจริงๆแล้ว...
หลักข้อเชื่อ อัครทูต/นิเช มาร์ตินลูเธอร์ เป็นคนบอกให้ยึดถือเอง
ในหนังสือเพลงนมัสการ ของโปรฯ จะมี
แต่รู้สึกว่าโปรฯรุ่นหลังๆ จะไม่รู้จัก
วันนี้ไปโบสถ์ลูเธอแรนมา พอบอกว่ามาจากโบสถ์ข้างๆ ป้าที่นั่งติดกันเค้ารู้เลยว่าไม่เคยเห็นหนังสือเพลงไทยนมัสการ แกจะมาคอยชี้แนะตลอดว่าอะไรอยู่ตรงไหน พอถึงตอนประกาศข้อเชื่อ ป้าแกก็หันมาเปิดให้เลยว่าอยู่ตรงไหน(รู้ว่าเราหาไม่เจอชัวร์) เชื่อไหมว่าขนาดเราเปิดหนังสือตามยังเกือบหลุดเวอร์ชั่นคาทอลิกหลายครั้งเนื่องจากความเคยชินที่เมื่อก่อนเคยท่องแต่เวอร์ชั่นคาทอลิก แล้วตั้งแต่มาเป็นโปรฯจนกระทั้งเรียนพระคริสตธรรมก็ยังไม่เคยท่องเวอร์ชั่นโปรฯเลย เพราะโบสถ์ที่เคยอยู่มาไม่ได้ใช้เลย เหอๆ
ปล. ถ้ามีเวลาอีกสักอาทิตย์นึง อยากจะลองไปนมัสการที่แองกลิกันดูมั่ง เสียดาย พุธนี้ไปแร้ว ต้องเข้าสถาบันแร้ว....
มาสิครับหล่อๆเยอะ อุ๊ย คิดอะไรออกไปMaew Martha (Grace) เขียน:เป็นบางโบสถ์น่ะ ที่ไม่รู้จักยศิโยน:ผู้ยำเกรงพระเจ้า เขียน:เป็นสำนวนที่ สภาคริสตจักรแปลขึ้นมาGray Cat Mobster เขียน: วันนี้เพิ่งไปมา^^
บทข้อเชื่อไนเซีย เหมือนของโรมันคาทอลิกเลย
เอาเข้าจริงๆแล้ว...
หลักข้อเชื่อ อัครทูต/นิเช มาร์ตินลูเธอร์ เป็นคนบอกให้ยึดถือเอง
ในหนังสือเพลงนมัสการ ของโปรฯ จะมี
แต่รู้สึกว่าโปรฯรุ่นหลังๆ จะไม่รู้จัก
วันนี้ไปโบสถ์ลูเธอแรนมา พอบอกว่ามาจากโบสถ์ข้างๆ ป้าที่นั่งติดกันเค้ารู้เลยว่าไม่เคยเห็นหนังสือเพลงไทยนมัสการ แกจะมาคอยชี้แนะตลอดว่าอะไรอยู่ตรงไหน พอถึงตอนประกาศข้อเชื่อ ป้าแกก็หันมาเปิดให้เลยว่าอยู่ตรงไหน(รู้ว่าเราหาไม่เจอชัวร์) เชื่อไหมว่าขนาดเราเปิดหนังสือตามยังเกือบหลุดเวอร์ชั่นคาทอลิกหลายครั้งเนื่องจากความเคยชินที่เมื่อก่อนเคยท่องแต่เวอร์ชั่นคาทอลิก แล้วตั้งแต่มาเป็นโปรฯจนกระทั้งเรียนพระคริสตธรรมก็ยังไม่เคยท่องเวอร์ชั่นโปรฯเลย เพราะโบสถ์ที่เคยอยู่มาไม่ได้ใช้เลย เหอๆ
ปล. ถ้ามีเวลาอีกสักอาทิตย์นึง อยากจะลองไปนมัสการที่แองกลิกันดูมั่ง เสียดาย พุธนี้ไปแร้ว ต้องเข้าสถาบันแร้ว....
