ส่วนกรณีที่ว่า ทำไมโปรแตสแตนท์กลุ่มนั้นถึงไม่ตอบแบบคุณ aqua-alta ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ เพราะถ้าคุณถามมาร์ตินลูเธอร์ มาร์ตินลูเธอร์ก็ไม่ตอบบแบบคุณ และไม่ตอบแบบโปรแตสแตนท์สมัยนี้แน่ๆเช่นกัน เพราะโปรแตสแตนท์ยุคแรกเริ่มไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้
ในการเทศนาครั้งสุดท้ายในชีวิตของมาร์ตินลูเธอร์ว่าไว้แบบนี้
"Is Christ only to be adored? Or is the holy Mother of God rather not to be honoured? This is the woman who crushed the Serpent's head. Hear us. For your Son denies you nothing."
(Martin Luther made this statement in his last sermon at Wittenberg in January 1546.)
แปล
มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ก่อตั้งนิกายโปรแตสแตนท์ เคารพรักพระมารดามารีย์ในฐานะมารดาพระเจ้า จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต และพูดหน้าตาเฉยถึงการให้แม่พระช่วยอธิษฐานเผื่อ
ส่วนการตอบแบบโปรแตสแตนท์ในบทความนี้ ส่วนตัวที่ผมเจอโปรแตแสแตนท์ที่ตอบเวลาโจมตีคาทอลิกในเรื่องนี้ในชีวิตจริง ก็มักตอบแบบนี้กันแทบร้อยละร้อยเป็น"คลีเช่" คงเพราะโปรแตสแตนท์ส่วนมากมีมายาคติที่สอนต่อๆกันมาว่าคาทอลิกเชื่อผิดและไม่อ่านพระคัมภีร์แต่พวกตนเท่านั้นที่ยึดพระคัมภีร์ก็เป็นได้ครับ การยกพระธรรมเดิมมาตอบแบบนี้เพิ่งเจอจากคุณคนแรกครับ
ในทางกลับกัน อย่าแน่ใจว่า โปรแตสแตนท์จะตอบเรื่องผู้ตายเหมือนกันนะครับ ดังที่ผมได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหนึ่งไว้นานแล้วว่า หลักข้อเชื่อปลีกย่อยของโปรแตสแตนท์แต่ละคริสตจักรมีแตกต่างหลากหลายไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันหมดแบบกรณีคาทอลิกที่มีวาติกันเป็นศูยน์กลาง เรื่องความตายของโปรแตสแตนท์มีหลายทัศนะครับ
----------------------------------------------------------
อีกประเด็นคือ คนของพระเจ้าแม้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ( ลก.๑๖.๑๙.๓๑) และเรื่องวิญญาณที่อยู่ใต้แท่นบูชา (วว.๖.๙-๑๐ ) ทำให้เราเห็นว่า วิญญาณจิตของมนุษย์ เป็นอมตะ แต่มีอะไรเกิดขึ้นกับวิญญาณหลังจากความตาย เป็นข้อโต้แย้ง กันพอสมควรทีเดียว ซึ่งมีด้วยกัน ๕ ทัศนะ ดังนี้
( ๑ ) หลักฐานจากพระคัมภีร์ ( นี่คือความเชื่อ ของโปรเตสแตนต์สายหลัก ) แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก แต่เราสรุปจากคำสอนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ดังนี้
- ผู้เชื่อจะอยู่กับพระคริสต์ ตามที่เปาโลกล่าวว่า “เรามีความมั่นใจ และเราปรารถนาจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าอยู่ในร่างกายนี้ ….เหตุฉะนั้นเรามั่นใจอยู่เสมอ รู้อยู่แล้วว่า ขณะที่เราอยู่ในร่างกายนี้ เราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” ( ๒ คร.๕.๘, ๖ ) และ เขา “ปรารถนาที่จะจากไปอยู่กับพระคริสต์” ( พป.๑.๒๓ ) พระเยซูเจ้าทรงปลอบใจชายที่ถูกตรึงข้างๆพระองค์ว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” คือสวรรค์นั่นเอง (ลก.๒๓.๔๓ )
