
เดือน กันยายน 1852, ซิสเตอร์แห่งโลเร็ตโตได้เดินทางมาทางตอนใต้ด้วยเรือกลไฟและรถเกวียน. ตามคำขอของพระสังฆราช ยีน ลามี ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลพื้นที่แพร่ธรรมแถบนิวเม็กซิโกในปี 1850. การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากและคุณแม่ มาทิลดา ก็ต้องเสียชีวิตด้วยโรคท้องร่วง, ส่วนซิสเตอร์อีก 2 ท่านก็ล้มป่วย. แต่ได้ฟื้นไข้ในเวลาต่อมา.
ในที่สุดมิชชั่นนารีกลุ่มนี้ก็มาถึง ซานตาเฟ, รัฐนิวเม็กซิโก. บรรดาซิสเตอร์จึงเริ่มงานโดยการนำของพระสังฆราช ลามี.
ในปี 1852 ซิสเตอร์ได้สร้างโรงเรียนและคอนแวนต์ขึ้น เพื่อการดูแลสั่งสอนบรรดาเด็กๆ โรงเรียนมีชื่อว่า "Loreto Academy of Our Lady of Light." แผนการณ์ต่อมาคือการสร้างโบสถ์เล็กๆ.

เพราะพระสังฆราชมาจากฝรั่งเศส,ท่านจึงต้องการให้โบสถ์มีรูปแบบเหมือนกับโบสถ์ Sainte Chapelle ในปารีส. นั่นคือมีลักษณะโครงสร้างเป็นแบบโกธิค
การก่อสร้างดำเนินไปด้วยงบประมาณที่จำกัด แต่ด้วยความเชื่ออันยิ่งใหญ่ของซิสเตอร์ เมื่อการก่อสร้างใกล้เสร็จสิ้น,พวกท่านจึงได้รับรู้ถึงความผิดพลาด. ตัวโบสถ์มีความงดงามและห้องเพดานชั้นบนก็สวยงามน่าดู แต่ไม่มีบันไดที่จะขึ้นจากพื้นชั้นล่างไปยังหัองเพดานชั้นบน.

และหัองเพดานนั้นก็สูงมากจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากเพื่อจะสร้างบันไดขึ้นไป. คุณแม่แมกดาลีนได้ตามช่างไม้มาเพื่อให้ก่อสร้างบันได. แต่หลังจากวัดระยะทางแล้ว,ช่างไม้ทุกรายต่างก็สั่นศีรษะพูดว่า "ทำไม่ได้ครับ,คุณแม่"
ดูเหมือนจะมีเพียงสองแนวทางให้เลือก. สร้างบันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่งดูไม่น่าจะเป็นไปได้. และอีกวิธีคือรื้อทุกอย่างแล้วออกแบบสร้างขึ้นใหม่. วิธีหลังคงจะทำให้เจ็บปวดใจมากทีเดียว. อย่างไรก็ตาม, ซิสเตอร์มีความวางใจในพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้า. ดังนั้นเหล่าซิสเตอร์จึงทำพิธีนพวารต่อนักบุญยอแซฟเพื่อขอให้ท่านช่วยหาวิธี ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
ในวันสุดท้าย ของการสวดภาวนาวอนขอ,ก็มีชายผมสีเทาได้มาที่คอนแวนต์พร้อมกับลาตัวเล็กๆตัว หนึ่งและกล่องเครื่องมือช่าง. เขามาพบกับคุณแม่มักดาลีน, พูดว่าเขาอาจช่วยคุณแม่สร้างบันไดได้. คุณแม่ดีใจมากและเขาก็เริ่มต้นทำงาน. ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมาของซิสเตอร์ซึ่งอยู่ที่นั้น, เครื่องมือที่ช่างไม้คนนั้นใช้คือฆ้อน, เลื่อย,ไม้ฉาก และ(ตามที่ซิสเตอร์บางคนเห็น) ถังไม้สำหรับใส่น้ำเพื่อนำน้ำมาชโลมไม้ให้อ่อน. ไม่ทราบแน่ชัดว่าใช้เวลานานเพียงใดจึงเสร็จงาน. เพราะเมื่อคุณแม่มักดาลีนไปหาช่างไม้เพื่อจ่ายค่าจ้าง, เขาก็หายตัวไปแล้ว. คุณแม่ไปที่โรงเลื่อยไม้เพื่อชำระเงินค่าไม้,แต่ปรากฏว่าเจ้าของโรงไม้ไม่ รู้เรื่องอะไรเลย. ทุกวันนี้ก็ไม่มีรายงานว่ามีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้ใด.
บันไดเวียนที่ช่างไม้ผู้นี้สร้างขึ้น,เป็นผลงานชั้นเลิศไม่มีที่ใดเปรียบได้. มันเป็นบันไดเวียนเป็นวงกลม 360 องศาที่สมบูรณ์แบบ. ไม่มีเสากลางเพื่อค้ำจุนบันไดเหมือนบันไดเวียนอื่นๆ นั่นหมายความว่ามันตั้งอยู่โดยไม่มีเสาค้ำจุน น้ำหนักทั้งหมดตกลงบนฐาน.

