บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
เห็นในเว็บของสังฆมลฑลแล้ว.. แต่เข้ามาอ่านอีก ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ ^^
ผมเห็นด้วยในเรื่องที่กล่าวมานะ ในพระคำภีร์มีเขียนไว้ ในเรื่องที่เศรษฐีหนุ่มถามพระเยซูว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตรนิรันดร พระองค์ทอดพระเนตรเขาด้วยความเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า "ท่านยังขาดอิกสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกอย่างที่มี มอบเงินให้คนอยากจนแล้วท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด" เมื่อได้ฟังพระวาจา ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีสมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์ (มาระโก10:22)
เห็นได้ว่าการมีสมบัติมากไปไม่ใช้เรื่องผิดนะแต่ถ้ามีความยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราเสียพระราชัยสวรรค์ได้เลยละแม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ส่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ความชั่วยังคงวนเวียนอยู่ข้างเราเสมอ เราจะรอดได้ก้ต่อเมื่ออดทนและเชื่อในความรักของพระ การอภัย ความรัก การเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตน ยอมรับความผิดพลาด และปรับปรุง นี้บางที่อาจทำให้เราเขาใจในพระและรักพระองคืมากขึ้น ก็ได้
เห็นได้ว่าการมีสมบัติมากไปไม่ใช้เรื่องผิดนะแต่ถ้ามีความยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราเสียพระราชัยสวรรค์ได้เลยละแม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ส่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ความชั่วยังคงวนเวียนอยู่ข้างเราเสมอ เราจะรอดได้ก้ต่อเมื่ออดทนและเชื่อในความรักของพระ การอภัย ความรัก การเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตน ยอมรับความผิดพลาด และปรับปรุง นี้บางที่อาจทำให้เราเขาใจในพระและรักพระองคืมากขึ้น ก็ได้
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เป็นดอกของต้นเดิม คือบาปต้น 7 ประการ
ถ้าจะตัดต้องถอนที่ราก ไม่ใช่ตัดที่ดอก
ถ้าจะตัดต้องถอนที่ราก ไม่ใช่ตัดที่ดอก
แต่บางทีดอก มันก็หนาและใหญ่มาก จนไม่เห็นราก เลยไม่รู้ว่า นี่คือ ดอกของต้นบาปพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: เป็นดอกของต้นเดิม คือบาปต้น 7 ประการ
ถ้าจะตัดต้องถอนที่ราก ไม่ใช่ตัดที่ดอก
จริงๆ ทั้ง 7 ข้อนี้ มีนัยยะทางเทววิทยาที่ลึกซึ้งนะคะ ไม่ใช่อะไรตื้นๆง่ายๆ มันเป็นภาพสะท้อนของบาปในยุคปัจจุบัน เป็นภาพสะท้อนของคนในยุคนี้ และความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ พุธ ก.ย. 10, 2008 12:03 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ
ขอบคุณมากครับพี่
ข้องใจสองข้อนี้อะครับ
ข้อที่
