ในที่สุดวันนั้นมาถึง...
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ผมแปลกใจมากเลย ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ก็ตอนนั้นผมคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วนี่ แล้วทำไมมันเป็นแบบนี้ได้
ตอนนี้สิ่งที่จะช่วยได้มาก คือ พลังแห่งการสวดภาวนา นะจ๊ะ
ใช้สิ่งที่มีเหลือให้เป็นประโยชน์ สวดให้คุณพ่อและคุณแม่เยอะๆ
อดทนรอคอยนะคะ นักบุญมอนิกา ยังใช้เวลาสวดเกินกว่า 20 ปี จนลูกกลับใจ
ทำให้เราได้นักบุญที่ยิ่งใหญ่อีกองค์นึงทีเดียว คือนักบุญออกัสตินไงคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ พี่เชื่อว่าน้องทำได้ อดทนนะคะ
ใช้สิ่งที่มีเหลือให้เป็นประโยชน์ สวดให้คุณพ่อและคุณแม่เยอะๆ
อดทนรอคอยนะคะ นักบุญมอนิกา ยังใช้เวลาสวดเกินกว่า 20 ปี จนลูกกลับใจ
ทำให้เราได้นักบุญที่ยิ่งใหญ่อีกองค์นึงทีเดียว คือนักบุญออกัสตินไงคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ พี่เชื่อว่าน้องทำได้ อดทนนะคะ
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
พี่ช่วยสวดให้ผมด้วยได้มั้ยครับsinner เขียน: ตอนนี้สิ่งที่จะช่วยได้มาก คือ พลังแห่งการสวดภาวนา นะจ๊ะ
ใช้สิ่งที่มีเหลือให้เป็นประโยชน์ สวดให้คุณพ่อและคุณแม่เยอะๆ
อดทนรอคอยนะคะ นักบุญมอนิกา ยังใช้เวลาสวดเกินกว่า 20 ปี จนลูกกลับใจ
ทำให้เราได้นักบุญที่ยิ่งใหญ่อีกองค์นึงทีเดียว คือนักบุญออกัสตินไงคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ พี่เชื่อว่าน้องทำได้ อดทนนะคะ
ป.ล. พี่ชื่ออะไรหรอครับ
พี่หน่อยค่ะ
จะสวดให้นะคะ
ปล.ทุกวันนี้พี่ก็พยายามสวดให้คุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ ได้กลับใจเหมือนกันค่ะ
เห็นตัวอย่างจากเพื่อนๆ พี่น้องหลายๆ ท่านที่ทำสำเร็จ ก็อยากให้เกิดกับครอบครัวเราเหมือนกัน สู้ สู้ นะคะ
จะสวดให้นะคะ
ปล.ทุกวันนี้พี่ก็พยายามสวดให้คุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ ได้กลับใจเหมือนกันค่ะ
เห็นตัวอย่างจากเพื่อนๆ พี่น้องหลายๆ ท่านที่ทำสำเร็จ ก็อยากให้เกิดกับครอบครัวเราเหมือนกัน สู้ สู้ นะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 16, 2009 1:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เพราะโลกนี้มีปีศาจจ้า เป็นเรื่องปกติของคนที่เดินตามพระ ต้องเจอแบบนี้แหละ อีกหน่อยก็จะเข้าใจจ้ะHoly Bible เขียน: ผมแปลกใจมากเลย ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ก็ตอนนั้นผมคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วนี่ แล้วทำไมมันเป็นแบบนี้ได้
พี่ว่าบางทีอาจจไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นก็ได้นะครับ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของน้องยังไม่ได้มีความเชื่อถือศรัทธาในคริสตศาสนา บางทีท่านอาจจะเห็นว่าหนังสือคำสอนหรือประวัตินักบุญที่น้องตั้งใจจะอ่านเป็นเพียงหนังสืออ่านเล่น หรือหนังสือที่ไม่มีสาระในสายตาของท่านก็ได้ ดังนั้นจึงทิ้งแต่สายประคำกะน้ำเสกไว้ให้
คุณพ่ออาจจะไม่อยากให้น้องเสียเวลาที่น่าจะเอาไปเรียนหนังสือมากกว่าก็ได้ครับ
ชนชั้นกลางไทยจำนวนมากยังมีค่านิยมอยากจะให้ลูกๆเรียนหนังสือในหลักสูตรให้เก่งสุดๆสอบเข้ามหาลัยชื่อดังให้ได้ โดยแทบจะไม่สนใจชีวิตด้านอื่นๆ หรือความรู้รอบตัวเอาซะเลย อันนี้ก็มีออกมากครับ พี่เรียนแพทย์มานี่เจอพวกคนเรียนเก่งประเภทอย่างอื่นแทบไม่รู้เรื่อง หรือไม่เคยจับงานบ้านเลยนี่เยอะครับ
ถ้าน้องไปวัดเซนต์จอนห์นบ่อยเราอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะครับ คุณพ่อของพี่เคยดูแลกลุ่มเยาวชนของวัดเหมือนกัน และท่านเป็นสมาชิกสภาอภิบาลสัตบุรุษมาหลายปีแล้วด้วยครับ หลังๆมานี่ก็ช่วยงานแปลหนังสือให้กับคุณพ่อวิจิตรครับ แต่พี่อยู่ต่างจังหวัดจะเข้าวัดที่โคราชเป็นส่วนใหญ่
คุณพ่อของพี่บอกว่าที่วัดเซนต์จอห์นของเรามีเยาวชนคนหนึ่งเปลี่ยนมานับถือคาทอลิกจากเดิมที่เป็นชาวมุสลิมด้วยครับ ซึ่งก็ถูกต่อต้านจากทางบ้านอยู่บ้างเหมือนกันด้วยนะครับ
คุณพ่ออาจจะไม่อยากให้น้องเสียเวลาที่น่าจะเอาไปเรียนหนังสือมากกว่าก็ได้ครับ
ชนชั้นกลางไทยจำนวนมากยังมีค่านิยมอยากจะให้ลูกๆเรียนหนังสือในหลักสูตรให้เก่งสุดๆสอบเข้ามหาลัยชื่อดังให้ได้ โดยแทบจะไม่สนใจชีวิตด้านอื่นๆ หรือความรู้รอบตัวเอาซะเลย อันนี้ก็มีออกมากครับ พี่เรียนแพทย์มานี่เจอพวกคนเรียนเก่งประเภทอย่างอื่นแทบไม่รู้เรื่อง หรือไม่เคยจับงานบ้านเลยนี่เยอะครับ
ถ้าน้องไปวัดเซนต์จอนห์นบ่อยเราอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะครับ คุณพ่อของพี่เคยดูแลกลุ่มเยาวชนของวัดเหมือนกัน และท่านเป็นสมาชิกสภาอภิบาลสัตบุรุษมาหลายปีแล้วด้วยครับ หลังๆมานี่ก็ช่วยงานแปลหนังสือให้กับคุณพ่อวิจิตรครับ แต่พี่อยู่ต่างจังหวัดจะเข้าวัดที่โคราชเป็นส่วนใหญ่
คุณพ่อของพี่บอกว่าที่วัดเซนต์จอห์นของเรามีเยาวชนคนหนึ่งเปลี่ยนมานับถือคาทอลิกจากเดิมที่เป็นชาวมุสลิมด้วยครับ ซึ่งก็ถูกต่อต้านจากทางบ้านอยู่บ้างเหมือนกันด้วยนะครับ
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ทำไงดีครับ คือพ่อผมเขาไม่ให้ไปวัดเซนต์จอห์นแล้ว ทำไงดีครับ
ส่วนตัวแล้วผมชอบคุณพ่อวิจิตรมากเลยครับ ท่านเป็นคนใจดีมากเลย แต่ท่าชอบมีงานเยอะ แ้ล้วก็พี่ที่เขาเคยเป็นมุสลิมแล้วมาเป็นคาทอลิก ผมก็รู้จักพี่เขาครับ พ่อของเขาให้แต่แม่ไม่ให้ ก็เลยต้องแอบsansrepos เขียน: พี่ว่าบางทีอาจจไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นก็ได้นะครับ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของน้องยังไม่ได้มีความเชื่อถือศรัทธาในคริสตศาสนา บางทีท่านอาจจะเห็นว่าหนังสือคำสอนหรือประวัตินักบุญที่น้องตั้งใจจะอ่านเป็นเพียงหนังสืออ่านเล่น หรือหนังสือที่ไม่มีสาระในสายตาของท่านก็ได้ ดังนั้นจึงทิ้งแต่สายประคำกะน้ำเสกไว้ให้
คุณพ่ออาจจะไม่อยากให้น้องเสียเวลาที่น่าจะเอาไปเรียนหนังสือมากกว่าก็ได้ครับ
ชนชั้นกลางไทยจำนวนมากยังมีค่านิยมอยากจะให้ลูกๆเรียนหนังสือในหลักสูตรให้เก่งสุดๆสอบเข้ามหาลัยชื่อดังให้ได้ โดยแทบจะไม่สนใจชีวิตด้านอื่นๆ หรือความรู้รอบตัวเอาซะเลย อันนี้ก็มีออกมากครับ พี่เรียนแพทย์มานี่เจอพวกคนเรียนเก่งประเภทอย่างอื่นแทบไม่รู้เรื่อง หรือไม่เคยจับงานบ้านเลยนี่เยอะครับ
ถ้าน้องไปวัดเซนต์จอนห์นบ่อยเราอาจจะเคยเจอกันก็ได้นะครับ คุณพ่อของพี่เคยดูแลกลุ่มเยาวชนของวัดเหมือนกัน และท่านเป็นสมาชิกสภาอภิบาลสัตบุรุษมาหลายปีแล้วด้วยครับ หลังๆมานี่ก็ช่วยงานแปลหนังสือให้กับคุณพ่อวิจิตรครับ แต่พี่อยู่ต่างจังหวัดจะเข้าวัดที่โคราชเป็นส่วนใหญ่
คุณพ่อของพี่บอกว่าที่วัดเซนต์จอห์นของเรามีเยาวชนคนหนึ่งเปลี่ยนมานับถือคาทอลิกจากเดิมที่เป็นชาวมุสลิมด้วยครับ ซึ่งก็ถูกต่อต้านจากทางบ้านอยู่บ้างเหมือนกันด้วยนะครับ
เราว่านายต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่นะ เราไม่อยากให้นายกับครอบครัวต้องมาขัดใจกันเพราะเรื่องศาสนา
เราว่านายตั้งใจเรียนดีกว่า ส่วนเรื่องศาสนาคริสต์ที่นายศรัทธา เราว่ารอให้นายมีอายุบรรลุนิติภาวะก่อน
เพราะว่าถ้านายมีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว พ่อกับแม่ท่านคงไม่ว่าอะไรนายหรอก เพราะท่านเห็นว่านายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เราขอให้นายสมหวังในสิ่งที่นายปรารถนานะ
เราว่านายตั้งใจเรียนดีกว่า ส่วนเรื่องศาสนาคริสต์ที่นายศรัทธา เราว่ารอให้นายมีอายุบรรลุนิติภาวะก่อน
เพราะว่าถ้านายมีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว พ่อกับแม่ท่านคงไม่ว่าอะไรนายหรอก เพราะท่านเห็นว่านายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เราขอให้นายสมหวังในสิ่งที่นายปรารถนานะ
คริสตศาสนาไม่ว่าจะนิกายอะไรสอนเน้นเรื่องความรักและการเป็นแบบอย่างที่ดี น้องยังไม่จำเป็นจะต้องรีบรับศีลล้างบาปตราบเท่าที่สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย และอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพราะนั่นอาจจะขัดกับหลักความรัก
เท่าที่ฟังมาน้องเล่ามาน้องน่าจะเรียนระดับ ม.ปลาย แล้วนะครับ คุณพ่อคุณแม่ของน้องอาจจะยังเห็นน้องเป็นวัยรุ่นที่อาจจะใจร้อนและหลงเชื่อคนง่ายก็ได้ และการที่พวกท่านห้ามปรามเรื่องการไปเข้ารีตเป็นคริสต์ก็น่าจะเป็นความหวังดี (แต่อาจจะมีความเข้าใจผิดผสมอคติ และอาจจะยังมีความคาดหวังผิดๆที่อยากให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ)
ถ้าถึงขั้นสั่งห้ามไม่ให้ไปฟังมิสซาพี่ว่าน้องต้องคุยเปิดอกกับคุณพ่อน้องแล้วหละว่าเพราะเหตุผลอะไร และน้องจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่คุณพ่อถึงจะอนุญาต เช่นเข้าเรียนในมหาลัย อายุครบ 20 ปี เรียนจบมีรายได้เป็นของตัวเอง หรือว่าต้องให้น้องแต่งงานแยกครอบครัวออกไปอะไรประมาณนี้
ต้องชี้แจงตรงๆ (ด้วยความสุภาพนะ) ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ไม่อาจจะบังคับหรือจำกัดเสรีภาพในการเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาอะไรได้ไปตลอด
เท่าที่ฟังมาน้องเล่ามาน้องน่าจะเรียนระดับ ม.ปลาย แล้วนะครับ คุณพ่อคุณแม่ของน้องอาจจะยังเห็นน้องเป็นวัยรุ่นที่อาจจะใจร้อนและหลงเชื่อคนง่ายก็ได้ และการที่พวกท่านห้ามปรามเรื่องการไปเข้ารีตเป็นคริสต์ก็น่าจะเป็นความหวังดี (แต่อาจจะมีความเข้าใจผิดผสมอคติ และอาจจะยังมีความคาดหวังผิดๆที่อยากให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ)
ถ้าถึงขั้นสั่งห้ามไม่ให้ไปฟังมิสซาพี่ว่าน้องต้องคุยเปิดอกกับคุณพ่อน้องแล้วหละว่าเพราะเหตุผลอะไร และน้องจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่คุณพ่อถึงจะอนุญาต เช่นเข้าเรียนในมหาลัย อายุครบ 20 ปี เรียนจบมีรายได้เป็นของตัวเอง หรือว่าต้องให้น้องแต่งงานแยกครอบครัวออกไปอะไรประมาณนี้
ต้องชี้แจงตรงๆ (ด้วยความสุภาพนะ) ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ไม่อาจจะบังคับหรือจำกัดเสรีภาพในการเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาอะไรได้ไปตลอด
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
เขาไม่ให้ไปฟังมิสซาด้วยครับ พึ่งไปขอมาเมื่อวันเสาร์นี้เอง เขาบอกว่าเขาห้ามที่จะให้ผมมีศรัทธาไม่ได้ แต่เรื่องนี้"ไม่สนับสนุน"ครับ ผมก็เสียใจเหมือนกันนะที่พ่อแม่ห้ามถึงขนาดนี้sansrepos เขียน: คริสตศาสนาไม่ว่าจะนิกายอะไรสอนเน้นเรื่องความรักและการเป็นแบบอย่างที่ดี น้องยังไม่จำเป็นจะต้องรีบรับศีลล้างบาปตราบเท่าที่สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย และอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพราะนั่นอาจจะขัดกับหลักความรัก
เท่าที่ฟังมาน้องเล่ามาน้องน่าจะเรียนระดับ ม.ปลาย แล้วนะครับ คุณพ่อคุณแม่ของน้องอาจจะยังเห็นน้องเป็นวัยรุ่นที่อาจจะใจร้อนและหลงเชื่อคนง่ายก็ได้ และการที่พวกท่านห้ามปรามเรื่องการไปเข้ารีตเป็นคริสต์ก็น่าจะเป็นความหวังดี (แต่อาจจะมีความเข้าใจผิดผสมอคติ และอาจจะยังมีความคาดหวังผิดๆที่อยากให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ)
ถ้าถึงขั้นสั่งห้ามไม่ให้ไปฟังมิสซาพี่ว่าน้องต้องคุยเปิดอกกับคุณพ่อน้องแล้วหละว่าเพราะเหตุผลอะไร และน้องจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่คุณพ่อถึงจะอนุญาต เช่นเข้าเรียนในมหาลัย อายุครบ 20 ปี เรียนจบมีรายได้เป็นของตัวเอง หรือว่าต้องให้น้องแต่งงานแยกครอบครัวออกไปอะไรประมาณนี้
ต้องชี้แจงตรงๆ (ด้วยความสุภาพนะ) ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ไม่อาจจะบังคับหรือจำกัดเสรีภาพในการเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาอะไรได้ไปตลอด
ไม่สนับสนุนกับสั่งห้ามมันไม่เหมือนกันนะครับ
น้องเป็นวัยรุ่นอยู่ในช่วงของการค้นหาตัวเอง และเรียนหนังสือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปประกอบอาชีพพึ่งตนเองในอนาคต
ถ้าใช้คำว่าไม่สนับสนุนมันหมายความว่าถ้าน้องให้คุณพ่อขับรถพาไปส่งที่วัดแล้วคุณพ่อไม่ยอมพาไปอันนี้ก็ไม่แปลก ถ้าไม่ออกเงินให้น้องเอาไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับคาทอลิกหรือทำบุญในศาสนาคาทอลิกอันนี้คือไม่สนับสนุน
แต่ถ้าสั่งห้ามมันก็เป็นการบังคับไม่ให้ทำ มันไม่ใช่แค่เพียงไม่สนับสนุน
บางทีน้องอาจจะต้องแสดงความตั้งใจจริงต่อรองกับคุณพ่อเช่นน้องจะขอลดเงิน pocket money หรืองดไปสังสรรค์หรือทำกิจกรรม (ที่ไม่ใช่การเรียนอื่นๆ รวมทั้งการเที่ยวเตร่เป็นครั้งคราว) เพื่อแลกกับสิทธิในการแสดงออกทางศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจ
และก็ควรจะถามท่านไปตรงๆเลยว่าการไปเข้าคาทอลิกมันไม่ดีตรงไหน ศาสนาคริสต์มีบทบัญญัติให้นับถือบิดามารดา ให้ใช้หลักความรัก และการให้อภัยเพื่อสลายความขัดแย้ง นอกจากเน้นเรื่องพระเจ้าและการไถ่บาปแล้ว หลักศีลธรรมพื้นฐานแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากพุทธศาสนาเลยด้วยซ้ำ นอกจากคุณพ่ออาจจะกลัวว่าน้องจะไม่ยอมบวชเป็นภิกษุเมื่ออายุครบบวชตามธรรมเนียมไทย
คือต้องพูดกันให้เข้าใจไปเลยครับ ไอ้เรื่องบรรลุนิติภาวะหรือพึ่งตัวเองได้มันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่พี่ไม่คิดว่านี่ควรจะเป็นประเด็นหลักที่เราจะเน้นย้ำ ถ้าน้องยังเรียนไม่จบถึงจะอายุแค่ไหนก็ยังน่าจะต้องพึ่งพาครอบครัวอยู่ แล้วถ้าน้องเรียนจบมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ น้องอยากจะตัดพ่อตัดแม่กับพวกท่านเลยหรือ
และพีไม่คิดว่าพ่อแม่ของน้องจะรังเกียจศาสนาคาทอลิกถึงกับจะตัดลูกด้วยครับ
น้องเป็นวัยรุ่นอยู่ในช่วงของการค้นหาตัวเอง และเรียนหนังสือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปประกอบอาชีพพึ่งตนเองในอนาคต
ถ้าใช้คำว่าไม่สนับสนุนมันหมายความว่าถ้าน้องให้คุณพ่อขับรถพาไปส่งที่วัดแล้วคุณพ่อไม่ยอมพาไปอันนี้ก็ไม่แปลก ถ้าไม่ออกเงินให้น้องเอาไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับคาทอลิกหรือทำบุญในศาสนาคาทอลิกอันนี้คือไม่สนับสนุน
แต่ถ้าสั่งห้ามมันก็เป็นการบังคับไม่ให้ทำ มันไม่ใช่แค่เพียงไม่สนับสนุน
บางทีน้องอาจจะต้องแสดงความตั้งใจจริงต่อรองกับคุณพ่อเช่นน้องจะขอลดเงิน pocket money หรืองดไปสังสรรค์หรือทำกิจกรรม (ที่ไม่ใช่การเรียนอื่นๆ รวมทั้งการเที่ยวเตร่เป็นครั้งคราว) เพื่อแลกกับสิทธิในการแสดงออกทางศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจ
และก็ควรจะถามท่านไปตรงๆเลยว่าการไปเข้าคาทอลิกมันไม่ดีตรงไหน ศาสนาคริสต์มีบทบัญญัติให้นับถือบิดามารดา ให้ใช้หลักความรัก และการให้อภัยเพื่อสลายความขัดแย้ง นอกจากเน้นเรื่องพระเจ้าและการไถ่บาปแล้ว หลักศีลธรรมพื้นฐานแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากพุทธศาสนาเลยด้วยซ้ำ นอกจากคุณพ่ออาจจะกลัวว่าน้องจะไม่ยอมบวชเป็นภิกษุเมื่ออายุครบบวชตามธรรมเนียมไทย
คือต้องพูดกันให้เข้าใจไปเลยครับ ไอ้เรื่องบรรลุนิติภาวะหรือพึ่งตัวเองได้มันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่พี่ไม่คิดว่านี่ควรจะเป็นประเด็นหลักที่เราจะเน้นย้ำ ถ้าน้องยังเรียนไม่จบถึงจะอายุแค่ไหนก็ยังน่าจะต้องพึ่งพาครอบครัวอยู่ แล้วถ้าน้องเรียนจบมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ น้องอยากจะตัดพ่อตัดแม่กับพวกท่านเลยหรือ
และพีไม่คิดว่าพ่อแม่ของน้องจะรังเกียจศาสนาคาทอลิกถึงกับจะตัดลูกด้วยครับ
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
แม่บอกผมเรื่องนี้ว่า "ไม่ว่าอะไรยังไงจะเกิดขึ้นกับผมในอนาคต แม่ยอมรับได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ทุกวันนี้ที่แม่อดทนเรื่องนี้ได้ก็เพราะว่ารักผม แม่ถึงยอมทนได้" ผมเชื่อว่าแม่ผมคงรักผมมากเลย เมื่อมีสิ่งใดแปลกปลอมเข้ามาหาผม พ่อแม่ก็ต้องเป็นด่านแรกก่อน เหมือนเวลามีแฟนแม่ก็จะคอยมาตรวจดูว่าผู้หญิงที่ผมคบเค้าเป็นยังไงนะ นิสัยดีหรือเปล่า นี่ล่ะคือความรักของแม่ผม สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ก็คือต้องรอ รอเวลาให้มันผ่านไป พร้อมกับทำตัวเป็นคนดี อ่านพระคัมภีร์เยอะๆหน่อย เื่พื่อจะได้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เหมือนที่พระเยซูทรงเป็นบุตรที่ดีของพระนางมารีย์ ผมจะยึดพระเยซูเป็นแบบอย่าง ในครั้งที่พระเยซูยังทรงพระเยาว์ พระองค์ยังทรงมิได้แสดงพระองค์ให้คนอื่นรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผมว่าช่วงเวลานั้นพระองค์ก็คงรู้สึกคล้ายๆผม เพราะว่าพระองค์ทรงอดทนที่จะไม่เปิดเผยพระองค์เป็นเวลาหลายสิบปี อยากจะบอกว่าพระองค์ทรงมีความอดทนมากกว่าผมอีก ทั้งๆที่ผมรอจนถึงเวลานั้น แล้วทุกอย่างก็จบกันไป แต่ว่าเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์กลับไม่มีคนเชื่อ แถมยังมีคนมาขู่ฆ่าพระองค์อีกsansrepos เขียน: ไม่สนับสนุนกับสั่งห้ามมันไม่เหมือนกันนะครับ
น้องเป็นวัยรุ่นอยู่ในช่วงของการค้นหาตัวเอง และเรียนหนังสือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปประกอบอาชีพพึ่งตนเองในอนาคต
ถ้าใช้คำว่าไม่สนับสนุนมันหมายความว่าถ้าน้องให้คุณพ่อขับรถพาไปส่งที่วัดแล้วคุณพ่อไม่ยอมพาไปอันนี้ก็ไม่แปลก ถ้าไม่ออกเงินให้น้องเอาไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับคาทอลิกหรือทำบุญในศาสนาคาทอลิกอันนี้คือไม่สนับสนุน
แต่ถ้าสั่งห้ามมันก็เป็นการบังคับไม่ให้ทำ มันไม่ใช่แค่เพียงไม่สนับสนุน
บางทีน้องอาจจะต้องแสดงความตั้งใจจริงต่อรองกับคุณพ่อเช่นน้องจะขอลดเงิน pocket money หรืองดไปสังสรรค์หรือทำกิจกรรม (ที่ไม่ใช่การเรียนอื่นๆ รวมทั้งการเที่ยวเตร่เป็นครั้งคราว) เพื่อแลกกับสิทธิในการแสดงออกทางศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจ
และก็ควรจะถามท่านไปตรงๆเลยว่าการไปเข้าคาทอลิกมันไม่ดีตรงไหน ศาสนาคริสต์มีบทบัญญัติให้นับถือบิดามารดา ให้ใช้หลักความรัก และการให้อภัยเพื่อสลายความขัดแย้ง นอกจากเน้นเรื่องพระเจ้าและการไถ่บาปแล้ว หลักศีลธรรมพื้นฐานแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากพุทธศาสนาเลยด้วยซ้ำ นอกจากคุณพ่ออาจจะกลัวว่าน้องจะไม่ยอมบวชเป็นภิกษุเมื่ออายุครบบวชตามธรรมเนียมไทย
คือต้องพูดกันให้เข้าใจไปเลยครับ ไอ้เรื่องบรรลุนิติภาวะหรือพึ่งตัวเองได้มันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่พี่ไม่คิดว่านี่ควรจะเป็นประเด็นหลักที่เราจะเน้นย้ำ ถ้าน้องยังเรียนไม่จบถึงจะอายุแค่ไหนก็ยังน่าจะต้องพึ่งพาครอบครัวอยู่ แล้วถ้าน้องเรียนจบมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ น้องอยากจะตัดพ่อตัดแม่กับพวกท่านเลยหรือ
และพีไม่คิดว่าพ่อแม่ของน้องจะรังเกียจศาสนาคาทอลิกถึงกับจะตัดลูกด้วยครับ
ผมคิดว่า..ผมต้องทนให้ได้...ต้องทนให้ได้ แต่ยังไงผมก็ยังทำใจเรื่องไปวัดไม่ได้อยู่ดี อยากไปร่วมงานคริสต์มาส อยากจะไปร่วมฉลองวัด.....
-
- โพสต์: 1042
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
- ที่อยู่: Ether23@hotmail.com
"จงใช้ความรักเอาชนะความรัก" ...อเล็กซานเดอร์ บาร์เคลย์...
สู้ๆนะคร้าบ คุณมาร์ค
สู้ๆนะคร้าบ คุณมาร์ค
ถ้าพี่เป็นน้องคงเครียดเหมือนกันนะ
ท่าทางน้องจะมีความอดทนมากกว่าพี่สมัยอายุเท่ากับน้องตอนนี้อีกด้วย
ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรให้ครอบครัวของน้อง ให้พบกันสันติสุขและความปรองดองตามน้ำพระทัยของพระองค์
ว่าแต่น้องไปมิสซาเวลาอื่นที่พ่อแม่น้องจะไม่อาจทราบได้เลยเหรอครับ ไม่ใช่พี่จะมาสอนให้หัดโกหกนะ แต่บางครั้งกับเรื่องดีๆบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องเล่าให้พ่อแม่ฟังทั้งหมดนี่ครับว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่ยังไม่เหมาะสมที่ท่านจะรับได้
ท่าทางน้องจะมีความอดทนมากกว่าพี่สมัยอายุเท่ากับน้องตอนนี้อีกด้วย
ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรให้ครอบครัวของน้อง ให้พบกันสันติสุขและความปรองดองตามน้ำพระทัยของพระองค์
ว่าแต่น้องไปมิสซาเวลาอื่นที่พ่อแม่น้องจะไม่อาจทราบได้เลยเหรอครับ ไม่ใช่พี่จะมาสอนให้หัดโกหกนะ แต่บางครั้งกับเรื่องดีๆบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องเล่าให้พ่อแม่ฟังทั้งหมดนี่ครับว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่ยังไม่เหมาะสมที่ท่านจะรับได้
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ไปตอนไหนได้บ้างครับ ถ้าเป็นตอนเย็นก็ไม่ได้อยู่ดีครับ เพราะพ่อแม่จะอยู่บ้านในช่วงนี้ ก็ไปได้ในวันอาิทิตย์ตอนเช้าอ่ะครับ ผมต้องเรียนพิเศษด้วย ถ้าจะไปก็ต้องโดดเรียนเอา(เพราะปกติจะโดดเรียนในวันอาทิตย์เสมอ)
เท่าที่พี่จำได้นะครับ มิสซาวันอาทิตย์ของเซนต์จอห์นจะมีมิสซาแทนในเย็นวันเสาร์ 18 น.
วันอาทิตย์จะมี 6.30 7.45 9 และ 18 น.
และมีมิสซาภาษาอังกฤษเวลา 10 น.
จริงๆน้องลองเช็คเวลาของวัดอื่นๆดูด้วยก็ดีนะครับ เผื่อว่าเป็นทางผ่านที่จะแวะไปได้โดยไม่ต้องเสียธุระหรือต้องโดดเรียน
เท่าที่ฟังมาพี่ว่าพ่อแม่น้องน่าจะมีอคติรุนแรงพอสมควรคงต้องใช้เวลาครับ และที่สำคัญตัวเราต้องแสดงออกถึงการเป็นคาทอลิกที่ดี ถ้าน้องเป็นเด็กเกเร เอาแต่ใจ ไม่รับผิดชอบหรือก้าวร้าว นี่จะให้พ่อแม่ยอมรับก็ยิ่งยากครับ
เรื่องเรียนพิเศษก็พยายามจัดเวลาดูครับ ถ้าหาคนสอนเคมี มาเรียนกับน้องสาวพี่ก็ได้ครับ แกเป็นครูที่รร.มาแตร์ฯ บ้านอยู่ลาดพร้าวซอย 1 แต่ไม่รู้ว่าตารางเวลาเต็มหรือยังนะครับเพราะมีลูกศิษย์เยอะอยู่เหมือนกัน
วันอาทิตย์จะมี 6.30 7.45 9 และ 18 น.
และมีมิสซาภาษาอังกฤษเวลา 10 น.
จริงๆน้องลองเช็คเวลาของวัดอื่นๆดูด้วยก็ดีนะครับ เผื่อว่าเป็นทางผ่านที่จะแวะไปได้โดยไม่ต้องเสียธุระหรือต้องโดดเรียน
เท่าที่ฟังมาพี่ว่าพ่อแม่น้องน่าจะมีอคติรุนแรงพอสมควรคงต้องใช้เวลาครับ และที่สำคัญตัวเราต้องแสดงออกถึงการเป็นคาทอลิกที่ดี ถ้าน้องเป็นเด็กเกเร เอาแต่ใจ ไม่รับผิดชอบหรือก้าวร้าว นี่จะให้พ่อแม่ยอมรับก็ยิ่งยากครับ
เรื่องเรียนพิเศษก็พยายามจัดเวลาดูครับ ถ้าหาคนสอนเคมี มาเรียนกับน้องสาวพี่ก็ได้ครับ แกเป็นครูที่รร.มาแตร์ฯ บ้านอยู่ลาดพร้าวซอย 1 แต่ไม่รู้ว่าตารางเวลาเต็มหรือยังนะครับเพราะมีลูกศิษย์เยอะอยู่เหมือนกัน
แต่ล่ะครอบครัวไม่เหมือนกัน อย่างครอบครัวผมไม่เข้มมากเรื่องการสอบ เพราะเค้ามั่นใจว่าถึงผมจะเล่นๆอะไรยังไง เวลาสอบผมก็เอาจริงตลอด ดังนั้น คุณลองแสดงว่าคุณสนใจเรียน ตั้งใจเรียน ( ไม่ต้องแสร้งทำน่ะครับ ทำไปจริงๆเลย หรือ ถ้าตั้งใจอยู่แล้ว อาจจะเป็นที่อคติอันนี้ต้องสวดเยอะๆแล้วครับ) ส่วนเรื่องมิซซา ที่พี่ sansrepos ก็ถูกน่ะครับ ลองหาเวลาที่เหมาะกับเราดู แรกๆ อาจจะแอบไปบ้าง ตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ สวดภาวนาเยอะ ได้ผลแน่นอนครับ
จะช่วยอีกแรงครับ!! Fighting
ปล. อาจจะนอกเรื่องแต่ผมเห็นบางครอบครัวเข้มมากครับ เรียกว่าเรียนเช้ายันเย็น คอมถ้าไม่ได้ทำงานห้ามเปิด ทีวีรายการไร้สาระห้ามดู น้องคนนั้นเครียดมาก แต่พอผลสอบออกมา สอบติดมหาลัยตอนนี้แล้ว จะทำอะไรก็ทำไป เค้าปล่อยแล้วนั่นเอง
จะช่วยอีกแรงครับ!! Fighting
ปล. อาจจะนอกเรื่องแต่ผมเห็นบางครอบครัวเข้มมากครับ เรียกว่าเรียนเช้ายันเย็น คอมถ้าไม่ได้ทำงานห้ามเปิด ทีวีรายการไร้สาระห้ามดู น้องคนนั้นเครียดมาก แต่พอผลสอบออกมา สอบติดมหาลัยตอนนี้แล้ว จะทำอะไรก็ทำไป เค้าปล่อยแล้วนั่นเอง
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาเล่มนึงครับเมื่อวานนี้ ชื่อเรื่อง: เล่าเรื่องกรุงสยาม เขียนโดย มงเซญอร์ ปาลเลกัวซ์
เกี่ยวกับชีวิตของเด็กคริสตังในสมัยกรุงสยามครับ คือเมื่อสมัยก่อนก็มีครอบครัวคริสตังหลายคนที่ไปติดหนี้คนอื่นเขาจนไม่มีอะไรจ่าย ก็เลยต้องเอาลูกไปเป็นทาส ซึ่งนายทาสเขาโหดมาก คือเขาพยายามที่จะทำให้เด็กพวกนี้เลิกนับถือคริสตศาสนา เช่น เวลาอยู่ในเรือนก็ห้ามสวดภาวนาให้เห็นไม่เช่นนั้นก็จะโดนเฆี่ยน ห้ามไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ถ้าเห็นว่าแอบไปก็ต้องโดนล่ามโซ่ไว้กับเสาบ้าน เมื่อโตขึ้น ถ้าเป็นผู้ชายก็จะบอกว่าให้บวชเป็นพระซัก2-3พรรษา แล้วจะปล่อยให้เป็นอิสระ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะให้ไปเป็นเมียน้อยคนที่เขารวยๆ ซึ่งตอนนั้นมิสซังพยายามไถ่เด็กพวกนี้ให้เป็นอิสระ แต่ก็ได้ไม่หมด เพราะว่ามีมากเหลือเกิน เห้อ โหดกันจริงๆ
เกี่ยวกับชีวิตของเด็กคริสตังในสมัยกรุงสยามครับ คือเมื่อสมัยก่อนก็มีครอบครัวคริสตังหลายคนที่ไปติดหนี้คนอื่นเขาจนไม่มีอะไรจ่าย ก็เลยต้องเอาลูกไปเป็นทาส ซึ่งนายทาสเขาโหดมาก คือเขาพยายามที่จะทำให้เด็กพวกนี้เลิกนับถือคริสตศาสนา เช่น เวลาอยู่ในเรือนก็ห้ามสวดภาวนาให้เห็นไม่เช่นนั้นก็จะโดนเฆี่ยน ห้ามไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ถ้าเห็นว่าแอบไปก็ต้องโดนล่ามโซ่ไว้กับเสาบ้าน เมื่อโตขึ้น ถ้าเป็นผู้ชายก็จะบอกว่าให้บวชเป็นพระซัก2-3พรรษา แล้วจะปล่อยให้เป็นอิสระ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะให้ไปเป็นเมียน้อยคนที่เขารวยๆ ซึ่งตอนนั้นมิสซังพยายามไถ่เด็กพวกนี้ให้เป็นอิสระ แต่ก็ได้ไม่หมด เพราะว่ามีมากเหลือเกิน เห้อ โหดกันจริงๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พี่แนะนำว่า ให้น้องบอกแม่ว่า
น้องจะพิสูจน์ให้ดูว่า การเชื่อพระเจ้า ไม่ได้ทำให้น้องย่ำแย่ หรือ เลวร้ายลง
ตรงกันข้าม น้องจะเป็นเด็กดี เป็นคนดี และ ไม่เสียการเรียน
แล้วก็ทำให้ได้ตามที่พูด ขยันเรียน ตั้งใจทำงานบ้าน
อดทน ทำไป เพื่อพ่อแม่จะได้ไม่มาว่าตามหลังได้ว่า
พระเจ้าทำให้น้องนิสัยแย่ และ เสียเด็กค่ะ
ลองเอาความดีชนะดู
ขอพระเจ้าอวยพร
น้องจะพิสูจน์ให้ดูว่า การเชื่อพระเจ้า ไม่ได้ทำให้น้องย่ำแย่ หรือ เลวร้ายลง
ตรงกันข้าม น้องจะเป็นเด็กดี เป็นคนดี และ ไม่เสียการเรียน
แล้วก็ทำให้ได้ตามที่พูด ขยันเรียน ตั้งใจทำงานบ้าน
อดทน ทำไป เพื่อพ่อแม่จะได้ไม่มาว่าตามหลังได้ว่า
พระเจ้าทำให้น้องนิสัยแย่ และ เสียเด็กค่ะ
ลองเอาความดีชนะดู
ขอพระเจ้าอวยพร
เห็นด้วยกับ Little Lamb ระหว่างที่ยังอยู่ในปกครองของพ่อแม่ ก็คิดว่าควรทำตามท่านไปก่อนหากสิ่งนั้นไม่ผิดศีลธรรมหรือความยุติธรรม เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าเมื่ออายุ 12 ปี แม้ว่าจะทรงมีพระภารกิจที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังคงตามแม่พระและนักบุญยอแซฟกลับบ้าน ระหว่างนี้เราสามารถไปวัดได้ด้วยความปรารถนา เช่นเดียวกับเราสามารถรับศีลมหาสนิทได้ด้วยความปรารถนา ขณะเดียวกันก็พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า การนับถือศาสนาคาทอลิกมีแต่สิ่งที่ดีงาม และไม่เสียหายในเรื่องฝ่ายกาย โดยเฉพาะเรื่องการเรียนและความประพฤติ แสดงให้ท่านเห็นว่าเรารักท่านทั้งสองด้วยกาย, วาจาและใจ... สวดให้ท่าน และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นกำลังใจและสวดให้ครับ