ขอบคุณครับ
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ไปมาแร้วจ้า เมื่อวานไปกับรุ่นพี่ที่สถาบันมา การนมัสการดีมากเป็นเหมือนการผสมผสานระหว่างคาทอลิกกับโปรฯทั่วไป ช่วงศาสนพิธี อาจารย์แต่งเต็มยศแบบคุณพ่อ แต่การนมัสการจะเป็นอีกคนนำ แต่งชุดสุภาพธรรมดา ใช้เพลงคริสเตียนแบบใหม่สไตล์เพนเทคอสแต่ไม่แรงมาก ไม่ใช้หนังสือเพลงเลย พอดีไปเจออาทิตย์ต้นเดือนมีศีลมหาสนิทพอดี ตอนเค้าถามว่าใครมาเยี่ยมเป็นครั้งแรกดันไปยกมือ(ก้อครั้งแรกจริงๆนี่สำหรับที่นี่) อาจารย์เค้าคิดว่าเรายังไม่ได้รับบัพติสมา พอจะออกไปรับศีลมหาสนิทเค้ามองตามเลย วิธีการจะเหมือนกับกึ่งๆคาทอลิกกับโปรฯทั่วไปเราเคยรับทั้งแบบโปรฯและแบบคาทอลิก ตอนรับคาทอลิกต้องเดินไปเอาเอง ของโปรฯ(แบบที่เคยรับ)จะเอามาให้ถึงที่ แต่แองกลิกัน ต้องออกไปเอาเองแบบคาทอลิก แล้วคุกเข่าหน้าพระแท่นทีละแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอจุ่มเหล้าองุ่น ตอนนั้นงงจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เราพยายามสังเกตคนข้างๆว่าเค้าทำยังไง แต่ก็ยังเงอะๆ(ทำไม่เป็น) แบบส่ิิอพิรุทจนเค้ารู้เลยว่าไม่เคยมา ที่ตลกคือตอนที่อาจารย์แจกศีล(คุกเข่าอยู่หน้าพระแท่น) เห็นการวางมือของคนอื่นวางแบบคาทอลิก เราก็วางและคิดว่าการตอบรับคงเหมือนกัน พออาจารย์แจกศีลก็พูดว่า "พระกายพระคริสตเจ้า" เราก็ตอบ "อาเมน" ถ้วยเหล้าองุ่นมา อาจารย์็จะบอก "พระโลหิตพระคริสตเจ้า" แล้วเราก็ "อาเมน" อีก พร้อมกันจุ่มตามคนข้างๆ พอเสร็จพิธีมาถามรุ่นพี่ที่ไปด้วยกัน เค้าบอกว่าไม่ต้อง "อาเมน" แล้วก็ตอนที่ถึงบทตอบโต้ตามหนังสือ จะมีโปรเจกเตอร์ขึ้นให้ด้วย บางทีเราก็ดูโปรเจกไม่ได้ดูหนังสือ ปรากฏว่าประโยคที่อาจารย์พูดกับที่สมาชิกพูดใช้สีเดียวกัน เราก็ท่องเพลิน พอจบบทแล้วเค้าเงียบกับหมดแล้วเหลือแต่อาจารย์พูด เรายังพูดอยู่เลย คนข้างหน้าหันมามองแล้วอมยิ้ม(อย่างอายอ่ะ) หลังนมัสการอาทิตย์ต้นเดือนมีเลี้ยง อาหารดีมากๆ กินจนอืด พอดีรุ่นพี่ที่ไปด้วยกันเค้ารู้จักผู้รับใช้ที่นั่นเราเลยได้อยู่ช่วยเค้าล้างจานไปคุยไปจนปิดโบสถ์เลย แถมเค้ายังห่อของกินที่เหลือ(ดีๆทั้งนั้น)ให้หิ้วกลับสถาบันตั้งเยอะ ไม่น่าเชื่อไม่กี่ชั่วโมงรู้จักผู้รับใช้โบสถ์เค้าเกือบหมด
สรุป ตามความเห็นส่วนตัวจากภาพรวมแล้ว แองกลิกันกับลูเธอแรนจะเป็นโปรฯที่คล้ายกันมากถึงมากที่สุด คือจะมีการผสมผสานวัฒนธรรมของคาทอลิก แต่ความต่างที่เห็นได้ชัดคือการใช้เพลง แองกลิกันเน้นใช้เพลงนมัสการแบบใหม่ไม่ใช้หนังสือ ลูเธอแรนใช้เพลงในหนังสือเพลงไทยนมัสการ และใช้คัลเลอร์ซองเป็นเพลงแห่เข้า (เรื่องของเพลงทั้งนี้ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน) ส่วนเราถูกกับทั้งแองกลิกันและลูเธอร์แรนนะ แหมเลือกยากจัง
