วิญญาณ ไฟชำระ คือ
หลักการของพี่วินออกเเนวศาสนาอื่นไปหน่อยนะคะ เช่นพวก กายทิพย์ ถอดวิญญาณออกจากร่าง ฯลฯ
โปรดระวังเรื่องความเชื่อนิดนึงค่ะ
โปรดระวังเรื่องความเชื่อนิดนึงค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ พุธ ม.ค. 30, 2008 12:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
ไอซ์บอกพี่วินแล้วว่าไม่ช่ายก็ไม่ช่าย ไอซ์บอกว่าวิณณาญในไฟชำระ พี่วินก็บอกว่าวิญญาณไฟชำระ งงเลย เซ็งๆๆๆๆๆๆๆ พี่วินดื้อด้าน ๆๆๆๆๆ
คุยเรื่องนี่ตั้งแต่เมื่อคืน กลัวซ์ทั้งคืนเลย !!!!
คุยเรื่องนี่ตั้งแต่เมื่อคืน กลัวซ์ทั้งคืนเลย !!!!
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
Nativity เขียน: ผมขอเเต่งตั้งตัวเองเป็นนักปราชญ์คาทอลิก : emo107 :
โอ๋ๆๆๆ วิน ใจเย็นนะ
เราบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้กินยาตรงเวลาและก็เขย่าขวดด้วยอ่ะ
วิญญาณไฟชำระคือ วิญญาณที่ต้องใช้โทษบาปอยู่ในไฟชำระ และระยะเวลาที่อยู่ในไฟชำระก็ขึ้นอยู่กับบาปที่เราทำไว้ในโลก และยังมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์เรานั่นเอง วิญญาณเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการขึ้นสวรรค์หรือลงนรก วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถสวดภาวนาให้กับตัวเองได้ ดังนั้นต้องเป็นหน้าที่ของเราที่จะสวดให้พวกเขา เช่นกันเมื่อเราสวดให้พวกเขาแล้ว เขาก็จะสวดอ้อนวอนพระเจ้าให้กับพวกเราบนโลก
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
คำสอนคาทอลิก : ไฟชำระ นรก สวรรค์ อาณาจักรของพระเป็นเจ้า
คุณพ่อโรแบต์ กอสเต
ไฟชำระ
เมื่อมนุษย์เผชิญกับความตาย ที่เป็นปัญหาอันลึกลับสำหรับตน มีหลายคนรู้สึกว่าตนมีมลทินอยู่ และต้องการรับการชำระตัวให้สะอาด เพราะเหตุนั้น ในหลายศาสนามีการทำบุญ การบวงสรวง มีคาถาพิธีภาวนาอ้อนวอนเทพเจ้า ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตก็พยายามชำระจิตใจด้วยการบำเพ็ญตบะ ตั้งสมาธิ วิปัสสนา เป็นการเตรียมตัวเผชิญความตาย คริสตชนเข้ าใจว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปลูกฝังความปรารถนาถึงความบริสุทธิ์ใจนั้น เขายังยอมรับว่าความรักของตนต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นการสนองตอบต่อพระเมตตาของพระองค์ "ไฟชำระ" ที่คริสตชนเชื่อ ไม่ได้เป็นเวลาหรือสถานที่ที่เขาจะชำระตัวเมื่อตายแล้วก่อนเข้าสวรรค์ แต่หมายถึง สภาวะจิตใจของมนุษย์ที่ความรักของพระผู้เป็นเจ้าทรงเผาทำลายอุปสรรคก่อนบรรลุความสุขในการร่วมชีวิตกับพระองค์ ดังนั้น ไฟชำระบ่งถึงการทรมานอย่างหนึ่งที่มาจากความรัก ผู้ล่วงลับบางคนเสียใจที่ตนยังไม่พร้อมเพื่อรับพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า เขาหวั งจะได้รับความช่วยเหลือจากคำภาวนาของเพื่อนคริสตชน เพื่อจะได้พ้นจากโทษของบาปที่ตนได้กระทำ จะได้ไปร่วมชีวิตกับพระเป็นเจ้า
1. ไฟชำระคืออะไร?
สถานที่และสภาพแห่งการลงโทษชั่วคราวในโลกหน้า
ส่วนนรกเป็นสถานที่แห่งการลงโทษตลอดไปหรือชั่วนิรันดร
2. คำว่า "ไฟชำระ" หมายถึงอะไร?
หมายถึง "การชำระ" (หรือ "การทำให้บริสุทธิ์") ไฟชำระเป็นสถานที่ ที่ซึ่งวิญญาณถูกชำระให้บริสุทธิ์ปราศจากบาปเบา ที่ยังไม่ได้รับการอภัย หรือหนี้ของบาป ที่ได้รับการอภัยแล้ว แต่ยังไม่ได้ชดใช้อย่างครบบริบูรณ์
"ถ้าใครที่ไม่ได้อยู่ในเรา เขาจะถูกตัดเหมือนกิ่งไม้ ปล่อยให้เหี่ยวแห้งอับเฉา และถูกโยนเข้ากองไฟให้เผาไหม้" (John 15:6)
3. ท่านรู้ได้อย่างไรว่า มีไฟชำระ?
การเฝ้าอบรมสั่งสอนการปฏิบัติศาสนาของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยอาศัยพระวรสารและขนบธรรมเนียม รวมทั้ง สามัญสำนึกด้วย พิสูจน์ว่า ไฟชำระมีจริง
4. สามัญสำนึกบอกว่า ไฟชำระมีจริง ได้อย่างไร
คนที่มีบาปหนักตกนรก และไม่มีใครเข้าสวรรค์ โดยมีบาปแม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น ในโลกหน้าจะต้องมีสถานที่แห่งหนึ่ง สำหรับลบล้างบาปเล็กๆน้อยๆออกจากวิญญาณ
5. ใครจะไปอยู่ในไฟชำระ?
คนที่ตายด้วยพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร แต่มีเพียงบาปเบาในวิญญาณ หรือ ผู้ที่ยังไม่ได้ใช้โทษบาป อย่างบริบูรณ์ สำหรับบาปที่ได้รับอภัยแล้ว
6. "โทษบาป" หมายถึงอะไร?
