ความคิดของน้องก็ creative ดีจ้ะ นึกไปถึง antichrist ได้Viridian เขียน: ความคิดของพี่บัดดี้มีเหตุผลดีเจ้าค่ะ
ขอบคุณมากนะคะพี่บัดดี้ สำหรับการไขปริศนาภาพวาด![]()
![]()
![]()
สนใจในศาสนาคริส
ตามลิงค์รูปไปมีคำอธิบายภาพดังนี้ครับViridian เขียน:แล้วคนที่ถูกล่ามโซ่ที่อยู่ใต้กางเขนนี่เป็นใครหรอคะ :huh:Buddy เขียน: ตอนนี้ พี่ขอตอบเป็นรูปภาพละกันนะคะ ในรูปนะคะ ในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้ากำลังดึงอดัมและเอวา มนุษย์คู่แรกที่ได้ทำบาปขึ้นมาจากแดนผู้ตาย ภาพด้านหลัง ผู้ที่มีวงแหวนรอบศรีษะ คือบรรดาประกาศกทั้งหลายก่อนหน้านี้ ทั้งโมเสส กษัตริย์ดาวิด โซโลมอน กระทั้งอาเบล (ที่ถูกคาอินฆ่าตาย ก็เป็นผู้ชอบธรรมในสายตาพระเจ้า ก็อยู่ในสวรรค์) ประกาศกเอลิชา ... คนก่อนหน้านี้ หากเขาเป็นผู้ชอบธรรม เค้าจะได้ไปอยู่กับพระเป็นเจ้าค่ะ ... เค้ายังไม่รู้จักพระเยซูเจ้าหรอกค่ะ ไม่รู้จักพระตรีเอกภาพ แต่เค้าก็จะมีพระเจ้าที่เค้ารู้จัก เท่าที่พระองค์เผยแสดงให้กับเค้า เพราะแผนการณ์ไถ่กู้ยังไม่สำเร็จ ซึ่งพระเป็นเจ้าก็ยุติธรรมที่จะให้บรรดาผู้ชอบธรรมไปอยู่กับพระองค์ก่อนค่ะ
This icon is also called the "Descent into Hades." Notice that Jesus is standing on the Cross. It is through the power of "the Cross" that Jesus was raised from the dead. Satan is bound in chains, but Adam and Eve are being raised. (Jesus Christ is the New Adam, accomplishing for humanity what Adam failed to do.) Notice also, the mandorla surrounding Christ. His glory is evident through the power of His Resurrection.
อ่านต่อเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://www.orthodoxonline.com/icons.htm
ที่แท้คือ ซาตานนี่เอง ขอบคุณมากค่ะพี่Holy เขียน:
ตามลิงค์รูปไปมีคำอธิบายภาพดังนี้ครับ
This icon is also called the "Descent into Hades." Notice that Jesus is standing on the Cross. It is through the power of "the Cross" that Jesus was raised from the dead. Satan is bound in chains, but Adam and Eve are being raised. (Jesus Christ is the New Adam, accomplishing for humanity what Adam failed to do.) Notice also, the mandorla surrounding Christ. His glory is evident through the power of His Resurrection.
อ่านต่อเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://www.orthodoxonline.com/icons.htm
แจ่มมากคับพี่โฮลี่Holy เขียน:
ตามลิงค์รูปไปมีคำอธิบายภาพดังนี้ครับ
This icon is also called the "Descent into Hades." Notice that Jesus is standing on the Cross. It is through the power of "the Cross" that Jesus was raised from the dead. Satan is bound in chains, but Adam and Eve are being raised. (Jesus Christ is the New Adam, accomplishing for humanity what Adam failed to do.) Notice also, the mandorla surrounding Christ. His glory is evident through the power of His Resurrection.
อ่านต่อเต็มๆได้ที่นี่ครับ http://www.orthodoxonline.com/icons.htm
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
-
cigarman_doy

- โพสต์: 7
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 07, 2008 11:34 pm
ขอถามอีกนิดน่ะคับ
แล้วตกลงคนในยุคเดียวกับพระเยซูมีความเชื่อเว่าพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเหมือนกับคนในยุคหลังรึปล่าวคับ?
แล้วตกลงคนในยุคเดียวกับพระเยซูมีความเชื่อเว่าพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเหมือนกับคนในยุคหลังรึปล่าวคับ?
- BloodyCross

- โพสต์: 413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 10, 2008 9:49 pm
- ที่อยู่: หน้าจอคอม
อายจัง...

