โปรแตสแตนท์และคาทอลิคต่างกันอย่างไร...
นิกายใหญ่ ของคริสต์ มี 3 นิกาย คือ....เริ่มแรก บรรพชน ของพวกเราก็รวมกันมาไม่ได้มีการแยกนิกายอะไร ต่อมา ศตวรรษที่ 11 มีความขัดแย้ง ระหว่างพระศาสนจักรตะวันออก และโรม(พระศาสนจักรตะวันตก) จึงแยก ตัวออกไป เกิดเป็นนิกายออเทออดอกซ์ในปีค.ศ. 1054
และ ต่อมา ในศตวรรษที่16 ในพระศาสนจักร ได้ประสบปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งจากระบบ และความประพฤติของบรรดาบาทหลวง
มีอดีตบาทหลวงมาร์ติน ลูเธอร์ ยื่นประท้วง 95 ข้อ เพื่อขอให้แก้ไข(ปฏิรูป) แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากสมเด็จพระสันตะปาปา
ลูเธอร์ถูกขับออก และสั่งลงโทษ ( ยุคนั้น พระศาสนจักร มีอำนาจเหนืออาณาจักร ) เขาเลยประท้วง จึงเกิดนิกายโปรเตสแตนต์ขึ้นมา
ดังนั้นสรุปนิกายใหญ่ๆของคริสตศาสนาได้ดังนี้
1.โรมันคาทอลิก
2.ออเทอดอกซ์ แยกออกไป เมื่อ ปี ค.ศ. 1054
3.โปรเตสแตนต์ แยกออกไป เมื่อ ปี 1517 โดยอดีตบาทหลวง มาร์ติน ลูเธอร์
++++++++++++++++++++++++++++++
+โรมันคาทอลิก+
มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอัครสาวกกลุ่มแรก โดยถือว่า นักบุญ เปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ คือพระสันตะปาปาพระองค์แรก และสืบทอดมาถึงพระสันตะปาปาเบนนิดิกที่ 16 องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่265
ผู้นับถือคริสตศาสนาทุกนิกายทั่วโลก เรียกเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกันว่า คริสเตียน แปลเป็นภาษาไทยคือคริสตชน แต่สำหรับประเทศไทยเรานั้น นิกายโรมันคาทอลิกถูกนำเข้ามาก่อนสมัยพระนารายณ์มหาราชโดยบาดหลวงชาวโปรตุเกส ดังนั้นการออกเสียงคำว่า คริสเตียนในภาษาโปรตุเกส ออกเสียงว่า "คริสตัง" อย่างจีซัส ก็ออกเสียงว่า "เยซู" จึงทำให้คาทอลิคเรียกผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิคว่า คริสตัง ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาสมัยหมดบลัดเลย์ซึ่งเป็นอเมริกา ดังนั้น โปรแตสแตนท์ไทยจึงเรียกตัวเองว่า คริสเตียน ตามแบบภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกา แต่คำว่า"เยซู"ก็ใช้ตามที่คาทอลิกและคนไทยได้คุ้นเคยแล้ว
กลับมาที่ลักษณะของคาทอลิกต่อ
คาทอลิกนั้นจะมีนักบวช ที่เรียกว่า บาดหลวง หรือซิสเตอร์
คาทอลิกจะมีการให้เกียรติพระนางมารีย์ แม่ของพระเยซูเป็นพิเศษ เรียกพระนางว่า "แม่พระ" มาจากคำว่า มารดาของพระเจ้า
ซึ่งพี่น้องโปรเตสแตนต์มักสงสัยว่าได้บันทึกในพระคัมภีร์ไหม ดูจาก พระวรสาร ลูกา 1.43 ที่นางเอลีซาเบธ กล่าวว่า
"เป็นไฉนข้าพเจ้าจึงได้ความโปรดปรานเช่นนี้ คือ มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้มาหาข้าพเจ้า"
คาทอลิกจะมีการยกย่องวีรบุรุษ หรือวีรสตรีทางศาสนา หรือเรียกง่ายๆว่า บุคคลที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูอย่างดีมากจนเรามั่นใจว่าเขาได้ไปสวรรค์แน่นอน(คล้ายๆกรณีพระอรหันต์ในศาสนาพุทธ) เราจะเรียกคนเหล่านี้ ว่าเป็น นักบุญ
