บนทางกางเขน (มรรคาศักดิ์สิทธิ์สำหรับเยาวชน) [ Complete ]

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 14, 2009 12:30 pm

สัปดาห์ที่แล้วในห้องเรียนคำสอน พระคุณเจ้าวีระ อาภรณ์รัตน์ (แปลกแฮะเคยเรียกคุณพ่อ หุหุ) ให้หนังสือ บนทางกางเขน (มรรคาศักดิ์สิทธิ์สำหรับเยาวชน) ให้กับบรรดาผู้เรียนคำสอนมาเล่มนึง ในเช่วงมหาพรต เลยอากนำมาแบ่งบันครับ

บนทางกางเขน (มรรคาศักดิ์สิทธิ์สำหรับเยาวชน)
จัดทำโดย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อเยาวชน (คยช.)
www.youthfriendclub.org

++++++++++++ ครบแล้วนะครับ ช้าไปหน่อยต้องขออภัย
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 22, 2009 2:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 14, 2009 12:48 pm

เดินรูป
วันเยาวชนโลกปี 2000 โรม อิตาลี


ก่อ
เดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาแมน

พิธีกร
พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ผู้ใดใคร่ติดตามเรา ผู้นั้นต้องปฏิเสธตนเองแบกกางเขนของตนแล้วตามเรามา" (มก.8:34) ทางกางเขนขององค์พระคริสตเจ้า เป็นหนทางต่อเนื่องในประวัตศาสตร์ของพระศาสนจักรและของคริสตชน พระเยซูเจ้าทรงตรัสถามสาวกอีกว่า "แล้วท่านเล่า ว่าเราเป็นใคร" (มก.8:29) กางเขนขององค์พระคริสต์และของอัครสาวก ผู้ใกล้ชิดพระองค์บอกอะไรแก่เรา

พร้อมกัน 
ชาวเราขอกราบนมันการพระองค์พระเจ้าข้า ขอถวายพระพรแด่พระองค์ด้วยพระองค์ทรงไถ่โลกด้วยกางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ประธาน   
ข้าแต่พระบิดา พระองค์ทรงรักลูกมากจนยอมสละพระบุตรสุดที่รักของพระองค์แก่ลูก โปรดประทานพระจิตของพระองค์แก่ลูก เพื่อจะได้ทำให้ลูกเป็นสาวกแท้จริงของพระคริสต์ ซาบซึ้งในพระคุณแห่งกางเขนและยินดีในความหวังของการไถ่กู้นิรันดร อาแมน

เพลง         เมื่อลูกสบตา (Au sang qu
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ เสาร์ มี.ค. 14, 2009 12:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 14, 2009 1:32 pm

สถานที่ 1 ณ อาหารค่ำมือสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าอัครสาวก

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ในสมัยนั้น การล้างเท้าผู้อื่นเป็นการกระทำที่ต่ำต้อยเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเสรีชนผู้มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นงานของทาสต่างชาติ แต่พระเยซูเจ้าทรงกระทำเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของความรักต่อเพื่อนมนุษย์ รักจนถึงที่สุด อุทิศให้จนหมดสิ้น ให้เรารำพึงถึงพระวาจาของพระองค์อีกครั้งหนึ่งว่า "ถ้าเราซึ่งเป็นอาจารย์ยังล้างเท้ให้พวกท่าน ท่านก็ควรล้างเท้าให้แก่กันและกันด้วย เราทำตัวอย่างให้เห็นแล้ว ท่านก็ต้องทำอย่างที่เราทำกับท่าน
.....เงียบซักครู่......

วิญญาณของท่านตรอมทุกข์สุดโศก วิโยคแสนเศร้าปวดร้าวโศกี ดุจต้องทิ่มแทงด้วยกระบี่



สถานที่ 2 ณ อาหารค่ำมือสุดท้ายของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงประทานศีลศักดิ์สิทธิ์แก่เรา คือ พระกายและพระโลหิตของพระองค์

