*** ท่าน เป็นดินประเภทใด ***

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 6:54 am

                                                                 ท่านเป็นดินชนิดใด???
                                                                                   โปรดปราน (พีพี )

                     

5
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 9:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 6:58 am

รูปภาพ



3.เมล็ดตกกลางหนาม
7บ้างก็ตกที่กลางต้นหนาม   ต้นหนามก็งอกขึ้นมาด้วยปกคลุมเสีย... 14ที่ตกกลางหนามนั้นได้แก่คนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วออกไป   และความปรารภปรารมภ์   ทรัพย์สมบัติ   ความสนุกสนานแห่งชีวิตนี้ก็ปกคลุมเขา   ผลของเขาจึงไม่เติบโต (ข้อ 7, 14 )

        พืชที่งอกกลางหนามก็อันตรายมาก เขาเป็นได้แค่บอนไซ (Bonsai)  ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เพราะอุปสรรคมากมาย บรรดาอุปสรรคนั้นคือขวากหนามที่ทำให้จิตวิญญาณเขาโตไม่ได้ เราเรียกยุคนี้ว่า ยุคโลกาวิวัฒน์ หรือยุคโลกไร้พรมแดนหรือ ยุคบริโภคนิยม ผู้คนรักการเสพ ชอบจับจ่ายกันอย่างไม่อั้น เพิ่มกิเลสตัณหา และความอยากอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นยุคที่แข่งขันกันร้ายกาจจริงๆ คนลุ่มหลงงมงายยอมเป็นทาสของวัตถุ บูชาทรัพย์สมบัติ ทำงานหาเงินกันหามรุ่งหามค่ำ ตักตวงกันอย่างไม่รู้จักพอ ชีวิตตกเป็นทาสของเทคโนโลยีนาๆ ชนิดจนกระทั่งคนขาดความเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาเกือบจะหมดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เด็กและเยาวชน รักสนุกสนาน ปล่อยตัวและจิตใจให้สนุกกันสุดๆ สถานเริงรมย์ รูปแบบแปลกๆเกิดขึ้นมากมาย  กิน-ดื่มกันจนจุก เที่ยวจนตาย เป็นต้น ที่กล่าวมานี้คือปัญหาใหญ่ของสังคมไทยและของคริสตชนในปัจจุบันเช่นกันเพราะแม้จะเลือกคู่ครองก็ต้องเอาวัตถุมาวางเป็นเดิมพันแทนความเชื่อศรัทธาองค์พระผู้เป็นเจ้า

ฉันสังเกตชีวิตคริสตชนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คือพวกเขามีแต่ความห่วง เช่นห่วงกายภาพของตัวเองและบริวาร ฉันรู้จักคริสเตียนที่ร่ำรวยขั้นมหาเศรษฐีหลายคน เมื่อเราร่วมกลุ่มกันภาวนา พวกเขายังขอให้ช่วยวิงวอนขอทรัพย์สินให้มากยิ่งๆ ขึ้นแก่ลูกๆ แทนที่จะให้ช่วยกันวิงวอนให้ลูกเติบโตในพระเยซูเจ้า ดำเนินชีวิตเป็นคริสตชนที่ยำเกรงพระเจ้า หรือ วิงวอนขอสติปัญญาให้พวกเขาจะรักษาทรัพย์สินไว้ได้ และให้มีใจเมตตาใช้ทรัพย์เพื่อพันธกิจของพระเจ้า

จึงไม่แปลกที่คริสตชนชอบส่ำสมความร่ำรวยในโลกนี้ แข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ เข่นฆ่ากันทางอารมณ์ ส่ำสม เหมือนกับเขาจะไม่ตายจากโลกนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 9:23 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 1:26 pm

ขอบคุณน้องโฮลี่มากที่ช่วยใส่ภาพให้ ทำให้บทความน่าอ่าน และความหมายชัดเจนขึ้นค่ะ :grin:
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 2:24 pm

[quote="Prod Pran"]
                                                                 ท่านเป็นดินชนิดใด???
                                                                                   โปรดปราน (พีพี )

                     

5
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 8:53 pm

ขอบคุณพี่พีพีมากค่ะ ::001:: : xemo026 :
Phulasso เขียน: บ้างก็ตกที่ดินดี   จึงงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า........ หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง

ขอโปรดอธิบายเพิ่มเติมด้วย ว่าทำไมเมื่อตกในดินดีจึงเกิดผลไม่เท่ากัน
ขอบคุณครับ  :huh:
จากบทความนี้ ได้กล่าวไว้ว่า...