ดังนั้นหากเปรียบให้เข้าใจง่าย เรามองว่าพระเยซูคือกษัตริย์ ส่วนแม่พระก็เป็นพระราชชนนี(แบบสมเด็จย่า) เหล่านักบุญก็เหมือนขุนนาง ที่ใกล้ชิดกษัตริย์
คาทอลิกมีความเชื่อว่า ในพิธีมิซซา(พิธีนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์) เมื่อขนมปัง และเหล้าองุ่นถูกเสกในพิธี ก็คือเนื้อ และพระโลหิต เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
โบสถ์คาทอลิกทุกแห่ง ถือเป็น1เดียวกัน ขึ้นตรงต่อกรุงวาติกัน และองค์พระสันตะปาปา ดังนั้น หากคุณเป็นคาทอลิกคุณสามารถไปวัดไหนก็ได้ที่ใกล้บ้าน สามารถเปลี่ยนวัดที่ไปได้ตามแต่สะดวก
+โปรเตสแตนต์+
โปรเตสแตนต์นั้น หลังจากการแยกนิกายในสมัยอดีตบาทหลวง มาตินลูเธอร์ หลังจากนั้นได้มีการแยกนิกายย่อยอีกหลายนิกาย
ดังนั้นโบสถ์หรือคริสตจักรต่างๆ จะไม่ได้ขึ้นกับวาติกันหรือพระสันตะปาปาแต่อย่างใด
แต่สำหรับในประเทศไทย โปรเตสแตนต์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมศาสนา แบ่งเป็น 4 สายใหญ่ๆ คือ
1)สายสภาคริสตจักรในประเทศไทย
2) สายสหกิจคริสตจักร
3)สายสหแบ๊บติสท์
4) เซเวนเดย์แอดเวนทิสท์
นอกจากนั้นมีคริสตชนที่ไม่มีสังกัด กับ 4องค์กรที่กล่าว แต่ก็ตั้งคริสตจักร เรียกตัวเองว่าคริสตจักรอิสระ อีกมากมาย
เท่าที่ทราบมานั้น โบสถ์ใน 4 สายหลักนี้ จะมีโยงใยถึงกัน และมีการตั้งที่เป็นระบบระเบียบ มีการควบคุมดูแลความสอดคล้องในหลักข้อความเชื่อให้ถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็มีคริสตจักรที่ไม่มีที่มาที่ไปที่ตั้งขึ้นเอง ซึ่งก็ต้องระมัดระวังในหลักความถูกต้องต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งผู้สอนและผู้เชื่อ
โปรแตสแตนต์ ไม่มีนักบวช แต่มีผู้ถวายตัวรับใช้พระเจ้า เรียกว่า ศาสนจารย์ /ศิษยาภิบาล และผู้ประกาศ ซึ่งอาจแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ได้ การเรียกคำนำหน้าบุคคลเหล่านี้ จะเรียกว่า อาจารย์
โปรแตสแตนต์(โดยทั่วๆไป)จะไม่ให้ความสำคัญพิเศษกับพระนางมารีย์ หรือนักบุญ จะเน้นการเข้าถึงพระเยซูเจ้าโดยตรงด้วยตนเอง แต่สำหรับบางกลุ่มที่สนใจในเรื่องศาสนศาสตร์สตรี จะให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์มากขึ้น ในฐานะแบบอย่างของสตรีคริสตชนที่ดี
สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของโปรแตสแตนต์เรียกว่าคริสตจักร ซึ่งคาทอลิคจะเรียกวัด
โดยทั่วไป โปรแตสแตนท์เมื่อรับเชื่อที่คริสตจักร ไหน ก็ต้องร่วมนมัสการที่คริสตจักรนั้น
พิธีทางศาสนาในวันอาทิตย์เรียกว่าพิธีนมัสการ
5 องค์กรคริสตศาสนา ที่ กรมศาสนารับรอง
1.โรมันคาทอลิก
2.สภาคริสตจักรในประเทศไทย
3.สหกิจคริสเตียน (รวมทั้งแองกลกัน ลูเธอรัน ออร์โธดอกซ์)
4.สหกิจคริสตจักรแบ๊บติสต์
5.เซเว่นเดย์แอดเวนติส
และ ต่อมา ในศตวรรษที่16 ในพระศาสนจักร ได้ประสบปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งจากระบบ และความประพฤติของบรรดาบาทหลวง
