เล่าเรื่องไปทัวร์แสวงบุญที่ยุโรป Part 3 - Fatima

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
kk-chan
โพสต์: 45
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 3:38 pm

อังคาร ม.ค. 01, 2008 10:33 pm

HAPPY NEW YEAR 2008 ka!!!  ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้า ขอพระเจ้าคุ้มครองทุกคนนะคะ :grin: :grin: :grin:

Olá Como estás?

ถือโอกาสทักทายเป็นภาษาโปรตุเกสซะเลย  : emo027 : ไหนๆวันนี้เราจะยังอยู่กันที่ฟาติมาอีกหนึ่งคืน นี่จะเป็นเรื่องราวของวันที่สามในทริปนี้

June 1, 2007

4.45 น. เช้ามืด นอนไปได้แค่สามชั่วโมงเอง ต้องตื่นอีกแล้ว วิญญาณยังไม่เข้าร่างเลย ฮือๆ จริงๆแล้ว Morning call มันคือตีห้าแต่ว่าสองสาวใช้เวลาเตรียมตัวกันนานเลยต้องตื่นกันเช้าๆ ไม่งั้นไม่ทัน แต่จนตีห้าครึ่งแล้วมันก็ยังไม่เห็นมีมาให้ได้ยินเลย ไอ้ morning call เนี่ย แต่งตัวกันเรียบร้อยตีห้าสี่สิบห้าก็ลงไปข้างล่าง Reception ไฟปิดมืดหมดเลย แหม morning call... ยังไม่เห็นหัวซักกะคน เดี๋ยวหกโมงเช้ามีมิสซาที่วัดน้อยแม่พระประจักษ์ (Chapel of Apparitions) ออกมาข้างนอกอากาศดีมากๆ แต่หนาวนะ

6.00 น. พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย วันนี้เราจองคิวได้เป็นพวกแรกที่จะใช้วัดน้อย ที่จริงก็คือมันเป็นเวลาเดียวที่ยังว่างอยู่ นอกนั้นเต็มหมดแล้ว (อย่าลืมว่ามีมิสซาทุกชั่วโมง) เช้านี้นอกจากพวกเราก็มีฝรั่งที่มาแสวงบุญอีก 4-5 คน มีคุณป้าคนนึงมาเดินเข่าตั้งแต่มืด เค้าใส่ประโปรงด้วยนะ ใช้เข่าเปล่าๆเดินแบบ spirit มาก

มิสซาเช้านี้คุณพ่อวิวัฒน์เป็นประธาน เสร็จจากมิสซาเราก็มาถ่ายรูปหมู่กันหน้าวัดน้อย กล้องประมาณสิบกว่าตัวได้ล่ะมั้งนั่น คุณไกด์เราก็เลยกลายเป็นพรีเซ็นเต้อร์กล้อง มีทุกยี่ห้อเลย เค้าบอกให้รีบๆถ่ายก่อนคนจะมา เพราะเราคนเยอะ เสียงดัง ถ้าดูดีๆจะเห็นว่ามียิปซีมาแจมข้างๆด้วยนะ เสร็จเรียบร้อยก็พากันเดินกลับโรงแรมเพื่อจะไปกินข้าวเช้า พอหันกลับไปดูที่ Basilica ก็เห็นว่าพระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี วิวสวยมากๆ ได้มาอีกหลายรูป ท้องฟ้าที่นี่บรรยากาศไม่เคยซ้ำเลย ดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ

8.00 น. ได้เวลาอาหารเช้า สามพี่น้องสายอีกแล้ว (จริงๆมาตรงเวลาเป๊ะ แต่หลงไปผิดห้อง ก็รออยู่ตั้งนาน คนอื่นไปไหนหมดเนี่ย แต่ก็มีคนอื่นๆที่หลงเหมือนกันนา ก็พอๆกันแหละ) อาหารเช้าที่นี่ก็เยอะดี เป็นแบบ continental แต่ไม่เยอะเท่าที่มาดริด ขนมปังกับแฮมมากมายเหมือนเดิม มีไข่คน ผลไม้ และเค้าจะมีชาให้เลือกเป็นกองๆ เยอะมาก แต่เป็นยี่ห้อลิปตันทั้งหมด ก็แปลกดี ลองมันให้หมด สรุปว่าชาเขียว ชาจีนที่เราดื่มประจำเนี่ยอร่อยที่สุดแล้ว

9.00 น. รวมพล ขึ้นรถไปเที่ยวบ้านเด็กสามคน (ยังจำกันได้ป่าว ที่เล่าไปตอนที่แล้วน่ะ) ก็ไม่ไกลจากโบสถ์เท่าไหร่ นั่งรถไปแป๊ปเดียวเอง เข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ ถนนแคบมากๆๆๆ รถทัวร์เข้าได้ไงไม่รู้ ตา Mariano คนขับของเรานี่เก่งจริงๆ

ที่แรกที่เราแวะไปก็คือบ้านของฟรังซิสโกและยาชินธา (สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน) บ้านนี้เป็นบ้านชั้นเดียวเล็กๆ มีห้องใต้ดินด้วย เข้าไปปุ๊ปก็เจอชายสูงอายุคนหนึ่งยืนต้อนรับอยู่ เค้าแนะนำตัวว่าเค้าเป็นหลานของฟรังซิสโก (คนนี้พูดอังกฤษได้!!!) เขาเป็นลูกชายของญาติฟรังซิสโกและยาชินธาอีกที เพราะเด็กสองคนนี้ป่วยตายตั้งแต่อายุยังน้อย  ปีนี้อายุ 80 แล้ว แต่หน้าตายังสดใสอยู่เลย ในบ้านเค้าก็จะกั้นห้องของฟรังซิสโกและยาชินธาไว้ให้คงสภาพเดิม ห้องนอนจะเล็กๆ มีห้องครัว ห้องเก็บของ เข้าไปถ่ายรูปได้ตามสะดวก

จากนั้นก็เดินออกมาเพื่อไปบ้านของลูชีอาต่อ แต่ระหว่างทางดั๊นนน มีร้านขายของที่ระลึกของฝากตรึมเลย มีหรือคนไทยจะไม่แวะ เป็นไปไม่ได้ค่ะ นำทีมโดยครูเป๋งเลย เสียตังค์กันเรียบร้อย ได้ผ้าห่มมาคนละผืนสองผืน (อุ่นมากๆ) มัวแต่ชอปปิ้งเพลินจนคุณไกด์ต้องมาตามบอกให้ไปได้แล้วถึงจะยอมไปกัน

และแล้วเราก็มาถึงบ้านเกิดของลูซีอา หรือต่อมาได้บวชเป็นซิสเตอร์ลูซีอา ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2005 ขณะมีอายุได้ 97 ปี บ้านของลูซีอาก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเหมือนกันโดยพยายามทำให้ทุกอย่างคงไว้ซึ่งสภาพเดิม มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆที่จัดแสดงข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวกับเหตุการณ์แม่พระประจักษ์ แล้วก็ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับนักท่องเที่ยว อ้อ แล้วก็ที่นี่เลี้ยงแกะไว้ด้วย เห็นมีคนพยายามจะสื่อสารกับแกะแต่โดนมันเมิน สะบัดก้นให้เลย เหอๆ  : xemo016 :

