การคืนชีพของเนื้อหนังและนักบุญ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
Dis volentibus

อังคาร ต.ค. 30, 2007 10:33 pm

เหอๆๆๆ ส้มนึ่ง ::010::
รูปภาพ

นึกภาพออกเลย
Dis volentibus

อังคาร ต.ค. 30, 2007 10:38 pm

sakda88 เขียน: เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา
จะลงโทษใครสักคนชั่วนิรันดร์ ?
พระองค์ทรงสอนไว้เองนะคะ???
เเละพระเจ้า...ไม่โกหก
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อังคาร ต.ค. 30, 2007 10:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ต.ค. 30, 2007 11:30 pm

+Ecclesia+ เขียน:
sakda88 เขียน: เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา
จะลงโทษใครสักคนชั่วนิรันดร์ ?
พระองค์ทรงสอนไว้เองนะคะ???
เเละพระเจ้า...ไม่โกหก
                  รูปภาพ

  Lucifer
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พุธ ต.ค. 31, 2007 12:30 am

Phulasso เขียน:
+Ecclesia+ เขียน:
sakda88 เขียน: เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา
จะลงโทษใครสักคนชั่วนิรันดร์ ?
พระองค์ทรงสอนไว้เองนะคะ???
เเละพระเจ้า...ไม่โกหก
                  รูปภาพ

  Lucifer
แหม ท่านพี่ พูดแบบนั้นก็เหมือนว่าดิสเครดิตพระน่ะซิ
จะว่าไป พระก็ก็เมตตามากแล้วสำหรับคนบาปที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะกลับใจ
แถมยังพยายามจะช่วงชิงอำนาจ ล้มล้างพระ และทำให้พระเสียใจนานาประการ

ลูฯถูกไล่จากสวรรค์ก็จริง แต่ก็ยังมีที่อยู่ พรรคพวก และพระก็ยังคงทรงเลี้ยงดูอยู่
ถ้าพระไม่ทรงเมตตาอย่างเหลือล้น ก็คงทำให้ลูฯดับสูญไปแล้วล่ะครับ จริงป่ะ :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 1:36 am

sasuke เขียน:
Phulasso เขียน:
+Ecclesia+ เขียน: พระองค์ทรงสอนไว้เองนะคะ???
เเละพระเจ้า...ไม่โกหก
                  รูปภาพ

   Lucifer
แหม ท่านพี่ พูดแบบนั้นก็เหมือนว่าดิสเครดิตพระน่ะซิ
จะว่าไป พระก็ก็เมตตามากแล้วสำหรับคนบาปที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะกลับใจ
แถมยังพยายามจะช่วงชิงอำนาจ ล้มล้างพระ และทำให้พระเสียใจนานาประการ

ลูฯถูกไล่จากสวรรค์ก็จริง แต่ก็ยังมีที่อยู่ พรรคพวก และพระก็ยังคงทรงเลี้ยงดูอยู่
ถ้าพระไม่ทรงเมตตาอย่างเหลือล้น ก็คงทำให้ลูฯดับสูญไปแล้วล่ะครับ จริงป่ะ :wink:
ว่ากันแบบนี้ ก็เริ่มนึกถึงหนังจีน
นักโทษประหาร กับนักโทษขังคุงตลอดชีวิต กับนักโทษที่ขังชั่วคราว
จะว่าไป พระบิดายังไม่เคยประหารใครเลยหนิ ใช่ป่าว
ลูซิเฟอร์ได้ชื่อว่าเจ้าแห่งซาตาน และสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวก็คือ เจ้าจะอยู่ที่นรกชั่วนิจนิรันดร์ ........ อะไรนั่น ทำนองนั้น คุกตลอดชีวิต

กับ
เจ้าจะออกมาจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้ครบ -- นักโทษชั่วคราว

เปิดศาลลลลลลล เว หู๊ฮู  :afro:
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 31, 2007 6:41 am

necromancer เขียน: ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ
ต่างกันอย่างไรครับ?
แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ
เรายังไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง  เรามีความเชื่อที่ยังต้องรอการพิสูจณ์
แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า
หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาสอนให้พิสูจณ์ด้วยตัวคุณเอง
พระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเชื่อสิ่งที่พระองค์ตรัส
ทรงให้พิจารณา  นำไปปฏิบัติว่าให้ผลอย่างไร
เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
แล้วอะไรละที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ? ความเมตตามิใช่หรือ ?
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 31, 2007 7:09 am

+Ecclesia+ เขียน:
sakda88 เขียน: เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา
จะลงโทษใครสักคนชั่วนิรันดร์ ?
พระองค์ทรงสอนไว้เองนะคะ???
เเละพระเจ้า...ไม่โกหก
ผมไม่รู้คำตอบในเรื่องนี้
ผมเชื่อว่าพระเจ้าคือความรัก ความเมตตา (ที่ใดมีความรักพระเจ้าอยู่ที่นั่น)
พระเจ้าแสดงองค์ให้มนุษย์รู้จักพระองค์ในรูปแบบต่าง ๆ กันออกไป
ตามกำลังสติปัญญาของมนุษย์ในแต่ละยุคจะรับได้
ไบเบิลคาธอลิกฉบับภาษาอังกฤษมีภาพจักรวาลในความคิดของคนในยุคนั้นอยู่ด้วย
หาดูได้  เมื่อได้ดูแล้วคุณคิดอย่างไร ? มาเล่าสู่กันฟัง

สิ่งที่เราอยากรู้กันจริง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ทั้งสิ้น
เราได้แต่พิจารณากัน  และเชื่อตาม ๆ กันมา

การลงโทษผู้ใดชั่วนิรันดร์มาจากแนวคิด  ตาต่อตา  ฟันต่อฟันหรือเปล่า ?