มีอดีตบาทหลวงมาร์ติน ลูเธอร์ ยื่นประท้วง 95 ข้อ เพื่อขอให้แก้ไข(ปฏิรูป) แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากสมเด็จพระสันตะปาปา
ลูเธอร์ถูกขับออก และสั่งลงโทษ ( ยุคนั้น พระศาสนจักร มีอำนาจเหนืออาณาจักร ) เขาเลยประท้วง จึงเกิดนิกายโปรเตสแตนต์ขึ้นมา
ดังนั้นสรุปนิกายใหญ่ๆของคริสตศาสนาได้ดังนี้
1.โรมันคาทอลิก
2.ออเทอดอกซ์ แยกออกไป เมื่อ ปี ค.ศ. 1054
3.โปรเตสแตนต์ แยกออกไป เมื่อ ปี 1517 โดยอดีตบาทหลวง มาร์ติน ลูเธอร์
++++++++++++++++++++++++++++++
+โรมันคาทอลิก+
มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมาตั้งแต่สมัยอัครสาวกกลุ่มแรก โดยถือว่า นักบุญ เปโตร หรือ เซนต์ปีเตอร์ คือพระสันตะปาปาพระองค์แรก และสืบทอดมาถึงพระสันตะปาปาเบนนิดิกที่ 16 องค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่265
ผู้นับถือคริสตศาสนาทุกนิกายทั่วโลก เรียกเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกันว่า คริสเตียน แปลเป็นภาษาไทยคือคริสตชน แต่สำหรับประเทศไทยเรานั้น นิกายโรมันคาทอลิกถูกนำเข้ามาก่อนสมัยพระนารายณ์มหาราชโดยบาดหลวงชาวโปรตุเกส ดังนั้นการออกเสียงคำว่า คริสเตียนในภาษาโปรตุเกส ออกเสียงว่า "คริสตัง" อย่างจีซัส ก็ออกเสียงว่า "เยซู" จึงทำให้คาทอลิคเรียกผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิคว่า คริสตัง ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาสมัยหมดบลัดเลย์ซึ่งเป็นอเมริกา ดังนั้น โปรแตสแตนท์ไทยจึงเรียกตัวเองว่า คริสเตียน ตามแบบภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกา แต่คำว่า"เยซู"ก็ใช้ตามที่คาทอลิกและคนไทยได้คุ้นเคยแล้ว
กลับมาที่ลักษณะของคาทอลิกต่อ
คาทอลิกนั้นจะมีนักบวช ที่เรียกว่า บาดหลวง หรือซิสเตอร์
คาทอลิกจะมีการให้เกียรติพระนางมารีย์ แม่ของพระเยซูเป็นพิเศษ เรียกพระนางว่า "แม่พระ" มาจากคำว่า มารดาของพระเจ้า
ซึ่งพี่น้องโปรเตสแตนต์มักสงสัยว่าได้บันทึกในพระคัมภีร์ไหม ดูจาก พระวรสาร ลูกา 1.43 ที่นางเอลีซาเบธ กล่าวว่า
"เป็นไฉนข้าพเจ้าจึงได้ความโปรดปรานเช่นนี้ คือ มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้มาหาข้าพเจ้า"
คาทอลิกจะมีการยกย่องวีรบุรุษ หรือวีรสตรีทางศาสนา หรือเรียกง่ายๆว่า บุคคลที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูอย่างดีมากจนเรามั่นใจว่าเขาได้ไปสวรรค์แน่นอน(คล้ายๆกรณีพระอรหันต์ในศาสนาพุทธ) เราจะเรียกคนเหล่านี้ ว่าเป็น นักบุญ
ดังนั้นหากเปรียบให้เข้าใจง่าย เรามองว่าพระเยซูคือกษัตริย์ ส่วนแม่พระก็เป็นพระราชชนนี(แบบสมเด็จย่า) เหล่านักบุญก็เหมือนขุนนาง ที่ใกล้ชิดกษัตริย์
คาทอลิกมีความเชื่อว่า ในพิธีมิซซา(พิธีนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์) เมื่อขนมปัง และเหล้าองุ่นถูกเสกในพิธี ก็คือเนื้อ และพระโลหิต เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