ลึกเข้าไปภายในบริเวณบ้านของลูซีอาจะเป็นแปลงผักสวนครัว แล้วก็มีบ่อน้ำเล็กๆอยู่บ่อนึง ที่รอบบ่อนี้จะมีรูปปั้นของเด็กทั้งสามและเทวดาที่มาแจ้งข่าวสารให้แก่เด็กๆ เท้าความให้นิดนึงละกัน ก่อนที่แม่พระจะมาประจักษ์ให้เด็กๆ เทวดาได้มาแจ้งข่าวให้เด็กทั้งสามถึงสามครั้ง และที่ๆเราไปนั้นก็เป็นสถานที่ที่เทวดามาปรากฎตัวเป็นครั้งที่สอง รูปปั้นทั้งหมดได้ถูกสร้างไว้ในตำแหน่งเดียวกับที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์ประจักษ์ในอดีต บ่อน้ำนี้ดื่มได้นะ ก็เย็นดี ดื่มเอาบุญคนละนิดละหน่อย จากนั้นก็ขึ้นรถเพื่อไปช้อปศาสนภัณฑ์ต่อที่โรงงาน

ไปถึงโรงงาน มีการแจกบัตรกันเล็กน้อย เอาไว้ทำ Tax refund ตอนก่อนกลับ ที่ยุโรปถ้าเราซื้อของเค้าเกิน 150 ยูโร (ถ้าจำไม่ผิด) เค้าจะให้เราทำเรื่องขอคืนภาษีได้ ก็จะได้เป็นเงินกลับมา เค้าให้เวลาเดินดูของในโรงงานประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ดูกันให้มันเลย เกิดมาไม่เคยเห็นรูปพระ สายประคำ และผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับศาสนาเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ของฝากอื่นๆก็มีนะ พวกสินค้ารูปไก่จะเยอะมาก เพราะว่าเป็นสัญลักษณ์ประเทศโปรตุเกส (จริงๆก็ซื้อจากที่นี่เกือบหมดแหละ) ตั้งใจจะไปหาซื้อรูปปั้นนักบุญเทเรซา นักบุญอุปถัมป์ของเราเอง ที่เหลือก็เป็นของฝาก เดินอยู่นานมากๆ ของที่ถูกใจมีเยอะ แต่สู้ราคาไม่ไหวค่ะ เลยต้องใช้เวลาเลือกอยู่นานพอสมควร

เสร็จปุ๊ปเค้าก็มีบริการห่อให้เรียบร้อย ตอนเราเลือกมาก็หยิบอย่างทะนุถนอม แต่พอเอาไปห่อ นี่เจ๊แกมาถึง โยนๆๆ แล้วมันจะเหลือเรอะ ชั้นอุตส่าห์.....  : xemo023 : แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างปลอดภัยไม่แตก สงสัยเค้าจะโปรด้านนี้แฮะ
จากนั้นเราก็กลับมารอที่รถ รอจนจะหลับก็ยังมาไม่ครบ ขาดขาช้อปบันลือโลกอีกสองท่านยังไม่มา หนึ่งในนั้นคือครูเป๋ง ส่วนอีกคน...ยกตำแหน่งแชมป์ให้สำหรับวันนี้ คุณพ่อศักดิ์ชัยเอาไปเลย ช้อปกระจายมั่กมาก

13.00 น. ข้าวกลางวันๆ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นอาหารจีนแบบเซี่ยงไฮ้ (ม่ายล่ายเลื่อง กินที่เมืองไทยอร่อยกว่าเยอะ) แต่เนื่องจากหิวมากก็ยัดๆมันเข้าไปนะ รวมๆแล้วก็หลายจานอยู่ เพื่อพลังงานค่ะ