จาก ๒ คร.๑๒.๒-๓ คริสเตียนเชื่อว่า “เมืองบรมสุขเกษม”คือสวรรค์ ในสวรรค์ผู้เชื่ออยู่กับพระเจ้าและผู้เชื่ออื่นๆ ด้วย “และมาถึงที่ชุมนุมอันร่าเริงของบุตรหัวปี ผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงวิญญาณจิตของคนชอบธรรม ซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว “ ( ฮบ.๑๒.๒๓ ) คนเหล่านี้จะมีความรู้สึกนึกคิดและมีความสุข (ลก.๑๖.๑๙-๓๑,วว.๑๔.๑๓ ) ช่วงที่รอคอยการฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นช่วงที่มีความสุข กว่าอยู่ในโลก จากคำบรรยายของเปาโลว่า “ประเสริฐกว่ามากนัก” ( ฟป.๑.๒๓ ) เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ก็สัมผัสถึงความสุขของลาซารัส ที่อยู่ในอ้อมอกฮับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อ รับการปลอบใจ ส่วนเศรษฐีทุกขเวทนา เราเชื่อว่าผู้ไม่เชื่อต้องรอคอยการพิพากษาและประสบกับความทุกข์ .....ส่วนผู้ที่เชื่อ ก็อยู่ในที่ๆมีพระเจ้า/พระเยซูคริสต์ อย่างมีความสุข และรอคอยการพิพากษา เช่นกัน ( เพราะทุกคนจะอยู่ต่อเบื้องบัลลังก์พิพากษา )
๒.แดนชำระ ( Purgatory ) นี่เป็นคำสอน/ความเชื่อของพี่น้องคริสตัง ทางโปรเตสแตนต์ปฏิเสธ เพราะไม่มีพระคัมภีร์ในสาระบบของเรา รองรับ เพราะส่วนใหญ่มาจาก อธิกธรรม ( ๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕ ) และที่พระคัมภีร์ในสารบบ ที่อ้างถึงมี ศคย.๙.๑๑ ,มธ.๑๒.๓๒,๑ คร.๓.๑๓-๑๕ หรือ ฮบ.๑.๓
หมายเหตุ: ดังนั้นเมื่อพี่น้องคริสตังขอคำภาวนาให้ดวงวิญญาณของผู้ที่จากไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว พวกเราจะงง เพราะคริสเตียนจะภาวนาให้กับ ครอบครัวบุคคลที่ใกล้ชิดผู้จากไป เพราะเขาต้องได้รับคำปลอบใจ กำลังใจ ส่วนผู้ที่จากไป ด้วยความเชื่อ เราขอบคุณพระเจ้า และเชื่อว่าเขาจะอยู่กับพระองค์ ส่วนพระองค์จะจัดให้ที่ไหน เราไม่สนใจ เพราะเราเชื่อว่าที่ๆ พระเจ้าจัดให้ขณะรอคอยการพิพากษา ต้องเป็นที่ที่ดี และตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ ค่ะ
๓. วิญญาณหลับ( Soul-sleep )
ทัศนะนี้สอนว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณจะเข้าสู่ภาวะหลับสนิท ไม่รับรู้สิ่งที่อยู่รอบๆตัว ผู้สนับสนุนทัศนะนี้ก็ใช้พระคัมภีร์สนับสนุน เช่น การตายคือการหลับ ( มธ.๙.๒๔,ยน.๑๑.๑๑,ธส.๔.๑๓ ) หรือพระคัมภีร์บางตอนกล่าวถึงคนตายแล้วไม่รู้ตัว ( สดด.๑๔๖.๔,ปญจ.๙.๕,๙.๑๐,อสย,๓๘.๑๘ ) ความจริงหลับเป็นคำสุภาพแทนคำว่าตาย เพราะคนตายก็เหมือนคนหลับอยู่ ( ยก.๒.๒๖ )
๔.ความดับสูญ ( Annihilationism)
ทัศนะนี้เกี่ยวข้องกับผู้ไม่เชื่อ คือ เชื่อว่าเมื่อคนตายไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ พระเจ้า จะดับสูญไปเลย เพราะตีพระคัมภีร์ ที่ว่า “ตาย ถูกทำลาย พินาศ” ถูกตีความว่าเป็นการ ทำลายให้สูญสิ้น” “ทำให้ไม่เป็นอยู่ต่อไป” ( ยน.๓.๑๖,๘.๕๑,รม.๙.๒๒ ) ถ้าเชื่อตามนี้ ผู้ที่ไม่เชื่อเพียงแต่ดับสูญไปสิ้นสุดไปเลย
๕.ความเป็นอมตะอย่างมีเงื่อนไข ( Conditional immortality )
ทัศนะนี้เชื่อว่าวิญญาณไม่ได้สร้างให้เป็นอมตะ แต่อมตะจะเป็นได้เมื่อรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ชีวิตที่ว่าเป็นของประทานจากพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อพระเจ้าเมื่อตายไป ก็ดับสูญไม่ได้รับของประทานจากพระเจ้า ส่วนผู้ที่เชื่อได้รับของประทานจากพระเจ้า และชีวิตเป็นอมตะ และพระเจ้าทรงประทานอมตะแก่ ผู้ที่รับการทรงเรียกของพระองค์
ที่มา----
viewtopic.php?f=2&t=3367
-------------------------------------------------------
ดังนั้นการตอบแบบคุณว่าวิญญาณคนตายไม่รับรู้อะไร ก็เป็นหลักเชื่ออันหนึ่งหนึ่งของโปรแตสแตนท์ และไม่ใช่สายหลักครับ