-
Batholomew
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
มีสิครับ เพราะพวกเขาก็รอคอยการเสด็จมาของพระแมสสิยาห์อยู่ครับcigarman_doy เขียน: ขอถามอีกนิดน่ะคับ
แล้วตกลงคนในยุคเดียวกับพระเยซูมีความเชื่อเว่าพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเหมือนกับคนในยุคหลังรึปล่าวคับ?
แน่นอนอยู่แล้วcigarman_doy เขียน: ขอถามอีกนิดน่ะคับ
แล้วตกลงคนในยุคเดียวกับพระเยซูมีความเชื่อเว่าพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเหมือนกับคนในยุคหลังรึปล่าวคับ?
ยน 3:14
โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใดบุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลกแต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษแต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้วเพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้วแต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง และไม่เข้าใกล้ความสว่างเกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริงย่อมเข้าใกล้ความสว่างเพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า
-
cigarman_doy

- โพสต์: 7
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 07, 2008 11:34 pm
สงสัยคับ ถ้าหากเราเชื่อว่าพระเยซูลงมาตายเพื่อไถ่บาปนั้นก็แสดงว่าคนที่นับถือพระเยซูคริสก็ไม่มีบาปติดตัวเพราะพระคริส ตายเพื่อไถ่บาปให้พวกเราแล้วใช่ไม่คับ?
ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง คือเชื่อว่าพระองค์คือพระเจ้า ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ ก็จะพ้นบาปครับcigarman_doy เขียน: สงสัยคับ ถ้าหากเราเชื่อว่าพระเยซูลงมาตายเพื่อไถ่บาปนั้นก็แสดงว่าคนที่นับถือพระเยซูคริสก็ไม่มีบาปติดตัวเพราะพระคริส ตายเพื่อไถ่บาปให้พวกเราแล้วใช่ไม่คับ?
-
cigarman_doy

- โพสต์: 7
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 07, 2008 11:34 pm
ใครก็ได้ช่วยตอบคำถามให้ผมเครียหน่อยได้มั้ยคับ เพราะเท่าที่อ่านมา ผมไม่มีหลักฐานยืนยันจากไบเบิลเลยคับ
-
Starry Night

- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
เถียงกันซะเด็กๆอย่างเรางงเลย --
-
Batholomew
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
cigarman_doy เขียน: ใครก็ได้ช่วยตอบคำถามให้ผมเครียหน่อยได้มั้ยคับ เพราะเท่าที่อ่านมา ผมไม่มีหลักฐานยืนยันจากไบเบิลเลยคับ
กาลาเทีย 3:22 แต่พระคัมภีร์ได้บ่งว่าทุกคนอยู่ในความบาปเพื่อจะประทานตามพระสัญญาแก่คนทั้งปวงที่เชื่อโดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นหลัก..
1033 เราไม่สามารถจะรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้fernezzo เขียน: พวกท่านรู้กันหรือไม่ครับว่า กว่าที่เราจะได้เห็นได้อ่านไบเบิ้ลนั้นน่ะ รู้ไหมว่าไบเบิ้ลสร้างมาจากคำภีร์จารึกโบราหลายๆฉบับหลายๆตอน ซึ่งท่านรู้หรือไม่ว่ามีตั้งเป็นพันๆตอน แล้วหลายตอนที่ได้กล่าวถึงว่าพระเจ้าแท้จริงไม่ได้มีพระองค์เดียว ซึ่งนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมในไบเบิ้ลจึงมีอยู่แค่นี้ทั้งๆที่น่าจะมีมากกว่านี้หลายเท่า!! โดนปลดน่ะซีครับ คงไว้แต่จารึกที่ว่ามีพระเจ้าพระองค์เดียว ทั้งๆที่เก่าพอกัน และพิสูจน์ได้ว่าสถานที่อ้างอิงก็มีจริงๆเหมือนกัน ใครที่เป็นคนตัดสินใจว่าจารึกอันไหนควรจะได้รวมเป็นพระคำภีร์ไบเบิ้ลอย่างที่เราๆเห็นกันในปัจจุบัน? ท่านก็ไม่ทราบ!! จริงๆแล้วศาสนาคริสต์โดยเฉพาะในบทบันทึกที่อ้างอิงพระคำภีร์เก่านั้น ก็มาจากลิทธิยิวหรือยูดา ซึ่งลัทธินี้ก็มาจากตำนานของชาวสุเมเรียนโบราณอีกต่อหนึ่ง ผมถามว่าพวกท่านรู้กันหรือไม่?? ผมว่าหากพวกท่านศรัทธาจริงในพระคริสต์แล้วล่ะก็ ผมว่าควรจะศึกษาเกี่ยวกับพระคริสต์และต้นกำเนิดไปแบบให้รู้ลึกซึ้งกันดูมั่งนะครับ! ไม่ใช่อ่านแต่พรำคำภีร์อย่างเดียวแล้วพูดว่า ข้าเข้าใจพระองค์และจุดประสงค์ของพระองค์ดี แล้วหยิบยกข้อความจากพระคำภีร์ต่างๆมาอ้างนู่นนี่นะครับ จริงไหม??
เว้นแต่จะเลือกที่จะรักพระองค์ แต่เราจะรักพระองค์ไม่ได้
ถ้าเราทำบาปผิดหนักต่อพระองค์ ต่อเพื่อนมนุษย์ หรือต่อตัวเราเอง
"ผู้ใดที่ไม่มีความรัก ย่อมดำรงอยู่ในความตาย ทุกคนที่เกลียดชังพี่น้องของตน ย่อมเป็นฆาตกร
และท่านก็ทราบว่า ไม่มีฆาตกรคนใด มีชีวิตนิรันดรอยู่ในตน" (1 ยน. 3:14-15)
พระเยซูเจ้าทรงผู้เป็นเจ้าของเราได้เตือนเราไว้ว่า...
เราจะถูกพรากไปจากพระองค์ ถ้าเราละเว้นไม่สนองความต้องการอย่างหนักของคนยากจน และคนตำ่ต้อยซึ่งเป็นพี่น้องของพระองค์
การตายในบาปหนักโดยไม่มีการสำนึกในความผิด และไม่ต้อนรับความรักอันเปี่ยมด้วยความกรุณาของพระเจ้า
หมายความว่า จะต้องอยู่ในสภาพตัดขาดจากพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์ โดยการเลีอกของตัวเองอย่างอิสระ
และสภาพตัดตัวเองออกไปอย่างเด็ดขาดจากความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า และผู้ที่มีบุญทั้งหลายนี้เอง
ที่เราบ่งบอกโดยใช้คำว่า "นรก"
1036 คำยืนยันในพระคัมภีร์และคำสั่งสอนในพระศาสนจักร เกี่ยวกับ"นรก" และ "ไฟที่ไม่รู้ดับ" เป็นการเรียกร้องให้เกิดความรับผิดชอบ ซึ่งมนุษย์พึงใช้เสรีภาพของตน
ด้วยความรับผิดชอบอันนี้ในการมุ่งไปสู่ชะตากรรมอันนิรันดรแห่งตน ในเวลาเดียวกัน ยังเป็นการเรียกร้องอย่างรีบด่วนให้กลับใจ
"จงเข้าทางแคบ ประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้าง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก
แต่ประตูและทางซึ่งนำไปสุ่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย" (มธ 7:13-14)
เมื่อไม่รู้ทั้งวันและเวลา ก็จำต้องเฝ้ารออยู่ตลอดไป ตามคำเตือนขององค์พระเยซูเจ้า เพื่อว่าเมื่อกระแสหนึ่งเดียวของชีวิตเราบนแผ่นดินสิ้นสุดลง
เราจะได้คู่ควรแก่การได้รับอนุญาตให้เข้าไปในงานเลี้ยงมงคลสมรสกับพระองค์ และได้รับการนับว่าเป็นผู้ได้รับพรจากพระเจ้า
แทนที่จะเป็นเช่นเดียวกับคนรับใช้ที่เลวและเกลียดคร้าน ซึ่งถูกกันให้ห่างออกไป ตามพระบัญชาของพระเจ้า
สู่ไฟนรกนิรันดร์ สู่ความมืดมนภายนอก ซึ่งมีแต่เสียงรำ่ไห้และเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
(พระศาสนจักร ข้อ 48.3 ; มธ 22:13 ; เทียบ ฮบ 9:27; มธ 25:13,26,30,31-36 )
1037 พระเจ้ามิได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ผู้ใดต้องตกไปนรก ในการที่จะตกนรกนั้น จำต้องมีความเกลียดชังพระเจ้าโดยสมัครใจ(บาปหนัก) และเป็นอยู่อย่างนั้นจนถึงที่สุด ในพิธีกรรมศีลมหาสนิท ในบทภาวนาประจำวันของสัตบุรุษ พระศาสนจักรวิงวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้า
"ผู้ไม่ประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่" (2ปต.3:9)
นี่คือของถวายที่เรานำเสนอต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ เราซึ่งเป็นผู้รับใช้และเป็นครอบครัวทั้งหมดของพระองค์
โปรดทรงพระกรุณารับไว้ด้วยพระทัยเอื้ออารีย์
โปรดทรงเป็นหลักประกันให้เราได้รับสันติสุขในชีวิต
โปรดทรงดึงเราออกมาให้พ้นโทษนรก และโปรดทรงรับไว้ในบรรดาผู้ได้รับเลือกสรรของพระองค์ด้วยเถิด (มิสซาโรมัน EP I 88)
จากหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก Catechism of the Catholic Church ภาค 1
แก้ไขล่าสุดโดย ignatius เมื่อ พุธ พ.ย. 26, 2008 10:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
†mommomza†

- โพสต์: 207
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 17, 2008 2:13 pm
ขอบพระคุณทุกความเห็น
ที่ให้ความรู้มากมาย
ที่ให้ความรู้มากมาย