มันเข้ากับแนวความคิด  ยกโทษให้ผู้อื่นเจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้งได้หรือ ?
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 31, 2007 7:33 am

Phulasso เขียน:
                  รูปภาพ

   Lucifer
ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง  พระเจ้าลงโทษผู้ไม่เชื่อฟังพระองค์โดยการไล่ออกจากที่ ๆ พระองค์ประทานให้
และพระองค์ลงโทษเฉพาะคนที่พระองค์ตรัสต่อหน้า
ผลไม้ต้องห้ามมีผลต่ออดัมแต่ไม่มีต่อเอวา

ซาตานขึ้นไปหาพระเจ้าได้
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 31, 2007 7:47 am

Holy เขียน:
sakda88 เขียน:
Holy เขียน: และพระยุติธรรมด้วย
เรื่องพระยุติธรรมผมใช้แนวคิดแบบพุทธ และ เวอเนอร์ เออหาร์ท
เรื่องการทำส้มตำ ใช้แนวคิดเดียวกับการทำซาลาเปา

เราเรียกใหม่ว่า ส้มนึ่ง และมันไม่ใช่ส้มตำอีกต่อไป
ขอน้อมรับครับ  เวลาและประวัติศาสตร์มันจะพิสูจน์ทุกสิ่ง
สิ่งที่ผมปล่อยวางมาก ๆ คือการเป็นผู้ถูก
และพิจารณาดูว่าอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ

พระเจ้าคือความรัก

ความรักจะเกิดได้เมื่อยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
ปล่อยวางว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อหยุดบ่นความรักก็เกิดขึ้น

นี่เป็นอีกแนวหนึ่งที่ไม่มีเขียนในไบเบิลซะด้วยซิ
ทดลองนำไปใช้ดูนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 7:49 am

sakda88 เขียน:
necromancer เขียน: ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ
ต่างกันอย่างไรครับ?
แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ
เรายังไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง  เรามีความเชื่อที่ยังต้องรอการพิสูจณ์
แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า
หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาสอนให้พิสูจณ์ด้วยตัวคุณเอง
พระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเชื่อสิ่งที่พระองค์ตรัส
ทรงให้พิจารณา  นำไปปฏิบัติว่าให้ผลอย่างไร
เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
แล้วอะไรละที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ? ความเมตตามิใช่หรือ ?
ตอบให้เป็นความเห็นส่วนตัว
1.ผมว่าโดยภาพรวมนั้นไม่ต่างกัน สอนให้หลุดพ้นจากทุกข์และบาปและผลบาป(รอด - นิพพาน)
2.ถ้าปั่นสามล้อถีบหรือรถไฟปั่น ไม่ไหวก็ขึ้นตุ๊กๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้ตุ๊กๆไทยไปไกลทั่วโลกแล้วนะ เหอะๆ
3.พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้า และพระพุทธเจ้าก็เคารพนับถือพระเจ้า เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า และไม่นิยามพระเจ้าว่าเป็นบุคคลหรือสถานะใดๆ แต่ในความรู้ส่วนตัวนั้น ทางพุทธเรียกว่า ธรรมะ(ธรรมชาติ)(มีชีวิต)(ไม่กำหนดเป็นบุคคล)ฯลฯ
4.ชาวคริสต์ทำให้พระบิดาพอพระทัยนั้นถูก ความเมตตาก็ใช่แน่นอน แต่ต้องอธิบายอย่างชัดเจนนิดหนึ่งว่า พระบิดาไม่ใช่ฮ่องเต้(นี่ฉันดูหนังจีนมากไปจริงๆ -*- ) ฉะนั้นพระบิดาไม่ได้ต้องการ.....สิ่งต่างๆแบบที่ฮ่องเต้ต้องการ นั่นหมายความว่า เราต้องรู้พระลักษณะของพระบิดา และในฐานะที่พระบิดาเป็นพระเจ้าสูงสุด เราอาจมีมุมมองง่ายๆก็คือ เอาลักษณะความสมบูรณ์แบบในพระธรรมคำสอนนั้น x .....= สิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระบิดา

"ความจริงมีเพียงสากลหนึ่งเดียว"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 7:55 am

sakda88 เขียน:
Holy เขียน:
sakda88 เขียน: เรื่องพระยุติธรรมผมใช้แนวคิดแบบพุทธ และ เวอเนอร์ เออหาร์ท
เรื่องการทำส้มตำ ใช้แนวคิดเดียวกับการทำซาลาเปา

เราเรียกใหม่ว่า ส้มนึ่ง และมันไม่ใช่ส้มตำอีกต่อไป
ขอน้อมรับครับ  เวลาและประวัติศาสตร์มันจะพิสูจน์ทุกสิ่ง
สิ่งที่ผมปล่อยวางมาก ๆ คือการเป็นผู้ถูก
และพิจารณาดูว่าอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ

พระเจ้าคือความรัก

ความรักจะเกิดได้เมื่อยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
ปล่อยวางว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อหยุดบ่นความรักก็เกิดขึ้น

นี่เป็นอีกแนวหนึ่งที่ไม่มีเขียนในไบเบิลซะด้วยซิ
ทดลองนำไปใช้ดูนะครับ
เห็นด้วยนะ  ที่คุณพูดทำให้ผมนึกถึงแม่ชีท่านหนึ่ง
แต่เรื่องที่บอกว่าไม่มีเขียนไว้ในไบเบิลนั้น อันนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของกรอบความคิดต่อบริบทคำสอนในแต่ละช่วงหรือช่วงใดช่วงหนึ่งมากกว่า
(มีครับ)
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 31, 2007 8:51 am

BOYZ เขียน: ตอบให้เป็นความเห็นส่วนตัว
1.ผมว่าโดยภาพรวมนั้นไม่ต่างกัน สอนให้หลุดพ้นจากทุกข์และบาปและผลบาป(รอด - นิพพาน)
2.ถ้าปั่นสามล้อถีบหรือรถไฟปั่น ไม่ไหวก็ขึ้นตุ๊กๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้ตุ๊กๆไทยไปไกลทั่วโลกแล้วนะ เหอะๆ
3.พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้า และพระพุทธเจ้าก็เคารพนับถือพระเจ้า เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า และไม่นิยามพระเจ้าว่าเป็นบุคคลหรือสถานะใดๆ แต่ในความรู้ส่วนตัวนั้น ทางพุทธเรียกว่า ธรรมะ(ธรรมชาติ)(มีชีวิต)(ไม่กำหนดเป็นบุคคล)ฯลฯ
4.ชาวคริสต์ทำให้พระบิดาพอพระทัยนั้นถูก ความเมตตาก็ใช่แน่นอน แต่ต้องอธิบายอย่างชัดเจนนิดหนึ่งว่า พระบิดาไม่ใช่ฮ่องเต้(นี่ฉันดูหนังจีนมากไปจริงๆ -*- ) ฉะนั้นพระบิดาไม่ได้ต้องการ.....สิ่งต่างๆแบบที่ฮ่องเต้ต้องการ นั่นหมายความว่า เราต้องรู้พระลักษณะของพระบิดา และในฐานะที่พระบิดาเป็นพระเจ้าสูงสุด เราอาจมีมุมมองง่ายๆก็คือ เอาลักษณะความสมบูรณ์แบบในพระธรรมคำสอนนั้น x .....= สิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระบิดา

"ความจริงมีเพียงสากลหนึ่งเดียว"
ผมถามคำถามในใจผมเสมอ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งหาทางพิสูจน์อยู่
และถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง  ศาสนาคริสต์จะยืนอยู่ที่ไหน ?

เรื่องราวของกาลิเลโอสอนอะไรเราบ้างหรือเปล่า ?

ความจริงคืออะไร ?
1 คืออดีตที่ผ่านมาแล้วและคนส่วนมากยอมรับว่ามันเกิดขึ้น  และจะเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลใหม่ ๆ ที่ได้มา
2 คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอดีตและยังคงเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกและคาดว่าจะเกิดขึ้นอนาคตซึ่งอาจไม่เกิดก็ได้
แล้วอะไรอีกละ ?

ความเชื่อคือความหวังว่าสิ่งที่คิดหรือสิ่งที่ได้รับรู้มาจะเกิดขึ้น
ความเชื่อเป็นเรื่องของข้อมูลและจินตนาการณ์

การถกเรื่องความเชื่อที่แตกต่างมันไม่วันจบหรอกครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่ ๆ คือพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมาก ๆ มากจนตัวผมเองไม่อาจคาดคิดได้
และมนุษย์ด้วยกันนี่แหละเป็นผู้บั่นทอนความสมบรูณ์นั้น มนุษย์ด้วยกันนี่แหละเป็นผู้บั่นทอนความสมบรูณ์นั้น

เช่น ข้อ 2 ที่คุณเขียนมาคุณเขียนมาด้วยความคิดอะไร ? ดูถูกเหยียดหยามหรือเปล่า ?
ถ้าใช่  แล้วจะต่างอะไรกับคนที่ดูถูกเหยียดหมายคริสตชน? อะไรคือความรักที่คุณสำแดงออกมา ?
มันแสดงออกถึงความรังเกียดหรือเปล่า ?

ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด  ผมเชื่อเรื่องการไขแสดงของพระเจ้าจากแนวทางอื่น ๆ นอกจากไบเบิล
ถ้าคุณจะเชื่อไบเบิลอย่างเดียวก็ โอเค แต่แสดงความรักของคุณออกมาด้วยนะ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ต.ค. 31, 2007 9:34 am

เพราะตามหลักและลักษณะนิสัยของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตนเองว่า "มนุษย์" แล้ว
อะไรที่พอใจ สิ่งนี้คือ "ความจริง " เสมอมา
ความจริงมีหนึ่งเดียวและเป็นนิรันดร์???
ถูกต้องอย่างแน่แท้ แต่เป็นเพียงหนึ่งเดียวสำหรับแต่ละคน
ไม่ใช่ทุกคน...นี่คือลักษณะของมนุษย์ ที่ยากจะปฏิเสธ
เว้นแต่จะแถๆๆ ไปให้มันฟังดูดี
เพราะถ้าใครเห็นต่างจากเรา...แม้คุณจะน้อมฟัง แต่อย่าปฏิเสธอว่าในใจคุณค้าน
เพราะคุณคือมนุษย์....ที่เป็นปัจเจก หรือไม่ก็ถึงขั้นอัตตา
นี่คือพรสวรรค์อันน่าสมเพชของมนุษยชน

ฉะนั้น...