สถาปนิกบางคนบอกว่า ตามกฎของแรงโน้มถ่วงแล้ว,บันไดนี้จะต้องล้มลงกับพื้นทันทีที่คนย่ำเท้าลงไป แต่บันไดถูกใช้งานทุกวันมานานถึง 80 ปีแล้ว.
ไม้แต่ละชิ้นของตัวบันไดถูกยึดเหนี่ยวกันด้วยหมุดไม้ ไม่มีตะปูแม้แต่ตัวเดียว. ในตอนที่บันไดถูกสร้างนั้นยังไม่มีราวบันได, ราวบันได้ถูกต่อเติมขึ้นภายหลัง. นักเรียนหญิงซึ่งเรียนที่โรงเรียนในช่วงเวลานั้น (ซึ่งต่อมาได้เป็นซิสเตอร์อยู่ที่นั่น) ได้เล่าให้ฟังว่า ในครั้งแรกที่พวกเธอปีนขึ้นบันไดนั้น,ทุกคนมีความกลัวมาก พวกเธอเดินขึ้นอย่างระวังและต้องคลานลงมาด้วยมือและเข่า
สถาปนิก ที่อยู่ซานตาเฟ Mr. Urban Weidner และเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นบันไดเวียนของที่ใดที่วนเป็นวงกลม 360 องศาโดยไม่มีเสากลางเพื่อค้ำจุน
ผู้เชื่ยวชาญ Weidner พยายามตรวจสอบว่าไม้ที่ใช้สร้างบันไดมาจากแหล่งใด แต่ยังหาคำตอบที่ดีไม่ได้ ที่รู้ก็คือมันเป็นไม้เนื้อแข็ง (บางคนบอกว่าเป็นไม้สนประเภทหนึ่ง) และไม่ได้มาจากในรัฐนิวเมกซิโก. ดังนั้นช่างไม้นำไม้มาจากไหนยังเป็นเรื่องลึกลับ.
คุณแม่มักดาลีน และ บรรดาซิสเตอร์และนักเรียนต่างแน่ใจว่า บันไดเวียนนี้สร้างโดยนักบุญยอแซฟ เป็นการสนองตอบคำภาวนาของพวกเขา. ช่างไม้ผู้นั้นมีลักษณะเหมือนนักบุญ ยอแซฟ คือสุภาพถ่อมตน, และสวดภาวนาเสมอ
พระสังฆราชได้ทำพิธีถวายโบสถ์แด่แม่พระแห่งความสว่าง ในวันที่ 25 พฤษภาคม 1878 ด้วยความช่วยเหลือจากท่านนักบุญยอแซฟทำให้โบสถ์คงอยู่มาเป็นเวลานานถึง 80 ปี. แต่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงหลังสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น. นักบวชบางคนได้ละทิ้งแนวทางปฏิบัติและจิตตารมณ์ของคุณแม่มักดาลีนและได้ขาย ที่ดินทั้งหมดอันได้แก่ โรงเรียน, โบสถ์ ให้แก่นายทุนนักพัฒนาที่ดิน. ดังนั้น,อนุสรณ์สถานแห่งความรักความศรัทธา, ความเชื่อของคาทอลิกและความศรัทธาของท่านสังฆราชและคุณแม่มักดาลีนกับบรรดา ซิสเตอร์ จึงถูกทำลายลงเพื่อเปิดทางให้กับความก้าวหน้าของสุขนิยมทางโลก (ความโลภและวัตถุนิยม)
ยังโชคดีที่มีประชาชนผู้ใจศรัทธาจากซานตาเฟ ซึ่งประกอบด้วยศิษย์เก่าของโรงเรียนจำนวนมาก ได้ทำการประท้วง จึงทำให้โบสถ์พร้อมด้วยบันไดอัศจรรย์ได้รับการรักษาไว้ในฐานะอนุสรณ์สถาน แห่งชาติ ตั้งอยู่ท่ามกลางพาณิชยกรรมทั้งหลายซึ่งล้อมรอบ. ในทุกวันนี้,มีผู้แสวงบุญที่มีความศรัทธาในท่านนักบุญยอแซฟได้มาเยี่ยมชม สถานที่แห่งนี้ และเพ่งมองด้วยความฉงนในงานฝีมืออันยอดเยี่ยมไร้ที่ติ น้อมนำให้จิตใจของคนเหล่านั้นที่ได้เห็นต้องถ่อมตนลงเลียนแบบท่านนักบุญผู้ มีใจสุภาพอ่อนโยน, บิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้าและผู้ปกป้องครอบครัวศักดิ์สิทธิ์



http://uk.geocities.com/palangjai2004/content.html