จากนั้นเราก็กลับโรงแรมกัน เป็นเวลาอิสระให้เที่ยวเล่นในเมืองได้ตามสบาย อยากไปไหนก็ไป ใครเหนื่อยก็นอนเอาแรง (คุณพี่ชายสลบไปเรียบร้อย) จริงๆก็อยากนอนนะ ก็เมื่อคืนนอนแค่ 3 ชั่วโมงเองอะ แต่ว่าไหนๆก็ได้มาแล้วก็ต้องใช้เวลาให้คุ้ม เรากับน้องก็เลยออกไปเดินเล่นดูร้านต่างๆในย่านการค้าแถวนั้นแหละ ไปดูแล้วถึงได้รู้ (ให้เจ็บใจเล่นๆ) ว่าของแถวนี้มันขายถูกกว่าในโรงงานอีก!!! แต่ช่างเถอะ ซื้อแล้วก็แล้วไป ทำเป็นไม่เห็นราคา ฮือๆ น้องแจนได้สร้อยมาหนึ่งเส้นพร้อมกางเขนสีทองอันเบ้อเร่อเลย สวยดี เราก็ว่าจะหาซื้อเหมือนกันแต่มันไม่มีถูกใจ เลยไว้ไปดูที่ลูร์ดดีกว่า มีชัวร์

สรุปก็ได้ของเพิ่มอีกนิดๆหน่อยๆ ได้แว่นกันแดดมาหนึ่งอัน เกือบโดนคนขายด่าถ้าไม่ซื้อเพราะว่าไปลองของเค้าเกือบทั้งร้าน เหอๆ คือแดดเมืองนอกมันแรงสะใจมาก เวลานั่งอยู่บนรถมองออกไปทีจะแสบตามาก เดินสวนกับฝรั่งคนไหนเค้าก็ใส่แว่นกันแดดทุกคนเลย

ไปซุปเป้อร์ (เก่า โทรม และหายากมากกว่าจะเจอ) แบกน้ำออกมาอีกหนึ่งขวดใหญ่พร้อมเสบียง ลืมบอกไปว่าไปไหนเราก็ต้องแวะซื้อน้ำเปล่าเพราะว่าวันๆเรากินน้ำเปลืองมาก (ทำให้ผิวสวยนะ ขอบอก  : emo038 :) ไอ้น้ำนี่มันก็น้ากหนักเลยจะกลับโรงแรมแต่คุณแจนเกิดอยากจะเดินดูห้างในฟาติมา ก็เออ เดินก็ได้วะ ผลัดกันถือละกันนะ สรุปเข้าไปก็ไม่ได้อะไรหรอก ของแพงสุดชีวิต กลับมาเดินแพลตทินั่ม เจเจ คุ้มกว่าเยอะค่ะ

แล้วเราก็กลับโรงแรมกันจริงๆซะทีตอนประมาณใกล้ๆสี่โมง ตอนแรกก็ว่าจะนอน แต่พอเอาจริงๆก็นั่งเล่น DS อะนะ ตอนเช้าถ่ายรูปไปเยอะมากเลยถือโอกาสชาร์จซะเลย จะได้ไว้ลุยช่วงเย็นอีก ระหว่างนี้ก็ผลัดกันเข้าคิวอาบน้ำ ไม่งั้นเดี๋ยวเหมือนเมื่อวาน กว่าจะเลิกก็ดึกมาก กลับมาจะได้นอนเลย

18.00 น. เรานัดรวมพลกันที่รถเพื่อจะไปกินข้าวเย็นกันที่ A Trempe Restaurant แต่รอจนเกือบหกโมงครึ่งโน่นแน่ะกว่าจะมากันครบ อีตา Mariano หงุดหงิดมากๆๆ เพราะว่าฝรั่งเค้าจะตรงเวลา แต่นี่ทัวร์คนไทยนาเฟ้ย หยวนๆหน่อยไม่ได้เหรอ ตอนแรกคุณไกด์ขอให้แวะโรงงานอีกรอบนึงก่อนไปกินข้าว เพราะว่าคุณพ่อศักดิ์ชัยลืมของที่ซื้อมาไว้ทั้งถุงเลย ถ้าเราแวะไปก่อนโรงงานก็ยังไม่ปิด แต่นี่ไม่ค่ะ คุณมารีแอ๊นโนแกกำลังของขึ้น ขับซิ่งสุดชีวิต ไม่ว้งไม่แวะที่ไหนทั้งนั้นแหละ ชั้นตรงไปเลยที่ร้านเลย นั่งกันแบบเสียวสุดๆอะ เลี้ยวทีแทบคว่ำ แต่เอาเป็นว่าเราก็ไปถึงร้านโดยอวัยวะทุกส่วนยังอยู่ที่เดิมนะ