3. ความร่ำรวยขึ้นจนเกินไป (Accumulating excessive wealth)
2. การใช้ยีนของมนุษย์ในทางผิดศีลธรรม (Genetic manipulation)
6. การค้นคว้าทดลองที่ยังไม่สรุปตกลงด้านศีลธรรม (Morally debatable experiments)
บิล เกตส จะได้ขึ้นสวรรค์ไหมครับ เพราะเขารวยสุดในโลก รวยเกินไป รวยเว่อ ๆ แต่เด๋วนี้เขาหันมาทำด้านการกุศลเต็มทีแล้วนิครับ
ข้อที่สอง ใช้แค่ยีน ผิดศีลธรรมด้วยเหรอครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย
ข้อที่หก
ผมว่านะ สองข้อนี้ รวมกันเป็นข้อเดียวคือ ห้ามการทดลองที่จะส่งผลกระทบต่อความเชือที่ว่าพระเจ้าสร้างโลก เพราะความจริงก็คือ พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก การทดลองใดๆ ซึ่งผลการทดลองจะมาขัดกับหลักความจริง ถือว่าเป็นบาปหนัก
ข้อที่
3. ความร่ำรวยขึ้นจนเกินไป (Accumulating excessive wealth)
2. การใช้ยีนของมนุษย์ในทางผิดศีลธรรม (Genetic manipulation)
6. การค้นคว้าทดลองที่ยังไม่สรุปตกลงด้านศีลธรรม (Morally debatable experiments)
บิล เกตส จะได้ขึ้นสวรรค์ไหมครับ เพราะเขารวยสุดในโลก รวยเกินไป รวยเว่อ ๆ แต่เด๋วนี้เขาหันมาทำด้านการกุศลเต็มทีแล้วนิครับ
ข้อที่สอง ใช้แค่ยีน ผิดศีลธรรมด้วยเหรอครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย
ข้อที่หก
ผมว่านะ สองข้อนี้ รวมกันเป็นข้อเดียวคือ ห้ามการทดลองที่จะส่งผลกระทบต่อความเชือที่ว่าพระเจ้าสร้างโลก เพราะความจริงก็คือ พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก การทดลองใดๆ ซึ่งผลการทดลองจะมาขัดกับหลักความจริง ถือว่าเป็นบาปหนัก
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เท่าที่อ่านดู 7 ข้อนั่น มันก็มีรากฐานมาจากบาป 7 ตัวเดิมอยู่ดีนี่นาครับ
(โลภ ยะโส โกรธ หลง ตะกละ อิจฉา เกียจคร้าน)
สรุป มันก็ของเดิมนั่นแหละแต่ที่ว่าเป็นของใหม่ก็แค่ "ผลส่วนหนึ่ง" ที่มาจากเจ้าเจ็ดตัวเก่าอยู่ดี
(โลภ ยะโส โกรธ หลง ตะกละ อิจฉา เกียจคร้าน)
สรุป มันก็ของเดิมนั่นแหละแต่ที่ว่าเป็นของใหม่ก็แค่ "ผลส่วนหนึ่ง" ที่มาจากเจ้าเจ็ดตัวเก่าอยู่ดี
- บิล เกตส์ ขึ้นสวรรค์ไหม ไม่รู้ ไม่ตัดสิน...เเต่รํารวยในที่นี้ หมายถึง มีเงินเเละไม่คิดจะบริจาคให้ใคร เกินความจำเป็นของคนๆนั้นbb_z เขียน: ข้องใจสองข้อนี้อะครับ
ข้อที่
3. ความร่ำรวยขึ้นจนเกินไป (Accumulating excessive wealth)
2. การใช้ยีนของมนุษย์ในทางผิดศีลธรรม (Genetic manipulation)
6. การค้นคว้าทดลองที่ยังไม่สรุปตกลงด้านศีลธรรม (Morally debatable experiments)
บิล เกตส จะได้ขึ้นสวรรค์ไหมครับ เพราะเขารวยสุดในโลก รวยเกินไป รวยเว่อ ๆ แต่เด๋วนี้เขาหันมาทำด้านการกุศลเต็มทีแล้วนิครับ
ข้อที่สอง ใช้แค่ยีน ผิดศีลธรรมด้วยเหรอครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย
ข้อที่หก