"เมล็ด   = พระวจนะของพระเจ้า
ดิน   = ใจของมนุษย์ (จิตวิญญาณ)"


ดังนั้น เมื่อเมล็ดตกลงในดิน (หรือเมื่อจิตวิญญาณของเราที่ได้รับพระวจนะของพระเจ้า) จะเจริญงอกงามแค่ไหน ผลมากมายเพียงใดนั้น
ขึ้นอยู่กับว่าเราเองที่จะเปิดใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้าให้เข้ามาในชีวิต เรียนรู้ เข้าใจ ปฏิบัติตาม และสามารถนำไปพัฒนาใช้ในชีวิตได้มากน้อยแค่ไหนจ๊ะ ::001::

ส่วนเมล็ดที่หว่านลงในดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาและเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง (มัทธิว 13:23)
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 8:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 10:26 pm

กลัวตัวเองเป็นเมล็ด ที่ตกลงบนพื้นซีเมนต์  ::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 10:28 pm

†Ecclēsia เขียน: กลัวตัวเองเป็นเมล็ด ที่ตกลงบนพื้นซีเมนต์  ::010::
แล้วไม่นาน พื้นซีเมนต์นั้นก็ถูกรื้อทำลาย และนำไปเป็นหิน แล้วนำไปราดพื้นซีเมนต์ใหม่

ทีนี้เมล็ดที่ปะปนอยู่ในหินนั้น ก็กลายเป็นอยู่ในเนื้อพื้นซีเมนต์ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย  ::006::
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 10:29 pm

†Ecclēsia เขียน: กลัวตัวเองเป็นเมล็ด ที่ตกลงบนพื้นซีเมนต์  ::010::
สำหรับเจนน่ะ ไม่จริงหรอกจ้า : emo045 :
เคร่งแต่ไม่เครียด เขียน:
†Ecclēsia เขียน: กลัวตัวเองเป็นเมล็ด ที่ตกลงบนพื้นซีเมนต์  ::010::
แล้วไม่นาน พื้นซีเมนต์นั้นก็ถูกรื้อทำลาย และนำไปเป็นหิน แล้วนำไปราดพื้นซีเมนต์ใหม่

ทีนี้เมล็ดที่ปะปนอยู่ในหินนั้น ก็กลายเป็นอยู่ในเนื้อพื้นซีเมนต์ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย  ::006::
ช่างคิดนักนะ ::010::
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 10:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 11:05 pm

เคร่งแต่ไม่เครียด เขียน:
†Ecclēsia เขียน: กลัวตัวเองเป็นเมล็ด ที่ตกลงบนพื้นซีเมนต์  ::010::
แล้วไม่นาน พื้นซีเมนต์นั้นก็ถูกรื้อทำลาย และนำไปเป็นหิน แล้วนำไปราดพื้นซีเมนต์ใหม่

ทีนี้เมล็ดที่ปะปนอยู่ในหินนั้น ก็กลายเป็นอยู่ในเนื้อพื้นซีเมนต์ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย  ::006::
แต่ว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปเป็นหมื่นปี มีคนยุคหลังมาค้นพบ คงจะเป็นประโยชน์ที่เขาจะหา DNA สายพันธุ์ ฮะ : emo038 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 11:17 pm

Viridian เขียน:
Phulasso เขียน: บ้างก็ตกที่ดินดี   จึงงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า........ หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง
ขอโปรดอธิบายเพิ่มเติมด้วย ว่าทำไมเมื่อตกในดินดีจึงเกิดผลไม่เท่ากัน
จากบทความนี้ ได้กล่าวไว้ว่า...

"เมล็ด   = พระวจนะของพระเจ้า
ดิน   = ใจของมนุษย์ (จิตวิญญาณ)"


ดังนั้น เมื่อเมล็ดตกลงในดิน (หรือเมื่อจิตวิญญาณของเราที่ได้รับพระวจนะของพระเจ้า) จะเจริญงอกงามแค่ไหน ผลมากมายเพียงใดนั้น
ขึ้นอยู่กับว่าเราเองที่จะเปิดใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้าให้เข้ามาในชีวิต เรียนรู้ เข้าใจ ปฏิบัติตาม และสามารถนำไปพัฒนาใช้ในชีวิตได้มากน้อยแค่ไหนจ๊ะ ::001::
เห็นด้วยกับคำตอบของคุณ Viridian อยากเพิ่มเติมอีกนิด หนึ่ง ในมุมมองของเจี๊ยบก็คือ ขึ้นอยู่กับพระเมตตา และน้ำพระทัยของพระเจ้าครับ