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
โดยพระประสงค์ขององค์พระคริสตเจ้า สัญลักษณ์ที่มองเห็นภายนอก ขนมปังและเหล้าองุ่นได้เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์ ขนมปังกลายเป็นชีวิตที่อุทิศให้กับผู้อื่นจนกระทั่งความตายและเหล้าองุ่นคือโลหิตที่หลั่งออกจนหมดสิ้นคือ สัญญาแห่งความรัก เป็นพันธสัญญาใหม่ หลายศตวรรษก่อนบนยอดเขาซีนายโมเสสได้ใช้โลหิตปะพรมประชาชนพร้อมกับกล่าวว่า "นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา" (อพยพ 24:8) แต่บัดนี้เป็นโลหิตแท้ขององค์พระคริสต์ที่ถูกตรึงกับกางเขน จึงเป็นพันธสัญญาใหม่อยู่เสมอ ศีลมหาสนิทนี้เป้นความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียวกับความรักของพระเป็นเจ้า ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมกันในศีลมหาสนิท ก็จะได้ร่วมแบ่งปันพันธสัญญาแห่งความรัก ความสื่อสัตย์และชีวิต ซึ่งพระบิดาเจ้าได้ทรงโปรดประทานให้ทางองค์พระคริสต์ เพื่อการไถ่กู้โลกให้รอด พระคริสต์ทรงประทานชีวิตของพระองค์แก่เรา บรรดาสาวกของพระองค์ก็ถูกเรียกร้องให้สละชีพเพื่อพระองค์และผู้อื่น พลังของการพลีชีพและความรักมีรากลึกในศีลมหาสนิท
.....เงียบซักครู่......

โอ้พระนางสมบุญเลิศสตรี เทวีตรมทุกข์โศกเศร้าแสนสุด มารดาของพระเอกาบุตร
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 16, 2009 10:15 am

สถานที่ 3 พระเยซูเจ้า ทรงภาวนาในสวนเกทเซมานี

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ตราบเท่าทุกวันนี้ เสียงเสียดสีของต้นมะกอกในสวนเกทเซมานีในนครเยลูซาเล็ม รำลึกถึงคืนมหาทรมานของพระเยซูเจ้า การสวดภาวนาด้วยความทุกข์โศก และภาระเดียวกันที่ทรงไว้ใจในพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปในยามทุกข์ทรมานใกล้ความตาย พระองค์ทรงภาวนาต่อพระบิดาเจ้าว่า "ข้าแต่พระบิดา หากเป็นไปได้ขอโปรดให้ถ้วยกาลิกส์นี้ผ่านพ้นข้าพระองค์ไปเถิด" แต่พระองค์ไม่ทรงทเอแท้ต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสที่กำลังรออยู่ พระองค์ทรงภาวนาต่อว่า "ขออย่าให้เป็นไปตามน้ำใจข้าพระองค์เลย โปรดให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระองค์เถิด" เช่นเดียวกัน ในยามที่เราประสบความยากลำบาก ความอ้างว้างโดดเดี่ยวฝยชีวิต เราจะรำลึกถึงพระพักตร์ของพระเยซูเข้าในยามนี้ และภาวนาตามที่พระองค์ทรงสอนว่า "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ .... พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์" ซึ่งพระองค์ทรงพร่ำภาวนาตลอกทั้งคืนนั้น
.....เงียบซักครู่......

แสนทุกข์สุดใจสุดแสนโศกา มารดาใจแม่แลทัศนา ทรมานของพระลูกยา



สถานที่ 4 พระเยซูเจ้าทรงถูกยูดาสทรยศและทรงถูกจับ

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ฝูงชนมุ่งไปข้างหน้าในความมืด ท่ามกลางต้นมะกอกในสวนนั่น นำโดยยูดาส จูบนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการทรยศหักหลังทุกอย่าง นานนับศตวรรษ สะท้อนถึงคำตัดพ้อด้วยความขมขื่นของผู้แต่งบทเพลงสดุดีว่า "เธอนี่เป็นเพื่อนสนิทมิตรสหาย เคยทักทายใกล้ชิดนิจศีล เคยร่วมใจในวิหารกายเคยชิน กลับมาหมิ่นทรยศหมดเยื่อใย" (สดด. 56:13-14) อัครสาวกองค์หนึ่งปกป้องพระองค์ ขัดขวางการจับกุมพระองค์ด้วยดาบ แต่พระองค์ทรงห้ามไว้และสอนให้อภัย รับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยใจสงบ และมีสันติ
.....เงียบซักครู่......