โบสถ์คาทอลิกทุกแห่ง ถือเป็น1เดียวกัน ขึ้นตรงต่อกรุงวาติกัน และองค์พระสันตะปาปา ดังนั้น หากคุณเป็นคาทอลิกคุณสามารถไปวัดไหนก็ได้ที่ใกล้บ้าน สามารถเปลี่ยนวัดที่ไปได้ตามแต่สะดวก
+โปรเตสแตนต์+
โปรเตสแตนต์นั้น หลังจากการแยกนิกายในสมัยอดีตบาทหลวง มาตินลูเธอร์ หลังจากนั้นได้มีการแยกนิกายย่อยอีกหลายนิกาย
ดังนั้นโบสถ์หรือคริสตจักรต่างๆ จะไม่ได้ขึ้นกับวาติกันหรือพระสันตะปาปาแต่อย่างใด
แต่สำหรับในประเทศไทย โปรเตสแตนต์ที่ได้จดทะเบียนกับกรมศาสนา แบ่งเป็น 4 สายใหญ่ๆ คือ
1)สายสภาคริสตจักรในประเทศไทย
2) สายสหกิจคริสตจักร
3)สายสหแบ๊บติสท์
4) เซเวนเดย์แอดเวนทิสท์
นอกจากนั้นมีคริสตชนที่ไม่มีสังกัด กับ 4องค์กรที่กล่าว แต่ก็ตั้งคริสตจักร เรียกตัวเองว่าคริสตจักรอิสระ อีกมากมาย
เท่าที่ทราบมานั้น โบสถ์ใน 4 สายหลักนี้ จะมีโยงใยถึงกัน และมีการตั้งที่เป็นระบบระเบียบ มีการควบคุมดูแลความสอดคล้องในหลักข้อความเชื่อให้ถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันก็มีคริสตจักรที่ไม่มีที่มาที่ไปที่ตั้งขึ้นเอง ซึ่งก็ต้องระมัดระวังในหลักความถูกต้องต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งผู้สอนและผู้เชื่อ
โปรแตสแตนต์ ไม่มีนักบวช แต่มีผู้ถวายตัวรับใช้พระเจ้า เรียกว่า ศาสนจารย์ /ศิษยาภิบาล และผู้ประกาศ ซึ่งอาจแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ได้ การเรียกคำนำหน้าบุคคลเหล่านี้ จะเรียกว่า อาจารย์
โปรแตสแตนต์(โดยทั่วๆไป)จะไม่ให้ความสำคัญพิเศษกับพระนางมารีย์ หรือนักบุญ จะเน้นการเข้าถึงพระเยซูเจ้าโดยตรงด้วยตนเอง แต่สำหรับบางกลุ่มที่สนใจในเรื่องศาสนศาสตร์สตรี จะให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์มากขึ้น ในฐานะแบบอย่างของสตรีคริสตชนที่ดี
สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของโปรแตสแตนต์เรียกว่าคริสตจักร ซึ่งคาทอลิคจะเรียกวัด
โดยทั่วไป โปรแตสแตนท์เมื่อรับเชื่อที่คริสตจักร ไหน ก็ต้องร่วมนมัสการที่คริสตจักรนั้น
พิธีทางศาสนาในวันอาทิตย์เรียกว่าพิธีนมัสการ
5 องค์กรคริสตศาสนา ที่ กรมศาสนารับรอง
1.โรมันคาทอลิก
2.สภาคริสตจักรในประเทศไทย
3.สหกิจคริสเตียน (รวมทั้งแองกลกัน ลูเธอรัน ออร์โธดอกซ์)
4.สหกิจคริสตจักรแบ๊บติสต์
5.เซเว่นเดย์แอดเวนติส
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อังคาร ม.ค. 06, 2009 8:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
3.สหกิจคริสเตียน (รวมทั้งแองกลกัน ลูเธอรัน ออร์โธดอกซ์)
ออธอด๊อกในไทย มีเยอะไหมอ่าครับ ไม่เคยเห็นเลย เพิ่งรู้ว่ารวมในสหกิจเนี่ยอ่า เหอๆ ๆ
ออธอด๊อกในไทย มีเยอะไหมอ่าครับ ไม่เคยเห็นเลย เพิ่งรู้ว่ารวมในสหกิจเนี่ยอ่า เหอๆ ๆ
-
- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
- Static James
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ส.ค. 22, 2009 9:46 pm
- ที่อยู่: Bangkok
- ติดต่อ:
ผมเป็นโปรเตสเตนท์
แต่ร้องขอแม่พระตลอดเวลาเลย
