นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 288 กุมภาพันธ์ 52 ปีที่ 24
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : สัมภาษณ์
ประเวช ตันตราภิรมย์ : ถ่ายภาพ

๑๒ กุมภาพันธ์ปีนี้ถือเป็นวันครบรอบวันเกิด ๒๐๐ ปีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ทรง อิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ไม่มีแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์คนใดที่ส่งผลกระทบต่อโลกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ สังคม การเมือง ศาสนา ปรัชญา ศิลปะ ฯลฯ ได้เท่ากับงานเขียนของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ค.ศ. ๒๐๐๙ หนังสือ The Origin of Species ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน จะมีอายุครบ ๑๕๐ ปี นับจากการพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ๑๘๕๙ หนังสือเล่มนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นหนังสือที่ทรงพลังที่สุดในโลกวิทยาศาสตร์ และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหนังสือยอดเยี่ยมตลอดกาลของหลายสถาบัน ทั่วโลกตลอดมา ทั้งยังได้รับการการันตีว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ "ต้องอ่าน" และ "ทรงอิทธิพล" อย่างยิ่งต่อแนวคิดวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ของคนตะวันตกและของมนุษยชาติ
หัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือการพูดถึงทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโดยการคัดสรรตามธรรมชาติ
แต่ ทฤษฎีวิวัฒนาการขัดแย้งกับหลักคริสต์ศาสนาโดยสิ้นเชิง ในพระคัมภีร์ไบเบิลเขียนไว้ว่า พระเจ้าทรงสร้างโลกและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดภายใน ๖ วัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์เลื้อยคลาน นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มาจนถึงมนุษย์ ล้วนถูกสร้างมาในช่วงเวลานั้น ไม่มีวิวัฒนาการสืบต่อกันมาตามทฤษฎีที่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน อธิบาย
ตอนที่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน มีชีวิตอยู่ แนวคิดของเขาได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวคริสต์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา บางโรงเรียนที่เคร่งศาสนาไม่ยอมให้มีการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการ
ทุกวันนี้ยัง มีประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลกปฏิเสธทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ทั้งๆ ที่ในวงการวิทยาศาสตร์ด้านธรรมชาติและชีววิทยา ทฤษฎีนี้ถือเป็นเสาหลักของวิชาด้านนี้ไปแล้ว
แม้แต่ในประเทศไทย ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดของดาร์วิน และหนึ่งในนั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่

สารคดี มีโอกาสได้สนทนากับ นาวาโท นายแพทย์ภากร จันทนมัฏฐะ (รน.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์และอาจารย์หน่วยโรคหัวใจ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คริสตชนผู้แสดงความเห็นขัดแย้งกับทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน อย่างมีเหตุผลที่น่าสนใจ
ลองมาฟังแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ผู้เชื่อในพระเจ้าและกล้าวิพากษ์วิจารณ์ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลกมาช้านาน