แต่อย่างไรก็ตามให้ดูที่ผลว่า ดินดี เมล็ดว่านลงไปก็เกิดผล เปรียบเสมือน เราค้าขาย ได้กำไร 100% รวยไป ได้ 60% ก็ยังรวย
และ 30% ก็เศรษฐกิจพอเพียง สรุปสั้นๆง่าย จะได้ผลกี่เท่า ถึงแม้ไม่เท่ากัน ก็คิดเกิดผลครับ :cheesy:
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

จันทร์ พ.ย. 10, 2008 2:47 pm

Jeab Agape เขียน:
Viridian เขียน:
Phulasso เขียน: บ้างก็ตกที่ดินดี   จึงงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า........ หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง
ขอโปรดอธิบายเพิ่มเติมด้วย ว่าทำไมเมื่อตกในดินดีจึงเกิดผลไม่เท่ากัน
จากบทความนี้ ได้กล่าวไว้ว่า...

"เมล็ด   = พระวจนะของพระเจ้า
ดิน   = ใจของมนุษย์ (จิตวิญญาณ)"


ดังนั้น เมื่อเมล็ดตกลงในดิน (หรือเมื่อจิตวิญญาณของเราที่ได้รับพระวจนะของพระเจ้า) จะเจริญงอกงามแค่ไหน ผลมากมายเพียงใดนั้น
ขึ้นอยู่กับว่าเราเองที่จะเปิดใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้าให้เข้ามาในชีวิต เรียนรู้ เข้าใจ ปฏิบัติตาม และสามารถนำไปพัฒนาใช้ในชีวิตได้มากน้อยแค่ไหนจ๊ะ ::001::
เห็นด้วยกับคำตอบของคุณ Viridian อยากเพิ่มเติมอีกนิด หนึ่ง ในมุมมองของเจี๊ยบก็คือ ขึ้นอยู่กับพระเมตตา และน้ำพระทัยของพระเจ้าครับ
อือมม พอพี่เจี๊ยบพูดแบบนี้ หนูก็เลยมานั่งคิดๆ ว่า "ดินดี" แต่ละดิน ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ต้นไม้แต่ละชนิด ก็ต้องการดินที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เฉกเช่นเดียวกับกระแสเรียกที่พระเป็นเจ้ามีต่อเราแต่ละคน
ดอกผลของต้นไม้แต่ละชนิด ก็เหมือนกับว่า เราเอาพระวจนะของพระเจ้า ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบไหนนั่นเอง

และคำพูดของพี่เจี๊ยบก็ทำหนูก็คิดได้อีกว่า...
แม้จะเป็นดินชนิดเดียวกัน แต่ต่างภูมิประเทศ ก็มีอาหารและแร่ธาตุในดินไม่เท่ากัน (ทำให้ผลออกมาไม่เท่ากัน)

แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีแร่ธาตุในดินมากหรือน้อย เมื่อต้นไม้ดูดเอาแร่ธาตุจากดินไปหมด
เมื่อดินไม่มีอาหารไปหล่อเลี้ยงต้นไม้แล้ว ต้นไม้ก็ต้องกลับไปเหี่ยวเฉาตายอยู่ดี

ดังนั้น หากจะให้เมล็ดพันธุ์นั้นเติบโตได้ผลงอกงาม ออกดอกออกผลอยู่เสมอ
เราจะหวังเพิ่งแต่คุณสมบัติเดิมของดินไม่ได้ (และไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเดิมของดินเท่านั้น)
เราต้องหมั่น "ใส่ปุ๋ย"และ "พรวนดิน" ด้วย

ปุ๋ย   = ความรัก : xemo026 :
แม้เราจะทำกิจการดีมากมาย แต่หากไม่ได้กระทำกิจการเหล่านั้นด้วยความรัก กิจการดีเหล่านั้นย่อมไม่มีประโยชน์

พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด ข้าพเจ้าจะขอชี้ทางที่ดีกว่าให้ท่าน
แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้  ถ้าไม่มีความรัก   ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อ และมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้    ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเอง  ให้นำไปเผาไฟเสีย ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับประโยชน์ใด (1โครินธ์ 13:1-3)


พรวนดิน   = การสวดภาวนา ::017::
การสวดภาวนาถือว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้า ให้เราได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น
และช่วยให้จิตวิญญาณของเราได้เติบโตขึ้นด้วยค่ะ ทั้งด้านความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก

มีพระสมณสาสน์เรื่องพระจิตเจ้า ที่องค์สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเขียนไว้เมื่อวันที่ (18 พฤษภาคม 1986) ว่า

"พระจิตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นของประทาน หรือทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นความรัก"

