สมณสาส์น "SPE SALVI" (สเป ซาลวี - เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
AVE MARIA
โพสต์: 52
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 04, 2007 10:20 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 02, 2007 1:24 pm

โป๊ประบุในสมณสาส์น"นี่คือยุควิกฤติความหวังของคริสตชน"

สันตะสำนักจัดการเปิดตัว "Spe Salvi"(สเป ซาลวี-เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง) สมณสาส์นฉบับใหม่ของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเนื้อหาภายใน พระสันตะปาปาทรงแสดงความวิตกว่า โลกกำลังเผชิญวิกฤติการณ์การสูญเสียความหวังในการดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นองค์พระเจ้า แล้วหันหน้าไปให้ความหวังด้านวัตถุนิยมแทน

เมื่อช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บาทหลวง เฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ได้ร่วมกับ พระคาร์ดินัล อัลแบร์ ว็องอัว,พระคาร์ดินัล มารี มาร์แต็ง โกตติเยร์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสมณสาส์นฉบับที่สองในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายแขนงที่ให้ความสนใจมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดย "เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง" สมณสาส์นฉบับที่สองของพระสันตะปาปา มีทั้งสิ้น 8 บทและมีความหนา 76 หน้า เรียกได้ว่าอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาและเหตุผลลึกซึ้งมากมายซึ่งตั้งอยู่บนการใช้ชีวิตแบบมีความหวังอย่างแท้จริง

ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว สมณสาส์นทุกฉบับจะขึ้นต้นด้วยการนำถ้อยคำในพระคัมภีร์มาเป็นหัวข้อหลัก สมณสาส์นฉบับนี้ก็เช่นกัน พระสันตะปาปาทรงเลือกจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม (8:24) ที่กล่าวว่า "เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง" มาเน้นย้ำกับทุกคน พระองค์พยายามจะอธิบายให้คริสตชนเข้าใจความหมายของการมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังในพระเจ้า มากกว่าคาดหวังมีชีวิตด้วยความมั่งคั่งทางวัตถุนิยม

พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นเนื้อหาด้วยการตั้งข้อสังเกตว่า "ตามหลักความเชื่อคริสตศาสนาแล้ว การไถ่บาปและการช่วยให้รอดพ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับกันแบบง่ายๆ เพราะพระสัญญาเกี่ยวกับความรอดได้เตรียมไว้ให้กับคนที่มีความหวังและวางใจในพระเจ้า ผ่านทางศีลธรรมซึ่งเราสามารถพบเจอได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน"

พระสันตะปาปายังระบุต่อไปว่า "คริสตชนมีความเชื่ออย่างแน่วแน่ในชีวิตนิรันดร คำว่า "ความหวัง" จัดเป็นถ้อยคำสำคัญในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลและบ่อยครั้งที่ความหวังกับความเชื่อเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นความจริงอย่างชัดแจ้งว่า "ความหวัง" และ "ความเชื่อ" มีความหมายเดียวกัน ดังนั้น ตามความหมายของคริสตชน สิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงสอนให้เรามีความรักและความหวังจึงไม่เป็นแค่คำสอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการกระทำที่สื่อให้เห็นว่า สองสิ่งนี้(ความเชื่อและความหวัง) สามารถบันดาลทุกสิ่งและเปลี่ยนชีวิตเราได้ เพราะใครก็ตามที่ทำได้ตามนี้ เขาก็จะได้รับของขวัญจากพระซึ่งก็คือชีวิตนิรันดร"

ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ยังทรงโต้แย้งว่า การดำเนินชีวิตแบบไร้ความหวังในพระเจ้า และไปให้ความหวังกับวัตถุนิยมเป็นเรื่องหลอกลวงและนี่ไม่ใช่ความหวังที่แท้จริง "ในสมัยพระศาสนจักรยุคแรกเริ่ม ผู้คนมากมายมีชีวิตเยี่ยงทาสและเป็นข้ารับใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป พระเยซูเจ้าไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยอิสรภาพทางการเมืองให้กับพวกเขา แต่พระองค์กลับบันดาลความหวังที่จะเป็นอิสรภาพให้กับพวกเขาได้ โดยผ่านทางสิ่งที่ทรงสอน นั่นคือ "เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง" ซึ่งเป็นความหวังที่แปรสภาพจากนามธรรมมาเป็นหนทางให้ผู้ติดตามพระองค์ได้มุ่งหวังจะได้รับชีวิตนิรันดร"