ร้านอาหารวันนี้เป็นร้านเล็กๆตั้งอยู่บนเนินเขา คาดว่าทำฟาร์มเพาะพันธ์หมาด้วย มีน้องหมาอยู่ตรึมเลย ไม่ได้ไว้กินนะ บอกไว้ก่อน เค้าจะให้เรานั่งโต๊ะละ 4 คน อาหารจานแรกเป็นซุปอะไรซักอย่าง กินเข้าไปก็ยังบอกไม่ได้ ไม่รู้ฟักทองรึปล่าวแต่ไม่น่าจะใช่ ไปดูรูปแล้วคิดเอาเองละกัน และแล้วจานหลักของเราก็มา ที่นี่เค้าจะนิยมยกมาเป็นจานใหญ่ๆแล้วตักแจกนะ ก็จะมีข้าวผัดเนย มันฝรั่ง แล้วก็เนื้อราดด้วยซอสเห็ด อร่อยดี เติมไม่อั้น เวลาขอเติมนี่เจ้าของร้านเค้าจะดีใจมากๆ ดี๊ด๊าสุดๆ ของชั้นอร่อย  : emo027 : แต่บางคนกินเนื้อไม่ได้ ทางร้านเค้าจะจัดเป็นปลาให้แทน บางคนเจอแจ๊คพอตได้เนื้อส่วนไหนไม่รู้เหนียวมาก แต่เราไม่เจอ อิอิ ของหวานวันนี้เป็นฟรุ้ตสลัดค่ะ

อิ่มแล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างทางผ่านอนุเสาวรีย์เด็กสามคน มีอาทิตย์อัสดงเป็นฉากหลัง กำลังสวยเลย ได้ภาพงามๆอีกแล้ว  : emo045 : คราวนี้ตา Mariano อิ่มแล้ว อารมณ์ดีเลยยอมขับไปโรงงานให้ แต่โรงงานมันปิดแล้วจะทำไงได้ เปิดอีกทีพรุ่งนี้เราก็ไปไกลแล้ว เลยโทรไปขอให้เค้าส่งไปรอไว้ที่ฝรั่งเศสเลย

20.30 น. กลับถึงโรงแรม เค้าให้เวลาเตรียมตัวก่อนนัดกันอีกทีตอนสามทุ่มสิบห้า วันนี้คนไทยได้รับเกียรติให้แบกบุษบกแม่พระด้วย ก็เป็นชายหนุ่มแข็งแรง ความสูงไล่เลี่ยกัน 4 ท่าน (คุณหาญชัย พี่ตูน พี่สุธรรม คุณปรีชา)
แล้วก็มีตัวแทนของเราหนึ่งท่านไปก่อสวดบทวันทามารีอาเป็นภาษาไทยบนพระแท่นในวัดน้อยแม่พระประจักษ์ คนๆนั้นก็คือครูเป๋งนั่นเองค่า ในระหว่างนี้เรากับพี่ก็เลยถือโอกาสไปสำรวจข้างในวิหารหลักก่อนจะไม่มีเวลาได้ไปอีก ข้างในอลังการมาก บริเวณพระแท่นที่บูชางามสุดๆ ให้ความรู้สึกมีเหมือนมีมนต์ขลัง มีออร์แกนตัวใหญ่ยักษ์อยู่เหนือประตูทางเข้า ยาวตั้งแต่กำแพงฝั่งซ้ายมาจนสุดฝั่งขวาเลย เข้าไปนี่ต้องเงียบและสำรวมนะ พอเดินไปใกล้ๆพระแท่นด้านหน้า ฝั่งขวาจะมีหลุมศพของฟรังซิสโก ฝั่งซ้ายจะเป็นยาชินธาและซิสเตอร์ลูซีอา มีคนเอาดอกไม้มาเคารพเต็มเลย