หมายความว่า ถึงแม้พระเป็นเจ้าได้ให้อภัยบาปของท่านแล้ว พระองค์ยังต้องการให้ท่านชดเชยบาป ในชีวิตนี้หรือชีวิตหน้า
ยกตัวอย่าง: เด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นบอลอยู่บนสนามหญ้า บังเอิญลูกบอลของเขาลอยไปกระทบหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก เขาเข้าไปบอกหญิงเจ้าของบ้านว่า เขาขอโทษ แล้วเธอได้ให้อภัยเขา แต่เธอบอกเขาว่า เขาจะต้องจ่ายค่าเสียหาย ที่ได้ทำหน้าต่างบานนั้นแตก
7. ท่านเจ็บปวดทรมานในไฟชำระหรือ?
ใช่ นอกจากไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นพระพักตร์ของพระเป็นเจ้าแล้ว ในไฟชำระวิญญาณเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
นักบุญออกัสตินกล่าวว่า: "ในไฟชำระ พระเพลิงน่ากลัวยิ่งกว่าการเจ็บปวดทรมานทั้งหมดของมนุษย์ในชีวิตนี้"
8. ท่านจะต้องทรมานอยู่ในไฟชำระนานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับจำนวนและความหนักเบาของโทษบาปที่จะต้องชดเชย
"วิญญาณข้าพเจ้ากระหายหาพระเจ้า ผู้ทรงชีวิตและพระฤทธานุภาพ เมื่อไรข้าพเจ้าจะปรากฎตัวต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์" (Psalm 41:3)
9. เมื่อท่านออกจากไฟชำระ ท่านจะไปอยู่ที่แห่งไหน?
ท่านจะไปอยู่ในสวรรค์ เชยชมพระพักตร์ของพระเป็นเจ้า และมีความสุขในพระองค์ชั่วนิรันดร
"อาแมน เราบอกท่านว่า ท่านจะไม่ออกจากที่นั่น จนกว่าท่านได้ชดใช้ทุกบาททุกสตางค์"
(Matthew 5:26)
10. ไฟชำระจะมีวันสิ้นสุดไหม?
มี ในวันสิ้นพิภพ หลังจากนั้น ท่านจะไปอยู่ในสวรรค์หรือนรกชั่วนิรันดร
11. ท่านจะช่วยวิญญาณในไฟชำระได้ไหม?
ได้ ท่านสามารถช่วยลดเวลาของวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ โดยการขอมิสซาให้ การสวดภาวนาอุทิศให้ และการทำกิจศรัทธาแผ่บุญกุศลไปให้
"ท่านผู้เป็นมิตรของข้าพเจ้า กรุณาสงสารข้าพเจ้า, กรุณาสงสารข้าพเจ้า, เพราะพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าได้ทรงสัมผัสข้าพเจ้า" (Job 19:21)
12. พระวรสารพูดถึงการสวดภาวนาอุทิศให้ผู้ตายหรือ?
ใช่ เราได้อ่านแล้วว่า ยูดาส มาคาบีอูส "ได้ส่งเงินดราชมาส หนึ่งหมื่นสองพันเหรียญเงิน ไปยังพระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม สำหรับถวายเครื่องบูชาแด่พระเป็นเจ้า เพื่อชดเชยบาปของผู้ตาย" (2 Machabees 12:43)
13. ท่านจะหลีกเลี่ยงไฟชำระได้อย่างไร?
อย่าทำแม้แต่ความผิดเล็กๆน้อยๆ ทำกิจใช้โทษบาปสำหรับบาปที่ได้รับอภัยแล้ว ทำพระคุณการุญ และรับศีลเจิมคนป่วย (ดูบทที่ 26)
ข้อควรสังเกตุและฝึกหัด
1. วันระลึกถึงวิญญาณของผู้ที่ได้จากไป เป็นวันที่พระศาสนาจักรได้สถาปนาขึ้น เพื่อขอคำภาวนาพิเศษและมิสซาสำหรับวิญญาณทั้งมวลที่อยู่ในไฟชำระ ทุกปีเราฉลองวันนี้ในวันที่ 2 พฤศจิกายน
2. วิญญาณในไฟชำระไม่สามารถช่วยตัวเอง เราควรช่วยวิญญาณเหล่านั้น โดยคำภาวนา การพลี กรรม และกิจกุศลของเรา แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาทั้งหลายได้รับการปลดปล่อยออกจากไฟชำระแล้ว เขาทั้งหลายจะไม่ลืมบุญคุณของเราเป็นอันขาด และจะสวดขอพระเป็นเจ้าเพื่อเรา
3. เราเรียก วิญญาณในไฟชำระ ว่า วิญญาณน่าสงสาร
บทความเสริมความรู้
เชิญอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไฟชำระ ข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก ซึ่งคัดมาจากหนังสือ "Purgatory explained by the lives and legends of the saints" เขียนโดยคุณพ่อ F.X. Schouppe, S.J. พิมพ์จำหน่ายไปแล้วประมาณสี่แสนเล่ม
(1) ไฟชำระตามแผนการของพระเป็นเจ้า
(2) การสวดภาวนาให้ผู้ตาย ความกลัวและความวางใจ
(3) ความหมายของคำว่าไฟชำระตามข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก
(4) การคำนวณระยะเวลาที่เราจะต้องอยู่ในไฟชำระ และ
(5) บทเทศน์ในมิสซาเรื่องไฟชำระ ของนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนนีย์องค์อุปถัมภ์พระสงฆ์ชุมพาบาล
(1) ไฟชำระตามแผนการของพระเป็นเจ้า
ไฟชำระเป็นสถานที่สำคัญในพระศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของ พระเยซูคริสตเจ้า และมีบทบาทสำคัญในการกอบกู้วิญญาณมนุษย์
เราคงจำได้ พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พระศาสนจักรที่ยังต้องต่อสู้ พระศาสนจักรที่มีชัย และพระศาสนจักรที่ยังต้องทนทุกข์ หรือไฟชำระนั่นเอง
พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนรวมกันเป็นพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า วิญญาณในไฟชำระ ไม่ใช่เป็นเ พียงอวัยวะส่วนหนึ่งของพระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นคริสตชนผู้มีความเชื่อในโลกและผู้ได้รับการเลือกสรรค์ในสวรรค์ พระคัมภีร์เรียกพระศาสนจักรง่ายๆว่า พระอาณาจักรสวรรค์ ไฟชำระเป็นแขวงหนึ่งของพระอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้
พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไม่ขาดสาย สื่อสารติดต่อกันและกันอย่างต่อเนื่อง เราเรียกว่า สหพันธ์นักบุญ จุดมุ่งหมายคือการนำวิญญาณไปสู่ความรุ่งเรืองชั่วนิรันดร ซึ่งเป็นความปรารถนาของผู้ได้รับกา รเลือกสรรค์ พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนเกื้อกูลกัน และกันตลอดเวลา เพื่อช่วยมนุษย์เอาวิญญาณรอดไปสวรรค์ ซึ่งเป็นเมืองมั่นคงถาวร หรือเมือง เยรูซาเล็มที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองชั่วนิรันดร
เราสมาชิกของพระศาสนจักรที่ยังต้องต่อสู้จะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อช่วยวิญญาณที่ติดอยู่ในไฟชำระ? เรามีหน้าที่ต้องบรรเทาทุกข์วิญญาณเหล่านั้น พระเป็นเจ้าได้ประทานกุญแจสำหรับเปิดที่คุมขังแห่งนี้ในมือเรา กุญแจนั้นก็ คือการสวดภาวนาอุทิศให้ผู้ตาย และการเผยแพร่ความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระ
(2) การสวดภาวนาให้ผู้ตาย ความกลัวและความวางใจ
การสวดภาวนาสำหรับผู้ที่ได้จากไป การพลีกรรม และการทำกิจใช้โทษบาปแทน เป็นกิจศรัทธาที่คริสตชนอุทิศให้กับวิญญาณในไฟชำระ ความศรัทธาต่อวิญญาณเหล่านั้นเป็นการดลใจของพระจิตเจ้าให้เกิดความเมตตาสงสา รในดวงใจของคริสตชนผู้มีความเชื่อ พระคัมภีร์บอกว่า: "เป็นความคิดศักดิ์สิทธิ์และถูกต้องที่เราสวดอุทิศให้ผู้ตาย เพื่อเขาทั้งหลายจะได้หลุดพ้นจากบาป"
ความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระจะสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยจิตแห่งความกลัวและจิตแห่งความวางใจ ความศักดิ์สิทธิ์ครบครันของพระเป็นเจ้าดลใจเราเกิดความกลัว และพระเมตตาซึ่งไม่มีขอบเขตของพระองค์ประทานแก่เราความวางใจ
พระเป็นเจ้าเป็นองค์ความศักดิ์สิทธิ์ ดั่งดวงอาทิตย์ทอแสง พระพักตร์ของพระองค์ไม่อาจทอดพระเนตรแม้แต่เงาของบาป ผู้ทำนายบอกว่า: "พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์ที่สุดและไม่สามารถทนเห็นบาปได้" เมื่อมนุษย์ทำบาป ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าเรียกร้องเขาให้ใช้โทษบาป เมื่อมนุษย์ต้องใช้โทษบาปตามพระยุติธรรมของพระองค์ มันเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้ พระคัมภีร์บอกว่า: "พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์และน่าหวาดกลัว" เหมือ นพูดว่า: "พระยุติธรรมของพระองค์ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ไม่มีขอบเขต"
พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าน่าหวาดกลัวยิ่งนัก พระองค์ลงโทษอย่างมหันต์แม้แต่บาปเบาๆ เหตุผลก็คือ ความผิดเหล่านี้เป็นบาปเล็กน้อยในสายตาของมนุษย์ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า บาปเล็กๆน้อยๆทำให้พระองค์เคืองพระทัยอย่างไม่มีขอบเขต เมื่อมนุษย์ทำผิดต่อความศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีขอบเขต ความผิดแ ม้แต่เพียงเล็กน้อยกลายเป็นโทษมหันต์ และเรียกร้องเขาให้ใช้โทษบาปอย่างแสนสาหัส นี่เป็นคำอธิบายถึงความเจ็บปวดอันน่ากลัวสยดสยองในชีวิตหน้า ขอให้ความจริงนี้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจของเรา และก่อให้เกิดความกลัวอย่างศักดิ์สิทธิ์ในวิญญาณเรา
การกลัวไฟชำระต้องเป็นความกลัวที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลก็คือ ความกลัวนี้ไม่เพียงเร้าใจเราเกิดความ เมตตาต่อวิญญ าณผู้น่าสงสารที่กำลังทุกข์ทรมาน แต่ต้องก่อให้เกิดการตื่นตัวอย่างร้อนรนในดวง ใจของเราที่จะดูแลเอาใจใส่วิญญาณของเราเองด้วย จงคิดถึงพระเพลิงในไฟชำระเสมอ แล้วท่าน จะหลีกเลี่ยงแม้แต่ความผิดเล็กๆน้อยๆ จงคิดถึงพระเพลิงในไฟชำระตลอดเวลา แล้วท่านจะประพฤติตัวของท่านเป็นที่สบพระทัยพระเป็นเจ้าในโลกนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องใช้โทษบาปอย่าง มหันต์ในโลกหน้า
อย่างไรก็ตาม เราต้องระมัดระวังอย่ากลัวมากเกินไปจนหมดความวางใจ อย่าลืมพระเมตตาของพระเป็นเจ้า ซึ่งไม่มีขอบเขตเช่นเดียวกับพระยุติธรรมของพระองค์ ผู้ทำนายพูดว่า: "พระเจ้าข้า พระเมตตาของพระองค์ใหญ่ยิ่งล้นฟ้า" และคนอื่นพูดว่า: "พระเป็นเจ้าทรงพระทัยดีและเมตตากรุณา ทรงอดทนและเปี่ยมด้วยพระเมตตา" พระเมตตาล้นพ้นนี้ควรสยบความกลัวอย่างที่สุดในดวงใจเราและเติมดวงใจเราให้เต็มไปด้วยความวางใจอย่างศักดิ์สิทธิ์ในพระองค์ ตามคำภาวนา: "โอ้ พระเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ โปรดอย่าให้อะไรก็ตามทำลายความวางใจของลูกในพระองค์"