"คริสตชนเหล่านี้ ได้พบกับความหวังแบบใหม่ที่บันดาลให้อิสรภาพของพวกเขากลายเป็นจริง และแม้จะเผชิญช่วงเวลายากลำบากในการดำเนินชีวิต พวกเขาก็จะเน้นย้ำความรักที่พระบิดาทรงมีต่อเราทุกคนให้บรรดาลูกหลานได้ฟังเป็นประจำ พวกเขาจะสอนลูกหลานว่า การที่เราจะรู้จักพระเจ้าที่แท้จริงได้นั้น หมายความว่า เราจะต้องใช้ชีวิตแบบมีความหวังและเชื่อพระองค์อยู่เสมอ"

"อย่างไรก็ตาม สำหรับสังคมสมัยใหม่แล้ว มนุษย์ทุกคนมีความหวังในการดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างออกไป พวกเขาวางใจและให้น้ำหนักอย่างมากกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มนุษย์ได้ถูกชักจูงให้ก้าวไปกับการบูชาความเชื่อวัตถุนิยม,การแสวงหาอำนาจเงินตรา ความเชื่อนี้ได้นำพา "อาณาจักรใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์แบบตามประสาสังคมมนุษย์" เข้ามาแทนที่อาณาจักรของพระเจ้า"

พระสันตะปาปา ทรงกล่าวต่อไปว่า "เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเชื่อในวัตถุนิยมจัดเป็นความท้าทายต่อความเชื่อตามหลักคริสตศาสนาอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งบิดเบือนความเชื่อที่คริสตชนมีต่อพระเจ้า ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า วิกฤติการณ์ความเชื่อในยุคปัจจุบันได้กลายเป็นวิกฤติการณ์เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังตามแบบฉบับคริสตชน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

"ในช่วงปฏิรูปฝรั่งเศสและการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิมาร์กซิสต์ นักคิดสายการเมืองส่วนมาก ต่างแสวงหาการจัดตั้งระบอบสังคมที่มีพื้นฐานอยู่บนหลักเหตุและผล พวกเขามีความคิดว่า การจัดตั้งนี้จะสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับพื้นฐานทางสิทธิมนุษยชน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์ของแนวคิดนี้ก็คือ ความเจ็บปวดและสูญเสียที่เกิดจากการทำลายล้างอย่างน่ากลัว"

"ปัญหาของระบบแนวคิดอุดมคติก็คือความล้มเหลวในการสื่อสารถึงมิติแง่จิตวิญญาณที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดตามธรรมชาติมนุษย์ การปฏิเสธความวางใจในพระเจ้าและหันไปหาลัทธิอุดมคติได้สร้างจุดจบไว้ด้วยการปล่อยให้มนุษย์คนนั้น ดำเนินชีวิตไปวันๆอย่างไร้ความหวังทุกชนิด ดังนั้น ขอให้เราทุกคนเติมสิ่งง่ายๆลงไปในชีวิต กล่าวคือ มนุษย์ทุกคนต้องการพระเจ้า มิฉะนั้น เขาก็จะมีชีวิตอย่างไร้ความหวัง"

พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ยังได้สนับสนุนคริสตชนทุกคนให้มีความหวังในพระเจ้าตามวิถีทางที่แตกต่างกันไป "สิ่งแรกก็ที่ทำได้ก็คือ การสวดภาวนา เมื่อไม่มีใครสักคนสนใจฟังเรา แต่จงมั่นใจได้เลยว่า พระเจ้าจะทรงรับฟังเสียงของเราอย่างแน่นอน และนี่แหละคือบ่อเกิดของการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวัง การสวดภาวนาจะเสริมสร้างศีลธรรมในตัวเราแต่ละคน"