นิกายไหนๆ ก็ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ
เพราะเรามีพระบิดาองค์เดียวกัน
แต่ร้องขอแม่พระตลอดเวลาเลย
นิกายไหนๆ ก็ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ
เพราะเรามีพระบิดาองค์เดียวกัน
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เห็นด้วยStatic James เขียน: ผมเป็นโปรเตสเตนท์
แต่ร้องขอแม่พระตลอดเวลาเลย
นิกายไหนๆ ก็ไม่เกี่ยวกันหรอกครับ
เพราะเรามีพระบิดาองค์เดียวกัน
สำหรับ Orthodox ขอเปลี่ยนคำ '' ออเทอดอกซ์ แยกออกไป เมื่อ ปี ค.ศ. 1054 '' เป็น '' Orthodox และ catholic แยกจากกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1054'' ดีกว่า ค่ะ : emo045 :
ในหลักข้อเชื่อนิเชข้อที่9
"ข้อพเจ้าเชื่อในพระจิตศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต ทรงบังเกิดมาจากพระบิดา"
คาทอลิกจะเป็น .........ทรงเนื่องมาจากพระบิดาและพระบุตร
การบังเกิดของพระจิตเจ้า ข้อแตกต่างระหว่างคาทอลิกและออร์โธด๊อกซ์
(ออร์โธด๊อกซ์ ณ ที่นี้คือออร์ธด๊อกซ์ทั้งหมดเลย เพราะเชื่อแบบเดียวกัน)
ออร์โธด๊อกซ์:
พระจิตเจ้าบังเกิดมาจากพระบิดาเท่านั้น ประดุงดวงอาทิตย์ให้กำเนิดแสง(=พระเยซู)และความอบอุ่น(=พระจิต)
เทียบ ยน.15:26 พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ชัด ว่ามาจากพระบิดา
คาทอลิก: พระจิตเกิดมาจากความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร
ไม่ทราบว่า โปร มีหลักข้อเชื่อนี้ เหมือน catholic ด้วยหรือเปล่า ค่ะ ในเรื่อง ของการ บังเกิด พระจิต
ในหลักข้อเชื่อนิเชข้อที่9
"ข้อพเจ้าเชื่อในพระจิตศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต ทรงบังเกิดมาจากพระบิดา"
คาทอลิกจะเป็น .........ทรงเนื่องมาจากพระบิดาและพระบุตร
การบังเกิดของพระจิตเจ้า ข้อแตกต่างระหว่างคาทอลิกและออร์โธด๊อกซ์
(ออร์โธด๊อกซ์ ณ ที่นี้คือออร์ธด๊อกซ์ทั้งหมดเลย เพราะเชื่อแบบเดียวกัน)
ออร์โธด๊อกซ์:
พระจิตเจ้าบังเกิดมาจากพระบิดาเท่านั้น ประดุงดวงอาทิตย์ให้กำเนิดแสง(=พระเยซู)และความอบอุ่น(=พระจิต)
เทียบ ยน.15:26 พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ชัด ว่ามาจากพระบิดา
คาทอลิก: พระจิตเกิดมาจากความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร
ไม่ทราบว่า โปร มีหลักข้อเชื่อนี้ เหมือน catholic ด้วยหรือเปล่า ค่ะ ในเรื่อง ของการ บังเกิด พระจิต
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พุธ ธ.ค. 23, 2009 5:31 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=5891
เป็นเวปที่ เขาโจมตี คาทอลิค อย่างมาก
อยากให้ผุ้มีความรู้ คุณ โฮนรี่ก็ได้ ไปตอบข้อเท็จจริง ที่เขาใส่ร้าย บอกความจริงครึ่งเดียวอีกครึ่งกล่าวเท็จ..
เห็นแล้วไม่สบายใจมากๆ
เป็นเวปที่ เขาโจมตี คาทอลิค อย่างมาก
อยากให้ผุ้มีความรู้ คุณ โฮนรี่ก็ได้ ไปตอบข้อเท็จจริง ที่เขาใส่ร้าย บอกความจริงครึ่งเดียวอีกครึ่งกล่าวเท็จ..