ใครเลยแลนาอดกลั้นน้ำตา เมื่อเห็นแม่ของพระคริสโตเจ้า ต้องทรมานอย่างสุดเศร้า


สถานที่ 5 เปโตร ปฏิเสธพระเยซูเจ้า

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ในค่ำคืนอันหนาวเย็น บนลานหินของมหาสมณะ เปโตรยืนอยู่ในหมู่ผู้คนที่ยืนผิงไฟด้วยแสงสว่างจากเปลวไฟ ทำให้ใครๆจำหน้าเปโตรได้ ย้อนกลับไปคิดถึงคืนวันหนึ่งที่พระเยซูเจ้าสอนนิโคเดมัสว่า "คนที่ทำชั่วย่อมบังความสว่างและหลีกให้พ้นความสว่าง เพราะความสว่างจะเผยให้เห็นความชั่วที่เขาทำ" (ยน. 3:20) เปโตรกำลังถูกแสงสว่างเผยให้เห็นความทุกข์ระทม ความอ่อนแอ กลัวความคิดเห็นของฝูงชน เปโตรกำลังรู้สึกละอายและหวาดกลัว เพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง ตนเพิ่งประกาศว่า "แม้ว่าใครๆจะละทิ้งพระองค์ไปข้าพระองค์จะไม่....แม้นว่า ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์" (มก.14:29-31) ... แต่เวลานี้ เปโตรกำลังปฏิเสธเสียงแข็งว่า "ข้าไม่รู้จักคนที่ท่านพูดถึง" ทันใดนั้นเสียงไก่ขันทำให้เปโตรสำนึกได้ ถ้าน้ำตาแห่งความทุกข์เสียใจ และความหวังในพระเมตตาช่วยชำระอภัยเสมอ ด้วยความรักนิรันดร์ของพระองค์ เมื่อเราปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงสอนว่า "จังรักศัตรู และภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนข่มเหงท่าน" (มธ.5:44)
.....เงียบซักครู่......

ใครเลยจะไม่พลอยโศกลำเค็ญ เมื่อเห็นแม่ของพระคริสโตเจ้า ร่วมลำบากกับพระบุตรเจ้า



สถานที่ 6 ปิลาโต พิพากษาตัดสินพระเยซูเจ้า

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ปิลาโตรู้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า พระเยซูเจ้าไม่ทรงมีความผิดใดที่จะต้องโทษถึงตาย จึงบอกถึงสองครั้งว่า จะทำโทษพระองค์แล้วปล่อยไปด้วยหวังว่าการลงโทษพระองค์จะทำให้ฝูงชนพอใจและสงบลง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในที่สุดปิลาโตก็ตัดสินพระเยซูตามที่พวกเข้าขอทั้งๆที่รู้ว่าได้ตัดสินผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับพระองค์ชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกหลายๆคนกำลังต้องรับทนทรมาน ถูกสบประมาท เหยียดหยาม ต่ำต้อย ฯลฯ ให้เรารำพึงถึงคำสอนของนักบุญเปโตรที่ว่า "พระเยซูเจ้ามิได้ทรงทำบาปเลย เมื่อถูกด่าว่าพระองค์มิได้ทำตอบ เมื่อทรงรับทุกข์ก็มิได้แก้แค้น แต่ทรงตั้งความหวังในพระเป็นเจ้าผู้ทรงยุติธรรม" ( 1ปต.2:23)
.....เงียบซักครู่......

เพราะบาปผิดร้ายของเหล่าไพร่พล นางแลยลเยซูต้องทรมาน ถูกเฆี่ยนย่อยยับเหลือประมาณ


สถานที่ 7 พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยนและถูกสวมมงกุฎหนาม

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
พระเยซูเจ้าทรงถูกทรมานนานาชนิด ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม กองทหารชาวยิวระบายอารมณ์อย่างเต็มที่กับพระองค์แสดงท่าทีล้อเลียนพระองค์เป็นกษัตริย์ ซึ่งความจริงทรงพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ดังความบรรยายของนักบุญมัธทิว "บุตรแห่งมนุษย์มาอย่างสูงเกียรติพร้อมกับเหล่าฑูตสวรรค์สวรรค์ของพระเจ้า ประทับนั่งที่บัลลังค์พร้อมด้วยสิริรุ่งโรจน์ ประชากรทั้งสิ้นมาเฝ้าแหนล้อมรอบพระองค์ ทรงหันพระพักตร์ไปทางผู้กล้าหาญ ตรัสว่าผู้ที่ไปเยี่ยมคนคุก ให้อาหารและยาแก่ผู้หิวโหย รักษาผู้บาดเจ็บและช่วยผู้ที่ทนทุกข์ มาเถิด ผู้ที่พระบิดาของเราทรงโปรดปรานมารับอาณาจักรที่ได้เตรียมไว้ให้ท่านตั้งแต่สร้างโลกแล้ว ผู้ที่ทรมานกดขี่ผู้อื่นจะได้รับความเจ็บปวดไม่มีสิ้นสุด ส่วนผู้ชอบธรรมจะได้รับชีวิตนิรันดร"
.....เงียบซักครู่......

นางเห็นพระบุตรสุดเสน่หา จะต้องมรณาเอกากาย เมื่อวิญญาณจำพรากจากกาย



สถานที่ 8 ซีมอน ชาวไซรีน ช่วยพระเยซูเจ้าแบกกางเขน

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ขณะที่ฝูงชนเบียดเสียดพระองค์ และติดตามพระองค์ไปตามเส้นทางเนินเขากัลวาริโอ ซีมอนชาวฮีบรูมาจากเมืองไซรีน อยู่ในหมู่ชนนั้นด้วย นายร้อยเห็นว่าพระเยซูเจ้าคงจะแบกกางเขนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงสบสายตาเขา เลือกและเรียกเขา ให้มาช่วยพระองค์แบกกางเขนต่อไป ซีมอนซึ่งยังไม่ทันรู้ตัวหรืออาจจะไม่ต้องการช่วยแบก ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสาวกที่ปฏิบัติตามพระวาจา ว่า "ผู้ใดต้องการจะตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตนเองแบกกางเขนของตนแล้วตามเรามา" (มธ.16:24) แต่บนถนนสายนั้นมีหยาดโลหิตขิงพระคริสต์จารึกอยู่
.....เงียบซักครู่......

ข้าแต่มารดาธารแห่งความรัก โปรดชักใจข้ารู้สึกโศกศัลย์ หวังให้ร้องไห้พร้อมกับท่าน


สถานที่ 9 พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
ขบวนติดตามได้ไปถึงเนินสังหารองค์พระคริสต์ เนินนี้ชื่อ กลโกธา หรือ เนินกะโหลก ซึ่งอยู่นอกกำแพงเมืองเก่า พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงระหว่างโจร 2 คน ขณะที่พระพัตถ์และพระบาทถูกตะปูตรึงอยู่ ริมฝีปากของพระองค์ทรงพร่ำภาวนาถึงพระบิดาเจ้าสวรรค์ว่า "พระบิดาเจ้าข้า โปรดยกโทาให้พวกเขาด้วย" พระคริสตเจ้าพระองค์เองทรงปฏิบัติสิ่งที่พระองค์ทรงสอน คือ ยกโทษให้ไม่จำกัด เจ็ดสิบคูณเจ็ดหน (มธ.18:22) ตามที่ทรงตอบเปโตรหรืออีกนัยหนึ่งให้หันแก้มอีกข้างหนึ่งให้ หรือให้แถมเสื้อชั้นนอกไปด้วย เพราะถ้าท่านยกโทษให้เราพระบิดาเจ้าก็จะยกโทษให้ท่านด้วย
.....เงียบซักครู่......

โปรดให้จิตใจข้าพเจ้าเร่าร้อน รักอาวรณ์ในพระคริสตเจ้า หวังให้สบพระทัยพระเจ้า



สถานที่ 10 พระเยซูเจ้าทรงถูกเยาะเย้ยและสบประมาท

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
พระเยซูเจ้าทรงรับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทรงอยู่ในสภาพต่ำต้อยที่สุด ทรงเป็นพี่น้องของผู้ต่ำต้อยที่สุดของโลก แท้จริงแล้วพระองค์กำลังอยู่บนเส้นทางสู่ความทุกข์ทรมาน และความตายอันเป็นจุดสุดยอดของการบังเกิด และรับเอาสภาพมนุษย์ของพระองค์ ความจริงพระเป็นเจ้าทรงเป็นอมตะ พระองค์จะไม่มีวันตาย แต่สภาวะมนุษย์แท้ของพระองค์ต้องเผชิญกับความโหดร้ายทรรุณอย่างที่สุดจนถึงแก่ความตาย และด้วยวิธีนี้เอง พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเรา และสถิตอยู่กับเราในวาระสุดท้ายที่เราต้องต่อสู้กับระหว่างชีวิตและความตาย คำสบประมาทที่อยู่บนกางเขนว่า "นี่คือกษัตริย์ของชาวยิว" บรรจุความลึกล้ำและลึกลับแห่งความจริง พระเยซูเจ้าทรงเข้าถึงความต่ำต้อยที่สุดแห่งกางเขน และเข้าถึงความตายที่ไม่ใช่ความเสื่อมสลาย แต่เป็นการเข้าเพื่อเปิดประตูแห่งชีวิต และสิริรุ่งโรจน์ แาณาจักรของพระองค์ไม่ใช่ของโลกนี้ แต่เป้นอาณาจักรแห่งความจริง "ผู้ที่อยู่ฝ่ายความจริงย่อมฟังเสียงเรา" (ยน.18:38) และพร้อมที่จะติดตามพระองค์ไปสู่กางเขนและความตาย เพื่อจะอยู่กับพระองค์ในความสว่างและในชีวิตนิรันดร
.....เงียบซักครู่......

ข้าแต่พระมารดาเสน่ห์หา โปรดตราสลักลง ณ ใจเรา รอยบาดแผลของพระบุตรเจ้า



สถานที่ 11 พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานพระราชัยสวรรค์แก่โจรกลับใจ

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
(ให้เราวาดมโนภาพดู) หยาดเลือดไหลรินจากบาดแผลของผู้ถูกตรึงทั้งสามบนกางเขน อาการบ่งบอกถึงวาระสุดท้าย มีเสียงกระซิบจากโจรที่อยู่ข้างพระเยซูเจ้าว่า "โปรดอย่าลืมข้าพระองค์" ซึ่งหมายถึง อย่าละทิ้งข้าฯนับเป็นคำอ้อนวอนที่ผูกมัดความสัมพันธ์ พระองค์ทรงตอบว่า "ท่านจะได้อยู่กับเราในสวรรค์ ในอ้อมกอดแนบสนิทของพระแม่เจ้า" ไม่มีอะไรจะแยกได้แม้ความตายหรือบาป สัญญาณจากองค์พระเยซูเจ้านี้เป็นสัญญาณแห่งความรักการให้อภัย อิสรภาพ และการไถ่กู้ เป็นอานุภาพจากกางเขนนี้เอง และพระโลหิตของพระคริสตเจ้าบังเกิดผลมากมาย ความเจ็บปวดปรากฎเป็นเมล็ดที่ให้ชีวิตที่ได้รับการชำระแล้ว และชีวิตแห่งสันติสุข
.....เงียบซักครู่......

ข้าเจ้าเหล่าลูกมาขอแบ่งปัน รับเอาโทาทัณฑ์บรรทุกเหนือเกล้า กับพระบุตรและพระแม่เจ้า



สถานที่ 12 พระมารดาและสาวก ยืนอยู่แทบพระบาท ณ เชิงกางเขน

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
พระนางมารีย์เริ่มเผชิญความโดดเดี่ยวที่จะต้องแยกจากพระบุตรสุดที่รัก ตั้งแต่วันที่ตามหาพระองค์พบในพระวิหารเยรูซาเล็ม เมื่อพระบุตรสุดที่รักตอบว่า พระองค์จะต้องกระทำพระภารกิจของพระบิดา พระองค์ทรงอุทิศถวายพระองค์เองอย่างหมดสิ้นแด่พระบิดาเจ้าสวรรค์ พระนางมารีย์ได้ติดตามพระองค์ไปห่างๆในความเงียบและเปี่ยมด้วยความเชื่อ บัดนี้เวลาแห่งการจากกันมาถึงแล้ว ในความตายพระบุตรได้ละทิ้งพระนางและปล่อยให้พระนางอยู่อย่างเดียวดาย ความรู้สึกเช่นเดียวกับมารดาทั้งหลาย มารดาของมรณสักขี และมารดาของคนจนที่ร้องให้เพื่อบุตรของนางที่ถูกฆ่า หรือสูญหาายไป หรือถูกทำร้าย แต่เสียงที่ดังมาจากกางเขนในชั่วโมงพระมหาทรมานนั้นได้เปลี่ยนชีวิตของพระแม่ พระแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว แต่เป็นมารดาของลูกๆทั่วโลก ทุกภาษา ทุกชาติ ที่ติดตามพระคริสตเจ้าด้วยความเชื่อและความรัก ตั้งแต่วินาทีนั้นมา เราเดินไปกับพระแม่ด้วยความเชื่อในทุกแห่งหน
.....เงียบซักครู่......

ตราบใดปวงข้ายังมีชีวี จะขอโศกีคร่ำครวญด้วยท่าน และพระเยซุทุกวันวาร


สถานที่ 13 พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนกางเขน

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
แสงแดดร้อนระอุในยามบ่ายมืดลงทันที ความมืดเข้ามา ประวัติศาสตร์มนุษยชาติเมื่อมีการทำบาป ความชั่วร้ายจะเข้าครอบงำจิตวิญญาณ พระเยซูเจ้าในวาระสุดท้ายแห่งความเจ็บปวดสุดแสนสาหัสและหดหู่พระทัยทรงร้องหาพระบิดาว่า "พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า ?" พระเยซูเจ้าทรงรับเอาเนื้อหนัง และสภาพทุกอย่างของมนุษย์ ทรงเข้าถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด จนกระทั่งความตายเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เราและทรงประทับอยู่กับเราในยามที่เราประสบกับความทุกข์ความเจ็บปวดใดๆ จุดมุ่งหมายในชีวิตของเราจึงเป็นการดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์บนแผ่นดินนี้ เพื่อจะได้มีส่วนในพระสิริโรจนาแห่งพระคริสต์ บุตรพระเจ้า (มก. 1:1)
.....เงียบซักครู่......

อา ตัวข้าฯจะทำไฉนหนอ จะได้ร่วมรอคลอน้ำตาอยู่ กับท่านใต้ไม้ซางตาครูส



สถานที่ 14 พระเยซูเจ้าทรงถูกฝังไว้ในคูหา

รูปภาพ

พระสงฆ์
ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชาวเรากราบนมัสการสดุดีพระองค์

ทุกคน
เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่มนุษยชาติ ด้วยกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

รำพึง
พระวรกายของพระคริสต์พระผู้ไถ่ ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าลินิน โยเซฟชาวอริมาเธียบรรจงพันพระวรกายของพระองค์ด้วยความเคารพ แล้วนำไปบรรจุไว้ในคูหาซึ่งสกัดเข้าไปในก้อนกินใหญ่และอีกครั้งหนึ่งที่ความตายได้ฉลองชัยของความตาย หลังจากคืนนั้นแล้วไม่มีความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่มีแสงอรุณแห่งความหวังใหม่ หญิงที่ร้องไห้กับพระองค์ที่หน้าคูหานั้นได้ยินคำเชื้อเชิยให้เปิดตาและแสวงหาพระองค์ที่อื่น "ทำไมมองหาคนเป็นท่ามกลางคนตายเล่า......พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว พระองค์ทรงกลับเป็นขึ้นมาแล้ว" (ลก. 24:5) ในทุกวันนี้พระจิตเจ้าได้ทรงนำเราด้วยเสียงสะท้อนของนักบุญเปาโลที่ว่า "ความตายปราชัยลงแล้วอย่างราบคาบ ความตายเอ๋ย.....ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน" (1คร. 15:54-57) ให้เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ให่พวกเรามีชัยชนะโดยทรงพระคริสตเจ้าของเรา
.....เงียบซักครู่......

ณ วาระสุดท้ายปลายชีวา ขอท่านเมตตาโปรดแก่วิญญาณ ความรุ่งเรืองในสรวงสวรรค์
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 22, 2009 2:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

จันทร์ มี.ค. 16, 2009 4:31 pm

ขอบคุณนะคะที่แบ่งปัน เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ไปอ่ะ... ::010::
ตอบกลับโพส