เราต้องเร่าร้อนด้วยความรู้สึก 2 ประการนี้ ถ้าเราวางใจในพระเมตตาของพระเป็นเจ้าเท่ากับเรา กลัวพระยุติธรรมของพระองค์ เราก็จะมีความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระอย่างแท้จริง
ความรู้สึก 2 ประการนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากข้อความเชื่อเรื่องไฟชำระ เราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ความเชื่อที่บรรจุอยู่ในข้อลึกลับ 2 ประการ พระยุติธรรมและพระเมตตาของพระเป็นเจ้า พระยุติธรรมทรงลงโทษและพระเมต ตาทรงให้อภัย โดยแนวความคิด 2 อย่างนี้ท่านจะได้ฟังเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับไฟชำระจากปากของนักบุญและผู้ดำรงชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้
เชิญอ่าน "ความจริงเกี่ยวกับโลกหน้าที่ไม่มีใครเคยได้ยินหรือฟังมาก่อนโดยนักบุญ 4 องค์"
(3) ความหมายของคำว่าไฟชำระตามข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก
คำว่าไฟชำระหมายถึง สถานที่ หรือ ภาวะกึ่งกลางระหว่างนรกและสวรรค์ พูดอย่างถูกหลัก ไฟชำระหมายถึงสภาพของวิญญาณ ซึ่งขณะเข้าตรีทูตอยู่ในภาวะพระหรรษทาน แต่ยังไม่ได้ใช้ โทษบาปครบบริบูรณ์ หรือยังไม่สะอาดบริสุทธิ์พอที่จะได้เห็นพระพักตร์พระเป็นเจ้า
ไฟชำระเป็นภาวะชั่วคราวปิดประตูสู่ชีวิตที่มีความสุขชั่วนิรันดร เวลาแห่งการทดลองและการประ กอบบุญกุ ศลได้สิ้นสุดลงแล้ว เป็นภาวะแห่งการเป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำบาปและการใช้โทษบาป วิญญาณได้มาถึงจุดจบของชีวิตในโลกแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่มีอะไรแล้วนอกจากพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า มนุษย์สิ้นใจในขณะที่วิญญาณเขาอยู่ในพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร เขาจะได้รับชีวิตนิรันดร และเสวยสุขกับพระเป็นเจ้าในสวรรค์ เนื่องจากเขายังมีหนี้สินติดค้างอยู่ หรือการใช้โทษบาป เขามีภาระจะต้องชดใช้หนี้สินเหล่านั้นจนเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า นี่คือคำอธิบายความหมายสำคัญของคำว่า ไฟชำระ และสภาพของวิญญาณที่ติดอยู่ที่นั่น
พระศาสนจักรได้บัญญัติข้อความเชื่อ 2 ข้ออย่างชัดเจน ข้อ (1) ไฟชำระมีจริง และข้อ (2) วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระต้องได้รับความช่วยเหลือจากคริสตชนผู้มีความเชื่อด้วยการใช้โทษบาปแทน โดยเฉพาะ การขอมิสซาอุทิศให้ผู้ตาย
นอกจากความเชื่อ 2 ข้อนี้แล้ว ยังมีคำถามซึ่งพระศาสนจักรยังไม่ได้ตอบ คำถามเหล่านี้คือ (1) ตำแหน่งที่ตั้ง ของไฟชำระ (2) สภาพของการทรมาน (3) จำนวนของวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ (4) ระยะเวลาที่วิญญาณต้องทรมาน (5) วิธีที่ผู้เป็นช่วยเหลือหรือใช้โทษบาปแทนผู้ตาย
(4) การคำนวณระยะเวลาที่เราจะต้องอยู่ในไฟชำระ
ความเชื่อไม่ได้สอนเราว่าเราจะต้องทุกข์ทรมานอยู่ในไฟชำระนานเท่าใด เรารู้แต่เพียงว่าเราจะอยู่ที่นั่นนา นแค่ไหนขึ้นอยู่กับความหนักเบาของบาปที่เราได้ทำและยังไม่ได้ใช้โทษเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้าในโลกนี้ วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระได้รับการยกโทษบาปโดยอาศัยการขอมิซาให้และการใช้โทษบาปอื่นๆที่เราอุทิศให้
นักปราชญ์ของพระศาสนจักรลงความเห็นพ้องกันว่า เราต้องใช้โทษบาปในไฟชำระเป็นเวลานาน เบลลาไมน์บอกว่า: "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการใช้โทษบาปไม่ใช่แค่ 10 หรือ 20 ปีเท่านั้น ใน บางกรณีนานเป็นร้อยๆปี สมมุติเรา ต้องทนทุกข์เป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี เราจะถือว่าเป็น เรื่องเล็กน้อยได้หรือไม่ เราต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสโดยไม่มีความบรรเทาแม้แต่นิดเดียวเป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี? ถ้าคนหนึ่งแน่ใจเขาจะต้องเจ็บเท้า ปวดศีรษะ หรือปวดฟันเป็นเวลานานถึง 20 ปี โดยไม่มีการหลับนอนหรือการพักเลย เขาจะไม่ขอตายดีกว่ามีชีวิตทรมานในสภาพเช่นนั้นหรือ? ถ้าเขามีโอกาสเลือกระหว่างชีวิตที่แสนลำบากและชีวิตที่ต้องเสียเงินเสียทอง เขาจะไม่เลือกการเสียเงินเสี ยทอง เพื่อเขาจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นหรือ? เราจะไม่พยายามช่วยตัวเราหลุดพ้นจากการทรมานในไฟชำระหรือ? เรากลัวที่จะต้องทำกิจใช้โทษบาปที่แสนลำบาก เช่น อดอาหาร ทำบุญทำทาน ช่วยเหลือคนยากจนหรือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบากในชีวิต สวดภาวนายาวนาน หรือร้องไห้เป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำบาปหรือ?"