เห็นแล้วไม่สบายใจมากๆ
kobo เขียน:http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=5891
เป็นเวปที่ เขาโจมตี คาทอลิค อย่างมาก
อยากให้ผุ้มีความรู้ คุณ โฮนรี่ก็ได้ ไปตอบข้อเท็จจริง ที่เขาใส่ร้าย บอกความจริงครึ่งเดียวอีกครึ่งกล่าวเท็จ..
เห็นแล้วไม่สบายใจมากๆ
ตอนนี้ลงบทความชี้แจงความจริงไว้แล้วนะครับ
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=13&t=15767
เวลาเจออะไรแนวนี้ ก็ก๊อปไปลงได้หรือจะลิงค์จะอะไรก็ตามสะดวกครับ
ส่วนถ้าโปรแตสแตนท์คนใดที่ได้เห็นได้พบบทความชี้แจงความจริงแล้ว ได้รู้ว่าบทความเดิมนั้นเต็มไปด้วยการมุสา และใส่ร้าย ถ้ายังดันทุรัง เผยแพร่เรื่องโกหกใส่ความคนอื่น โดยไม่ยอมกลับใจจากบาปมุสา ก็เท่ากับโปรแตสแตนท์คนนั้นปากบอกเชื่อพระเยซู แต่มีพฤติกรรมใส่ร้ายใส่ความ มีการกระทำคือโกหกพกลมสร้างความเกลียดชังให้คนอื่น บาปที่ทำทั้งที่รู้เพียงเพราะเกลียดชังคนอื่นนี่ เท่ากับผรุสวาทต่อพระวิญญาณนะครับ ไม่ได้รับการอภัยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะฝืนมโนธรรม ทั้งที่รู้ว่าเผยแพร่เรื่องโกหกใส่ความ เป็นการทำชั่ว เป็นกิจการของมารซาตาน แต่ก็ยังหลอกตัวเองและคนอื่นต่อไปอีก ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองต่อหน้าพระเจ้าครับ
ฮบ 10:26-31
เมื่อได้รับความรู้อย่างดีถึงความจริงแล้ว ถ้าเรายังจงใจทำบาปอีก ก็จะไม่มีเครื่องบูชาชดเชยบาปใดช่วยได้อีกต่อไป มีแต่การรอคอยที่น่ากลัวว่าจะต้องรับการตัดสินลงโทษ และไฟร้อนแรงที่จะเผาผลาญพวกกบฎให้สิ้นไป ผู้ที่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสยังถูกประหารอย่างไร้ความปรานี เมื่อมีพยานสองหรือสามคนที่ยืนยันได้ ท่านคิดว่าผู้ที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า สบประมาทพระโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งได้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้เขา ล่วงเกินพระจิตเจ้าผู้ประทานพระหรรษทานให้ จะต้องได้รับโทษหนักกว่าสักเพียงใด เรารู้จักผู้ที่ตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทน และพระคัมภีร์ยังกล่าวอีกว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์ ช่างน่ากลัวยิ่งนักที่จะต้องตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=6275
นี่ขอรับ ที่เขากล่าว ว่า เป็นคนชั่ว
ช่วยไปชี้แจงด้วยขอรับ
นี่ขอรับ ที่เขากล่าว ว่า เป็นคนชั่ว
ช่วยไปชี้แจงด้วยขอรับ
ไม่รู้จะชี้แจงไปทำไมอะครับ เพราะคุณเองก็ออกจะชี้แจงได้ดีแล้ว แต่เพราะพวกเขาไม่ต้องการมองเห็น ไม่ต้องการได้ยิน และไม่ต้องการการรักษา มีชีวิตอยู่โดยยึดมั่นถือมั่นในอคติไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงต้องทำให้เขาออกจากอคติก่อนจึงจะสามารถชี้แจงให้เข้าใจได้ครับkobo เขียน:http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=6275
นี่ขอรับ ที่เขากล่าว ว่า เป็นคนชั่ว
ช่วยไปชี้แจงด้วยขอรับ
พระเยซูบอกว่า ต้นไม้ดีย่อมให้ผลดี ต้นไม้เลวย่อมให้ผลเลว ถ้าเขาพูดว่าคาทอลิกชั่วแล้วเขาแตกออกมาจากคาทอลิก กลับดี ทั้งที่มาจากต้นที่เขาประณามว่าชั่ว ก็เท่ากับเขาประณามว่าพระเยซูและไบเบิ้ลสอนผิด ซึ่งบาปมากครับ