ทำไม ตอนที่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ประกาศการค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการจึงได้รับการคัดค้านจากชาวคริสต์ โรงเรียนในอเมริกาบางแห่งก็ยังไม่ยอมให้สอน
เท่าที่ความรู้อันจำกัดของผมมี หลักวิทยาศาสตร์ทั่วไป ไม่มีเรื่องใดขัดแย้งกับพระคัมภีร์ไบเบิล ยกเว้นทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน เท่านั้นที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรง ในพระธรรมปฐมกาล(Genesis) ของคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า พระเจ้าทรงสร้างฟ้า แผ่นดิน สิ่งมีชีวิตและสัตว์แต่ละชนิดขึ้นมา โดยไม่ได้มีวิวัฒนาการใดๆ จากปลามาสู่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มาเป็นสัตว์เลื้อยคลาน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเป็นมนุษย์ตามทฤษฎีวิวัฒนาการเลย เพราะพระเจ้าทรงสร้างสัตว์แต่ละชนิดขึ้นมาโดยตรง ทรงใช้เวลาในการสร้างจักรวาล โลก และสิ่งมีชีวิต ๖ วัน และวันที่ ๗ ทรงพักผ่อน
หากไปศึกษาไบเบิลฉบับภาษาฮีบรู ๗ วันในที่นี้อาจมิได้หมายถึงวันละ ๒๔ ชั่วโมง แต่หมายถึง ๗ ช่วงเวลา และเวลาของพระเจ้าก็ยาวนานกว่าเวลาของมนุษย์มาก ในไบเบิลกล่าวว่า "เพราะพันปีในสายพระเนตรของพระองค์ เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว หรือเหมือนยามเดียวในค่ำคืน (สดุดี ๙๐:๔)" หากเทียบ ๖ วันแรกกับจักรวาลที่มีอายุประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านปี โดยแบ่งออกเป็น ๖ ช่วงเวลา แต่ละช่วงเวลาจะไม่เท่ากัน ช่วงเวลาแรกตอนกำเนิดจักรวาลหรือบิ๊กแบงนั้นมีระยะเวลายาวนานกว่าช่วงที่ ๒ เพราะตามหลักทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์กล่าวว่า ในสนามแรงโน้มถ่วงสูง เวลาจะเดินช้าตามแรงโน้มถ่วงที่สูงขึ้น เนื่องจากตอนกำเนิดจักรวาล แรงโน้มถ่วงที่สูงทำให้ช่วงเวลาที่ ๑ ยาวนานกว่าช่วงเวลาที่ ๒ เท่าตัว และช่วงเวลาที่ ๒ จะยาวนานกว่าช่วงเวลาที่ ๓ เท่าตัว เป็นดังนี้เรื่อยๆ จนถึงช่วงเวลาที่ ๖ และหากอาศัยสมการของการยืดออกของเวลาจะพบความสัมพันธ์ระหว่างวันของพระเจ้า กับอายุของจักรวาลที่สอดคล้องกันอย่างเหลือเชื่อ
คุณหมอลองเปรียบเทียบอายุของจักรวาลกับ ๖ วันของพระเจ้า
วัน แรกเกิดขึ้นประมาณ ๑๕,๗๕๐-๗,๗๕๐ ล้านปีก่อน ในไบเบิลบอกว่า พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาของการก่อกำเนิดจักรวาลจริง ดาวที่เก่าแก่ที่สุดที่เราค้นพบมีอายุ ๑๖,๐๐๐ ล้านปี ในช่วงนี้เองที่เอกภพเริ่มเย็นลง ทำให้อิเล็กตรอนสามารถจับกับนิวเคลียสอะตอม (atomic nuclei) แล้วก่อให้เกิดแสงขึ้นได้ ตรงกับที่พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" วันที่ ๒ เกิดขึ้นประมาณ ๗,๗๓๐-๓,๗๕๐ ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่พระเจ้าทรงสร้าง "ภาคพื้นฟ้า" นักวิทยาศาสตร์พบว่าดวงอาทิตย์ รวมทั้งกาแล็กซีทางช้างเผือกก่อกำเนิดขึ้นในช่วงนี้พอดี (๔,๖๐๐ ล้านปีที่แล้ว) วันที่ ๓ เกิดขึ้นประมาณ ๓,๗๕๐-๑,๗๕๐ ล้านปีก่อน พระเจ้าทรงสร้างทะเล แผ่นดินแห้ง เกิดชีวิตและพืช นักวิทยาศาสตร์พบว่าทะเลบนโลกเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้พอดี (๓,๘๐๐ ล้านปีที่แล้ว) และมีการค้นพบฟอสซิลของพวกแบคทีเรียที่เรียกว่า