โดยเหตุที่...
ในเมื่อคุณมีความเชื่อที่กล่าวมา
แล้วไม่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลง
แล้วก็มุ่งมันจะทำอย่างนั้น โดยคิดว่าถูกต้อง

ด้วยเหตุนั้น...
คุณก็จงปฏิบัติเถิด
ไร้ซึ่งเหตุผลที่จะต้องถกเถียง หรือป่าวประกาศ
หากรัก ก็จงใส่ใจ
หากเชื่อ ก็จงคิด
หากใช่ ก็ปฏิบัติเถิด

ขอสันติสุขจงสถิตอยู่กับท่าน
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ พุธ ต.ค. 31, 2007 9:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ต.ค. 31, 2007 10:03 am

sakda88 เขียน:
necromancer เขียน: ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ
ต่างกันอย่างไรครับ?
แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ
เรายังไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง  เรามีความเชื่อที่ยังต้องรอการพิสูจณ์
แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า
หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาสอนให้พิสูจณ์ด้วยตัวคุณเอง
พระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเชื่อสิ่งที่พระองค์ตรัส
ทรงให้พิจารณา  นำไปปฏิบัติว่าให้ผลอย่างไร
เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
แล้วอะไรละที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ? ความเมตตามิใช่หรือ ?
ไหนๆ ก็จะไปสอบแล้ว...ในฐานะที่ร่ำเรียนแก่นมาหลายศาสนา นะครับ
มันต่างกันครับ ไม่อย่างนั้นจะมีหลายศาสนาทำไม...ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมีรักษ์บ้านเกิด กับ Family Mart ครับ 7-11 ก็พอ

ถ้าคุณบอกว่าทุกศาสนาทำความดีหมด....ถูกครับ แต่อย่าลืมว่านั้นเป็นเพียง option เสริม
แก่นแท้ๆ มันต่างครับ ถ้าคุณบอกว่าต่าง แสดงว่าคุณไม่ศึกษาไปถึงแก่น..
1. ต่างกันอย่างไรครับ?
- เอาแค่พระนิพพาน กับความรอด ก็คนละฟากแล้วคุณ
- การเวียนว่ายตายเกิด ผลบุญ ผลกรรม เข้ากันได้ดีนะ???
- รักพระเจ้า....เชื่อตัวเอง....มันเข้ากันได้ดีนะ
- กราบไหว้บูชาพุทธธาตุ ได้บุญเหมือนเดินทางแสวงบุญคนยากจนรอบโลก??? (อันนี้เขียนไว้อย่างแน่แท้)
- เชื่อในเหตุผล กับเชื่อในพระคำภีร์  เหมือนกันตรงไหน ถึงคุณจะบอกว่าพระคำภีร์เป็นเหตุผลก็เหอะ
- ไหนบอกอันที่มันเหมือนกันมาสิครับ ยกเว้นอันที่บอกว่า "ทำความดี ให้ทาน" เหมือนกันนะครับ จะรออ่าน
   เว้นพุทธปัจฉิมวจนะ "ท่านทั้งหลายจงละเว้นจากความชั่ว และทำความดีให้ถึงพร้อม" ด้วยนะครับ
    เพราะความดี ความชั่วของพุทธกับคริสต์ ต่างกันครับ....ย้ำ "ต่างกัน" แม้จะเหมือนกัน "บ้าง" ก็เถอะ
- ผมว่าคุณทราบล่ะ ว่ามันต่างกัน เพียงแต่คุณไม่ยอมรับ และพยายามจะเอามายำกันให้ได้
เอาลอดช่องสิงคโปร์ไปกินกับน้ำยาขนมจีน มันเข้ากันไม่ได้นะครับ ในเมื่อมันเป็นแป้งสาลี ไม่ใช่แป้งข้าวเหนียว แม้จะทำเป็นเส้นๆ และทำจากแป้งเหมือนกันก็เหอะ

2.เรายังไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง  เรามีความเชื่อที่ยังต้องรอการพิสูจน์
  - แล้วไงต่อฮะ ??? ถ้าคุณไม่เชื่อว่าพระคริสต์คือความจริง มันก็จบ แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องคิดมากให้ปวดหัว ใช่ป่ะฮะ

