ถ้ามาร์ติน ลูเธอร์ ไม่ปฏิรูปสารบบพระคัมภีร์

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 8:38 pm

จะเป็นยังไงนะ แล้วสมัยนั้น เขาแยกแยะได้ยังไงว่าอันไหนได้รับการดลใจจากพระเจ้าจริง อันไหนเป็นแค่อธิกธรรมทั่วไป

ไม่ได้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้รับการดลใจนะ เราเชื่อว่าได้รับการดลใจจริง เพียงแต่มาร์ติน ลูเธอร์ เขาอยู่ในยุคหลังถัดมา เขาใช้วิจารณญาณยังไงถึงคัดเลือกและตัดบางบทไปได้เสียเฉย ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 9:01 pm

เรื่องสาระบบพระคัมภีร์ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาตั้งแต่เริ่มแรกว่าจะยึดแบบของฮีบรู หรือแบบกรีก นักบุญที่เป็นปราชญ์ของพระศาสนจักรยุคแรก ๆ บางองค์ก็ยอมรับแต่สาระบบแบบฮีบรู บางองค์ก็ยอบรับแบบกรีก จึงเป็นที่ถกกันเป็นเวลานาน จนมาถึงสมัยลูเธอร์ที่ต้องการใช้พระคัมภีร์สนับสนุนความคิดทางเทวาวิทยาของตนเอง จึงเห็นว่าต้องตัดพระคัมภีร์สาระบบกรีกออกไป เพราะมีหลายๆ สิ่งที่เข้าไม่ได้กับความเชื่อที่เขาสอน เช่น การภาวนาและทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งก็มีแค่ในหนังสือมัคคาบีเท่านั้น แม้ในพระคัมภีร์สาระบบกรีกเล่มอื่น ๆ จะมีเนื้อหาที่ไม่ขัดกับหลักคำสอนของเขา แต่เขาก็จำต้องยกออกไปทั้งสาระบบ จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก หากผู้ที่เป็นผู้ติดตามลูเธอร์ไม่มีโอกาสอ่านพระคัมภีร์สาระบบกรีกควบคู่กับสาระบบฮีบรู

ถ้ามาร์ติน ลูเธอร์ไม่ปฏิรูปศาสนาในยุคนั้นก็มีนักบุญหลาย ๆ องค์ที่พยายามดำเนินการปฏิรูปพระศาสนจักรจากภายในอยู่แล้ว แบบไม่ใช้การเมืองนำศาสนาแบบที่มาร์ติน ลูเธอร์ใช้ โดยอาศัยแรงสนับสนุนผู้มีอำนาจปกครองทางโลกที่ต้องการเป็นอิสระจากอำนาจของศาสนจักรอยู่แล้ว การที่ลูเธอร์ให้ผู้มีอำนาจทางโลกมาให้การสนับสนุนการปฏิรูปนี้ จึงทำให้ผลที่ออกมาไม่ตรงกับความตั้งใจแต่แรกของเขา จนทำให้ตัวเขาเองต้องถูกขับออกจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และเกิดความแตกแยกเป็นนิกายใหม่
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 9:04 pm

ท่านเป็นพระสงฆ์มาก่อนนะคะ ก็คงได้เรียนอะไรมาพอสมควร และก็คงใช้เหตุผลสมควรในความคิดของท่าน ที่จะตัดอะไรออกไปน่ะค่ะ

เคยฟังบรรยายจากพ่อองค์นึง เป็นนักปรัชญานะ ในตอนนั้นมันจะมีแนวคิดปรัชญานึง จำไม่ได้ว่าอะไร ที่มีผลหรืออิทธิพลต่อความคิดลูเธอร์น่ะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 9:30 pm

เลย์เคยอ่านในหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่า มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นผู้ก่อตั้งพระศาสนจักรโปรแตสเตสน์  แต่มาร์ติน ลูเธอร์ ก็ยังมีความศรัทธา

ต่อแม่พระเหมือนเดิม  : xemo028 :
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

อังคาร ต.ค. 13, 2009 8:18 am

Buddy เขียน: ท่านเป็นพระสงฆ์มาก่อนนะคะ ก็คงได้เรียนอะไรมาพอสมควร และก็คงใช้เหตุผลสมควรในความคิดของท่าน ที่จะตัดอะไรออกไปน่ะค่ะ

เคยฟังบรรยายจากพ่อองค์นึง เป็นนักปรัชญานะ ในตอนนั้นมันจะมีแนวคิดปรัชญานึง จำไม่ได้ว่าอะไร ที่มีผลหรืออิทธิพลต่อความคิดลูเธอร์น่ะค่ะ
นั่นสิคะ น่าสนใจมากค่ะ ::045::คุณ Buddy อยากรู้ว่าเป็นปรัชญาแนวไหนคะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ ::022::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ต.ค. 13, 2009 9:02 am

sinner เขียน:
Buddy เขียน: ท่านเป็นพระสงฆ์มาก่อนนะคะ ก็คงได้เรียนอะไรมาพอสมควร และก็คงใช้เหตุผลสมควรในความคิดของท่าน ที่จะตัดอะไรออกไปน่ะค่ะ

เคยฟังบรรยายจากพ่อองค์นึง เป็นนักปรัชญานะ ในตอนนั้นมันจะมีแนวคิดปรัชญานึง จำไม่ได้ว่าอะไร ที่มีผลหรืออิทธิพลต่อความคิดลูเธอร์น่ะค่ะ
นั่นสิคะ น่าสนใจมากค่ะ ::045::คุณ Buddy อยากรู้ว่าเป็นปรัชญาแนวไหนคะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ ::022::
จำไม่ได้ค่ะ โทษที  : xemo017 :

คุ้นๆว่า จะเกี่ยวกับ "I think, therefore I am." น่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจนะคะ  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร ต.ค. 13, 2009 9:12 am

Buddy เขียน:
sinner เขียน:
Buddy เขียน: ท่านเป็นพระสงฆ์มาก่อนนะคะ ก็คงได้เรียนอะไรมาพอสมควร และก็คงใช้เหตุผลสมควรในความคิดของท่าน ที่จะตัดอะไรออกไปน่ะค่ะ

เคยฟังบรรยายจากพ่อองค์นึง เป็นนักปรัชญานะ ในตอนนั้นมันจะมีแนวคิดปรัชญานึง จำไม่ได้ว่าอะไร ที่มีผลหรืออิทธิพลต่อความคิดลูเธอร์น่ะค่ะ
นั่นสิคะ น่าสนใจมากค่ะ ::045::คุณ Buddy อยากรู้ว่าเป็นปรัชญาแนวไหนคะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ ::022::
จำไม่ได้ค่ะ โทษที  : xemo017 :

คุ้นๆว่า จะเกี่ยวกับ "I think, therefore I am." น่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจนะคะ  : emo045 :
"I think, therefor I am." เป็นประโยคเด่นของนักปรัชญาที่ชิ่อ Rene Descartes เป็นนักปรัชญาในศตวรรษที่ 17 (1596-1650) เป็นบุคคลที่มีชีวิตยุคหลังมาตินลูเธอร์ (1483-1546) ดังนั้นลูเธอร์คงไม่สามารถใช้ปรัชญาของเดการ์ตได้นะครับ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ต.ค. 13, 2009 9:48 am

Andreas เขียน:
Buddy เขียน:
sinner เขียน: นั่นสิคะ น่าสนใจมากค่ะ ::045::คุณ Buddy อยากรู้ว่าเป็นปรัชญาแนวไหนคะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ ::022::
จำไม่ได้ค่ะ โทษที  : xemo017 :