ข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซด์ Nakorn Rachasima catholic / เว็บไซด์ อิสระ[/b]
เครดิต http://www.catholic.or.th/article/arcti ... ti016.html
คุณพ่อโรแบต์ กอสเต
ไฟชำระ
เมื่อมนุษย์เผชิญกับความตาย ที่เป็นปัญหาอันลึกลับสำหรับตน มีหลายคนรู้สึกว่าตนมีมลทินอยู่ และต้องการรับการชำระตัวให้สะอาด เพราะเหตุนั้น ในหลายศาสนามีการทำบุญ การบวงสรวง มีคาถาพิธีภาวนาอ้อนวอนเทพเจ้า ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตก็พยายามชำระจิตใจด้วยการบำเพ็ญตบะ ตั้งสมาธิ วิปัสสนา เป็นการเตรียมตัวเผชิญความตาย คริสตชนเข้ าใจว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปลูกฝังความปรารถนาถึงความบริสุทธิ์ใจนั้น เขายังยอมรับว่าความรักของตนต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นการสนองตอบต่อพระเมตตาของพระองค์ "ไฟชำระ" ที่คริสตชนเชื่อ ไม่ได้เป็นเวลาหรือสถานที่ที่เขาจะชำระตัวเมื่อตายแล้วก่อนเข้าสวรรค์ แต่หมายถึง สภาวะจิตใจของมนุษย์ที่ความรักของพระผู้เป็นเจ้าทรงเผาทำลายอุปสรรคก่อนบรรลุความสุขในการร่วมชีวิตกับพระองค์ ดังนั้น ไฟชำระบ่งถึงการทรมานอย่างหนึ่งที่มาจากความรัก ผู้ล่วงลับบางคนเสียใจที่ตนยังไม่พร้อมเพื่อรับพระคุณของพระผู้เป็นเจ้า เขาหวั งจะได้รับความช่วยเหลือจากคำภาวนาของเพื่อนคริสตชน เพื่อจะได้พ้นจากโทษของบาปที่ตนได้กระทำ จะได้ไปร่วมชีวิตกับพระเป็นเจ้า
1. ไฟชำระคืออะไร?
สถานที่และสภาพแห่งการลงโทษชั่วคราวในโลกหน้า
ส่วนนรกเป็นสถานที่แห่งการลงโทษตลอดไปหรือชั่วนิรันดร
2. คำว่า "ไฟชำระ" หมายถึงอะไร?
หมายถึง "การชำระ" (หรือ "การทำให้บริสุทธิ์") ไฟชำระเป็นสถานที่ ที่ซึ่งวิญญาณถูกชำระให้บริสุทธิ์ปราศจากบาปเบา ที่ยังไม่ได้รับการอภัย หรือหนี้ของบาป ที่ได้รับการอภัยแล้ว แต่ยังไม่ได้ชดใช้อย่างครบบริบูรณ์
"ถ้าใครที่ไม่ได้อยู่ในเรา เขาจะถูกตัดเหมือนกิ่งไม้ ปล่อยให้เหี่ยวแห้งอับเฉา และถูกโยนเข้ากองไฟให้เผาไหม้" (John 15:6)
3. ท่านรู้ได้อย่างไรว่า มีไฟชำระ?
การเฝ้าอบรมสั่งสอนการปฏิบัติศาสนาของพระศาสนจักรคาทอลิก โดยอาศัยพระวรสารและขนบธรรมเนียม รวมทั้ง สามัญสำนึกด้วย พิสูจน์ว่า ไฟชำระมีจริง
4. สามัญสำนึกบอกว่า ไฟชำระมีจริง ได้อย่างไร
คนที่มีบาปหนักตกนรก และไม่มีใครเข้าสวรรค์ โดยมีบาปแม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น ในโลกหน้าจะต้องมีสถานที่แห่งหนึ่ง สำหรับลบล้างบาปเล็กๆน้อยๆออกจากวิญญาณ
5. ใครจะไปอยู่ในไฟชำระ?
คนที่ตายด้วยพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร แต่มีเพียงบาปเบาในวิญญาณ หรือ ผู้ที่ยังไม่ได้ใช้โทษบาป อย่างบริบูรณ์ สำหรับบาปที่ได้รับอภัยแล้ว
6. "โทษบาป" หมายถึงอะไร?
หมายความว่า ถึงแม้พระเป็นเจ้าได้ให้อภัยบาปของท่านแล้ว พระองค์ยังต้องการให้ท่านชดเชยบาป ในชีวิตนี้หรือชีวิตหน้า
ยกตัวอย่าง: เด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นบอลอยู่บนสนามหญ้า บังเอิญลูกบอลของเขาลอยไปกระทบหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก เขาเข้าไปบอกหญิงเจ้าของบ้านว่า เขาขอโทษ แล้วเธอได้ให้อภัยเขา แต่เธอบอกเขาว่า เขาจะต้องจ่ายค่าเสียหาย ที่ได้ทำหน้าต่างบานนั้นแตก
7. ท่านเจ็บปวดทรมานในไฟชำระหรือ?
ใช่ นอกจากไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นพระพักตร์ของพระเป็นเจ้าแล้ว ในไฟชำระวิญญาณเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
นักบุญออกัสตินกล่าวว่า: "ในไฟชำระ พระเพลิงน่ากลัวยิ่งกว่าการเจ็บปวดทรมานทั้งหมดของมนุษย์ในชีวิตนี้"
8. ท่านจะต้องทรมานอยู่ในไฟชำระนานแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับจำนวนและความหนักเบาของโทษบาปที่จะต้องชดเชย
"วิญญาณข้าพเจ้ากระหายหาพระเจ้า ผู้ทรงชีวิตและพระฤทธานุภาพ เมื่อไรข้าพเจ้าจะปรากฎตัวต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์" (Psalm 41:3)
9. เมื่อท่านออกจากไฟชำระ ท่านจะไปอยู่ที่แห่งไหน?
ท่านจะไปอยู่ในสวรรค์ เชยชมพระพักตร์ของพระเป็นเจ้า และมีความสุขในพระองค์ชั่วนิรันดร
"อาแมน เราบอกท่านว่า ท่านจะไม่ออกจากที่นั่น จนกว่าท่านได้ชดใช้ทุกบาททุกสตางค์"
(Matthew 5:26)
10. ไฟชำระจะมีวันสิ้นสุดไหม?
มี ในวันสิ้นพิภพ หลังจากนั้น ท่านจะไปอยู่ในสวรรค์หรือนรกชั่วนิรันดร
11. ท่านจะช่วยวิญญาณในไฟชำระได้ไหม?
ได้ ท่านสามารถช่วยลดเวลาของวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ โดยการขอมิสซาให้ การสวดภาวนาอุทิศให้ และการทำกิจศรัทธาแผ่บุญกุศลไปให้
"ท่านผู้เป็นมิตรของข้าพเจ้า กรุณาสงสารข้าพเจ้า, กรุณาสงสารข้าพเจ้า, เพราะพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าได้ทรงสัมผัสข้าพเจ้า" (Job 19:21)
12. พระวรสารพูดถึงการสวดภาวนาอุทิศให้ผู้ตายหรือ?
ใช่ เราได้อ่านแล้วว่า ยูดาส มาคาบีอูส "ได้ส่งเงินดราชมาส หนึ่งหมื่นสองพันเหรียญเงิน ไปยังพระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม สำหรับถวายเครื่องบูชาแด่พระเป็นเจ้า เพื่อชดเชยบาปของผู้ตาย" (2 Machabees 12:43)
13. ท่านจะหลีกเลี่ยงไฟชำระได้อย่างไร?