3.หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาสอนให้พิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง พระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเชื่อสิ่งที่พระองค์ตรัส ทรงให้พิจารณา  นำไปปฏิบัติว่าให้ผลอย่างไร
  - นั่นก็แสดงว่าคุณเชื่อพระมหาสมณะฯ มากกว่าพระวรสาร มันก็จบแค่นั้นล่ะครับ คำตอบเหมือนข้อ 2.
  - พระมหาสมณะฯ บอกว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่พระองค์ตรัส แล้วจะรู้ได้ไงว่าพุทธวจนะเป็นความจริง รอเกิดชาติหน้าหรือครับ ถ้าไม่ได้เป็นอรหันต์ ระลึกชาติไม่ได้นะครับ คุณก็จะลืมว่าจริงไม่จริง เหมือนชาตินี้ล่ะ...รออีกสัก 20 อสงไขย ละกัน

4.แล้วอะไรละที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ? ความเมตตามิใช่หรือ ?
  -  ถ้าอ่านพระวรสาร จะทราบว่าไม่ใช่แค่นั้น....จริงหรือเปล่าฮะ


ถ้าอยากทราบว่าความจริงคืออะไร และหาคำตอบง่ายที่สุด
ความจริงก็คือ we're born, we live, and when our time comes, we die. It's just a natural cycle of life.   ครับ ก็แค่นั้นล่ะครับ คือความจริง...ที่ปราศจากการปรุงแต่ง หรืออะไรทั้งสิ้น
นี่คือเป้าหมายของชีวิตมนุษย์....เหตุ คือ เกิด  ผล คือ ตาย จบ... ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ขอจงสุขนิรันดร์

ปล. ทั้งนี้ คห. ของกระผมข้างบน(อันที่แล้ว)มีสติในการตอบสูงกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ พุธ ต.ค. 31, 2007 10:13 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 10:14 am

sakda88 เขียน:
BOYZ เขียน: ตอบให้เป็นความเห็นส่วนตัว
1.ผมว่าโดยภาพรวมนั้นไม่ต่างกัน สอนให้หลุดพ้นจากทุกข์และบาปและผลบาป(รอด - นิพพาน)
2.ถ้าปั่นสามล้อถีบหรือรถไฟปั่น ไม่ไหวก็ขึ้นตุ๊กๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้ตุ๊กๆไทยไปไกลทั่วโลกแล้วนะ เหอะๆ
3.พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้า และพระพุทธเจ้าก็เคารพนับถือพระเจ้า เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า และไม่นิยามพระเจ้าว่าเป็นบุคคลหรือสถานะใดๆ แต่ในความรู้ส่วนตัวนั้น ทางพุทธเรียกว่า ธรรมะ(ธรรมชาติ)(มีชีวิต)(ไม่กำหนดเป็นบุคคล)ฯลฯ
4.ชาวคริสต์ทำให้พระบิดาพอพระทัยนั้นถูก ความเมตตาก็ใช่แน่นอน แต่ต้องอธิบายอย่างชัดเจนนิดหนึ่งว่า พระบิดาไม่ใช่ฮ่องเต้(นี่ฉันดูหนังจีนมากไปจริงๆ -*- ) ฉะนั้นพระบิดาไม่ได้ต้องการ.....สิ่งต่างๆแบบที่ฮ่องเต้ต้องการ นั่นหมายความว่า เราต้องรู้พระลักษณะของพระบิดา และในฐานะที่พระบิดาเป็นพระเจ้าสูงสุด เราอาจมีมุมมองง่ายๆก็คือ เอาลักษณะความสมบูรณ์แบบในพระธรรมคำสอนนั้น x .....= สิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระบิดา

"ความจริงมีเพียงสากลหนึ่งเดียว"


เช่น ข้อ 2 ที่คุณเขียนมาคุณเขียนมาด้วยความคิดอะไร ? ดูถูกเหยียดหยามหรือเปล่า ?
ถ้าใช่  แล้วจะต่างอะไรกับคนที่ดูถูกเหยียดหมายคริสตชน? อะไรคือความรักที่คุณสำแดงออกมา ?
มันแสดงออกถึงความรังเกียดหรือเปล่า ?

ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด  ผมเชื่อเรื่องการไขแสดงของพระเจ้าจากแนวทางอื่น ๆ นอกจากไบเบิล
ถ้าคุณจะเชื่อไบเบิลอย่างเดียวก็ โอเค แต่แสดงความรักของคุณออกมาด้วยนะ
นั่นคงเป็นกรอบความคิด และทัศนคติที่ออกมาจากใจของคุณ sakda88 แล้วกระมั้ง  ::001::
"ใจเป็นยังไง ปากก็พูดอย่างงั้น"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 4:45 pm

คุรศักดาดูจะหลงประเด็นไปมาอยุ่เรื่อยๆนะครับ

ผมว่าควรแยกประเด็นออกเป็น3ประเด็นคือ

1. การกลับชาติมีจริงไหม

2. การกลับชาติถ้ามีจริง เป้นแบบที่ศาสนาพุทธสอนไหม

3. การคืนชีพในคริสตศาสนาคือการกลับชาติในศาสนาพุทธไหม

ผมตอบง่ายๆแบบนี้นะครับ

1. การกลับชาติมาเกิดมีจริงไหม
-ผมไม่เชื่อว่าการกลับชาติมาเกิดตามแนวพราหมณ์และพุทธศาสนาจะเป้นเช่นนั้นจริงครับ เพราะผมเองพบช่องโหว่มหาศาลจำนวนมากเกินจะเชื่อว่าจริงได้(ผมทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนคืออย่าเพิ่งเชื่อแม้พระพุทธเจ้าบอกครับ และผมยังไม่เชื่อจนตอนนี้ ซึ่งบังเอิญมันพิสูจน์ไม่ได้ครับ อารมณ์ว่า นั่งสมาธิระลึกชาติผมก้ไม่ทราบครับว่าเห้นจริงหรือเห็นภาพหลอน เพราะบรรดานักบุญของเราที่เพ่งญาณก็เคยประสบการเห็นภาพมายาที่"ไม่จริง"มาแล้ว)