คุ้นๆว่า จะเกี่ยวกับ "I think, therefore I am." น่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจนะคะ  : emo045 :
"I think, therefor I am." เป็นประโยคเด่นของนักปรัชญาที่ชิ่อ Rene Descartes เป็นนักปรัชญาในศตวรรษที่ 17 (1596-1650) เป็นบุคคลที่มีชีวิตยุคหลังมาตินลูเธอร์ (1483-1546) ดังนั้นลูเธอร์คงไม่สามารถใช้ปรัชญาของเดการ์ตได้นะครับ
แล้วโยงกันได้มั้ยคะ?? จำได้ว่า (แต่อันนี้จำไม่แม่นนะคะ) ที่พ่อพูดจะประมาณว่า มันจะมี I think, therefore I am. และอีกฝั่งนึงจะเป็น I am therefore I think.. คือไม่ใช่คำพูดเป๊ะๆนะคะ แต่ไอเดียน่ะค่ะ

ฝากด้วยนะคะ ไหนๆก็เรียนปรัชญาแล้ว  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร ต.ค. 13, 2009 12:39 pm

Buddy เขียน:
Andreas เขียน:
Buddy เขียน: จำไม่ได้ค่ะ โทษที  : xemo017 :

คุ้นๆว่า จะเกี่ยวกับ "I think, therefore I am." น่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจนะคะ  : emo045 :
"I think, therefor I am." เป็นประโยคเด่นของนักปรัชญาที่ชิ่อ Rene Descartes เป็นนักปรัชญาในศตวรรษที่ 17 (1596-1650) เป็นบุคคลที่มีชีวิตยุคหลังมาตินลูเธอร์ (1483-1546) ดังนั้นลูเธอร์คงไม่สามารถใช้ปรัชญาของเดการ์ตได้นะครับ
แล้วโยงกันได้มั้ยคะ?? จำได้ว่า (แต่อันนี้จำไม่แม่นนะคะ) ที่พ่อพูดจะประมาณว่า มันจะมี I think, therefore I am. และอีกฝั่งนึงจะเป็น I am therefore I think.. คือไม่ใช่คำพูดเป๊ะๆนะคะ แต่ไอเดียน่ะค่ะ

ฝากด้วยนะคะ ไหนๆก็เรียนปรัชญาแล้ว  : emo045 :

ผมก็ไม่ทราบครับ เพราะผมก็เรียนปรัชญาไม่จบ มันเข้าใจยากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ต.ค. 13, 2009 12:43 pm

เท่าที่อ่านผ่านๆ Luther เป็น anti-sacerdotalism

โดยปกติ sacerdotalism คือ ทฤษฎีสังฆสภาพ อารมณ์ประมาณ สังฆสภาพ-นิยม

เชื่อว่า สังฆสภาพเป็นของคนที่มีกระแสเรียก และยอมรับกระแสเรียกนั้นเพื่อเข้าสู่สังฆภาพนิรันดร์

แต่ Luther เชื่อว่า คนที่รับศีลล้างบาปแล้วทุกคนย่อมมีสังฆภาพแล้วโดยทั่วกัน
Isolation
โพสต์: 1042
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
ที่อยู่: Ether23@hotmail.com

อังคาร ต.ค. 13, 2009 12:45 pm

ถ้าไม่มี ลูเธอ ก็จะไม่มี นิกายโปรแตสเเตน มั้ง คับ  : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร ต.ค. 13, 2009 1:56 pm

ยังไง ลูเธอร์แลนซ์ ก็ยังรักษา ธรรมเนียม ปฎิบัติเดิม อยู่ อะ ช่วง นั้น ฝ่ายตะวันตก ยังไม่รู้จัก orthodox ดีพอ เพราะความเหินห่าง ของ อาณาจักร ตะวันตก กะ ตะวันออกแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า orthodox เป็นยังไง เช่นสงครามครูเสด ทาง พระศาสนาจักร catholic ต้องการให้เราเข้าร่วม แต่ เราไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ การเข่นฆ่าใคร  หรือ สงคราม เพราะเปล่าประโยชน์ พระ orthodox ที่ครองโสด ส่วนใหญ่มากจะเก็บตัว สันโดด อยู่ในถ้ำ หรือ ภูเขา  และไปประกาศกับพวกท้องถิ่น เหตุนี้เขาเลย ตัดขาดเรา    ไม่แน่ ถ้ามาติน เขารู้จักเรา ดีขึ้นกว่า นี้ก็คง กลับมาหาเรา เอง ( ความคิดส่วนตัวนะ ) แต่เพราัะเหตุผลทางการเมือง และ การปกป้อง จาก เจ้าชาย อาณาจักร เยอรมัน  ก่อนหน้า ที่มาตินจะ ปฎิรูป ศาสนา มีคนที่ทำไปแล้วคนหนึ่งแต่ไปไม่รอด แต่โดนสั่งเก็บ จาก วาติกัน เป็นที่เรียบร้อย แต่มาตินโชคดี ที่ยัง รอดและมี ชีวิต อยู่เพื่อ ปฎิรูปต่อไป จนกระทั้ง ยุคต่อ มาเกิดแนวคิด แบบ แบ็บติส ศาสนาใหญ่ ในยุโรป ไม่ยอมรับกลุ่ม นี้ ทั้ง  catholic orthodox และ  protestant Lutherance 3 กลุ่มนี้ ได้ขับไล่ พวกนี้ให้ออกไป จนกระทั้งกลุ่ม นี้ ไปเติบโต ที่อเมริกา

ปล. อ้่างอิงจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในอดีต มิได้มีเจตนาที่จะว่าร้าย พี่น้อง นิกายใดๆ ทั้ง สิ้น ต้องขอโทษด้วย หาก เจนเขียนอะไรผิด
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 14, 2009 12:13 am

Pegasus Valkyrie เขียน: จะเป็นยังไงนะ แล้วสมัยนั้น เขาแยกแยะได้ยังไงว่าอันไหนได้รับการดลใจจากพระเจ้าจริง อันไหนเป็นแค่อธิกธรรมทั่วไป

ไม่ได้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้รับการดลใจนะ เราเชื่อว่าได้รับการดลใจจริง เพียงแต่มาร์ติน ลูเธอร์ เขาอยู่ในยุคหลังถัดมา เขาใช้วิจารณญาณยังไงถึงคัดเลือกและตัดบางบทไปได้เสียเฉย ๆ
เรานำ บทความของ พี่พีพี มาโพสต์ให้อ่าน อาจจะได้คำตอบ
 
พระคัมภีร์สารบบที่สอง ( Deutero-canonical )
ปัญหา "อธิกธรรม"(Apocrypha)

ปัญหาหนึ่งที่คริสตชน โดยเฉพาะคาทอลิก มักมีความสับสนเสมอๆ ก็คือ

1.ทำไมพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ของโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก จึงมีจำนวนไม่เท่ากัน?
2. ความสับสนระหว่างคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical ซึ่งเราใช้คำแปลว่า "อธิกธรรม"
3. พระศาสนจักรคาทอลิกมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือ Apocrypha ?

ทำไมพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ของโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก
จึงมีจำนวนไม่เท่ากัน?

อันที่จริงคริสตชน (ทั้งโปรเตสแตนต์และคาทอลิก) ต่างยอมรับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ที่สืบทอดมาจากชาวยิวเหมือนกัน เพียงแต่หลังการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน ชาวยิวต่างกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่าง ๆ ที่ยังเหลือรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ มี 2 แห่งคือ ที่แผ่นดินปาเลสไตน์ ซึ่งยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลัก และที่เมืองอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์ ซึ่งใช้ภาษากรีกเป็นหลัก

ต้องยอมรับว่าชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกนั้นมีใจเปิดกว้าง กว่าชาวยิวที่ใช้ภาษาฮีบรู ซึ่งค่อนข้างอนุรักษ์นิยม  เมื่อพวกเขาแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม จากภาษาฮีบรูมาเป็นฉบับภาษากรีก ที่เรียกกันว่า "สารบบเจ็ดสิบ หรือ Septuagint" จึงได้รวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย

ส่วนที่เพิ่มเติมจากภาษาฮีบรูได้แก่

โทบิต และ ยูดิธ ต้นฉบับเป็นภาษาอาราเมอิก หรืออาจเป็นฮีบรู
บารุค และ มัคคาบี 1 ต้นฉบับเป็นภาษาฮีบรู
ปรีชาญาณ และ มัคคาบี 2 ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
บุตรสิรา
บางส่วนของ เอสเธอร์ ต้นฉบับอาจเป็นภาษาฮีบรู
บางส่วนของ ดาเนียล ต้นฉบับเป็นภาษากรีก

จุดแตกหักด้านพระคัมภีร์ระหว่างคริสตชนเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1519 ที่เมือง Leipzig เมื่อ Eck อ้างข้อความจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 2 เพื่อสนับสนุนคำสอนเรื่องไฟชำระ แต่ Martin Luther คัดค้านโดยอ้างว่าหนังสือดังกล่าวไม่อยู่ในสารบบ ผลสรุปคือ ลูเธอร์เดินตามสารบบของชาวยิวในปาเลสไตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู ส่วนคาทอลิกเดินตามสารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก

ต่อมา ในปี ค.ศ.1546 (27 ปีหลังเหตุการณ์ที่เมือง Leipzig) สังคายนาที่นครเตรนท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ (ไม่ผิดพลาด) รับรองหนังสือทุกเล่มที่คาทอลิกใช้อยู่ในปัจจุบัน (ทั้งสารบบที่หนึ่งและสารบบที่สอง) ว่า "เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า"

ความหมายของคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical
Deutero-canonical แปลตามตัวคือ "สารบบที่สอง" ดังนั้น เมื่อมีสารบบที่สอง แสดงว่าต้องมี "สารบบที่หนึ่ง(Protocanonical)" ด้วย ซึ่งทั้งสองคำนี้ใช้ในคาทอลิกเท่านั้น

ข้อควรระวังคือ ต้องไม่เข้าใจในทำนองที่ว่า พระศาสนจักรคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์อยู่ 2 ระบบ  โดยสารบบที่สองเพิ่มเข้ามาภายหลังเพราะถ้าเข้าใจแบบนี้จะทำให้หนังสือในสารบบที่สองดูเหมือนจะด้อยค่าลงไปเมื่อเทียบกับหนังสือในสารบบที่หนึ่ง  ดังนั้น ความหมายที่ถูกต้องคือ

พระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง ได้แก่ หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ที่คริสตชนทุกนิกายยอมรับเหมือนกัน
พระคัมภีร์สารบบที่สอง ได้แก่ หนังสือ 7 เล่ม และบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิก และมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่หนึ่งทุกประการ

ส่วนคำ Apocrypha ที่เราแปลว่า "อธิกธรรม" ได้แก่หนังสือที่เขียนขึ้นระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลเรื่อยมา จนถึงพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรก มีทั้งที่ถือกำเนิดมาจากชาวยิวล้วน ๆ หรือลูกผสมโดยเริ่มจากชาวยิวแล้วจบลงโดยคริสตชน หรือที่เป็นของคริสตชนล้วน ๆ ก็มี  หนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยมีเจตนาให้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ หรือดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์ หรือดูเหมือนได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า แต่ไม่ได้รับการรับรองให้อยู่ในสารบบ
ข้อที่แตกต่างระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์จึงอยู่ตรงนี้ คือ

สำหรับคาทอลิก "อธิกธรรม" หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ทั้งในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง และในสารบบที่สอง
สำหรับโปรเตสแตนต์ "อธิกธรรม" หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาถือหนังสือในสารบบที่สองของคาทอลิกเป็น "อธิกธรรม" ไปด้วย

พระศาสนจักรคาทอลิกมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือ Apocrypha ?
ในที่ประชุมสมัชชาพระสังฆราชที่เมืองบาร์กา ประเทศสเปญ (Synod of Braga) ปี ค.ศ.563 ได้ประณามทุกคนที่ "อ่าน เห็นชอบ หรือปกป้อง" หนังสือ Apocrypha หมายความว่า ใครก็ตามที่อ่านหนังสืออธิกธรรม ถือว่าถูกตัดขาดจากสมาชิกภาพของพระศาสนจักร (บัพพาชนียกรรม : Ex-communication) ซึ่งมองแล้วอาจจะดูรุนแรง นั่นเป็นเพราะในหนังสืออธิกธรรมโดยเฉพาะที่เขียนโดยคริสตชน มีความเชื่อผิด ๆแฝงอยู่มาก ส่วนใหญ่เป็นของพวก Gnosticism ได้แก่พวกที่ปรารถนาดียกย่องความเป็นพระเจ้าของพระเยซูเจ้าสุดโต่ง จนกลายเป็นว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์แท้ ซึ่งจะนำไปสู่ข้อสรุปผิด ๆ อีกว่า พระองค์ไม่ถูกทรมานจริง ไม่สิ้นพระชนม์จริง และดังนั้นเราก็ไม่ได้รับการไถ่บาปจริง

เมื่อเห็นสาเหตุที่ทำให้พระศาสนจักรต้องประณามคนอ่านหนังสืออธิกธรรมแล้ว คงช่วยให้เราสบายใจมากขึ้นเพราะเมื่อสาเหตุหมดไป คำประณามก็ถูกลืมเลือนไปด้วย

ในสมัยกลางโดยเฉพาะในยุคของนักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญโธมัส อไควนัส หนังสืออธิกธรรมได้รับการยอมรับอย่างสูงทั้งในหมู่พระสงฆ์นักบวชและฆราวาส และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เห็นภาพเขียนฝาผนังในวัดต่างประเทศเป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออธิกธรรม

ดังนั้น คาทอลิกสามารถอ่านและอ้างอิงหนังสืออธิกธรรมได้ โดยต้องสามารถแยกแยะ และระบุให้ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด

ความสับสนที่ติดตามมาจนถึงปัจจุบันก็คือ สมัยก่อน เราใช้คำว่า "อธิกธรรม" เรียกหนังสือพระคัมภีร์ในสารบบที่สอง ซึ่งคำว่า อธิกธรรม นี้ หมายถึง ธรรมภาคผนวก แม้ว่าในความเป็นจริง มิได้เป็นภาคผนวกอย่างที่ความหมายตรงตามตัวอักษร แต่ยังหาคำภาษาไทยที่สง่าน่าฟังไปกว่าคำนี้ยังไม่ได้ จึงได้ใช้คำว่า อธิกธรรม ไปก่อนโดยอนุโลม  ต่อมาได้บัญญัติคำที่ใช้เรียกเสียใหม่ว่า พระคัมภีร์สารบบที่สอง แทน เพื่อที่จะได้ไม่สับสนกับหนังสือ Apcrypha ซึ่งอาจใช้ภาษาไทยว่า "พระคัมภีร์นอกสารบบ (อธิกธรรม)"

พระคัมภีร์สารบบที่สองนี้ประกอบด้วยหนังสือเล่มเต็มทั้งหมด ทั้งหมด 7 เล่ม กับอีก 2 ส่วน ซึ่งเป็นบางบทของพระคัมภีร์ที่มีอยู่แล้วในพันธสัญญาเดิม ซึ่งถ้าจัดวางลำดับ จะนำไปแทรกระหว่างพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ดังนี้
ชื่อเต็มภาษาไทย  ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ  ชื่อย่อ  เรียงลำดับต่อจาก
โทบิต    Tobit (Tobias)  ทบต.  เนหะมีย์
ยูดิธ    Judith  ยดธ.  โทบิต
เอสเธอร์ (เฉพาะบท ก - ฉ)  Ester  อสธ.  แทรกในเอสเธอร์
1 มัคคาบี    1 Maccabees    1 มคบ.  เอสเธอร์
2 มัคคาบี    2 Maccabees  2 มคบ.  1 มัคคาบี
ปรีชาญาณ    Wisdom    ปชญ.    เพลงซาโลมอน
บุตรสิรา    Ben-Sira (Ecclesiasticus)  บสร.  ปรีชาญาณ
บารุค  Baruch  บรค.  เพลงคร่ำครวญ
ดาเนียล (เฉพาะ 3:23-24; บทที่ 13-14)  Daniel  ดนล.    แทรกในดาเนียล
ขอขอบคุณเว็บไซต์ของพี่น้องคาทอลิกไทย
อ้างอิง:  http://thaicatholicbible.com/Apocrypha.html

     


: xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 :

อธิกธรรมตามคำอธิบายของคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์

พระคัมภีร์นอกสารบบ (noncanonical)หรือ หนังสืออธิกธรรม (Apocrypha)

ความหมายของอพอคคริฟฟา (Apocrypha)

อพอคคริฟฟา (Apocrypha)  มาจากภาษากรีก ἀπόκρυφος มีความหมายว่า ซ่อนเร้น แอบแฝง ลึกลับ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อหาใน อพอคคริฟฟา ซ่อนเร้นหรือลึกลับสำหรับคนโดยทั่วไป แต่จะเป็นที่เปิดเผยให้เข้าใจแก่คนบางกลุ่มเท่านั้น ต่อมาชื่อ อพอคคริฟฟา ใช้ในความหมายว่า นอกสารบบพระคัมภีร์ (noncanonical) คือ ไม่มีสิทธิอำนาจเทียบเท่า พระคัมภีร์ แต่สามารถใช้อ่านหรืออบรมสั่งสอนทางด้านศีลธรรมได้

ความเป็นมาของอพอคคริฟฟา หนังสืออธิกธรรม

วรรณกรรมประเภทอพอคคริฟฟา เขียนขึ้นในช่วงต่อระหว่างพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ จุดมุ่งหมายที่เขียนก็เพื่อเป็นการหนุนใจและปลอบใจชาวยิวด้วยกันให้มีความมั่นคงในความเชื่อ และมีความรักประเทศชาติของตน แม้ในยามที่พวกเขาต้องตกเป็นไปเป็นเชลยในต่างแดน ผู้เขียนมักจะใช้ชื่อวีรบุรุษของชาวยิว หรือผู้เผยพระวจนะมาตั้งเป็นชื่อของหนังสือเพื่อจะเป็นที่ยอมรับในหมู่ชาวยิวด้วยกัน

ภาษาที่ใช้เขียนวรรณกรรมประเภทนี้ได้แก่ภาษาฮีบรู อาราเมค (Aramaic) และกรีก ส่วนเนื้อหา  ของอพอคคริฟฟา มีเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ นิยาย และวรรณกรรมทางปัญญา ซึ่งคล้ายคลึงกับเนื้อหาที่บันทึกในพระคัมภีร์เดิม

อธิกธรรม เป็นการรวบรวมหนังสือเพิ่มเติมจากพระคัมภีร์เดิม ซึ่งเป็นกลุ่มหนังสือที่เขียนขึ้นในช่วงเวลาระหว่างปี 300 ก่อนคริสตกาล กับ 100 ก่อนคริสตกาล หนังสือเหล่านี้ทั้งหมดหรือบางส่วนรวมอยู่ใน พระคัมภีร์เดิมฉบับกรีก แต่ไม่รวมไว้ในพระคัมภีร์ฉบับเดิมฉบับฮีบรู ชาวยิวที่ประชุมสภาแจมเนีย ค.ศ. 90 ได้ปฏิเสธหนังสือกลุ่มนี้อย่างเปิดเผย สถานภาพของอธิกธรรมเป็นเรื่องคลุมเครือในคริสตจักรสมัยแรกๆ และทัศนะต่างๆต่อหนังสืออธิกธรรมยังแตกต่างกันมากมายจนถึงปัจจุบัน    เริ่มตั้งแต่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ต.ค. 14, 2009 8:09 am

ขออณุญาิติแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการ และวิจารณ์บทความเล็กน้อยครับ

ส่วนมากเวลาผมอ่านบทความทางโปรแตสแตนท์แล้ว จะรู้สึกว่า หลายๆครั้ง มีความรุนแรง และมีการฟันธงอย่างดุดัน ในสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูกต้อง ชนิดที่ว่าต้องดำหรือขาวเท่านั้น ซึ่งมันก็ดีครับ เข้าใจง่ายดี ชี้นำเลยว่าต้องการให้เชื่ออย่างไร ไม่ต้องตีความ แต่ก็ตามมาด้วยหลายๆประโยคหลายๆคำ มันพลอยต้องเอียงออกไปปักให้สุดทางด้านใดด้านหนึ่ง ไม่อาจปักอยู่กลางๆได้ ทำให้บางทีก็รู้สึกว่ามันมีบางจุดต้องเบือนๆนิดนึง เพื่อจะให้ได้หลักฐานสนับสนุนตามต้องการ

ส่วนสมณสารของคาทอลิคเองก็จะเป็นอีกแนวครับ ส่วนมากอ่านจนจบแล้วมักจะงงว่าสรุปว่าจะเอายังไงแน่ เพราะดูจะระมัดระวังมาก ว่าจะไปกระทบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางครั้งก็เลี่ยงไม่แตะบางประเด็นไปเลย เพราะกลัวคนอ่านบางฝ่ายไม่พอใจ บทสรุปจึงมักไม่ฟันธงอะไรลงไปให้ชัด สุดท้ายมาตกที่ พระสงฆ์ ต้องตีความแล้วเทศน์สอนแบบง่ายๆในวัด โดยไม่ต้องคาดหวังว่าสัตบุรุษจะไปหาอ่านเอง บางทีเราเลยยังเจอคุณพ่อต่างวัดกันตอบไม่เหมือนกัน หรือ ยังอัพเดทไม่ทันกันในสิ่งที่วาติกันประกาศอยู่บ่อย

บ่นผ่านไปแล้วมาเข้าเรื่องครับ
พบว่าใน พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ นั้นไม่ได้มีการยกหนังสือในกลุ่มอธิกธรรมมาอ้างเลย ซึ่งเป็นทางที่ช่วยให้มีเหตุผลที่ดีที่จะสงสัยในความเป็นพระคัมภีร์ของ หนังสือเหล่านี้
อันนี้ค้านนะครับ อธิกธรรมชนิด สาระบบ2ของคาทอลิค ไม่เพียงแต่มีการอ้างถึงในพระธรรมใหม่ บางเล่มถึงกับส่งอิทธิพลต่อผู้เขียนพระวรสารเลยทีเดียว และที่ยิ่งกว่านั้น ในพระธรรมใหม่บางตอน มีการอ้างถึงอธิกธรรมที่อยู่นอกทั้งสาระบบคาทอลิกและโปรฯเลยด้วยซ้ำ มีอะไรบ้าง ลองค้นกระทู้เก่าๆของผมดูได้ครับ

แต่ท่านเจอโรม (Jerom) ผู้แปลพระคัมภีร์ฉบับวัลเกตลาติน ไม่ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์
ค้านครับ ท่านเยโรมสงสัยบางเล่ม และยอมรับบางเล่มครับ แถมในบางเล่มที่โดนธรรมาจารย์ยิวคัดออกเพราะ(เหมือนจะ)เหตุเขียนเป็นภาษากรีก ท่านเยโรมดันรู้จักตัวต้นฉบับฮีบรูของมันด้วยนะครับ  แต่ในสมัยเดียวกันกับนักบุญเยโรม มีปิตาจารย์ท่านอื่นอีกหลายท่านที่ยอมรับออกหน้า หรือบางท่านที่ไม่ยอมรับเลย สรุปไปฟันธงที่พระสันตะปาปาครับ เพราะสาระบบพระคัมภีร์นั้นฉบับแรกสุด สรุปอนุมัติ โดย นักบุญ พระสันตะปาปา ดามาซัสที่3 ครับ และแน่นอนว่า เมื่อท่านพิจารณาจากหลายเสียงท่านสรุปว่า รวมพระคัมภีร์สาระบบ2ครับ

        ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 ท่านเจโรม เป็นคนแรกที่เรียกหนังสือกลุ่มนี้ว่า "หนังสือที่ปิดซ่อนไว้" ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มหนังสือทั้งหลายที่พระศาสนจักรคาทอลิกเพิ่มเติมเข้าไป ในพันธสัญญาเดิม แต่ทางคริสตจักรโปรเตสแตนต์เห็นว่าเป็นหนังสือนอกสารบบ
อันนี้เราไม่ได้เพิ่มเติมนะครับ การใช้คำว่าคาทอลิคเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่า จากที่ไม่มี เราเพิ่งไปสาระแนยัดมันเข้าไป ข้อเท็จจริงคือชาวยิวบางส่วนยอมรับมันอยู่แล้ว เราแค่ยึดตามสายที่เปิดกว้างกว่า แทนสายของธรรมาจารย์ที่ต้องการพ่วงตัดพระธรรมใหม่เราออกเป็นหนังสือนอกรีตครับ อนึ่งเมื่อ2-3ปีที่ผ่านมา มีน้องคาทอลิคท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ไปพบคริสตจักรโปรฯแห่งหนึ่ง กล่าวหาว่า พระสันตะปาปา"แต่ง" พระคัมภีร์สาระบบ2 เพิ่มเข้าไป ซึ่งที่จริงพวกมันเขียนโดยชาวยิวเองทั้งนั้นครับ และดูท่าทางคริสตจักรนั้นสอนประวัติศาสตร์เท็จนี้ต่อๆไปอย่างไม่เกรงกลัวบาปโกหกกันเลย

จากหนังสือพจนานุกรมพระคัมภีร์ ของอังเกอร์ (Unger's Bible Dictionary) ได้ให้เหตุผลไว้ว่า
1.   มีข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ และไม่เป็นไปตามยุคสมัย
2.   มีคำสอนผิด และสนับสนุนประพฤติกรรมที่ขัดกับพระวจนะที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
3.   เสื่อมลงมาอยู่ในรูปของวรรณกรรม เนื้อเรื่องไม่ตรงกับสภาพที่เป็นจริง และแนวการเขียนไม่สอดคล้องกับพระวจนะที่ได้รับการดลใจ
4.   ขาดส่วนประกอบโดยเฉพาะที่จะทำให้พระวจนะของพระเจ้ามีคุณลักษณะอย่างพระเจ้า เช่น ฤทธิ์เดชในการเผยพระวจนะ ความรู้สึกทางศาสนาที่ถ่ายทอดออกเป็นบทกวีอันไพเราะ
ขอมองต่างมุมทีละข้อเลยนะครับ
1.จะบอกว่าพระธรรมเดิมในสาระบบหลักหลายเล่มก็พบปัญหานี้ครับ ถ้าจะเอาความถูกต้องทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เป็นเกณท์ คุณอังเกอร์คงต้องตัดบางเล่มในสาระบบหลักทิ้งด้วยแล้วครับ
2.ถ้าในพวกนอกสาระบบมีแน่ครับ แต่ในสาระบบที่2ที่คาทอลิกและออโธดอกยอมรับ ไม่มีครับ ตรงข้ามสนับสนุนความเชื่ออย่างดีเยื่ยมครับ
3.ผมไม่รู้ว่าการ เป็นวรรณกรรม มันเสื่อมยังไง แล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเนื้อหาไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงคือยังไง หมายความแบบข้อ1ไหม และแนวการเขียนที่พระเจ้าดลใจต้องยังไง อย่างประโยคของ น.เปาโลที่ว่า "พระศาสนจักรต่าง ๆ ในแคว้นอาเชีย ฝากความคิดถึงท่าน อาควิลา และปริสสิลลา" นี้พระเจ้าต้องดลใจถึงจะเขียนได้ไหม หรือ แค่เป็นการทักเพื่อนเฉยๆ
4.ขาดฤทธิ์เดชในการเผยพระวจนะนี่มันยังไงครับ อันนี้คือความรู้สึกคุณอังเกอร์เองหรือมีเกณท์ที่จับต้องมองเห็นได้ ขาดความรู้สึกทางศาสนาที่ถ่ายทอดออกเป็นบทกวีอันไพเราะ คุณอังเกอร์รู้สึกไม่ไพเราะเองไหม อย่างจดหมายนักบุญเปาโลเขียนเล่าเขียนบ่นเขียนตอบปัญหาเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่เป็นบทกวีเลยครับ เป็นภาษาพูดล้วนๆ

รายชื่อของหนังสืออธิกธรรม The Books of Apocrypha

1   เอสดราส ฉบับ 1   I Esdras
2   เอสดราส ฉบับ 2   II Esdras
3   โทบิต   Tobit
4   ยูดิธ   Judith
5   หนังสือเอสเธอร์ฉบับเพิ่มเติม   Additions to the Book of Esther
6   ปัญญาแห่งโซโลมอน   Wisdom of Solomon
7   หนังสือปัญญาจารย์หรือปัญญาของเยซูบุตรซีรัค   Ecclesiaasticus or the Wisdom of Jesus the Son of Sirach
8   บารุค   Baruch
9   จดหมายของเยเรมีย์   Letter of Jeremiah
10   คำอธิษฐานของอาซาริยาห์   Prayer of Azariah
11   บทเพลงของชายสามคน   Song of the Three Young Men
12   ซูซานนา   Susanna
13   เบลและพญานาค   Bel and the Dragon
14   คำอธิษฐานของมนัสเสห์   Prayer of Manasseh
15   แมคคาบี ฉบับ 1   I Maccabees
16   แมคคาบี ฉบับ 2   II Maccabees

จริงๆทุกวันนี้ เราเจอพระคัมภีร์นอกสาระบบของพระธรรมเดิมอย่างน้อย47เล่มแล้วครับ พระธรรมใหม่อีกราว39เล่มครับ


จะบอกว่า พระธรรมใหม่เราบางเล่มก็เกือบไม่ได้มารวมนะครับ เพราะถูกปิตาจารย์ถกเถียงและสงสัยเช่นกัน บางเล่มยังถกและยังไม่ยอมรับในบางแหล่ง หลังจากน.เยโรมสรุปสาระบบแล้วด้วยซ้ำ อย่างหนังสือ พระวิวรณ์ อันโด่งดังเอง คริสตชนในปาเลสไตน์ไม่ยอมรับจนศตวรรษที่5โน่นแน่ะ แถมช่วงก่อนรวมสาระบบนิดหน่อย มันเคยโดนกล่าวหาจากนักบวชบางท่านว่าเขียนโดยเฮเรติกด้วยซ้ำครับ สุดท้ายพอพระศาสนจักรประกาศรับรอง เรื่องถกเถียงก็จบ และใช้เวลาอีกนิดหน่อยให้ยอมรับตรงกันทุกพระศาสนจักร

สรุปพระศาสนจักรเกิดก่อนพระคัมภีร์ครับ และพระศาสนจักรคือผู้รับรองสาระบบพระคัมภีร์ครับ และตัวแทนผู้ประกาศรับรอง ตัดสินฟันธง คือพระสันตะปาปาครับ เพราะ มากคน มากความเห็น นักบวชแค่คนใดคนหนึ่ง ก็เห็นต่างจากคนอื่นได้มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มแล้ว

พระเยซูคริสต์เมื่อทรงพระชนม์ชีพ จึงทรง ตั้ง พระศาสนจักร และตั้ง บุคลากรในระบบองค์กร ที่มีสิทธิอำนาจในการตัดสินและปรับปรุงและปกครองดูแลลูกแกะของพระองค์ ไม่ได้สั่งให้เขียนพระคัมภีร์ แล้วให้ลูกแกะ ต่างตัวต่างตีความ ต่างตัวต่างเลือก ต่างตัวต่างเชื่อกันเอาเองครับ เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้พระคัมภีร์สาระบบเดียวกัน แต่ถ้าตีความไม่เหมือนกัน ก็แยกโบสถ์กันแล้วครับ

สิ่งสร้างทุกอย่างล้วนบกพร่องครับ ไม่ว่าจะมนุษย์ หรือตัวอักษรในหนังสือ ผู้เดียวที่ไม่บกพร่องคือพระเจ้า และสิ่งสร้างอันบกพร่องจะพ้นจากความบกพร่องได้ ก็ด้วยการอาศัยการทรงนำของพระเจ้าผู้ไม่บกพร่องเท่านั้น

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ ต.ค. 14, 2009 8:12 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

พุธ ต.ค. 14, 2009 9:07 am

ส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่าการที่ มาร์ติน ลูเธอร์ ปฏิรูปก็ทำให้มีผลดีหลายเรื่อง

ทำให้พระศาสนจักรกลับมาตื่นตัว ปรับปรุงและแก้ไข มีมุมมองใหม่ๆ หลากหลายเพิ่มขึ้น

มีการสนใจการแปล การอ่าน การพิมพ์พระคัมภีร์เพื่อเผยแพร่มากขึ้น

เป็นการคานอำนาจของพระศาสนจักรเพื่อให้ระวังมิให้มีการผิดพลาดเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

ซึ่งพระสันตปาปารุ่นใหม่ๆ ช่วงหลังหลายๆท่านได้เรียนรู้ ยอมรับ ขอโทษ และแก้ไขความผิดพลาดที่เคยมีมาในอดีต

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งเป็นที่รักยิ่ง ได้ออกมาเขียนสมณสารต่างๆ เพื่อแสดงความเสียใจเรื่องในอดีต

จนทำให้ปัจจุบันพระศาสนจักรฝ่ายคาทอลิคได้พยายามทำความเข้าใจอันดีต่อกันในระหว่างพี่น้องต่างความเชื่อ

และน่ายินดีที่ผู้นำฝ่ายโปรสแตสแตนท์ รุ่นใหม่ๆ ก็มีใจที่เปิดกว้าง ร่วมเรียนรู้และเสวนากันมากขึ้น

ปล. ข้าพเจ้าเขียนอะไรผิดพลาดไปหรือไม่กระจ่าง ก็ขอความเมตตามา ณ ที่นี้ด้วย

เพราะข้าพเจ้าเป็นลูกแกะใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่ถึงปีเจ้าค่ะ  : xemo026 : : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ต.ค. 14, 2009 2:00 pm

นาย มาติน เขาก็คงทำดีที่สุดแล้ว อย่างที่เขาต้องการ จะว่าไปแล้ว ฝ่าย catholic ช่วงนั้น ก็ถือว่าผิดพลาด อยู่ไม่น้อย จนกระทั้งน้อยใจ ไปแสวงหาเอง พระคำภีร์ ยิวยุคหลังโดนบิดเบือนโดยชาว ยิวที่ เกลียด พระเยซู  หาอ่านได้จากบทความ ของคุณ holy คะ

หลายอย่าง เช่นพระคุณ ของ พระเจ้าต่อ คนต่างชาติ เช่น ยูดิธ  ( อยากให้พี่น้องโปร กลับไปอ่าน สารบบสองบ้าง( ไม่ใช่บทความเชิง วิชาการ หรือการวิเคราะห์ ) แล้วจะได้รู้ ว่านี่คือ ความเชื่อของชาวคริสต์ชนอย่างแท้จริง )

ยดธ 14:10

เมื่ออาคิวออร์เห็นสิ่งที่พระเจ้าแห่ง อิสราเอลทรงกระทำ ก็เชื่อมั่นในพระเจ้า รับพิธีสุหนัตเข้าเป็นสมาชิกของประชากร อิสราเอล และลูกหลานของเขายังเป็นประชากรของอิสราเอลจนถึงวันนี้ (อาคิวออร์คนอัมโมน )




เราชาวคริสเตียนดั่งเดิม ขอยึดมั่นในพระคำภีรีย์ ที่้เราได้ ตกลงที่จะใช้ร่วมกับ พระศาสนจักรตะวันตก เมื่อ สองพันปีที่แล้ว และนี่คือ พระคำภรีย์ของ ชาวคริสต์ชน อย่างแท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ต.ค. 14, 2009 2:05 pm

jacky เขียน: นาย มาติน เขาก็คงทำดีที่สุดแล้ว อย่างที่เขาต้องการ จะว่าไปแล้ว ฝ่าย catholic ช่วงนั้น ก็ถือว่าผิดพลาด อยู่ไม่น้อย จนกระทั้งน้อยใจ ไปแสวงหาเอง พระคำภีร์ ยิวยุคหลังโดนบิดเบือนโดยชาว ยิวที่ เกลียด พระเยซู  หาอ่านได้จากบทความ ของคุณ holy คะ

หลายอย่าง เช่นพระคุณ ของ พระเจ้าต่อ คนต่างชาติ เช่น ยูดิธ  ( อยากให้พี่น้องโปร กลับไปอ่าน สารบบสองบ้าง( ไม่ใช่บทความเชิง วิชาการ หรือการวิเคราะห์ ) แล้วจะได้รู้ ว่านี่คือ ความเชื่อของชาวคริสต์ชนอย่างแท้จริง )

ยดธ 14:10

เมื่ออาคิวออร์เห็นสิ่งที่พระเจ้าแห่ง อิสราเอลทรงกระทำ ก็เชื่อมั่นในพระเจ้า รับพิธีสุหนัตเข้าเป็นสมาชิกของประชากร อิสราเอล และลูกหลานของเขายังเป็นประชากรของอิสราเอลจนถึงวันนี้ (อาคิวออร์คนอัมโมน )




เราชาวคริสเตียนดั่งเดิม ขอยึดมั่นในพระคำภีรีย์ ที่้เราได้ ตกลงที่จะใช้ร่วมกับ พระศาสนจักรตะวันตก เมื่อ สองพันปีที่แล้ว และนี่คือ พระคำภรีย์ของ ชาวคริสต์ชน อย่างแท้จริง
รูปนาง ยูดิธ วีรสตรีที่ถูกลืม

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พุธ ต.ค. 14, 2009 2:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

พุธ ต.ค. 14, 2009 3:32 pm

วิชาการค่ะ วิชาการ  : xemo016 :

เกือบทุกเรื่องมีมากกว่า 1 ทัศนะ/ทฤษฎี

และทุกทฤษฏีก็มีเหตุผลและหลักฐานสนับสนุนทั้งนั้น

แต่ที่แน่ๆ จะถูกต้องทุกทฤษฏีเป็นไปไม่ได้ ก็แลกเปลี่ยนกันเชิงวิชาการไปนะคะ

สุดแล้วแต่ใครจะพิจารณาและเห็นสมควรจะเลือกเชื่อทฤษฎีไหน

พระเจ้าอวยพรทุกท่านค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ต้นไม้แห่งเจสซี
โพสต์: 343
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 14, 2009 5:16 pm

        รูปภาพ

ผมขอมอบรูปพระอาจารย์เจ้าให้กับพี่น้องโปรแตสเตสน์ ออร์โทด๊อก มอร์มอน ครับ

เราเป็นลูกของพระบิดาเจ้า ถึงแม้ว่าเราจะต่างกันที่ข้อความเชื่อ แต่เราก็รักกันละกัน  : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ต.ค. 14, 2009 5:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ ต.ค. 14, 2009 6:05 pm

jacky เขียน:
jacky เขียน: นาย มาติน เขาก็คงทำดีที่สุดแล้ว อย่างที่เขาต้องการ จะว่าไปแล้ว ฝ่าย catholic ช่วงนั้น ก็ถือว่าผิดพลาด อยู่ไม่น้อย จนกระทั้งน้อยใจ ไปแสวงหาเอง พระคำภีร์ ยิวยุคหลังโดนบิดเบือนโดยชาว ยิวที่ เกลียด พระเยซู  หาอ่านได้จากบทความ ของคุณ holy คะ

หลายอย่าง เช่นพระคุณ ของ พระเจ้าต่อ คนต่างชาติ เช่น ยูดิธ  ( อยากให้พี่น้องโปร กลับไปอ่าน สารบบสองบ้าง( ไม่ใช่บทความเชิง วิชาการ หรือการวิเคราะห์ ) แล้วจะได้รู้ ว่านี่คือ ความเชื่อของชาวคริสต์ชนอย่างแท้จริง )

ยดธ 14:10

เมื่ออาคิวออร์เห็นสิ่งที่พระเจ้าแห่ง อิสราเอลทรงกระทำ ก็เชื่อมั่นในพระเจ้า รับพิธีสุหนัตเข้าเป็นสมาชิกของประชากร อิสราเอล และลูกหลานของเขายังเป็นประชากรของอิสราเอลจนถึงวันนี้ (อาคิวออร์คนอัมโมน )




เราชาวคริสเตียนดั่งเดิม ขอยึดมั่นในพระคำภีรีย์ ที่้เราได้ ตกลงที่จะใช้ร่วมกับ พระศาสนจักรตะวันตก เมื่อ สองพันปีที่แล้ว และนี่คือ พระคำภรีย์ของ ชาวคริสต์ชน อย่างแท้จริง
รูปนาง ยูดิธ วีรสตรีที่ถูกลืม

รูปภาพ
ช่วยเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ หน่อยได้ไหมคะว่าเป็นยังไง เผอิญในบ้านมีแต่พระคัมภีร์ใหม่อย่างเดียว ไม่มีเล่มเก่าอยู่แล้ว นอกสารบบในความคิดของโปรแตสแตนท์ยิ่งไม่มี
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

พุธ ต.ค. 14, 2009 10:59 pm

หนังสือยูดิธ
นางยูดิธ – ชื่อ “ ยูดิธ” แปลว่า “ หญิงชาวยิว” – เป็นผู้แทนชะตากรรมของชาวยิว ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ประชากรนี้กำลังอยู่ในอันตราย แต่พระเจ้าก็ทรงใช้มือที่อ่อนแอของหญิงคนหนึ่งนำชัยชนะมาให้ ประชากรของพระเจ้าจึงไปฉลองชัยที่กรุงเยรูซาเล็ม
เป็นเรื่องเล่าถึงหญิงชาวยิวคน หนึ่งช่วยให้ชาวอิสราเอล ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร มีชัยชนะต่อศัตรู ชาวยิวซึ่งเป็นชนชาติเล็กๆต้องเผชิญกับกองทัพใหญ่โตของโฮโลเฟอร์เนส ที่ต้องการให้ชนชาติต่างๆทั่วโลกยอมสยบต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ และต้องการทำลายศาสนาอื่นๆทั้งหมด นอกจากศาสนาที่ยอมนมัสการกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เป็นพระเจ้า ชาวยิวในเมืองเบธูเลียถูกข้าศึกล้อม ต้องอดน้ำ คิดจะยอมจำนนอยู่แล้ว ในช่วงเวลานี้เองนางยูดิธก็เข้ามามีบทบาท นางเป็นม่าย ยังสาว หน้าตาสวยงาม เฉลียวฉลาด ยำเกรงพระเจ้า มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยบ้านเมือง ก่อนอื่นนางต้องขจัดความขลาดกลัวของเพื่อนร่วมชาติ และในที่สุดนางก็ชนะกองทัพอัสซีเรียได้ด้วย นางตำหนิผู้ปกครองเมืองที่ขาดความเชื่อต่อพระเจ้า แล้วนางก็อธิษฐานภาวนาและแต่งกายสวยงามออกไปจากเมืองเบธูเลีย เข้าไปในค่ายศัตรู มีทหารนำไปอยู่ต่อหน้าโฮโลเฟอร์เนสแม่ทัพ ซึ่งหลงใหลในความงามและปฏิภาณของนาง ในที่สุดเมื่อโฮโลเฟอร์เนสนอนเมามายอยู่ตามลำพังกับนาง นางก็ตัดศีรษะเขา เมื่อชาวอัสซีเรียรู้ว่าแม่ทัพของตนถูกฆ่า ก็ตกใจกลัวหนีเอาตัวรอด ชาวยิวเข้าจู่โจมค่ายศัตรู ชาวเมืองเบธูเลียสรรเสริญนางยูดิธและไปทำพิธีขอบพระคุณพระเจ้าอย่างสง่าที่ กรุงเยรูซาเล็ม
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พุธ ต.ค. 14, 2009 11:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 14, 2009 11:21 pm

@ARAN team@ เขียน:        
ผมขอมอบรูปพระอาจารย์เจ้าให้กับพี่น้องโปรแตสเตสน์ ออร์โทด๊อก มอร์มอน ครับ
ก็ส่งให้ถึงบ้านดิ : emo036 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 3:29 am

ภาพน่ากลัวมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
st.dominic savio
โพสต์: 203
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 17, 2009 12:50 pm
ที่อยู่: บ้านแพน อยุธยา

พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 10:36 am

Jeab Agape เขียน: ก็ส่งให้ถึงบ้านดิ : emo036 :
นักเลงจังเลยครับ : emo033 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 10:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร พ.ย. 24, 2009 11:07 pm

เพราะคาทอลิกยุคมืด เลยเกิดการแตกนิกายเลย

งั้นยุคนี้ มืดไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวมี เพิ่มอีกนิกายละนิกาย

พระคัมภีร์บอกว่า คำสาปจะตกแก่ผู้เพิ่มหรือดัดแปลงหรือตัดออก

No Comment At This Reply
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ พ.ย. 25, 2009 12:45 pm

BoYz - The Series เขียน: เพราะคาทอลิกยุคมืด เลยเกิดการแตกนิกายเลย

งั้นยุคนี้ มืดไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวมี เพิ่มอีกนิกายละนิกาย

พระคัมภีร์บอกว่า คำสาปจะตกแก่ผู้เพิ่มหรือดัดแปลงหรือตัดออก

No Comment At This Reply
แสดงว่าโปรฯ ที่สืบทอดจากมาร์ติน ลูเธอร์ จะโดนสาปด้วยไหมคะ

(แต่ปกติเราก็เหมือนถูกสาปตลอดเวลาอยู่แล้ว กระทั่งงานวันเดดไลน์ = =')
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ พ.ย. 25, 2009 12:53 pm

Valkyrie_chan เขียน:
BoYz - The Series เขียน: เพราะคาทอลิกยุคมืด เลยเกิดการแตกนิกายเลย

งั้นยุคนี้ มืดไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวมี เพิ่มอีกนิกายละนิกาย

พระคัมภีร์บอกว่า คำสาปจะตกแก่ผู้เพิ่มหรือดัดแปลงหรือตัดออก

No Comment At This Reply
แสดงว่าโปรฯ ที่สืบทอดจากมาร์ติน ลูเธอร์ จะโดนสาปด้วยไหมคะ

(แต่ปกติเราก็เหมือนถูกสาปตลอดเวลาอยู่แล้ว กระทั่งงานวันเดดไลน์ = =')
กำ

ไม่หรอก อิอิ

แต่ก็นะ.. เหอๆ พูดไม่ถูก เพราะเราไม่รู้ว่า ศาสนศาสตร์ทางโปรลึกๆเค้าว่าอย่างไรบ้าง

เรื่องใหญ่ขนาด ดึงสารบบที่ 2 ออก คงมีเหตุผลมากกว่าแค่ ธรรมาจารย์ยิวแหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พุธ พ.ย. 25, 2009 5:56 pm

BoYz - The Series เขียน:
Valkyrie_chan เขียน:
BoYz - The Series เขียน: เพราะคาทอลิกยุคมืด เลยเกิดการแตกนิกายเลย

งั้นยุคนี้ มืดไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวมี เพิ่มอีกนิกายละนิกาย

พระคัมภีร์บอกว่า คำสาปจะตกแก่ผู้เพิ่มหรือดัดแปลงหรือตัดออก

No Comment At This Reply
แสดงว่าโปรฯ ที่สืบทอดจากมาร์ติน ลูเธอร์ จะโดนสาปด้วยไหมคะ

(แต่ปกติเราก็เหมือนถูกสาปตลอดเวลาอยู่แล้ว กระทั่งงานวันเดดไลน์ = =')
กำ

ไม่หรอก อิอิ

แต่ก็นะ.. เหอๆ พูดไม่ถูก เพราะเราไม่รู้ว่า ศาสนศาสตร์ทางโปรลึกๆเค้าว่าอย่างไรบ้าง

เรื่องใหญ่ขนาด ดึงสารบบที่ 2 ออก คงมีเหตุผลมากกว่าแค่ ธรรมาจารย์ยิวแหละ

ประเด็นตัดออก หรือ เพิ่มเข้า จริงๆ ต้องพิจารณาแบบไม่กว้างเกินไป และไม่แคบเกินไปครับ
เพราะจริงๆ พระคัมภีร์แต่เดิม ก็เป็นหนังสือแยกเล่ม ไม่ได้ต่อๆ กันอย่างนี้
หลักๆ ผู้เขียน (น.ยอห์น) ห้ามไม่ให้เพิ่ม หรือ ตัด ข้อความใน "วิวรณ์"

แต่พระองค์อาจมีพระประสงค์บางอย่างที่ให้หนังสือทั้งหมดเข้าชุดกันเป็น bible ในที่สุด
ซึ่ง อาจหมายรวมถึงการตัด/เพิ่มข้อความในหนังสือเล่มใดๆ
หรือแม้กระทั่งตัดหรือเพิ่มจำนวนเล่มในชุดหนังสือนี้

ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า เรื่องนี้ ไม่ควร extend ถึงขั้น ข้ามไปเล่มอื่น
แต่ควรถูกใช้เพื่อรักษาตัวตนของหนังสือที่แท้จริง
คือ ไม่ใช่เป็นคำขู่ว่า เพิ่ม/ตัดแล้วจะตาย แต่เป็นการรักษาต้นฉบับไว้

แต่ก็นั่นแหละครับ มันมองได้หลายมุม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ พ.ย. 25, 2009 9:12 pm

Edwardius เขียน:
BoYz - The Series เขียน:
Valkyrie_chan เขียน: แสดงว่าโปรฯ ที่สืบทอดจากมาร์ติน ลูเธอร์ จะโดนสาปด้วยไหมคะ

(แต่ปกติเราก็เหมือนถูกสาปตลอดเวลาอยู่แล้ว กระทั่งงานวันเดดไลน์ = =')
กำ

ไม่หรอก อิอิ

แต่ก็นะ.. เหอๆ พูดไม่ถูก เพราะเราไม่รู้ว่า ศาสนศาสตร์ทางโปรลึกๆเค้าว่าอย่างไรบ้าง

เรื่องใหญ่ขนาด ดึงสารบบที่ 2 ออก คงมีเหตุผลมากกว่าแค่ ธรรมาจารย์ยิวแหละ

ประเด็นตัดออก หรือ เพิ่มเข้า จริงๆ ต้องพิจารณาแบบไม่กว้างเกินไป และไม่แคบเกินไปครับ
เพราะจริงๆ พระคัมภีร์แต่เดิม ก็เป็นหนังสือแยกเล่ม ไม่ได้ต่อๆ กันอย่างนี้
หลักๆ ผู้เขียน (น.ยอห์น) ห้ามไม่ให้เพิ่ม หรือ ตัด ข้อความใน "วิวรณ์"

แต่พระองค์อาจมีพระประสงค์บางอย่างที่ให้หนังสือทั้งหมดเข้าชุดกันเป็น bible ในที่สุด
ซึ่ง อาจหมายรวมถึงการตัด/เพิ่มข้อความในหนังสือเล่มใดๆ
หรือแม้กระทั่งตัดหรือเพิ่มจำนวนเล่มในชุดหนังสือนี้

ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า เรื่องนี้ ไม่ควร extend ถึงขั้น ข้ามไปเล่มอื่น
แต่ควรถูกใช้เพื่อรักษาตัวตนของหนังสือที่แท้จริง
คือ ไม่ใช่เป็นคำขู่ว่า เพิ่ม/ตัดแล้วจะตาย แต่เป็นการรักษาต้นฉบับไว้

แต่ก็นั่นแหละครับ มันมองได้หลายมุม
ไม่รู้เหมือนกัน ผมเอาแค่เล่มที่พระเจ้าประทานมาให้ละกันไปก่อน  : xemo016 :
ปล.อยากได้รุ่น ปกหนังรวมสารบบจัง  : xemo029 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พุธ พ.ย. 25, 2009 9:27 pm

โปรทุกวันนี้ เค้าไม่อยากจะรับเอาสารบบที่ใช้กันในคาทอลิก และออฯ หรือนิ?
ตอบกลับโพส