อย่าทำแม้แต่ความผิดเล็กๆน้อยๆ ทำกิจใช้โทษบาปสำหรับบาปที่ได้รับอภัยแล้ว ทำพระคุณการุญ และรับศีลเจิมคนป่วย (ดูบทที่ 26)
ข้อควรสังเกตุและฝึกหัด
1. วันระลึกถึงวิญญาณของผู้ที่ได้จากไป เป็นวันที่พระศาสนาจักรได้สถาปนาขึ้น เพื่อขอคำภาวนาพิเศษและมิสซาสำหรับวิญญาณทั้งมวลที่อยู่ในไฟชำระ ทุกปีเราฉลองวันนี้ในวันที่ 2 พฤศจิกายน
2. วิญญาณในไฟชำระไม่สามารถช่วยตัวเอง เราควรช่วยวิญญาณเหล่านั้น โดยคำภาวนา การพลี กรรม และกิจกุศลของเรา แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาทั้งหลายได้รับการปลดปล่อยออกจากไฟชำระแล้ว เขาทั้งหลายจะไม่ลืมบุญคุณของเราเป็นอันขาด และจะสวดขอพระเป็นเจ้าเพื่อเรา
3. เราเรียก วิญญาณในไฟชำระ ว่า วิญญาณน่าสงสาร
บทความเสริมความรู้
เชิญอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไฟชำระ ข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก ซึ่งคัดมาจากหนังสือ "Purgatory explained by the lives and legends of the saints" เขียนโดยคุณพ่อ F.X. Schouppe, S.J. พิมพ์จำหน่ายไปแล้วประมาณสี่แสนเล่ม
(1) ไฟชำระตามแผนการของพระเป็นเจ้า
(2) การสวดภาวนาให้ผู้ตาย ความกลัวและความวางใจ
(3) ความหมายของคำว่าไฟชำระตามข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก
(4) การคำนวณระยะเวลาที่เราจะต้องอยู่ในไฟชำระ และ
(5) บทเทศน์ในมิสซาเรื่องไฟชำระ ของนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนนีย์องค์อุปถัมภ์พระสงฆ์ชุมพาบาล
(1) ไฟชำระตามแผนการของพระเป็นเจ้า
ไฟชำระเป็นสถานที่สำคัญในพระศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของ พระเยซูคริสตเจ้า และมีบทบาทสำคัญในการกอบกู้วิญญาณมนุษย์
เราคงจำได้ พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พระศาสนจักรที่ยังต้องต่อสู้ พระศาสนจักรที่มีชัย และพระศาสนจักรที่ยังต้องทนทุกข์ หรือไฟชำระนั่นเอง
พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนรวมกันเป็นพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า วิญญาณในไฟชำระ ไม่ใช่เป็นเ พียงอวัยวะส่วนหนึ่งของพระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นคริสตชนผู้มีความเชื่อในโลกและผู้ได้รับการเลือกสรรค์ในสวรรค์ พระคัมภีร์เรียกพระศาสนจักรง่ายๆว่า พระอาณาจักรสวรรค์ ไฟชำระเป็นแขวงหนึ่งของพระอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้
พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไม่ขาดสาย สื่อสารติดต่อกันและกันอย่างต่อเนื่อง เราเรียกว่า สหพันธ์นักบุญ จุดมุ่งหมายคือการนำวิญญาณไปสู่ความรุ่งเรืองชั่วนิรันดร ซึ่งเป็นความปรารถนาของผู้ได้รับกา รเลือกสรรค์ พระศาสนจักรทั้ง 3 ส่วนเกื้อกูลกัน และกันตลอดเวลา เพื่อช่วยมนุษย์เอาวิญญาณรอดไปสวรรค์ ซึ่งเป็นเมืองมั่นคงถาวร หรือเมือง เยรูซาเล็มที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองชั่วนิรันดร
เราสมาชิกของพระศาสนจักรที่ยังต้องต่อสู้จะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อช่วยวิญญาณที่ติดอยู่ในไฟชำระ? เรามีหน้าที่ต้องบรรเทาทุกข์วิญญาณเหล่านั้น พระเป็นเจ้าได้ประทานกุญแจสำหรับเปิดที่คุมขังแห่งนี้ในมือเรา กุญแจนั้นก็ คือการสวดภาวนาอุทิศให้ผู้ตาย และการเผยแพร่ความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระ
(2) การสวดภาวนาให้ผู้ตาย ความกลัวและความวางใจ
การสวดภาวนาสำหรับผู้ที่ได้จากไป การพลีกรรม และการทำกิจใช้โทษบาปแทน เป็นกิจศรัทธาที่คริสตชนอุทิศให้กับวิญญาณในไฟชำระ ความศรัทธาต่อวิญญาณเหล่านั้นเป็นการดลใจของพระจิตเจ้าให้เกิดความเมตตาสงสา รในดวงใจของคริสตชนผู้มีความเชื่อ พระคัมภีร์บอกว่า: "เป็นความคิดศักดิ์สิทธิ์และถูกต้องที่เราสวดอุทิศให้ผู้ตาย เพื่อเขาทั้งหลายจะได้หลุดพ้นจากบาป"
ความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระจะสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยจิตแห่งความกลัวและจิตแห่งความวางใจ ความศักดิ์สิทธิ์ครบครันของพระเป็นเจ้าดลใจเราเกิดความกลัว และพระเมตตาซึ่งไม่มีขอบเขตของพระองค์ประทานแก่เราความวางใจ
พระเป็นเจ้าเป็นองค์ความศักดิ์สิทธิ์ ดั่งดวงอาทิตย์ทอแสง พระพักตร์ของพระองค์ไม่อาจทอดพระเนตรแม้แต่เงาของบาป ผู้ทำนายบอกว่า: "พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์ที่สุดและไม่สามารถทนเห็นบาปได้" เมื่อมนุษย์ทำบาป ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าเรียกร้องเขาให้ใช้โทษบาป เมื่อมนุษย์ต้องใช้โทษบาปตามพระยุติธรรมของพระองค์ มันเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้ พระคัมภีร์บอกว่า: "พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์และน่าหวาดกลัว" เหมือ นพูดว่า: "พระยุติธรรมของพระองค์ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ไม่มีขอบเขต"
พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าน่าหวาดกลัวยิ่งนัก พระองค์ลงโทษอย่างมหันต์แม้แต่บาปเบาๆ เหตุผลก็คือ ความผิดเหล่านี้เป็นบาปเล็กน้อยในสายตาของมนุษย์ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า บาปเล็กๆน้อยๆทำให้พระองค์เคืองพระทัยอย่างไม่มีขอบเขต เมื่อมนุษย์ทำผิดต่อความศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีขอบเขต ความผิดแ ม้แต่เพียงเล็กน้อยกลายเป็นโทษมหันต์ และเรียกร้องเขาให้ใช้โทษบาปอย่างแสนสาหัส นี่เป็นคำอธิบายถึงความเจ็บปวดอันน่ากลัวสยดสยองในชีวิตหน้า ขอให้ความจริงนี้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจของเรา และก่อให้เกิดความกลัวอย่างศักดิ์สิทธิ์ในวิญญาณเรา
การกลัวไฟชำระต้องเป็นความกลัวที่ศักดิ์สิทธิ์ ผลก็คือ ความกลัวนี้ไม่เพียงเร้าใจเราเกิดความ เมตตาต่อวิญญ าณผู้น่าสงสารที่กำลังทุกข์ทรมาน แต่ต้องก่อให้เกิดการตื่นตัวอย่างร้อนรนในดวง ใจของเราที่จะดูแลเอาใจใส่วิญญาณของเราเองด้วย จงคิดถึงพระเพลิงในไฟชำระเสมอ แล้วท่าน จะหลีกเลี่ยงแม้แต่ความผิดเล็กๆน้อยๆ จงคิดถึงพระเพลิงในไฟชำระตลอดเวลา แล้วท่านจะประพฤติตัวของท่านเป็นที่สบพระทัยพระเป็นเจ้าในโลกนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องใช้โทษบาปอย่าง มหันต์ในโลกหน้า
อย่างไรก็ตาม เราต้องระมัดระวังอย่ากลัวมากเกินไปจนหมดความวางใจ อย่าลืมพระเมตตาของพระเป็นเจ้า ซึ่งไม่มีขอบเขตเช่นเดียวกับพระยุติธรรมของพระองค์ ผู้ทำนายพูดว่า: "พระเจ้าข้า พระเมตตาของพระองค์ใหญ่ยิ่งล้นฟ้า" และคนอื่นพูดว่า: "พระเป็นเจ้าทรงพระทัยดีและเมตตากรุณา ทรงอดทนและเปี่ยมด้วยพระเมตตา" พระเมตตาล้นพ้นนี้ควรสยบความกลัวอย่างที่สุดในดวงใจเราและเติมดวงใจเราให้เต็มไปด้วยความวางใจอย่างศักดิ์สิทธิ์ในพระองค์ ตามคำภาวนา: "โอ้ พระเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์ โปรดอย่าให้อะไรก็ตามทำลายความวางใจของลูกในพระองค์"
เราต้องเร่าร้อนด้วยความรู้สึก 2 ประการนี้ ถ้าเราวางใจในพระเมตตาของพระเป็นเจ้าเท่ากับเรา กลัวพระยุติธรรมของพระองค์ เราก็จะมีความศรัทธาต่อวิญญาณในไฟชำระอย่างแท้จริง
ความรู้สึก 2 ประการนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากข้อความเชื่อเรื่องไฟชำระ เราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ความเชื่อที่บรรจุอยู่ในข้อลึกลับ 2 ประการ พระยุติธรรมและพระเมตตาของพระเป็นเจ้า พระยุติธรรมทรงลงโทษและพระเมต ตาทรงให้อภัย โดยแนวความคิด 2 อย่างนี้ท่านจะได้ฟังเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับไฟชำระจากปากของนักบุญและผู้ดำรงชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ในโลกนี้
เชิญอ่าน "ความจริงเกี่ยวกับโลกหน้าที่ไม่มีใครเคยได้ยินหรือฟังมาก่อนโดยนักบุญ 4 องค์"
(3) ความหมายของคำว่าไฟชำระตามข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิก
คำว่าไฟชำระหมายถึง สถานที่ หรือ ภาวะกึ่งกลางระหว่างนรกและสวรรค์ พูดอย่างถูกหลัก ไฟชำระหมายถึงสภาพของวิญญาณ ซึ่งขณะเข้าตรีทูตอยู่ในภาวะพระหรรษทาน แต่ยังไม่ได้ใช้ โทษบาปครบบริบูรณ์ หรือยังไม่สะอาดบริสุทธิ์พอที่จะได้เห็นพระพักตร์พระเป็นเจ้า
ไฟชำระเป็นภาวะชั่วคราวปิดประตูสู่ชีวิตที่มีความสุขชั่วนิรันดร เวลาแห่งการทดลองและการประ กอบบุญกุ ศลได้สิ้นสุดลงแล้ว เป็นภาวะแห่งการเป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำบาปและการใช้โทษบาป วิญญาณได้มาถึงจุดจบของชีวิตในโลกแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่มีอะไรแล้วนอกจากพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า มนุษย์สิ้นใจในขณะที่วิญญาณเขาอยู่ในพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร เขาจะได้รับชีวิตนิรันดร และเสวยสุขกับพระเป็นเจ้าในสวรรค์ เนื่องจากเขายังมีหนี้สินติดค้างอยู่ หรือการใช้โทษบาป เขามีภาระจะต้องชดใช้หนี้สินเหล่านั้นจนเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า นี่คือคำอธิบายความหมายสำคัญของคำว่า ไฟชำระ และสภาพของวิญญาณที่ติดอยู่ที่นั่น
พระศาสนจักรได้บัญญัติข้อความเชื่อ 2 ข้ออย่างชัดเจน ข้อ (1) ไฟชำระมีจริง และข้อ (2) วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระต้องได้รับความช่วยเหลือจากคริสตชนผู้มีความเชื่อด้วยการใช้โทษบาปแทน โดยเฉพาะ การขอมิสซาอุทิศให้ผู้ตาย
นอกจากความเชื่อ 2 ข้อนี้แล้ว ยังมีคำถามซึ่งพระศาสนจักรยังไม่ได้ตอบ คำถามเหล่านี้คือ (1) ตำแหน่งที่ตั้ง ของไฟชำระ (2) สภาพของการทรมาน (3) จำนวนของวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ (4) ระยะเวลาที่วิญญาณต้องทรมาน (5) วิธีที่ผู้เป็นช่วยเหลือหรือใช้โทษบาปแทนผู้ตาย