21.00 น. ออกมาด้านนอกวิหาร พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว ท้องฟ้าเป็นสีชมพูสวยเชียว ไม่ลืมเก็บภาพงามๆเช่นเคยค่ะ ตัวแทนทั้งหลายก็รีบไปเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า เราก็ออกมายืนแบกกล้องของตัวเองกับกล้องไอ้อ้วนของคุณพี่ (หนักมากกก) ไหนจะผ้าห่มอีก แบบว่ากลางคืนมันหนาว กลายเป็นบ้าหอบฟางไปเลย เออใช่ มีโคมที่ใช้ในพิธีอีกอันด้วย ขาแข็งไปเลย

21.30 น. ได้เวลาเริ่มพิธี ผู้คนมาออกันแน่นขนัดอยู่ที่วัดน้อยแม่พระประจักษ์ และเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีที่นั่งอีกเช่นเคย เพราะว่าเอ๊าะๆอย่างเราๆถึงจะมีที่ก็ต้องเสียสละให้คนแก่นั่งอะนะ อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้หลบลมหนาวอยู่ข้างใน พิธีก็ดำเนินไปจนถึงช่วงสวดสายประคำนานาชาติ โดยจะเริ่มจากภาษาโปรตุเกส สเปน อิตาลี แล้วก็มาถึง "Tailandia" ประเทศไทยของเรานี่เอง ครูเป๋งผู้กล้าหาญของเราก็ได้ฤกษ์ขึ้นไปก่อบทวันทามารีอาแล้ว น่าแปลกมากที่ปกติครูเป๋งผู้มีเสียงดังฟังชัดกลับพูดจาได้สงบเสงียมผิดวิสัยมาก สงสัยจะตื่นเต้นจัด บทวันทามารีอาบทแรกเลยหายไปท่อนนึง  : xemo017 : แต่ไม่เป็นไร ฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องหรอก เค้าก็แค่งงๆว่าชั้นจะรับตรงไหนดีเนี่ย และแล้ววันทามารีอาห้าบทก็ผ่านไปด้วยดี ฝรั่งเศสก็มารับช่วงต่ออีกห้าบทที่เหลือ

จากนั้นก็ได้เวลาแห่แม่พระ เหล่าผู้ชายแข็งแรงนานาชาติก็ทยอยกันออกมาในชุดเต็มยศ เค้าจะให้ผลัดกันแบกบุษบกแม่พระทีละ 4 คน ก็แบกไปตามขบวนแห่จนกว่าจะไม่ไหวแล้วชุดต่อไปก็จะมารับช่วงต่อ จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดคิวให้ตลอด ถ่ายวีดีโอมาด้วยล่ะ เสียดายว่าเอาขึ้นเวปไม่ได้ ไม่งั้นก็คงได้ดูกัน

หนุ่มๆตัวแทนคนไทยของเราโชคดีมากได้แบกตอนช่วงเป็นทางตรงและพื้นราบพอดี ขออธิบายก่อนจะงง คือเราจะเดินแห่แม่พระออกจากวัดน้อยไปวนรอบลานกว้าง(ใหญ่ไพศาล)แล้วก็กลับมาจบที่วัดน้อย ทางก็จะมีทั้งทางตรง ทางโค้ง พื้นราบ แล้วก็เนินเตี้ยๆ บรรยากาศมีมนต์ขลังอีกแล้ว ผู้คนถือโคมที่จุดไฟสว่างไสวเดินไปรอบๆลานพร้อมกับร้องเพลงสรรเสริญพระแม่มารี อาเว มารีอา 

