ในพระคัมภีร์ เราต้องหา “ความจริง” ไม่ใช่หาสำนวนโวหาร พระคัมภีร์ทั้งสิ้นประพันธ์ขึ้นด้วยจุดประสงค์อันใด เราก็ต้องอ่านด้วยจุดประสงค์อันนั้น เราต้องแสวงหาประโยชน์จากพระคัมภีร์ มากกว่าความสุขุมลึกซึ้งของสำนวนโวหาร หนังสือเสริมศรัทธา ที่เขียนแบบเรียบง่ายซื่อ ๆ เราก็ต้องยินดีอ่าน เช่นเดียวกับหนังสือลึกซึ้งสูง ๆ. อย่าพะวงต่ออิทธิพลของผู้เขียนว่า มีความรู้มากหรือน้อย แต่จงให้ “ความรักในความจริงอันบริสุทธิ์” ชักนำท่านไปสู่การอ่าน.
อย่าถามว่า ใคร เป็นคนพูด แต่จงตั้งใจพิเคราะห์ดูว่าในนั้นเขาพูด อะไร. มนุษย์ล่วงพ้นไป แต่ความจริงของพระเจ้า สถิตสถาพรชั่วนิรันดร (สดด ๑๑๗:๒)

พระเป็นเจ้าตรัสสอนเราในหลายวิธี โดยไม่จำกัดว่าผ่านบุคคลใด ในการอ่านพระคัมภีร์ ความอยากรู้อยากเห็นมักเป็นอุปสรรค เพราะเราพยายาม เข้าใจ และ พิจารณาถกปัญหา ในขณะที่ควรอ่านผ่านไปอย่างเรียบง่าย ถ้าท่านต้องการได้รับประโยชน์ จงอ่านด้วยใจสุภาพถ่อมตน ซื่อ ๆ และด้วยความศรัทธาเถิด แต่อย่าแสวงหาเกียรติในการได้รับคำยกย่องว่าเป็นผู้มีภูมิรู้เลย. จงยินดีไต่ถาม จงนิ่งฟังวาจาของท่านนักบุญเหล่านั้นอย่างสงบเงียบ อย่าประมาทคำสุภาษิตหรือเรื่องเล่าเปรียบเทียบของคนในสมัยก่อน เพราะพวกท่านย่อมไม่กล่าวอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล. (บสร ๓๒:๙)
++++++++++++++++++++++++++++++