สรุป ตามความเห็นส่วนตัวจากภาพรวมแล้ว แองกลิกันกับลูเธอแรนจะเป็นโปรฯที่คล้ายกันมากถึงมากที่สุด คือจะมีการผสมผสานวัฒนธรรมของคาทอลิก แต่ความต่างที่เห็นได้ชัดคือการใช้เพลง แองกลิกันเน้นใช้เพลงนมัสการแบบใหม่ไม่ใช้หนังสือ ลูเธอแรนใช้เพลงในหนังสือเพลงไทยนมัสการ และใช้คัลเลอร์ซองเป็นเพลงแห่เข้า (เรื่องของเพลงทั้งนี้ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน) ส่วนเราถูกกับทั้งแองกลิกันและลูเธอร์แรนนะ แหมเลือกยากจัง
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 04, 2007 11:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แองกลิกัน กับลูเธอรัน
มีความเชื่อเหมือนเราคาทอลิคว่า
พิธีมหาสนิท มิใช่เพียงพิธีรำลึกเหมือน โปรฯทั่วไป
หากแต่ เป็นการ เสก โดยการวอนขอฤทธิ์อำนาจพระจิตเจ้า ให้กลายเป็นเลือดเนื้อจริงๆ
/////////
การคุกเข่ารับศีลนี่ จารีตเก่า ของคาทอลิค ก่อนการสังคายนาวาติกันครั้งที่2นะ
ปล. นิกายไหน ก็พระกายของพระคริสตเจ้าละ
โทลคีน คาทอลิคที่แต่ง ตำนานแหวนครองพิภพ
ก็ สนิทกับ ลูอิส แองกลิกันที่แต่ง นาร์เนีย (2สุดยอดวรรณกรรมทั้งคู่ด้วย)
เป็นเรื่องระหว่างเรา กับพระเจ้า เป็นการส่วนตัว
ขอพระองค์ทรงนำ
มีความเชื่อเหมือนเราคาทอลิคว่า
พิธีมหาสนิท มิใช่เพียงพิธีรำลึกเหมือน โปรฯทั่วไป
หากแต่ เป็นการ เสก โดยการวอนขอฤทธิ์อำนาจพระจิตเจ้า ให้กลายเป็นเลือดเนื้อจริงๆ
/////////
การคุกเข่ารับศีลนี่ จารีตเก่า ของคาทอลิค ก่อนการสังคายนาวาติกันครั้งที่2นะ
ปล. นิกายไหน ก็พระกายของพระคริสตเจ้าละ
โทลคีน คาทอลิคที่แต่ง ตำนานแหวนครองพิภพ
ก็ สนิทกับ ลูอิส แองกลิกันที่แต่ง นาร์เนีย (2สุดยอดวรรณกรรมทั้งคู่ด้วย)
เป็นเรื่องระหว่างเรา กับพระเจ้า เป็นการส่วนตัว
ขอพระองค์ทรงนำ
ส่วนเราถูกกับทั้งแองกลิกันและลูเธอร์แรนนะ แหมเลือกยากจัง
คนหลายใจ อย่างงี้ไม่รักเดียวใจเดียวรึเปล่าเนี่ยต่อที่นมัสการพระเจ้านะ ยังเลือกเฟ้นขนาดนี้เลยอย่างงี้แต่งงานจะเลือก ช ขนาดไหนเนี่ย
คนหลายใจ อย่างงี้ไม่รักเดียวใจเดียวรึเปล่าเนี่ยต่อที่นมัสการพระเจ้านะ ยังเลือกเฟ้นขนาดนี้เลยอย่างงี้แต่งงานจะเลือก ช ขนาดไหนเนี่ย
แก้ไขล่าสุดโดย St.paul เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 04, 2007 6:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.