พอเสร็จพิธี พวกหนุ่มๆเล่าให้ฟังว่าบุษบกแม่พระหนักมาก ต้องใช้ความพยายามและพละกำลังอย่างสูงในการแบกโดยให้น้ำหนักของบุษบกถ่ายเทแบบสมดุลกันเพื่อจะได้ไม่ล้ม ทำเอาปวดไหล่ไปตามๆกัน แต่ในชีวิตหนึ่งเราจะได้รับเกียรติแบบนั้นซักกี่ครั้งกัน ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ามาก นอนหลับฝันดีกันเป็นแถว 

23.30 น. คืนนี้พิธีค่อนข้างจะเร็วกว่าเมื่อวาน ห้าทุ่มครึ่งก็เลิกแล้ว ส่วนใหญ่พวกเราก็ทยอยแยกย้ายกันกลับที่พัก บางคนก็ไปสวดต่อในวิหารหลัก แล้วแต่ศรัทธาและความฟิต เราก็ง่วงแล้ว (เมื่อคืนนอน 3 ชั่วโมง ไม่นอนกลางวันด้วย อย่าลืม!) ก็เดินกลับห้องเหมือนกัน ก่อนจะขึ้นห้องเค้าก็เรียกมารวมพลถ่ายรูปแก็งค์ผ้าห่มกันซะหน่อย (ที่ไปซื้อกันมาตอนกลางวันจากในหมู่บ้านน่ะ)

ส่วนคุณพี่คุณน้องผู้ได้นอนชาร์จไปแล้วเมื่อตอนเย็นขอออกไปเล่นเนทคาเฟ่กัน ครึ่งชั่วโมงมันคิดเท่าไหร่ไม่รู้ แต่จำได้ว่าแพง กลับมาเห็นบอกว่าบรรยากาศน่ากลัวมาก เนทคาเฟ่อยู่ได้ดิน ต้องเดินเข้าไปในที่ๆเหมือนผับ ผ่านโต๊ะสนุ้กเก้อร์ ลงไปใต้ดินถึงจะเจอร้านเนท มีแต่ควันบุหรี่ ฝรั่งมันสูบกันเป็นว่าเล่นเลย ไปไหนก็เจอ กลับมาคุณหนูแจนร่าเริงสุดๆ ได้อัพเดทข่าวสาร(เรื่องดารา)แล้วเสมือนได้น้ำทิพย์หล่อเลี้ยงจิตใจ นี่ไม่ได้เว่อร์นะ ไม่งั้นคงลงแดงแน่ๆ

เอาล่ะ เม้าธ์กันพอแล้วคืนนี้เราก็พอแค่นี้ล่ะ ชาร์จกล้อง ชาร์จ DS แจนชาร์จ iPod (ปลั๊กก็มีอยู่อันเดียว แบ่งกันได้ไงไม่รู้) สรุปก็นอนกันประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ตีหนึ่ง ราวๆนี้แหละ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^-^

ไว้มาต่อกันคราวหน้านะ พรุ่งนี้เราจะกลับเข้าไปสเปน ไปเมือง Burgos กัน (อ่านว่า "บูโก๊ส") เมืองบ้านเกิดของวีรบุรุษ El Cid ผู้กล้าผู้ขับไล่แขกมัวร์ออกจากเมือง Valencia


เนื่องจากว่ารูปมันเยอะมากเลยต้องแบ่งเป็นเช้าบ่ายจะได้ลดภาระการโหลดนะคะ

ดูรูปช่วงเช้าได้ที่นี่จ้า
http://picasaweb.google.com/kazekay01/FatimaJune1Morning

ส่วนนี่เป็นรูปช่วงบ่ายถึงกลางคืนนะ
http://picasaweb.google.com/kazekay01/FatimaJune1Evening
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 4:49 pm

จำได้ว่าแถวบ้านลูซีอามีขายสินค้าจากขนแกะมากมาย ตอนไปไม่ได้ซื้อกลับมาเลย ตอนนี้เกิดอยากได้มาก แย่จัง
ตอบกลับโพส