ดังนั้นเราเข้าใจว่า ถ้าพระองค์เป็นความรักหมายถึงการให้ การอุทิศตนรับใช้ผู้อื่น และเราทราบว่าพระจิตเจ้าทรงเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดของผู้ให้ พระองค์ประทานพระคุณ 7 ประการแก่มนุษย์ คือ พระดำริ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรงพระเจ้า และพระจิตเจ้าก็ได้ประทานพระคุณเหล่านี้ให้แก่พระเยซูเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดังที่เราเห็นในกิจการและพระวาจาของพระคริสตเจ้าอย่างชัดเจน พระจิตเจ้ายังประทานพระคุณเหล่านี้ ให้แก่เราเพื่อให้เราสามารถมีความรู้สึกและทำกิจการเช่นเดียวกับพระคริสตเจ้าได้

(ที่มา : http://www.catholic.or.th/events/news/n ... ws008.html)


หนูว่าถ้าหมั่นพรวนดินและใส่ปุ๋ย ต่อให้เป็นดินดีธรรมดา ก็สามารถพัฒนาให้ออกดอกออกผลได้มากไม่แพ้ดินสีดาเจ้าค่ะ : emo038 :
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ จันทร์ พ.ย. 10, 2008 3:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร พ.ย. 11, 2008 10:32 pm

เป็นดินสอพองผสมสี
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

เสาร์ พ.ย. 15, 2008 10:20 am

ข้อนี้ถ้าเปรียบเทียบทางพุทธก็คงเป็นดอกบัว 4 เหล่า กับ ดิน 4 ประเภท
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

เสาร์ พ.ย. 15, 2008 10:25 am

อืมเราจะเอาเรื่องดินนี้ไปเปรียบเทียบกับเรื่องอื่นๆ ได้ไหม เช่น คำสั่งสอนของครู ความเข้าในสิ่งต่าง คำสั่งสอนของพ่อแม่เป็นต้น?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ พ.ย. 15, 2008 12:47 pm

มีความคล้ายคลึง ก็ได้ครับ

เช่น ดินแต่ละประเภท กับ บัว 4 เหล่า เป็นการจำแนกคนออกเป็นส่วนๆ ที่ต่างกัน

แต่โดยแก่นอันเป็นสาระแล้ว บางเรื่องก็ไม่ได้ครับ

เช่น ดินกับเมล็ดพืช หมายถึง มนุษย์กับความเชื่อ

ในขณะที่บัวกับการพ้นน้ำ หมายถึง มนุษย์กับการหลุดพ้นด้วยปัญญา

สำหรับชาวเราแล้ว

การเป็นดินที่ดีเหมาะแก่เมล็ดพันธุ์ความเชื่อแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ตัวดินอย่างเดียวครับ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้ำำพระทัยของพระองค์ที่จะทรงโปรยปรายลงมาให้แผ่่นดินชุ่มฉ่ำ แล้วเมล็ดเหล่านั้นจึงงอกงามได้ อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ย. 15, 2008 1:14 pm

Edwardius เขียน: มีความคล้ายคลึง ก็ได้ครับ

เช่น ดินแต่ละประเภท กับ บัว 4 เหล่า เป็นการจำแนกคนออกเป็นส่วนๆ ที่ต่างกัน

แต่โดยแก่นอันเป็นสาระแล้ว บางเรื่องก็ไม่ได้ครับ

เช่น ดินกับเมล็ดพืช หมายถึง มนุษย์กับความเชื่อ

ในขณะที่บัวกับการพ้นน้ำ หมายถึง มนุษย์กับการหลุดพ้นด้วยปัญญา

สำหรับชาวเราแล้ว

การเป็นดินที่ดีเหมาะแก่เมล็ดพันธุ์ความเชื่อแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ตัวดินอย่างเดียวครับ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้ำำพระทัยของพระองค์ที่จะทรงโปรยปรายลงมาให้แผ่่นดินชุ่มฉ่ำ แล้วเมล็ดเหล่านั้นจึงงอกงามได้ อาเมน
เรื่องนี้มีจุดเหมือนอย่างเดียวคือ การนำสิ่งใกล้ตัวมาเปรียบเทียบคนฟังธรรม

แต่มุมมองของทั้ง2นั้น แตกต่างกันมากครับ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ พ.ย. 17, 2008 10:42 am

เป็นดินเนื้องทอง ( กำลังออนแอร์ที่ ช่อง 3 )ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Double*P
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 24, 2007 9:44 pm

ศุกร์ พ.ย. 21, 2008 7:05 pm

เข้าใจเลยตัวเองเป็นก้อนดินแบบไหน ...
ตอบกลับโพส