"ความหวังในความรู้สึกของคริสตชนก็คือการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังเพื่อผู้อื่น เช่นเดียวกัน เราต้องแสดงให้คนทั่วไปเห็นถึงความหวังนี้ รวมทั้งเสริมสร้างความหวังของผู้อื่นผ่านทางพันธกิจต่างๆของพระเยซู เมื่อชีวิตใครสักคนล้มเหลวหรือประสบเรื่องร้ายๆ เขาคนนั้นสามารถตั้งหลักใหม่ด้วยการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง ขณะที่เราซึ่งทำดีด้วยการช่วยกำจัดเรื่องร้ายๆของผู้อื่น เราก็จะเติบโตด้วยความสามารถที่ทุกคนยอมรับ เจริญเติบโตในวิถีทางที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยความรักอันสุดล้นคณนา"

"ความหวังตามแบบฉบับคริสตชนต้องมองไปที่อนาคตข้างหน้าซึ่งก็คือชีวิตนิรันดร แต่ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น(ชีวิตนิรันดร) เราจะต้องผ่านการพิพากษาครั้งสุดท้ายต่อหน้าพระเจ้า นี่คือความยุติธรรมเที่ยงแท้ นี่คือการปลดเปลื้องความสูญเสียในอดีตที่เราประสบ และยังเป็นการเตรียมเราให้พร้อมสรรพ ก่อนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร"    

พระสันตะปาปาทรงสรุปปิดท้ายสมณสาส์นบทที่ 8 ด้วยการสดุดีพระนางมารีอา "แม่พระคือดวงดาราแห่งความหวัง แม่พระคือแรงบันดาลใจและเป็นผู้นำทางให้กับผู้มีความเชื่อได้เรียนรู้ถึงความหวังในองค์พระคริสตเจ้า" ก่อนจะทรงภาวนาวอนขอแม่พระ โปรดช่วยเยียวยารักษาบาดแผล "วิกฤติการณ์ความหวังตามแบบฉบับคริสตชน" ได้หายสนิทโดยเร็ววัน

http://catholicworldtour.spaces.live.co ... _c02_vws=1

รูปภาพ
AVE MARIA
โพสต์: 52
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 04, 2007 10:20 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 02, 2007 1:27 pm

บทสรุปคร่าวๆของสมณสาส์น "เพราะเราได้รอดพ้นด้วยความหวัง"

1)พระเยซูคริสตเจ้าทรงนำพระพรในการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อและความหวังในชีวิตนิรันดรมามอบแก่มนุษย์ทุกคน การดำเนินชีวิตด้วยการมีความหวังในองค์พระเจ้าจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อแบบไม่สามารถแยกออกจากกันได้

2)อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคใหม่ การดำเนินชีวิตโดยอาศัยความเชื่อและความหวังในองค์พระเจ้า ได้ถูกแทนที่ด้วยการดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างออกไป มนุษย์ถอยห่างจากพระเจ้า และหันไปวางใจและให้น้ำหนักกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ยุคนี้จึงจัดเป็นวิกฤติการณ์ความหวังของคริสตชนอย่างแท้จริง

3)แนวคิดอุดมคติอย่าง "มาร์กซิสต์" พยายามจะบริหารสังคมโดยตัดขาดจากศาสนา และหันไปสร้างสังคมอุดมคติผ่านทางระบอบการเมืองที่ตั้งอยู่บนหลักเหตุและผล แต่ผลลัพธ์ของแนวคิดนี้ก็คือ ความเจ็บปวดและสูญเสียที่เกิดจากการทำลายล้างอย่างน่ากลัว

4)มนุษย์บางคนมีมุมมองความเชื่อแบบผิดๆ พวกเขาเชื่อว่า วิทยาศาสตร์สามารถปลดปล่อยพวกเขาให้ได้รับอิสรภาพได้ แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะถ้าหากเรายึดมั่นในวิทยาศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและความถูกต้อง วิทยาศาสตร์ก็จะทำลายล้างโลกแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างแน่นอน

5)คนที่ไม่รู้จักพระเจ้า เขาคนนั้นก็ไม่รู้จักความหวังที่แท้จริงในการดำเนินชีวิตด้วยความหวัง

6)นอกจากจะทำให้ตัวเองเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยความหวังในพระเจ้าแล้ว เรายังต้องช่วยเพื่อนมนุษย์ให้รู้จักพระเจ้า ผ่านทางการใช้ชีวิตอย่างมีความหวังด้วย

7)การสวดภาวนาคือบ่อเกิดของการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังและยังเสริมสร้างศีลธรรมในตัวเราแต่ละคน โดยดูได้จากแบบอย่างการดำเนินชีวิตของบรรดานักบุญต่างๆที่ให้ความสำคัญกับการสวดภาวนาอยู่เสมอ

8)การสูญเสียและประสบเรื่องร้ายๆทางโลก สามารถรักษาให้หายได้โดยการดำเนินชีวิตอย่างมีความหวังในพระคริสตเจ้า

9)มุมมองเรื่องวันพิพากษาเมื่อเราตายไป สอนเราเกี่ยวกับความหวังในการได้รับชีวิตนิรันดร พระเจ้าจะปลดเปลื้องความสูญเสียในอดีตที่เราประสบ และจะเตรียมเราให้พร้อมสรรพ ก่อนจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร

http://catholicworldtour.spaces.live.co ... _c02_vws=1

รูปภาพ
Peakie

อาทิตย์ ธ.ค. 02, 2007 9:22 pm

เป็นงานเขียนที่ดีนะครับ แต่ผมมองว่า คนทั่วไปไม่น่าจะปฏิบัติตาม เพราะเราส่วนมากถูกพัดไปตามกระแสวัตถุนิยมไปแล้ว

ผมมั่นใจว่า สมัยนี้ ทุกคนน่าจะมองไปที่เงินก่อนนะครับ ส่วนความหวังในพระเจ้าที่สันตะปาปาบอกนั้น คนสมัยนี้ น่าจะให้ความสำคัญรองลงไป  :cry:
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อังคาร ธ.ค. 04, 2007 12:14 am

ขอบคุณ คุณAVE MARIA
สำหรับพระสมณสาส์นSpe Salvi
ผมได้อ่านดูแล้ว

ก็ไม่ค่อยแปลกใจกับเนื้อหาที่พระองค์ทรงเขียน
เนื่องจาก แอบติดตามประวัติท่านเล็กน้อย
เพราะท่านมีความเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับ"จริยศาสตร์เชิงความเชื่อ"

มีคำสำคัญที่Popeท่านพูดไว้ที่อยากเสริมให้ในเชิง เทววิทยา
คือ Theological Virtues
(อ้าง 1 Corinthians 13:13)
"And now abideth faith, hope, and love, even these three: but the chiefest of these is love"
นั่นคือพระหรรษทานของพระเจ้าทั้งสาม อันได้แก่ ความรัก(Love&Charity) ความหวัง(Hope) ความเชื่อ(Faith) ซึ่งภาวะการมีอยู่ของคุณธรรมทางเทววิทยาทั้งสามนี้ ยังให้เกิด"ความเป็นคริสตชน"
ขอกล่าวแค่สองคำสำคัญ(เพราะความรักค่อนข้างชัด)

1.ความเชื่อ  หมายถึง การยอมรับการมีอยู่ในสิ่งที่หวังแม้มองไม่เห็นก็ตาม(ขออภัยหากสรุปไม่ครอบคลุม)
ทั้งนี้ต้อง เกื้อหนุนด้วยความรักอันเป็นรูปแบบของความเชื่อ และความหวังอันเป็นเหมือนเนื้อหนังของความเชื่อ
ที่ควรรู้
1.1  Credo Deum  เชื่อว่ามีอยู่  "I believe there is a God"
1.2  Credo Deo    ยอมรับว่าเป็น"ความจริง"  I believe God"
1.3  Credo in Deum  ยอมรับว่าเป็น"หนทาง ความจริง และ ชีวิต"  "I believe in God"
(สวดบท Credo in Deum เพิ่มอาจทำให้ซึบซาบขึ้น)
Ref.I Believe. The Personal Structure of Faith

2. ความหวัง หมายถึง เนื้อหนังของความเชื่อ คือ แก่นสารของความเชื่อ(ดูความเชื่อประกอบ)
ลักษณะของความหวัง ผมคัดมาจาก คริสตจริยศาสตร์พื้นฐาน โดย คุณพ่อเชิดชัย เลยแล้วกัน เพราะท่านสรุปไว้ดี
ความหวังต้องมีลักษณะสำคัญ 4 ประการ
2.1 ต้องเป็นสิ่งที่ดี
2.2 ต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในอนาคต
2.3 ต้องเป็นสิ่งที่ได้มาโดยความยากลำบาก
2.4 ต้องเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้โดยความพยายาม

จะเห็นว่า ความเชื่อและความหวัง ขาดกันไม่ได้(สำหรับคริสตชน) มองแล้วอาจอนุโลมให้เป็นสิ่งเดียวกัน
จึงเป็นความจริงอย่างชัดแจ้งว่า "ความหวัง" และ "ความเชื่อ" มีความหมายเดียวกัน ดังนั้น ตามความหมายของคริสตชน สิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงสอนให้เรามีความรักและความหวังจึงไม่เป็นแค่คำสอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการกระทำที่สื่อให้เห็นว่า สองสิ่งนี้(ความเชื่อและความหวัง) สามารถบันดาลทุกสิ่งและเปลี่ยนชีวิตเราได้

ปล.การอธิบายตีความทางเทววิทยา โดยมากอ้างอิง งานเขียน Summa Theologica นักบุญโทมัส อไควนัส

หมายเหตุ: ขอให้ทุกท่านที่ประสบวิกฤต  พ้นวิกฤตเกี่ยวกับความหวัง(ตามพระสมณสาส์น) ด้วยความเชื่อและความรัก ภายใต้การดลของพระเป็นเจ้าเทอญ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พุธ ธ.ค. 05, 2007 12:29 am

(สวดบท Credo in Deum เพิ่มอาจทำให้ซึบซาบขึ้น)
รำพึง  John 14 ก็ได้ค่ะ  ::001::

บท Credo in Deum คืออะไรเหรอคะ the creed เหรอคะ  ...  I believe in God, Father the almighty ... ??
จึงเป็นความจริงอย่างชัดแจ้งว่า "ความหวัง" และ "ความเชื่อ" มีความหมายเดียวกัน ดังนั้น ตามความหมายของคริสตชน สิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงสอนให้เรามีความรักและความหวังจึงไม่เป็นแค่คำสอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการกระทำที่สื่อให้เห็นว่า สองสิ่งนี้(ความเชื่อและความหวัง) สามารถบันดาลทุกสิ่งและเปลี่ยนชีวิตเราได้


จะสื่อได้ง่ายมากถ้าเค้ามีความรัก  ..  ::001::  ถ้าไม่มีนี่  เข็นครกขึ้นเขาสุดๆ

ได้ความรู้  และสรุปดีจังเลยค่ะ  มาตอบบ่อยๆนะคะ  ::001::
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2007 9:43 am

ใช่ครับ
I beleve in God,...
สสสส

พุธ ธ.ค. 03, 2008 6:15 pm

คุณธรรมทางเทววิทยามีความหมายว่าอะไร ความสำคัญด้วย แล้วก็ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก ก็เหมื่อนกัน มีความหมายว่าอะไร มีความสำคัญอย่างไร กรุณาตอบมาใวๆด้วยเจ้าคา..................... : xemo023 : ::008::ถ้าไม่ได้ส่งครูแย่แน่ๆคะ นุ่มๆหรือสาวๆที่เปิดเจอก็ช่วยตอบได้ไม๊จ๊ะ : xemo026 : : emo038 : ::005:: ::014:: :smiley:
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พุธ ธ.ค. 03, 2008 6:34 pm

โป๊ป พูดถูก   : xemo031 :
Dis volentibus

พุธ ธ.ค. 03, 2008 6:39 pm

คุณธรรมทางเทววทิยา = ความเชื่อ ความหวัง เเละความรัก
ความเชื่อ ความหวัง เเละความรัก = คุณธรรมทางเทววิทยา

เชิญอ่านได้ที่นี่ค่ะ http://ccbkk.catholic.or.th/bcomsorn/bc_11.html
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

พุธ ธ.ค. 03, 2008 11:04 pm

ใครมีหูจงฟังเถิด
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 1:55 am

โป้ปน่ารัก  ::020::
ตอบกลับโพส