ผมว่านะ สองข้อนี้ รวมกันเป็นข้อเดียวคือ ห้ามการทดลองที่จะส่งผลกระทบต่อความเชือที่ว่าพระเจ้าสร้างโลก เพราะความจริงก็คือ พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก การทดลองใดๆ ซึ่งผลการทดลองจะมาขัดกับหลักความจริง ถือว่าเป็นบาปหนัก
(ถ้าบิล เกตส์ มีตังค์เท่าข้าพเจ้า เขาอาจจะให้เงินเดือนพนักงานบริษัทไม่ได้ เเละอาจจะบริจาคทุนให้คนขัดสน ไม่ได้)
- ใช้ยีนในทางที่ผิดศีลธรรมค่ะ อ่านดีๆ ไม่ใช่ ใช้ยีนเเล้วผิดศีลธรรม
เช่น เอายีนมนุษย์ มาตัดต่อกับสุนัข...เป็นตัวคุณเอง ก็คงไม่ยอม
- ไม่เกี่ยวกับพระเจ้าสร้างโลกตรงไหนเลยค่ะ เเล้วให้ตายยังไงก็ไม่ขัดกันด้วย
ยกเว้นจะมีใครบางคนตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ เข้าใจมาผิดๆ ฝังหัวมาผิดๆ
นึกว่าพระคัมภีร์ เป็นหนังสือชีวประวัติโลก คุณอย่าเอามารวมกันดีกว่า มันเป็นการเเสดงถึงความ "ไม่มีเหตุผล" ของคุณเอง
การทดลอง ในที่นี้ ยกตัวอย่างเช่น...ทดลองระเบิด เช่น อยู่ดีๆคุณอยากทดลองระเบิด อยากทราบว่าสภาพศพของคนที่โดนระเบิดเป็นอย่างไร
เเล้วอยู่ดีๆ คุณก็เอาระเบิดไปลง คนบริสุทธิ์ตายมากมาย เพื่อผลการทดลองของคุณ อันนี้ผิดศีลธรรมไหม...ผิด
ขอขยายผลเพิ่มเติม ข้อ ๖ การทดลองที่ยังไม่ได้ข้อยุติทางศีลธรรม
คือ บางทีแม้แต่การผลิตอาวุธขึ้นมา...ทางศีลธรรมเองก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
เพราะปกติอาวุธ สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายชีวิต ดังนั้นในทางผลจึงเป็นการผิดศีลธรรม
ขอบคุณฮะ
คือ บางทีแม้แต่การผลิตอาวุธขึ้นมา...ทางศีลธรรมเองก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
เพราะปกติอาวุธ สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายชีวิต ดังนั้นในทางผลจึงเป็นการผิดศีลธรรม
ขอบคุณฮะ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
น้องเจนเยี่ยมไปเลย
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่า พอดี(ไม่เกินความจำเป็นของคนๆนั้นละครับ) ถึงอย่างงั้นผมว่ามันก็ไม่เหมาะอยุ่ดีครับ บิล เกตส์เขาหาเงินมาได้ ด้วยความสามารถของเขาเองไม่ได้ไปโกงใคร ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของเขา ถ้าไม่ทำให้ใครเดือนร้อนเขาก็ไม่น่าจะบาปนิครับ (บาปเพราะรวยเกิน -*-)- บิล เกตส์ ขึ้นสวรรค์ไหม ไม่รู้ ไม่ตัดสิน...เเต่รํารวยในที่นี้ หมายถึง มีเงินเเละไม่คิดจะบริจาคให้ใคร เกินความจำเป็นของคนๆนั้น
(ถ้าบิล เกตส์ มีตังค์เท่าข้าพเจ้า เขาอาจจะให้เงินเดือนพนักงานบริษัทไม่ได้ เเละอาจจะบริจาคทุนให้คนขัดสน ไม่ได้)
ผมขอโทษแล้วกันครับที่เข้าใจผิด- ใช้ยีนในทางที่ผิดศีลธรรมค่ะ อ่านดีๆ ไม่ใช่ ใช้ยีนเเล้วผิดศีลธรรม
เช่น เอายีนมนุษย์ มาตัดต่อกับสุนัข...เป็นตัวคุณเอง ก็คงไม่ยอม
- ไม่เกี่ยวกับพระเจ้าสร้างโลกตรงไหนเลยค่ะ เเล้วให้ตายยังไงก็ไม่ขัดกันด้วย
ยกเว้นจะมีใครบางคนตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ เข้าใจมาผิดๆ ฝังหัวมาผิดๆ