2. การกลับชาติถ้ามีจริง เป็นแบบที่ศาสนาพุทธสอนไหม
-ปัญหาคือการสอนเรื่องชีวิตหลังความตายของแต่ละศาสนาไม่เหมือนกันครับ ขนาดพุทธมหายาน กับ เถรวาทยังไม่เหมือนกันเลย ทุกวันนี้พุทธไทยยังชอบด่าพุทธจีนอยู่เลยว่าสอนผิด อย่างพราหมณ์กับพุทธ แม้พุทธจะรับเอาความเชื่อนี้มาประยุกต์ แต่ก็ประยุกต์จนมีจุดต่างบางจุดที่ไปกันไม่ค่อยจะได้  อย่างอียิปต์เองก็มีการกลับคืนชีพถึงทำมัมมี่กัน แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับแนวของคริสต์แต่อย่าใด และที่สำคัญ บรรดาการอ้างของนักสะกดจิตต่างๆที่ว่าสะกดจิตระลึกชาติ กลับมีแนวทางการกลับชาติที่ต่างกับของพุทธโดยสิ้นเชิง เพราะไม่ได้กลับตามกรรม แต่เหมือนจะกลับตาม ความต้องการ และความผูกพันมากกว่า เหมือนกลับตามใจฉัน ไม่มีหลัก ดังนั้นเกิดนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ในแบบของเขาได้(ซึ่งผมไม่เห็นทางนอกจากลองตายจริงๆ) ไม่ได้หมายความว่าศาสนาเราจะไม่มีจุดยืน ตรงข้ามศาสนาอื่นที่ระบบกลับชาติไม่ได้สอนแบบเดียวกันมิยิ่งเสียจุดยืนยิ่งกว่าเหรอ เพราะจะยอมรับก็ไม่ได้ ปฏิเสธกก็ไม่เต็มปาก การพิสุจน์การกลับชาตจำเป้นต้องพิสูจน์เรื่องอื่นๆเหล่านี้ให้ยอมรับได้ก่อนคือ
ก.วิญญาณมีไหม
ข.สวรรค์นรกมีไหม
ค.มีกฎหรือการควบคุมวิญาญาณอยู่ในจักรวาลหรือไม่
แค่3เรื่องนี้ก็มืดมนทางวิทยาศาสตร์แล้ว เพราะวิทยาศาสตร์จำกัดที่ประสาทสัมผัสทั้ง5เท่านั้น ขนาดแค่เรื่องพลังจิตยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่เลย มิหนำซ้ำหากพิสูจน์3ข้อนั้น ก็เท่ากับยอมรับเรื่องพระผู้สร้างไปโดยปริยายแล้วด้วย

3. การคืนชีพในคริสตศาสนาคือการกลับชาติในศาสนาพุทธไหม
-นี่คือประเด็นที่เราคุยกันในที่นี้ครับ คำตอบคือ ไม่ ครับ เพราะศาสนาพุทธเกิดใหม่ตามกฎแห่งกรรม กลับมาเกิดไม่สิ้นสุด  แต่การกลับคืนชีพ กลับมาตามอำนาจของพระเจ้า และกลับคืนชีพครั้งเดียวมีผลตลอดไปครับ การกลับคืนชีพ มีคนเดียวครับคือพระเยซูเจ้าผู้เป็นผลแรก พระคัมภีร์บอกชัดครับว่าพระเยซูคือคนแรก ส่วนพวกเราจะกลับคืนชีพในวันสุดท้ายสิ้นโลกไม่ใช่ทันทีหลังตาย ถ้าคิดแบบพุทธการชาติของเขามีมาก่อนตั้งนานแล้ว และเกิดกับทุกคน

ดังนั้น กรุณาหยุดพยายามทำให้พระเจ้าเป็นแบบที่คุณพอใจครับ พ่อที่เมตตา กับพ่อที่มีความยุติธรรมคือคนเดียวกัน อย่าหลงผิดว่า พ่อที่ไม่เคยโกหก เคยพูดไว้แล้วว่าทำผิดจะโดนลงโทษนะ จะทำตามคำพูดตัวเองไม่ได้ อย่ามองพระเจ้าด้านเดียวคือด้านที่คุณชอบเท่านั้น ความรักพระเจ้าคุณหยั่งไม่ถึง พระยุติธรรมของพระองค์คุณก็หยั่งไม่ถึงเช่นกัน พระองค์จะอภัยก็ทำได้ จะทำตามพระดำรัสก็ทำได้ครับ พระเจ้าไม่มีข้อจำกัด ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถจำกัดพระเจ้าได้ด้วยคำไม่กี่คำที่คุณประทับใจ คุณเองก็ไม่มีทางรู้จักพระเจ้าอย่างถ่องแท้แบบที่คุณชอบแสวงหาได้หรอกครับ

ผมบอกแล้วว่ากรุณาอ่านโครินทร์บทที่15 แต่จากที่คุยถึงตอนนี้ ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้อ่าน หรือหากจะอ่านแต่อ่านผ่านๆไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ดังนั้นกรุณากลับไปอ่านใหม่ ไล่ที่ละประโยคอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจทีละข้อความ ก่อนที่จะมาคุยกันต่อไปครับ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ต.ค. 31, 2007 4:58 pm

Holy เขียน:
ดังนั้น กรุณาหยุดพยายามทำให้พระเจ้าเป็นแบบที่คุณพอใจครับ พ่อที่เมตตา กับพ่อที่มีความยุติธรรมคือคนเดียวกัน อย่าหลงผิดว่า พ่อที่ไม่เคยโกหก เคยพูดไว้แล้วว่าทำผิดจะโดนลงโทษนะ จะทำตามคำพูดตัวเองไม่ได้ อย่ามองพระเจ้าด้านเดียวคือด้านที่คุณชอบเท่านั้น ความรักพระเจ้าคุณหยั่งไม่ถึง พระยุติธรรมของพระองค์คุณก็หยั่งไม่ถึงเช่นกัน พระองค์จะอภัยก็ทำได้ จะทำตามพระดำรัสก็ทำได้ครับ พระเจ้าไม่มีข้อจำกัด ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถจำกัดพระเจ้าได้ด้วยคำไม่กี่คำที่คุณประทับใจ คุณเองก็ไม่มีทางรู้จักพระเจ้าอย่างถ่องแท้แบบที่คุณชอบแสวงหาได้หรอกครับ

ผมบอกแล้วว่ากรุณาอ่านโครินทร์บทที่15 แต่จากที่คุยถึงตอนนี้ ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้อ่าน หรือหากจะอ่านแต่อ่านผ่านๆไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ดังนั้นกรุณากลับไปอ่านใหม่ ไล่ที่ละประโยคอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจทีละข้อความ ก่อนที่จะมาคุยกันต่อไปครับ
สำเนาถูกต้อง
::012::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ ต.ค. 31, 2007 5:32 pm

necromancer เขียน:
Holy เขียน:
ดังนั้น กรุณาหยุดพยายามทำให้พระเจ้าเป็นแบบที่คุณพอใจครับ พ่อที่เมตตา กับพ่อที่มีความยุติธรรมคือคนเดียวกัน อย่าหลงผิดว่า พ่อที่ไม่เคยโกหก เคยพูดไว้แล้วว่าทำผิดจะโดนลงโทษนะ จะทำตามคำพูดตัวเองไม่ได้ อย่ามองพระเจ้าด้านเดียวคือด้านที่คุณชอบเท่านั้น ความรักพระเจ้าคุณหยั่งไม่ถึง พระยุติธรรมของพระองค์คุณก็หยั่งไม่ถึงเช่นกัน พระองค์จะอภัยก็ทำได้ จะทำตามพระดำรัสก็ทำได้ครับ พระเจ้าไม่มีข้อจำกัด ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถจำกัดพระเจ้าได้ด้วยคำไม่กี่คำที่คุณประทับใจ คุณเองก็ไม่มีทางรู้จักพระเจ้าอย่างถ่องแท้แบบที่คุณชอบแสวงหาได้หรอกครับ
ผมบอกแล้วว่ากรุณาอ่านโครินทร์บทที่15 แต่จากที่คุยถึงตอนนี้ ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้อ่าน หรือหากจะอ่านแต่อ่านผ่านๆไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ดังนั้นกรุณากลับไปอ่านใหม่ ไล่ที่ละประโยคอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจทีละข้อความ ก่อนที่จะมาคุยกันต่อไปครับ
สำเนาถูกต้อง
::012::
ทำไมทำสำเนารอบสองมันมีสีแดงปน  ::016::

ผมเริ่มคุ้นๆแล้วละ มันเหมือนเวปบอร์ดแห่งหนึ่ง ที่โพสต์อะไรไปก็ไม่อ่าน ปิดตาปิดหู
แต่โพสต์ตอบอย่างเดียว  :angry:

ใช้ใจสัมผัสเยอะๆครับ คุณสักดา88 อาจจะสันติสุขแบบที่คุณเป็นอยู่นี้ก็ได้ผมไม่รู้ :angel:
แต่รู้แค่ว่า ถ้าเรื่องเหล่านี้ทำให้คุณสับสนได้ถึงเพียงนี้ หรือเป็นเอามาก ก็คงไม่เรียกว่าสันติสุขกระมัง :rolleyes:

ส่วนตัวผมไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า ไม่เชื่อเรื่องฆ่าหมีแล้วต้องไปเกิดเป็นควาย เพราะมันทำให้กางเขนของพ่อผม ไร้ความหมาย
คุณsakda88 ขอให้คุณทบทวนอะไรหลายๆอย่างดีๆ
ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาบ้าง แต่อย่าไปยึดติดกับภาพ นิมิต หรือ ฯลฯ
แต่ใส่ใจพระวรสารในเชิงยกระดับจิตวิญญาณจะดีกว่ามั้ง
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2007 6:11 pm

Holy เขียน: ผมบอกแล้วว่ากรุณาอ่านโครินทร์บทที่15 แต่จากที่คุยถึงตอนนี้ ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้อ่าน หรือหากจะอ่านแต่อ่านผ่านๆไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ดังนั้นกรุณากลับไปอ่านใหม่ ไล่ที่ละประโยคอย่างช้าๆ ทำความเข้าใจทีละข้อความ ก่อนที่จะมาคุยกันต่อไปครับ
ผมอ่านหลายรอบ  ผมเพียงสงสัยเรื่องการกลับคืนชีพของเนื้อหนังเท่านั้น
และผมได้คำตอบแล้ว  ขอขอบคุณทุก ๆ ความเห็น
ผมได้เรียนรู้มากมายจากความเห็นของแต่ละท่าน

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 02, 2007 8:20 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2007 6:17 pm

necromancer เขียน: ปล. ทั้งนี้ คห. ของกระผมข้างบน(อันที่แล้ว)มีสติในการตอบสูงกว่า
?????????? Oh Boy !!!
Dis volentibus

พฤหัสฯ. พ.ย. 01, 2007 9:52 pm

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ืnicholas
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 22, 2008 4:23 pm

อังคาร ก.ค. 15, 2008 10:28 pm

sakda88 เขียน:
BOYZ เขียน: ตอบให้เป็นความเห็นส่วนตัว
1.ผมว่าโดยภาพรวมนั้นไม่ต่างกัน สอนให้หลุดพ้นจากทุกข์และบาปและผลบาป(รอด - นิพพาน)
2.ถ้าปั่นสามล้อถีบหรือรถไฟปั่น ไม่ไหวก็ขึ้นตุ๊กๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้ตุ๊กๆไทยไปไกลทั่วโลกแล้วนะ เหอะๆ
3.พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไม่เชื่อพระเจ้า และไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้า และพระพุทธเจ้าก็เคารพนับถือพระเจ้า เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า และไม่นิยามพระเจ้าว่าเป็นบุคคลหรือสถานะใดๆ แต่ในความรู้ส่วนตัวนั้น ทางพุทธเรียกว่า ธรรมะ(ธรรมชาติ)(มีชีวิต)(ไม่กำหนดเป็นบุคคล)ฯลฯ
4.ชาวคริสต์ทำให้พระบิดาพอพระทัยนั้นถูก ความเมตตาก็ใช่แน่นอน แต่ต้องอธิบายอย่างชัดเจนนิดหนึ่งว่า พระบิดาไม่ใช่ฮ่องเต้(นี่ฉันดูหนังจีนมากไปจริงๆ -*- ) ฉะนั้นพระบิดาไม่ได้ต้องการ.....สิ่งต่างๆแบบที่ฮ่องเต้ต้องการ นั่นหมายความว่า เราต้องรู้พระลักษณะของพระบิดา และในฐานะที่พระบิดาเป็นพระเจ้าสูงสุด เราอาจมีมุมมองง่ายๆก็คือ เอาลักษณะความสมบูรณ์แบบในพระธรรมคำสอนนั้น x .....= สิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระบิดา

"ความจริงมีเพียงสากลหนึ่งเดียว"
ผมถามคำถามในใจผมเสมอ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งหาทางพิสูจน์อยู่
และถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง  ศาสนาคริสต์จะยืนอยู่ที่ไหน ?

เรื่องราวของกาลิเลโอสอนอะไรเราบ้างหรือเปล่า ?

ความจริงคืออะไร ?
1 คืออดีตที่ผ่านมาแล้วและคนส่วนมากยอมรับว่ามันเกิดขึ้น  และจะเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลใหม่ ๆ ที่ได้มา
2 คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอดีตและยังคงเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกและคาดว่าจะเกิดขึ้นอนาคตซึ่งอาจไม่เกิดก็ได้
แล้วอะไรอีกละ ?

ความเชื่อคือความหวังว่าสิ่งที่คิดหรือสิ่งที่ได้รับรู้มาจะเกิดขึ้น
ความเชื่อเป็นเรื่องของข้อมูลและจินตนาการณ์

การถกเรื่องความเชื่อที่แตกต่างมันไม่วันจบหรอกครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่ ๆ คือพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมาก ๆ มากจนตัวผมเองไม่อาจคาดคิดได้
และมนุษย์ด้วยกันนี่แหละเป็นผู้บั่นทอนความสมบรูณ์นั้น มนุษย์ด้วยกันนี่แหละเป็นผู้บั่นทอนความสมบรูณ์นั้น

เช่น ข้อ 2 ที่คุณเขียนมาคุณเขียนมาด้วยความคิดอะไร ? ดูถูกเหยียดหยามหรือเปล่า ?
ถ้าใช่  แล้วจะต่างอะไรกับคนที่ดูถูกเหยียดหมายคริสตชน? อะไรคือความรักที่คุณสำแดงออกมา ?
มันแสดงออกถึงความรังเกียดหรือเปล่า ?

ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด  ผมเชื่อเรื่องการไขแสดงของพระเจ้าจากแนวทางอื่น ๆ นอกจากไบเบิล
ถ้าคุณจะเชื่อไบเบิลอย่างเดียวก็ โอเค แต่แสดงความรักของคุณออกมาด้วยนะ
ตอบกลับโพส