มีใครอ่านหนังสือขึ้นภูเขาคารเมล ของนักบุญ จอห์น ไม้กางเขน แล้วเข้าใจบ้างครับ
ปัญหายิ่งใหญ่ของการอ่านหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนมีประสบการณ์ในการพิศเพ่งระดับลึกกับพระเจ้า และยังถึงขนาดกำหนดศัพท์ใหม่ เพราะนิยามบางสิ่งที่เหนือสัมผัสและเกินความเข้าใจที่ภาษาและศัพท์ในสมัยนั้นยังไม่มี และกลายเป็นศัพท์เฉพาะทางเทววิทยาเท่านั้น การแปลได้พยายามแปลให้คนไทยเข้าใจโดยคุณพ่อมิชชันนารีชาวสเปน ซึ่งโดยเนื้อหาเองต่อให้คนสเปนอ่านก็เข้าใจได้ยากยิ่งอยู่แล้ว คนกลุ่มที่จะเข้าใจได้ คือคนที่มีประสบการณ์ในการพิศเพ่งเช่นเดียวกันจึงจะเข้าใจจากประสบการณ์ตัวเองได้ว่าท่านพูดถึงอะไร หากไม่เคยมี ก็จะงงว่า เกิดอะไรขึ้น
ผมแนะนำให้หาหนังสือเกี่ยวกับการเพ่งญาณที่อ่านง่ายกว่า คือ ดั่งเมฆาขวางกัน ของคณะมหาไถ่ แปลโดยคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เมื่อเข้าใจเล่มนั้นแล้ว มาอ่านหนังสือของน.ยอห์นและน.เทเรซ่าแห่งอาวีลา จะเข้าใจง่ายขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว
ผมแนะนำให้หาหนังสือเกี่ยวกับการเพ่งญาณที่อ่านง่ายกว่า คือ ดั่งเมฆาขวางกัน ของคณะมหาไถ่ แปลโดยคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เมื่อเข้าใจเล่มนั้นแล้ว มาอ่านหนังสือของน.ยอห์นและน.เทเรซ่าแห่งอาวีลา จะเข้าใจง่ายขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว
ผมหาเร่ืองใส่ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ การแตะต้องเร่ืองจิตหรือสัมผัสเหนือธรรมชาติมันซับซ้อนและลึกมากเหมือนกับจิตจะหลุดพ้นจนอยู่กับสังคมโลกปัจจุปันให้กลมกลืนได้ยากยิ่ง
และอีกอย่างหนึงมันเหมือนการสูญเสียการเป็นเด็กเล็กๆในตัวเองไป คิดว่าไงครับ
และอีกอย่างหนึงมันเหมือนการสูญเสียการเป็นเด็กเล็กๆในตัวเองไป คิดว่าไงครับ
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้"Stephen เขียน: ผมหาเร่ืองใส่ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ การแตะต้องเร่ืองจิตหรือสัมผัสเหนือธรรมชาติมันซับซ้อนและลึกมากเหมือนกับจิตจะหลุดพ้นจนอยู่กับสังคมโลกปัจจุปันให้กลมกลืนได้ยากยิ่ง
และอีกอย่างหนึงมันเหมือนการสูญเสียการเป็นเด็กเล็กๆในตัวเองไป คิดว่าไงครับ
มัทธิว 19:14
มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะละทิ้งความเป็นผู้ใหญ่ของโลก
มาเป็นผู้น้อยของสวรรค์ได้มากน้อยแค่ไหน?