นึกว่าพระคัมภีร์ เป็นหนังสือชีวประวัติโลก คุณอย่าเอามารวมกันดีกว่า มันเป็นการเเสดงถึงความ "ไม่มีเหตุผล" ของคุณเอง
ด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ-
การทดลอง ในที่นี้ ยกตัวอย่างเช่น...ทดลองระเบิด เช่น อยู่ดีๆคุณอยากทดลองระเบิด อยากทราบว่าสภาพศพของคนที่โดนระเบิดเป็นอย่างไร
เเล้วอยู่ดีๆ คุณก็เอาระเบิดไปลง คนบริสุทธิ์ตายมากมาย เพื่อผลการทดลองของคุณ อันนี้ผิดศีลธรรมไหม...ผิด
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
ก็ไม่ได้มีใครว่าเขา(บิล เกตส์)บาปนิ่คะแล้วแค่ไหนถึงเรียกว่า พอดี(ไม่เกินความจำเป็นของคนๆนั้นละครับ) ถึงอย่างงั้นผมว่ามันก็ไม่เหมาะอยุ่ดีครับ บิล เกตส์เขาหาเงินมาได้ ด้วยความสามารถของเขาเองไม่ได้ไปโกงใคร ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของเขา ถ้าไม่ทำให้ใครเดือนร้อนเขาก็ไม่น่าจะบาปนิครับ (บาปเพราะรวยเกิน -*-)
เเละปกติเขาก็บริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนในสหรัฐมากมายอยู่เเล้ว
ถ้าจำไม่ผิด ประเทศนี้ไม่ได้ยึดพระบัญญัติ เสมือน กฎหมายบ้านเมือง เหมือนในบางประเทศเเถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้หรอกค่ะด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
เเล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับพรรครีพับลิกัน (สังเกตได้จากโพล เลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯปีนี้)
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่บิล เกตส์ ละครับ เป็นคนที่รวยมากๆ รวยด้วยความสามารถของตัวเองและรวยโดยสุจริต แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว(แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นมหาเศรษฐี) เขาจึงไม่บริจาค เขาบาปไหมก็ไม่ได้มีใครว่าเขา(บิล เกตส์)บาปนิ่คะ
เเละปกติเขาก็บริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนในสหรัฐมากมายอยู่เเล้ว
ตรงนี้ไม่ต้องไปดูถึงบาปหนักสมัยใหม่ก็ได้นะคะbb_z เขียน: แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่บิล เกตส์ ละครับ เป็นคนที่รวยมากๆ รวยด้วยความสามารถของตัวเองและรวยโดยสุจริต แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว(แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นมหาเศรษฐี) เขาจึงไม่บริจาค เขาบาปไหม
ย้อนกลับไปตั้งเเต่ บาปต้น 7ประการเลยก็ยังไงได้
โดนเรื่อง "ความตระหนี่" (Covetousness) ไปเต็มๆเลยค่ะ เพราะไม่บริจาค
ในพระคัมภีร์ เเม้เเต่หญิงม่ายที่มีเงินเพียง 2 เหรียญ ยังบริจาคเลย
นายคนนี้(ที่คุณสมมติขึ้นมา) มีเงินขนาดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็น มหาเศรษฐีได้ เเสดงว่า ปัจจุบันต้องมีกินมีใช้มากทีเดียว
เเละนอกจากปัจจุบันจะ "รวย" อยู่เเล้ว!!!!!!!
แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะค่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
ผิดบาปต้นอีก1 "โลภอาหาร" (Gluttony)
สมบัติเเท้
มธ 6:19
ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนเเผ่นดินนี้เลย
ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมเเละขมวนกัดกิน
เเละถูกขโมยเจาะช่องเจ้ามาขโมยไปได้
เเต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่น
ไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน
เเละขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไม่ได้
เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด
ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
ป.ล. อย่างไรก็ตาม การจะตอบว่า "ทำเช่นนี้เป็นบาปหรือไม่" ไม่สามารถตอบได้ง่ายๆ
เพราะมันขึ้นอยู่กับมโนธรรมของเเต่ละคน ซึ่งเเน่นอนว่า มีพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบ
คำว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" มันความหมายไม่เหมือนกันนะครับ
การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า
ให้ตังขอทานเป็นการบริจาคไหม (เป็น ใช่ไหมครับ )
ขอทาน เราตังเขาไป ขอทานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาของสังคม และขอทานก็ทำกันเป็นขบวนการ ขอทานที่จังหวัดผมบางคนมีเงินฝากธนาคารหลายหมื่นเชียว
การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า
ให้ตังขอทานเป็นการบริจาคไหม (เป็น ใช่ไหมครับ )
ขอทาน เราตังเขาไป ขอทานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาของสังคม และขอทานก็ทำกันเป็นขบวนการ ขอทานที่จังหวัดผมบางคนมีเงินฝากธนาคารหลายหมื่นเชียว
ก็ยังไม่มีใครบอกเลยนี่ครับ ว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" ความหมายเหมือนกันbb_z เขียน: คำว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" มันความหมายไม่เหมือนกันนะครับ
การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า
ให้ตังขอทานเป็นการบริจาคไหม (เป็น ใช่ไหมครับ )
ขอทาน เราตังเขาไป ขอทานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาของสังคม และขอทานก็ทำกันเป็นขบวนการ ขอทานที่จังหวัดผมบางคนมีเงินฝากธนาคารหลายหมื่นเชียว
ที่น้องเจน บอกด้านบนคือ
1. ถ้าไม่บริจาค คือผิด เรื่องความตระหนี่
2. นายคนนี้(ที่คุณสมมติขึ้นมา) มีเงินขนาดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็น มหาเศรษฐีได้ เเสดงว่า ปัจจุบันต้องมีกินมีใช้มากทีเดียว
เเละนอกจากปัจจุบันจะ "รวย" อยู่เเล้ว!!!!!!!
แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
ซึงมันก็คนละหัวข้อกันเลยครับ
แล้วเรื่องการบริจาค ก็เป็นสิทธิ์ของใครของมัน ใช่แล้วครับผม
แต่ว่าไม่จำเป็นต้องบริจาคขอทานนี่ครับ บริการมูลนิธิสงเคราะห์คนพิการ หรืออย่างอื่นก็ได้
และเรื่องบริจาคให้คนพิการ แค่เราคิดว่าเป็นการทำบุญก็พอครับ คิดว่าให้แล้ว ก็สบายใจ
ไม่ต้องคิดว่าเขาจะเป็นขบวนการหรือหรือแก๊งอะไรหรอกครับ
การบริจาคแบบเต็มใจให้ก็เพียงพอแล้วครับ
bb_z เขียน: การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า
อันนี้คุณพูดถูกค่ะ เป็นสิทธิ์ของเราจริงๆ
คนที่มีทรัพย์สมบัติ หากคิดดีๆก็ควรจะขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ให้โอกาสเราช่วยเหลือพี่น้องคนอื่นๆ
น้อยคนนักที่จะบอกว่า "การทำดี ทำให้จิตใจเขาไม่สงบสุข" ค่ะ
ในพระคัมภีร์ก็มีกล่าวไว้
- จงมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน... (คส 3:12)
- อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว...จงเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย (ฟป 2:4)
- จงยื่นมือช่วยคนยากจนเช่นกัน เพื่อท่านจะได้รับพระพรอย่างอุดม (บสร 7:32)
พระคัมภีร์ไม่ได้บังคับจิตใจ ให้ใครต้องบริจาคเงินหรอกนะคะ เเต่ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
เเละมีประโยชน์เพื่อสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขเเละอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม (2ทธ 3:16)
พระเจ้าอวยพรค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อังคาร ต.ค. 28, 2008 12:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
มันก็ไม่ได้แปลว่า เขาไปทำแบบนั้น เขาจะไม่บาป เพราะว่าประเทศเขานับถือคริสต์นี่ด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาคแต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
ก็เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆ นานา เพื่อความสุขส่วนตน... เห็นได้ชัดเลย ความสุขส่วนตน พระเยซูเจ้าก็สอนเราแล้วว่าสุขที่แท้จริงคือการได้ให้ เขาอาจไม่บาปตรงนี้ แต่ว่า ถ้าเรื่อยๆ ล่ะ โดยไม่ทำทานช่วยเหลือใครเลย คำว่าเรื่อยๆ อยากได้เรื่อยๆ นี่แหล่ะครับ โลภ กับ ตัณหาbb_z เขียน:แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาคแต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ
เขามีความคิดว่าเงินเขาหามาได้ จะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค - พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิดก็ไม่ได้สุขสบายนะครับอย่าลืม ให้ลองดูอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาอยู่สุขสบายเพราะมรดกเยอะ จะบาป แต่ว่า ถ้าเขาไม่รู้จักให้ มัวแต่จะเก็บๆ ไว้ อยู่ดีๆ วันหนึ่งบ้านบึ้มตายทั้งบ้าน เงินล่ะ?
ถ้าสมมติว่าโลกเรารวยหมด แต่ละคนใช้แต่ของของตน โดยไม่นึกถึงใครเลย คนเราจะเห็นแก่ตัวขนาดไหน? (ผมไม่ได้ฟันธง คิดเอาเองว่าขนาดไหน) แล้วการที่ทุกคนมีพอแล้ว ไม่มีใครรวยไม่มีใครจน ไม่มีใครทำทาน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความรักจะกำเนิดได้อย่างไร (คิดเอาเองอีกเช่นกัน)
คำตอบของคำถามของคุณ หาได้ในพระคัมภีร์ครับ ลองเปิดอ่านดูนะ
bb_z เขียน:
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค
อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ
เอา พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เป็นเกณฑ์ค่ะ
1. โลภ
ความหมาย
น. ความอยากได้ไม่รู้จักพอ. (ป., ส.).
อาการของนาย ก. ที่เกี่ยวข้อง
- "เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ "
- "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว"
2. ตระหนี่
ความหมาย
[ตฺระหฺนี่] ว. หวงไม่อยากให้ง่าย ๆ เช่น ตระหนี่ทรัพย์ ตระหนี่ความรู้.
3. หวง
ความหมาย
ก. ไม่อยากให้, สงวนไว้, กันไว้
อาการของนาย ก. ที่เกี่ยวข้อง
- "แต่นายก็ไม่เคยบริจาค "
- "เขาจึงไม่บริจาค "
ถ้าเป็นคนใจดี บริจาคคนอื่นซัก 5 บาท ก็ยังดีค่ะ....บริจาค 5 บาท คงไม่ถึงกับทำให้ชีวิตลูกหลานตนเองต้องตกอับหรอกนะคะ :azn:
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อังคาร ต.ค. 28, 2008 11:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มันยุติธรรมเหรอครับ กว่าที่คนคนหนึ่งจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ แล้วมีความคิดอยากเก็บเงินที่ตัวเองหามาได้ให้ลูกให้หลานใช้ ลูกหลานจะได้ไม่ลำบากเขามีความคิดว่าเงินเขาหามาได้ จะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค - พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิดก็ไม่ได้สุขสบายนะครับอย่าลืม ให้ลองดูอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาอยู่สุขสบายเพราะมรดกเยอะ จะบาป แต่ว่า ถ้าเขาไม่รู้จักให้ มัวแต่จะเก็บๆ ไว้ อยู่ดีๆ วันหนึ่งบ้านบึ้มตายทั้งบ้าน เงินล่ะ?
หรือให้เขาเอาเงินที่หามาทั้งชีวิต บริจาค เหลือไว้ใช้พอตัวเอง
ลูกหลานเกิดมาให้มาดิ้นรนเอาเองไม่ต่างไรกับลูกหลานของขอทาน(สมมุตินะครับ)
ถึงคุณ †Ecclēsia
ช่วยดูพจนารุกรมให้ทีครับ ว่าคำว่า แค่ไหน ถึงเรียกว่า "พอ"
ภาษาอังกฤษอธิบายได้เข้าใจมากกว่า
คำว่าพอ...
- enough (adv.)
to the degree that is necessary or wanted....
- moderately (adv.)
in a way which is not extreme or stays within reasonable limits. (ชัดเจนนะคะ)
ในกรณีของบาปหนักข้อที่คุณสงสัย "รวยเกินความจำเป็น" (ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดรีพลายตามหลังมาอีกมากมายนั้น)
ภาษาอังกฤษนอกจาก "Accumulating excessive wealth" เเล้ว ยังเขียนได้อีกว่า "the obscenely rich"
The obscenely rich
- Obscene (adj.)
extremely unfair, immoral or unpleasant...
+ immoral (adj) = morally wrong
Ex. It's immoral to be rich while people are starving and homeless. (ตัวอย่างเขาได้ใจมาก)
ข้อสังเกต :ดิคเล่มนี้พิมพ์ออกมาก่อนที่พระสันตะปาปาจะประกาศให้อาการ "รวยเกินความจำเป็น" เป็นบาปซะอีกนะคะ
จากตัวอย่างตะกี้ เเสดงว่าสังคมทั่วไป(รวมถึงคนเขียนหนังสือ) ได้ยอมรับมาก่อนเเล้วว่า การที่รวย ขณะที่คนอื่นเขายากลำบาก นั้นผิดศีลธรรม
อ้างอิง :Longman Exams Dictionary
ลองเปรียบเทียบดูเองเเล้วกันนะคะ ว่ามหาเศรษฐีที่คุณสมมติขึ้นมานั้น เข้าข่ายหรือเปล่า
เเต่"พอ" สำหรับข้าพเจ้าเเล้วเเหล่ะค่ะ...เกิดขอบเขตเนื้อหาของกระทู้นี้มาพักนึงเเล้ว That's enough for me...
คำว่าพอ...
- enough (adv.)
to the degree that is necessary or wanted....
- moderately (adv.)
in a way which is not extreme or stays within reasonable limits. (ชัดเจนนะคะ)
ในกรณีของบาปหนักข้อที่คุณสงสัย "รวยเกินความจำเป็น" (ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดรีพลายตามหลังมาอีกมากมายนั้น)
ภาษาอังกฤษนอกจาก "Accumulating excessive wealth" เเล้ว ยังเขียนได้อีกว่า "the obscenely rich"
The obscenely rich
- Obscene (adj.)
extremely unfair, immoral or unpleasant...
+ immoral (adj) = morally wrong
Ex. It's immoral to be rich while people are starving and homeless. (ตัวอย่างเขาได้ใจมาก)
ข้อสังเกต :ดิคเล่มนี้พิมพ์ออกมาก่อนที่พระสันตะปาปาจะประกาศให้อาการ "รวยเกินความจำเป็น" เป็นบาปซะอีกนะคะ
จากตัวอย่างตะกี้ เเสดงว่าสังคมทั่วไป(รวมถึงคนเขียนหนังสือ) ได้ยอมรับมาก่อนเเล้วว่า การที่รวย ขณะที่คนอื่นเขายากลำบาก นั้นผิดศีลธรรม
อ้างอิง :Longman Exams Dictionary
ลองเปรียบเทียบดูเองเเล้วกันนะคะ ว่ามหาเศรษฐีที่คุณสมมติขึ้นมานั้น เข้าข่ายหรือเปล่า
เเต่"พอ" สำหรับข้าพเจ้าเเล้วเเหล่ะค่ะ...เกิดขอบเขตเนื้อหาของกระทู้นี้มาพักนึงเเล้ว That's enough for me...
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ พุธ ต.ค. 29, 2008 5:24 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เรื่องบาปหนักสมัยใหม่เนี่ย คนที่จะเถียงได้ ความรู้พื้นฐานทางเทววิทยาต้องมีมากกว่านี้นะคะ จะได้รู้ว่า เค้าคิดอะไรกัน มีพื้นฐานความคิดมาจากไหน เพราะความคิดที่ออกมาค่อนข้างลึกซึ้ง และที่สำคัญ ต้องรู้นิยามพื้นฐานของคำว่า "บาป" ก่อน ไม่งั้นคุยกันคนละเรื่องเลย