Isosphaera เป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุ ๓,๘๐๐ ล้านปีเช่นกัน วันที่ ๔ เกิดขึ้นประมาณ ๑,๗๕๐-๗๕๐ ล้านปีก่อน พระเจ้าตรัสว่า "จงมีดาวสว่างบนฟ้า" นักวิทยาศาสตร์พบว่าลักษณะบรรยากาศของโลกปัจจุบันเริ่มต้นในช่วงนี้พอดี ท้องฟ้าชัดเจนพอที่จะมองเห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวได้ วันที่ ๕ เกิดขึ้นประมาณ ๗๕๐-๒๕๐ ล้านปีก่อน พระเจ้าตรัสว่า "น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และนกจงบินไปมา" ช่วงนี้เป็นยุคแคมเบรียนที่สัตว์หลายเซลล์ก่อกำเนิดขึ้น มีการพบฟอสซิลปลาเมื่อ ๕๓๐ ล้านปีก่อน และเกิดสัตว์เลื้อยคลานและแมลงเมื่อ ๓๖๐ ล้านปีก่อน จนถึงวันที่ ๖ เกิดขึ้นประมาณ ๒๕๐ ล้านปีถึง ๘,๐๐๐ ปีที่แล้ว พระเจ้าตรัสว่า "เกิดสัตว์ใช้งาน และมนุษย์" ในทางวิทยาศาสตร์พบหลักฐานว่า เมื่อ ๒๕๐ ล้านปีก่อนเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกถูกทำลาย และเป็นโอกาสให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมนุษย์ได้ก่อกำเนิด ดังนั้นหากเชื่อในพระเจ้าจะพบว่า พระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ขึ้นมาเลยภายใน ๖ วัน (หรือ ๖ ช่วงเวลา) ซึ่งขัดแย้งกับทฤษฎีของดาร์วินที่บอกว่าสิ่งมีชีวิตเริ่มวิวัฒนาการไป เรื่อยๆ เริ่มจากสัตว์เซลล์เดียว สองเซลล์จนสลับซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ

คนที่ไม่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการมักมองว่าวิวัฒนาการมีเรื่องของความบังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
ที่จริงผมตั้งคำถามต่อเรื่องนี้มาก่อนจะเชื่อพระเจ้าแล้ว ทฤษฎีของดาร์วินคือ สิ่งมีชีวิตเกิดมีวิวัฒนาการ และธรรมชาติจะเป็นผู้คัดเลือกเผ่าพันธุ์ที่แข็งแรงให้อยู่รอด อาทิเช่น เดิมมีทั้งยีราฟคอสั้นและคอยาว แต่ยีราฟคอสั้นตายหมดเพราะหาอาหารกินไม่ได้ ผมคิดว่าทฤษฎีวิวัฒนาการยืนอยู่บนพื้นฐานของความบังเอิญมาก กล่าวคือ จู่ๆ เกิดการผ่าเหล่าโดยบังเอิญแล้วได้สิ่งมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าเดิม ธรรมชาติจะคัดเลือกเอาแต่ตัวที่แข็งแรงให้เหลืออยู่
คำถามคือ เมื่อผมมองดูธรรมชาติ ผมพบว่าธรรมชาติทุกอย่าง สิ่งมีชีวิตทุกชนิด สมบูรณ์แบบด้วยตัวมันเอง ผมถามตนเองว่า จริงหรือที่ความสมบูรณ์แบบนี้เป็นเพียงผลของ "ความบังเอิญ" ร่างกายมนุษย์เราที่สลับซับซ้อนนี้เกิดจากการผ่าเหล่าอย่างสุ่มเท่านั้นจริง หรือ ยิ่งเมื่อมองโอกาสที่จะเป็นไปได้ยิ่งทำให้ตอบคำถามเรื่องนี้ได้ยากยิ่งขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มมีส่วนประกอบพื้นฐานเป็นกรดอะมิโน ซึ่งเกิดจากการที่ก๊าซไฮโดรเจน มีเทน น้ำ และแอมโมเนีย รวมตัวกันเป็นกรดอะมิโนขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
ประมาณปี ค.ศ. ๑๙๕๓ ฮาโรลด์ ยูเรย์ (Harold Urey) และ สแตนลีย์ มิลเลอร์ (Stanley Miller) ทดลองเอามีเทน น้ำ แอมโมเนีย และไฮโดรเจนใส่ในหลอดทดลองแล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปเลียนแบบช่วงเวลาที่โลก ก่อกำเนิด เขาพบว่า ๗-๑๔ วันถัดมา บางส่วนของสารเหล่านี้ กลายเป็นกรดอะมิโนพื้นฐาน ซึ่งพิสูจน์ว่าอินทรียสารเกิดมาจากอนินทรียสาร