ธรรมล้ำลึกของพระเจ้า ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านที่ฟังจะเข้าใจ แต่ต้องเปิดใจหาพระองค์อีกด้วย
ผมว่าคุณมีความตั้งใจที่ดีและขอหนุนใจ ให้วันละก้าวเข้าหาพระ ตามที่พี่holyว่าไว้ครับ
เล่มนั้นก็ไม่ได้อ่านง่ายๆเลยนะคะพี่ HolyHoly เขียน: ผมแนะนำให้หาหนังสือเกี่ยวกับการเพ่งญาณที่อ่านง่ายกว่า คือ ดั่งเมฆาขวางกัน ของคณะมหาไถ่ แปลโดยคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เมื่อเข้าใจเล่มนั้นแล้ว มาอ่านหนังสือของน.ยอห์นและน.เทเรซ่าแห่งอาวีลา จะเข้าใจง่ายขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว
ลองไปขอเข้าเงียบกับคาร์เมลไลต์ หรือว่าขอให้ใครที่เค้าปฎิบัติมา แนะนำดีมั้ยคะ ของแบบนี้ต้องปฎิบัติ และต้องมีประสบการณ์เอง อย่่างพี่ Holy บอก
หนังสือ "ดั่งเมฆาขวางกั้น" ที่คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช แปล คุณพ่อได้สรุปเนื้อหาพอสังเขปเอาไว้ในตอนต้นของแต่ละบทค่ะ ซึ่งช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นBuddy เขียน:เล่มนั้นก็ไม่ได้อ่านง่ายๆเลยนะคะพี่ HolyHoly เขียน: ผมแนะนำให้หาหนังสือเกี่ยวกับการเพ่งญาณที่อ่านง่ายกว่า คือ ดั่งเมฆาขวางกัน ของคณะมหาไถ่ แปลโดยคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เมื่อเข้าใจเล่มนั้นแล้ว มาอ่านหนังสือของน.ยอห์นและน.เทเรซ่าแห่งอาวีลา จะเข้าใจง่ายขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว
ลองไปขอเข้าเงียบกับคาร์เมลไลต์ หรือว่าขอให้ใครที่เค้าปฎิบัติมา แนะนำดีมั้ยคะ ของแบบนี้ต้องปฎิบัติ และต้องมีประสบการณ์เอง อย่่างพี่ Holy บอก
อ้าว แค่บอกว่าง่ายกว่า ไม่ได้บอกง่ายๆซะหน่อยBuddy เขียน:เล่มนั้นก็ไม่ได้อ่านง่ายๆเลยนะคะพี่ Holy ::001::Holy เขียน: ผมแนะนำให้หาหนังสือเกี่ยวกับการเพ่งญาณที่อ่านง่ายกว่า คือ ดั่งเมฆาขวางกัน ของคณะมหาไถ่ แปลโดยคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช เมื่อเข้าใจเล่มนั้นแล้ว มาอ่านหนังสือของน.ยอห์นและน.เทเรซ่าแห่งอาวีลา จะเข้าใจง่ายขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว
ลองไปขอเข้าเงียบกับคาร์เมลไลต์ หรือว่าขอให้ใครที่เค้าปฎิบัติมา แนะนำดีมั้ยคะ ของแบบนี้ต้องปฎิบัติ และต้องมีประสบการณ์เอง อย่่างพี่ Holy บอก
หนูอาจจะอ่านรู้เรื่องนะจ้ะ แต่พี่นะ บอกตรงๆว่า พี่อ่านไม่รู้เรื่องจ้ะ ซื้อมาก็อ่านได้ไม่ถึงบท ตอนนี้ได้ให้คนที่เค้าอยากอ่านแล้วอ่านรู้เรื่องไปแล้วล่ะจ้ะViridian เขียน: หนังสือ "ดั่งเมฆาขวางกั้น" ที่คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช แปล คุณพ่อได้สรุปเนื้อหาพอสังเขปเอาไว้ในตอนต้นของแต่ละบทค่ะ ซึ่งช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
OK ค่ะพี่Holy เขียน: อ้าว แค่บอกว่าง่ายกว่า ไม่ได้บอกง่ายๆซะหน่อย
ขอบคุณครับที่ช่วยให้ผมทราบว่ามีคนสนใจเร่ืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมพบความอ่อนแอมากมายและความไม่สมบบูรณ์ในการปฏิบัติคุณธรรมที่จะเข้าถึงพระเจ้าในระดับนั้น แต่ว่ามันมีประโยชน์มากในการเพ่งพิศจิตวิญญาณของตนเองในขั้นละเอียดอ่อน และผมพบว่าแม้ว่าตั้งใจจะทำดีขนาดไหนเราก็ยังมีความบกพร่องอยู่ดี บางครั้งมโนสัมผัสของเราก็ตีกลับไปมาระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง และหากเกิดความชินชาแล้วก็เป็นเร่ืองที่น่ากลัวเหมือนกันเพราะมันเหมือนด้านมืดในตัวเราจะกลับมาและมีพลังมากกว่าเดิม เรามาถึงตรงนี้แล้วมันยังตามมาทดลองใจกันอีก จิตต้องแนวแน่และละทิ้งทุกสิ่งจริงๆครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ
ไม่ว่าจะมืดแค่ไหน ขอให้มีความรักก็สว่างหมดล่ะค่ะ ... บาปหรือข้อบกพร่องเรื่องเล็ก ความรักเรื่องใหญ่Stephen เขียน: ขอบคุณครับที่ช่วยให้ผมทราบว่ามีคนสนใจเร่ืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมพบความอ่อนแอมากมายและความไม่สมบบูรณ์ในการปฏิบัติคุณธรรมที่จะเข้าถึงพระเจ้าในระดับนั้น แต่ว่ามันมีประโยชน์มากในการเพ่งพิศจิตวิญญาณของตนเองในขั้นละเอียดอ่อน และผมพบว่าแม้ว่าตั้งใจจะทำดีขนาดไหนเราก็ยังมีความบกพร่องอยู่ดี บางครั้งมโนสัมผัสของเราก็ตีกลับไปมาระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง และหากเกิดความชินชาแล้วก็เป็นเร่ืองที่น่ากลัวเหมือนกันเพราะมันเหมือนด้านมืดในตัวเราจะกลับมาและมีพลังมากกว่าเดิม เรามาถึงตรงนี้แล้วมันยังตามมาทดลองใจกันอีก จิตต้องแนวแน่และละทิ้งทุกสิ่งจริงๆครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ
เพ่งพิศไป อย่าลืมความรักด้วยนะคะ ถ้าภาวนาโดยไม่มีความรัก ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
+Ecclēsia เขียน: ว่าเเล้วข้าพเจ้าก็ไม่หามาอ่านดีกว่า คาดว่าสติปัญญาไม่ถึง
อนาถ....
หมายถึงเล่มไหนอ่ะ ถ้าดั่งเมฆาฯ น้องเจนสมควรอ่านนะ
อู๊ยยยยย:+: seraphim :+: เขียน:+Ecclēsia เขียน: ว่าเเล้วข้าพเจ้าก็ไม่หามาอ่านดีกว่า คาดว่าสติปัญญาไม่ถึง
อนาถ....
หมายถึงเล่มไหนอ่ะ ถ้าดั่งเมฆาฯ น้องเจนสมควรอ่านนะ
หนูหูเบาเจ้าค่ะ เห็นเขาว่ากันว่า "ดั่งเมฆาฯ" พี่น้องบางท่านอ่านไม่รู้เรื่อง
หนูก็คงเละตุ้มเป๊ะ ไปเลยเเหล่ะค่ะ โห่ะๆๆ
เพราะถ้าไม่รวมพระคัมภีร์ (ซึ่งอ่านวกไปวนมาได้) เเล้ว
ข้าพเจ้า ยากที่จะอ่านหนังสือเล่มใดจบเล่มเเละเข้าใจ ค่าๆๆๆ
ป.ล. ละหนังสือเรื่องไปสวรรค์ทางหน้าต่าง ไว้ในฐานที่เข้าใจ (ว่ารู้เรื่อง)
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ พุธ ส.ค. 06, 2008 7:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบไป 1 รอบแล้ว เนื้อหาเข้าใจยากมาก แต่ก็พยายามอ่านจนจบ ตอนนี้ก็เริ่มอ่านเป็นรอบที่ 2 รู้สึกว่าช่างยากที่จะปฏิบัติตามแม้จะพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง คุณพ่อในคณะคาร์เมไลท์แนะนำว่า ให้หยุดอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วไปอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูแทน และให้อ่านหนังสือ The Practice of the Presence of God ของบราเดอร์ลอเรนซ์แห่งการกลับคืนชีพ ไม่รู้ว่าเล่มหลังนี้มีแปลเป็นภาษาไทยรึยัง
โอ หนูไม่เก่งขนาดนั้นหรอกคับ ถ้าไม่มีบทสรุปของพ่อไพบูลย์ ก็อาจจะซี้แหงเหมือนกัน แหะๆBuddy เขียน:หนูอาจจะอ่านรู้เรื่องนะจ้ะ แต่พี่นะ บอกตรงๆว่า พี่อ่านไม่รู้เรื่องจ้ะ ซื้อมาก็อ่านได้ไม่ถึงบท ตอนนี้ได้ให้คนที่เค้าอยากอ่านแล้วอ่านรู้เรื่องไปแล้วล่ะจ้ะViridian เขียน: หนังสือ "ดั่งเมฆาขวางกั้น" ที่คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช แปล คุณพ่อได้สรุปเนื้อหาพอสังเขปเอาไว้ในตอนต้นของแต่ละบทค่ะ ซึ่งช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
อย่ากังวลใจไปเลยค่ะ มนุษย์เราย่อมอ่อนแอและบกพร่องด้วยกันด้วยกันทั้งนั้นStephen เขียน: ขอบคุณครับที่ช่วยให้ผมทราบว่ามีคนสนใจเร่ืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมพบความอ่อนแอมากมายและความไม่สมบบูรณ์ในการปฏิบัติคุณธรรมที่จะเข้าถึงพระเจ้าในระดับนั้น แต่ว่ามันมีประโยชน์มากในการเพ่งพิศจิตวิญญาณของตนเองในขั้นละเอียดอ่อน และผมพบว่าแม้ว่าตั้งใจจะทำดีขนาดไหนเราก็ยังมีความบกพร่องอยู่ดี บางครั้งมโนสัมผัสของเราก็ตีกลับไปมาระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง และหากเกิดความชินชาแล้วก็เป็นเร่ืองที่น่ากลัวเหมือนกันเพราะมันเหมือนด้านมืดในตัวเราจะกลับมาและมีพลังมากกว่าเดิม เรามาถึงตรงนี้แล้วมันยังตามมาทดลองใจกันอีก จิตต้องแนวแน่และละทิ้งทุกสิ่งจริงๆครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ
ดูอย่างนักบุญเปโตรสิคะ แม้ว่าท่านจะติดตามพระเยซูเจ้า แต่ท่านก็ยังเคยทำผิดต่อพระองค์
แต่สุดท้ายพระองค์ก็ยังให้อภัยท่าน และให้โอกาสท่านทำงานรับใช้พระองค์
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะอ่อนแอและบกพร่องมากสักแค่ไหน
พระองค์ก็ยังคงรักเราเสมอ พร้อมที่จะให้อภัยเราและให้โอกาสเราลุกขึ้นมาใหม่ เมื่อเรารู้สำนึกผิด
ผู้ที่ได้เป็นนักบุญก็คือมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ที่ท่านเหล่านั้นที่ได้เป็นนักบุญนั้น
ไม่ใช่เพราะพวกท่านดีพร้อมกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะพวกท่านมี "ความรัก" มากกว่าคนอื่นต่างหาก
สำหรับเรื่องนี้ นักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากนะคะ
มีคนเคยถามพระสันตะปาปา (ในสมัยนั้น) ว่า ทำไมถึงจะแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญ ทั้งๆ ที่ ท่านไม่ได้ทำกิจการอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
พระสันตะปาปาก็ตอบว่า เพราะนักบุญเทเรซา
ชายชราผู้หนึ่ง มักจะนั่งสงบอยู่ในวัดเป็นเวลานานๆ
วันหนึ่งพระสงฆ์จึงถามชายชราถึงสิ่งที่พระองค์คุยกับเขา
"พระเจ้าไม่ได้คุยอะไรกับผมเลย ผมเพียงแต่ฟัง" ชายชราตอบ
"อือม ! งั้นลุุงคุยอะไรกับพระองค์ล่ะ"
"ผมก็ไม่ได้คุยเหมือนกันผมเพียงแต่ฟังเท่านั้น"
@@**********************@@
4 ขั้นตอนของการภาวนา
1.ฉันพูด พระองค์ฟัง
2.พระองค์พูด ฉันฟัง
3.ไม่มีใครพูด มีแต่คนฟัง
4.ไม่มีการพูด ไม่มีการฟัง มีแต่ความเงียบสงบ
(ที่มา : สารอาสนวิหารอัสสัมชัญ ปีที่ 42 ฉบับที่ 28 ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 [ซึ่งเอามาจาก : Anthony De Mello, S.J. "ทั้งสองฟัง ไม่มีใครพูด." ใน คำภาวนาของกบ. แปลโดย หนึ่งบาท. หน้า 16. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คณะพระมหาไถ่, ม.ป.ป.])
วันหนึ่งพระสงฆ์จึงถามชายชราถึงสิ่งที่พระองค์คุยกับเขา
"พระเจ้าไม่ได้คุยอะไรกับผมเลย ผมเพียงแต่ฟัง" ชายชราตอบ
"อือม ! งั้นลุุงคุยอะไรกับพระองค์ล่ะ"
"ผมก็ไม่ได้คุยเหมือนกันผมเพียงแต่ฟังเท่านั้น"
@@**********************@@
4 ขั้นตอนของการภาวนา
1.ฉันพูด พระองค์ฟัง
2.พระองค์พูด ฉันฟัง
3.ไม่มีใครพูด มีแต่คนฟัง
4.ไม่มีการพูด ไม่มีการฟัง มีแต่ความเงียบสงบ
(ที่มา : สารอาสนวิหารอัสสัมชัญ ปีที่ 42 ฉบับที่ 28 ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 [ซึ่งเอามาจาก : Anthony De Mello, S.J. "ทั้งสองฟัง ไม่มีใครพูด." ใน คำภาวนาของกบ. แปลโดย หนึ่งบาท. หน้า 16. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คณะพระมหาไถ่, ม.ป.ป.])
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ เสาร์ ส.ค. 16, 2008 1:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อืม .. น่าสนใจ พี่ว่าอันนี้เหมือนเป็นระดับขั้นในการภาวนานะ เหมือนเป็นระดับความสัมพันธ์น่ะ พอเรารู้จักใคร เราก็จะคุยๆ พูดๆ ต่อมาเราก็เริ่มฟังเค้า เค้าฟังเรา ต่อมาเราก็อยากแต่จะฟังกันและกัน และต่อมา ถึงแม้ไม่พูดอะไร เราก็สุขใจกันทั้งคู่ (เหมือนเพื่อนสนิทที่เราอยู่เงียบๆด้วย โดยที่เราไม่อึดอัด) สามีภรรยา อยู่ด้วยกันนานๆจนแก่ด้วยกัน เค้าไม่ต้องคุยอะไรกันมาก มองตาก็เข้าใจ (เหมือนข้อ 3 มีแต่คนฟัง มองตากันและกัน ) บางที ไม่ต้องมองก็เข้าใจแล้ว เค้าอยู่กันเงียบๆ... ส่วนวัยรุ่น จีบกันใหม่ๆ คุยกันทุกวันจนสายจะไหม้ เรากับพระ ก็เป็นประมาณนี้เหมือนกัน ในเรื่องนี้ ลุงแกสนิทกับพระมากViridian เขียน:
4 ขั้นตอนของการภาวนา
1.ฉันพูด พระองค์ฟัง
2.พระองค์พูด ฉันฟัง
3.ไม่มีใครพูด มีแต่คนฟัง
4.ไม่มีการพูด ไม่มีการฟัง มีแต่ความเงียบสงบ
(ที่มา : สารอาสนวิหารอัสสัมชัญ ปีที่ 42 ฉบับที่ 28 ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551)
ขออนุญาติแบ่งปันเรื่องการอ่านหนังสือแนวชีวิตจิตนะคะViridian เขียน:โอ หนูไม่เก่งขนาดนั้นหรอกคับ ถ้าไม่มีบทสรุปของพ่อไพบูลย์ ก็อาจจะซี้แหงเหมือนกัน แหะๆBuddy เขียน:หนูอาจจะอ่านรู้เรื่องนะจ้ะ แต่พี่นะ บอกตรงๆว่า พี่อ่านไม่รู้เรื่องจ้ะ ซื้อมาก็อ่านได้ไม่ถึงบท ตอนนี้ได้ให้คนที่เค้าอยากอ่านแล้วอ่านรู้เรื่องไปแล้วล่ะจ้ะViridian เขียน: หนังสือ "ดั่งเมฆาขวางกั้น" ที่คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช แปล คุณพ่อได้สรุปเนื้อหาพอสังเขปเอาไว้ในตอนต้นของแต่ละบทค่ะ ซึ่งช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
อย่ากังวลใจไปเลยค่ะ มนุษย์เราย่อมอ่อนแอและบกพร่องด้วยกันด้วยกันทั้งนั้นStephen เขียน: ขอบคุณครับที่ช่วยให้ผมทราบว่ามีคนสนใจเร่ืองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมพบความอ่อนแอมากมายและความไม่สมบบูรณ์ในการปฏิบัติคุณธรรมที่จะเข้าถึงพระเจ้าในระดับนั้น แต่ว่ามันมีประโยชน์มากในการเพ่งพิศจิตวิญญาณของตนเองในขั้นละเอียดอ่อน และผมพบว่าแม้ว่าตั้งใจจะทำดีขนาดไหนเราก็ยังมีความบกพร่องอยู่ดี บางครั้งมโนสัมผัสของเราก็ตีกลับไปมาระหว่างด้านมืดกับด้านสว่าง และหากเกิดความชินชาแล้วก็เป็นเร่ืองที่น่ากลัวเหมือนกันเพราะมันเหมือนด้านมืดในตัวเราจะกลับมาและมีพลังมากกว่าเดิม เรามาถึงตรงนี้แล้วมันยังตามมาทดลองใจกันอีก จิตต้องแนวแน่และละทิ้งทุกสิ่งจริงๆครับ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ
ดูอย่างนักบุญเปโตรสิคะ แม้ว่าท่านจะติดตามพระเยซูเจ้า แต่ท่านก็ยังเคยทำผิดต่อพระองค์
แต่สุดท้ายพระองค์ก็ยังให้อภัยท่าน และให้โอกาสท่านทำงานรับใช้พระองค์
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะอ่อนแอและบกพร่องมากสักแค่ไหน
พระองค์ก็ยังคงรักเราเสมอ พร้อมที่จะให้อภัยเราและให้โอกาสเราลุกขึ้นมาใหม่ เมื่อเรารู้สำนึกผิด
ผู้ที่ได้เป็นนักบุญก็คือมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ที่ท่านเหล่านั้นที่ได้เป็นนักบุญนั้น
ไม่ใช่เพราะพวกท่านดีพร้อมกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะพวกท่านมี "ความรัก" มากกว่าคนอื่นต่างหาก
สำหรับเรื่องนี้ นักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากนะคะ
มีคนเคยถามพระสันตะปาปา (ในสมัยนั้น) ว่า ทำไมถึงจะแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญ ทั้งๆ ที่ ท่านไม่ได้ทำกิจการอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
พระสันตะปาปาก็ตอบว่า เพราะนักบุญเทเรซา “ทำสิ่งที่ธรรมดา ด้วยความรักที่ไม่ธรรมดา”
ลองอ่านหนังสือเกี่ยวกับนักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู ดูก่อนอย่างที่พี่ Andreas แนะนำก็ได้ค่ะ แต่ถ้าให้ส่วนตัวแนะนำ ก็จะมี
1. ชีวประวัติของนักบุญ เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู เป็นการ์ตูนค่ะ เล่มบางๆ อ่านแป๊บเดียวจบ ของสำนักพิมพ์แม่พระยุคใหม่ ค่ะ
2. คำสอนชีวิตจิตฉบับสมบูรณ์ ของ น.เทเรซา แห่งลีซีเออซ์ (แปลมาจาก Complete Spiritual Doctrine of St.Therese of Lisieux) หาซื้อได้ที่อารามคาร์แมล ค่ะ
3. จิตตารมณ์ ของ นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู อ่านแล้วเนื้อหารู้สึกเหมือนกับเล่มข้างบนเลยค่ะ เพียงแต่ย่ย่อลงมาให้สั้นลง ซื้อที่อารามคาร์แมลเช่นกันค่ะ
พระอวยพรค่ะ
หนังสือทุกๆเล่มต้องใช้เวลาในการอ่านคะ ถ้าเราอ่านด้วยใจ จะไปเร็วกว่าอ่านเพราะจะเอาความรู้ หรือเพื่อจะศึกษา
เวลาพี่จะอ่านหนังสือแนวเสริมสร้างชีวิตจิต พี่จะสวดบทเชิญเสร็จมาพระจิตเจ้าข้า ก่อนทุกครั้ง
อ่านแล้ว...อาจยังไม่เข้าใจในทีแรก แต่ทุกครั้งที่อ่านจะสำรวจความรู้สึกหรืออารมณ์ของเราในขณะนั้น ว่าสงบขึ้น
อ่านไปเรื่อยๆไม่อยากวางทั้งๆที่มีศัพท์ยากๆมากมายอย่างในหนังสือขึ้นภูเขาคาร์แมล
อ่านแล้วอ่านอีกยิ่งอ่านยิ่งสงบขึ้น และในช่วงที่มีปัญหาให้แก้ในชีวิตประจำวัน
หลังจากนั้นก็ค่อยๆคิดและแก้ปัญหาได้ในที่สุด
สำรวจดูไม่ใช่เรา ไม่ใช่ความเก่งของเราแน่นอน น่าจะเป็นเพราะหนังสือมากกว่า
ที่หล่อหลอมเราในขณะที่อ่านบ่อยๆ สมำ่เสมอ อาจเรียกได้มั้ยคะว่าเป็นการปรับสภาพของสมองเราด้วยความสงบก่อน
บางครั้งอ่านครั้งแรกก็ไม่เข้าใจหรอกคะ ว่าท่านพยายามสื่อถึงอะไร
แต่อ่านครั้งที่ 2-3-4-5 ก็จะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ อ่านแล้วไม่เข้าใจสิ่งที่อ่าน
แต่..พี่กลับมีความสงบ ต้องแปลกใจเหมือนกันที่เรารักพระมากขึ้น เราเกิดความวางใจในแผนการของพระองค์ที่มีต่อตัวเรา
ครั้งแรกสัก 3 ปีที่แล้วที่พี่อ่านหนังสือขึ้นูภูเขาคาร์แมลของนักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขนนี้ พี่ไม่เข้าใจเลย
ปรึกษาพ่อสำราญที่เพชรบูรณ์(ในขณะนั้น) พ่อบอกให้ไปอ่านประวัตินักบุณยอห์น แห่งไม้การเขน ปูทางก่อน
เพราะถ้าเราอ่านหนังสือที่ท่านเขียน เราจะได้รู้จักและเข้าใจท่าน ถึงสิ่งที่ท่านคิด
ถึงสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกกับเราหรือต้องการสื่อสาร แนะนำ ให้กับนักภาวนารุ่นหลัง
สิ่งที่ทำอีกอย่างโดยบังเอิญ ก็คือ
พอดีเพื่อนชวนไปสวดภาวนาและสวดสายประคำที่อารามคาร์แมล กรุงเทพฯ
ได้ไปสวดสายประคำขอพรนักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขนด้วย
กลับมาแล้ว สังเกตว่าการอ่านจะเข้าใจมากขึ้น สงบมากๆ
อ่านทีไร ไม่อยากวาง ไม่อยากทิ้งหนังสือไปทำอะไรเลย ใจไปจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือที่ได้อ่าน
เป็นความรูสึกดีมากๆ..จนตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร และคืออะไร
ทุกวันนี้ ถ้าหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกก็จะมีความรู้สึกเดิมๆไม่เปลี่ยนเลยคะ
หนังสือทุกเล่มควรอ่านเริ่มตั้งแต่คำนำเลยนะคะ
อย่างในหนังสือ ดั่งเมฆาขวางกั้น รายละเอียดคุณพ่อไพบูลย์ อธิบายและแนะนำไว้ชัดเจนว่าควรทำอย่างไรบ้าง
พี่ก็เพิ่งอ่านเริ่มนี้คะ ซื้อในวันที่ไปร่วมงานฉลองคณะมหาไถ่นี่เอง
หนังสือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น
1. คืนมืด ของนักบุญยอห์น
2. ประวัตินักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขน
3. ขึ้นภูเขาคาร์แมล นักบุญยอห์น
4. คำสอนชีวิตจิตฉบับสมบูรณ์ ของนักบุญเทเรซา แห่งลีซีเออซ์
มีขายที่ร้านหนังสือและศาสนภัณฑ์ ของวัดอัสสัมชัญคะ สามเล่มท้ายเป็นปกแข็งคะ
แก้ไขล่าสุดโดย ignatius เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 8:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมจำประโยคหนึ่งของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู ท่านกล่าวไว้ได้อย่างน่ารักมากว่า "พระบิดาเจ้า ลูกเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ไม่มีความสามารถป่ายปีนขั้นบันไดแห่งความครบครันได้เช่นบรรดานักบุญใหญ่ ๆ ขอพระองค์ทรงส่งลิฟท์มารับลูกให้ขึ้นไปหาพระองค์ด้วยเถิด"
จงนบนอบเถิดลูก ... และจงรู้ไว้เถิดว่าหนังสือเล่มหลังยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย อิ อิAndreas เขียน: ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบไป 1 รอบแล้ว เนื้อหาเข้าใจยากมาก แต่ก็พยายามอ่านจนจบ ตอนนี้ก็เริ่มอ่านเป็นรอบที่ 2 รู้สึกว่าช่างยากที่จะปฏิบัติตามแม้จะพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง คุณพ่อในคณะคาร์เมไลท์แนะนำว่า ให้หยุดอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วไปอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูแทน และให้อ่านหนังสือ The Practice of the Presence of God ของบราเดอร์ลอเรนซ์แห่งการกลับคืนชีพ ไม่รู้ว่าเล่มหลังนี้มีแปลเป็นภาษาไทยรึยัง
- ธิดาผู้รับใช้...
- โพสต์: 30
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ค. 05, 2008 2:38 pm
- ที่อยู่: nakornratchasima diocese
- ติดต่อ:
5555 ตัวเองเป็นฆราวาสของคณะ ยังอ่านไม่เข้าใจเลยคับ พอเข้าใจในบางประโยค ก็จะเอามารำพึงคับ แล้วจะเข้าใจในตอนนั้น แล้วจะอ่านบทอื่นต่อใด้