(4) การคำนวณระยะเวลาที่เราจะต้องอยู่ในไฟชำระ
ความเชื่อไม่ได้สอนเราว่าเราจะต้องทุกข์ทรมานอยู่ในไฟชำระนานเท่าใด เรารู้แต่เพียงว่าเราจะอยู่ที่นั่นนา นแค่ไหนขึ้นอยู่กับความหนักเบาของบาปที่เราได้ทำและยังไม่ได้ใช้โทษเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้าในโลกนี้ วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระได้รับการยกโทษบาปโดยอาศัยการขอมิซาให้และการใช้โทษบาปอื่นๆที่เราอุทิศให้
นักปราชญ์ของพระศาสนจักรลงความเห็นพ้องกันว่า เราต้องใช้โทษบาปในไฟชำระเป็นเวลานาน เบลลาไมน์บอกว่า: "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการใช้โทษบาปไม่ใช่แค่ 10 หรือ 20 ปีเท่านั้น ใน บางกรณีนานเป็นร้อยๆปี สมมุติเรา ต้องทนทุกข์เป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี เราจะถือว่าเป็น เรื่องเล็กน้อยได้หรือไม่ เราต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสโดยไม่มีความบรรเทาแม้แต่นิดเดียวเป็นเวลา 10 หรือ 20 ปี? ถ้าคนหนึ่งแน่ใจเขาจะต้องเจ็บเท้า ปวดศีรษะ หรือปวดฟันเป็นเวลานานถึง 20 ปี โดยไม่มีการหลับนอนหรือการพักเลย เขาจะไม่ขอตายดีกว่ามีชีวิตทรมานในสภาพเช่นนั้นหรือ? ถ้าเขามีโอกาสเลือกระหว่างชีวิตที่แสนลำบากและชีวิตที่ต้องเสียเงินเสียทอง เขาจะไม่เลือกการเสียเงินเสี ยทอง เพื่อเขาจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นหรือ? เราจะไม่พยายามช่วยตัวเราหลุดพ้นจากการทรมานในไฟชำระหรือ? เรากลัวที่จะต้องทำกิจใช้โทษบาปที่แสนลำบาก เช่น อดอาหาร ทำบุญทำทาน ช่วยเหลือคนยากจนหรือผู้ประสบความทุกข์ยากลำบากในชีวิต สวดภาวนายาวนาน หรือร้องไห้เป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำบาปหรือ?"
ข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซด์ Nakorn Rachasima catholic / เว็บไซด์ อิสระ[/b]
เครดิต http://www.catholic.or.th/article/arcti ... ti016.html
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
ขอบคุณพี่ฟิมค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณหลายจ้า
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
:+:Regina Pacis:+: เขียน: ขอบคุณพี่ฟิมค่ะ ::001::
เปลี่ยนเป็นอั่งเปาได้ป่ะตัวเอ็งงงงงงงงBatholomew เขียน: ขอบคุณหลายจ้า
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
ป้าฟิม งอกอ:+: seraphim :+: เขียน::+:Regina Pacis:+: เขียน: ขอบคุณพี่ฟิมค่ะ ::001::เปลี่ยนเป็นอั่งเปาได้ป่ะตัวเอ็งงงงงงงงBatholomew เขียน: ขอบคุณหลายจ้า
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เค้ามีแต่ผู้ใหญ่ให้เด็กไม่ใช่หรอ:+: seraphim :+: เขียน::+:Regina Pacis:+: เขียน: ขอบคุณพี่ฟิมค่ะเปลี่ยนเป็นอั่งเปาได้ป่ะตัวเอ็งงงงงงงงBatholomew เขียน: ขอบคุณหลายจ้า
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
โลกมันกลับกันแล้วน้องเอ๋ย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ม่ายจริงอ่าาาาาา ทำไมคณะนู้นยังแก่อยู่แลย:+: seraphim :+: เขียน: โลกมันกลับกันแล้วน้องเอ๋ย
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Batholomew เขียน:ม่ายจริงอ่าาาาาา ทำไมคณะนู้นยังแก่อยู่แลย:+: seraphim :+: เขียน: โลกมันกลับกันแล้วน้องเอ๋ย
อย่าลีลาส่งซองมาซะดีดี เดี๋ยวแม่ปล้นซะนี่
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สส คณะนู้นมีปล้นกันด้วย ผิดพระบัญญัติข้อ 10 นะครับ "อย่ามักได้ทรัพย์ของเขา":+: seraphim :+: เขียน:Batholomew เขียน:ม่ายจริงอ่าาาาาา ทำไมคณะนู้นยังแก่อยู่แลย:+: seraphim :+: เขียน: โลกมันกลับกันแล้วน้องเอ๋ย
อย่าลีลาส่งซองมาซะดีดี เดี๋ยวแม่ปล้นซะนี่
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Batholomew เขียน:สส คณะนู้นมีปล้นกันด้วย ผิดพระบัญญัติข้อ 10 นะครับ "อย่ามักได้ทรัพย์ของเขา":+: seraphim :+: เขียน:Batholomew เขียน: ม่ายจริงอ่าาาาาา ทำไมคณะนู้นยังแก่อยู่แลย
อย่าลีลาส่งซองมาซะดีดี เดี๋ยวแม่ปล้นซะนี่
กะน้องกะนุ่งมันบาปด้วยหรือ ขอดีดีไม่ให้นี่นา
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
บาปดิพี่:+: seraphim :+: เขียน:Batholomew เขียน:สส คณะนู้นมีปล้นกันด้วย ผิดพระบัญญัติข้อ 10 นะครับ "อย่ามักได้ทรัพย์ของเขา":+: seraphim :+: เขียน:
อย่าลีลาส่งซองมาซะดีดี เดี๋ยวแม่ปล้นซะนี่
กะน้องกะนุ่งมันบาปด้วยหรือ ขอดีดีไม่ให้นี่นา
-
- โพสต์: 363
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 12, 2008 10:21 pm
- ที่อยู่: World
มัน Error ง่ะ T^T
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
~Sand~ เขียน:มัน Error ง่ะ T^T
ไม่เห็นเป็นนะ ลองเขาใหม่ซิคะ