แต่ แม้ว่าเป็นไปได้ที่กรดอะมิโนจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีใครรู้ว่ากรดอะมิโนมารวมตัวกันเป็นโปรตีนซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน สำคัญของชีวิตได้อย่างไร และโปรตีนที่จำลองตัวเองได้เกิดได้อย่างไร การทดลองของ โรเบิร์ต เซาเออร์ (Robert Sauer) ได้ทดลอง "สร้าง" โปรตีนใหม่ โดยเอากรดอะมิโนบางตัวออกและใส่ตัวใหม่เข้าไป พบว่าห่วงโซ่ของโปรตีนไม่ยอมรับกันเลย แสดงว่าโปรตีนเป็นเคมีที่มีองค์ประกอบเป็นระเบียบกฎเกณฑ์ตายตัว ไม่ยอมรับห่วงโซ่แปลกแต่อย่างใด
ในการเกิดสายโปรตีนสักหนึ่งสาย การเรียงตัวของกรดอะมิโนจะต้องถูกต้องแน่นอนเท่านั้นจึงจะได้โปรตีนที่ สามารถฟังก์ชันได้จริงๆ เช่น A-chain ของอินซูลิน เป็นโปรตีนซึ่งมีกรดอะมิโนอยู่เพียง ๒๑ ตัว โอกาสที่กรดอะมิโนจะมาเรียงตัวจนเกิดสายโปรตีนโดยบังเอิญคือ ๑ ใน ๒,๐๙๗,๑๕๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากครับ ถ้าเราดูสายโปรตีนที่ยาวมากในสมองหรือหัวใจ ช่องทางต่างๆ ที่เป็นประตูปิดกั้นประจุ อาทิ sodium channel เป็นประตูที่โซเดียมจะไหลเข้าเซลล์เพื่อก่อกำเนิดไฟฟ้าหัวใจ sodium channel ประกอบด้วยกรดอะมิโน ๑,๐๕๘ ตัว ตำแหน่งต้องเรียงกันอย่างถูกต้องแม่นยำ หากผิดพลาดอาจหมายถึงชีวิต เช่นกรณีโรคไหลตาย* ซึ่งเกิดในชายหนุ่มแข็งแรง นอนหลับแล้วเสียชีวิต โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคไหลตายเสียชีวิตจากการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่าง รุนแรง (ventricular fibrillation) อันเนื่องมาจากความผิดปรกติของ sodium channel จากการผ่าเหล่าของยีน SCN5A
ไม่ เพียงแต่ sodium channel ในหัวใจยังมี potassium channel, calcium channel และแต่ละ channel ยังมี "ซับไทป์" (subtype) ต่างๆ อีก เพื่อควบคุมไฟฟ้าหัวใจได้อย่างถูกต้อง เมื่อประมาณ ๒ ปีที่ผ่านมา มีเด็กคนหนึ่งขึ้นไปรับรางวัล ขณะยื่นมือไปรับด้วยความตื่นเต้น เขาก็ล้มลงและเสียชีวิตทันที เราพบว่าเขาเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปรกติของ potassium channel เรียกว่าโรค long QT syndrome จะเห็นได้ว่าระบบร่างกายของมนุษย์และสัตว์สลับซับซ้อนมาก ทุกระบบต้องทำงานประสานกันอย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้
หาก มาดูตัวเลข โอกาสที่กรดอะมิโนจะมารวมกันเป็น sodium channel โดยบังเอิญ ยังมีน้อยกว่าโอกาสที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ต่อเนื่องกัน ๒๒๐ งวดเสียอีก หากเป็นโปรตีนที่จำลองตัวเองได้จะสลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปกว่านี้มากมาย โรเบิร์ต เซาเออร์ กล่าวว่า โอกาสที่โปรตีนและดีเอ็นเอที่สามารถจำลองตัวเองได้จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญนั้น ก็เท่าๆ กับโอกาสที่เราจะเจอลอตเตอรี่ตกอยู่บนถนน และบังเอิญใบนั้นถูกรางวัลที่ ๑ และถูกแบบนี้ทุกอาทิตย์ตลอด ๑,๐๐๐ ปี โดยลอตเตอรี่ทุกใบเราเจอโดยบังเอิญ เมอร์เรย์ อีเดน (Murray Eden) แห่งสถาบันเอ็มไอที (Massachusetts Institute of Technology-MIT) ได้คำนวณถึงความซับซ้อนของโมเลกุลของโปรตีนสรุปว่า การสังเคราะห์โปรตีนอย่างง่ายที่สุดที่เกิดโดยบังเอิญจะเกิดได้ ๑ ครั้งในทุกๆ ๑,๐๐๐ ล้านปี ทำให้ผมรู้สึกว่าเกือบเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เป็นผลมาจากความบังเอิญ เราถูกออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม หากสังเกตดูจะพบว่าอวัยวะต่างๆ ของมนุษย์และสัตว์จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเสมอ