คนคริสต์กินเจได้ป่าวครับ
- Natural Path
- โพสต์: 135
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 10:08 am
ผมว่าไม่ผิดนะครับ ชาวเต๋าบางคนยังกินเจเลย
แค่งดเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม เนย ไข่ และพวกผักฉุนเอง
กินแล้วใจเย็น อารมณ์ดี ลดกำหนัดดีออก
ปล.ผมว่าผมไม่ควรตอบเนอะ ผมไม่ใช่คนคริสต์นี่หว่า
แค่งดเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม เนย ไข่ และพวกผักฉุนเอง
กินแล้วใจเย็น อารมณ์ดี ลดกำหนัดดีออก
ปล.ผมว่าผมไม่ควรตอบเนอะ ผมไม่ใช่คนคริสต์นี่หว่า
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
กินได้ค้าบ
vegetarian ไง ^0^
ข้าวหมูแดงแบบเจ ผมได้ลองกินดู อร่อยมากครับ ตัวเนื้อน่าจะเป็นเต้าหู แต่มันคล้ายกับ หนังเป็นย่างมากๆ อร่อยสุดยอด : xemo026 :
ปล.หาอาหารเจ กินยากมากเลยครับ เหอๆ
อาหารเจ อร่อยจริงๆ สารอาหารครบ ย่อยดี สุขภาพดี ดีทุกอย่างๆจริงๆ ลองกินเป็นประจำดู
แต่ผมกินไข่ไก่ กินลูกชิ้น บ้าง แต่ผักเยอะหน่อย
เลยหล่อใส อยู่แบบนี้
vegetarian ไง ^0^
ข้าวหมูแดงแบบเจ ผมได้ลองกินดู อร่อยมากครับ ตัวเนื้อน่าจะเป็นเต้าหู แต่มันคล้ายกับ หนังเป็นย่างมากๆ อร่อยสุดยอด : xemo026 :
ปล.หาอาหารเจ กินยากมากเลยครับ เหอๆ
อาหารเจ อร่อยจริงๆ สารอาหารครบ ย่อยดี สุขภาพดี ดีทุกอย่างๆจริงๆ ลองกินเป็นประจำดู
แต่ผมกินไข่ไก่ กินลูกชิ้น บ้าง แต่ผักเยอะหน่อย
เลยหล่อใส อยู่แบบนี้

แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ต.ค. 20, 2009 12:07 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อยากกินก็กินได้ค่ะ
แต่จุดมุ่งหมายคนละแบบกับกินเจ
ที่เพื่อชำระจิตและรักษากาย ซึ่งจะงดอาหารคาวไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องถึงกับนุ่งขาว ห่มขาว งดผักกลิ่นแรง ห้ามจานคาวมาปนจานเจ
แต่เรากินเพื่อพลีกรรม ถือศีล ฝึกจิต บังคับตน ภาวนา อดของชอบ ของอร่อย เพื่อใช้โทษบาป ฯลฯ
แต่จุดมุ่งหมายคนละแบบกับกินเจ
ที่เพื่อชำระจิตและรักษากาย ซึ่งจะงดอาหารคาวไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องถึงกับนุ่งขาว ห่มขาว งดผักกลิ่นแรง ห้ามจานคาวมาปนจานเจ
แต่เรากินเพื่อพลีกรรม ถือศีล ฝึกจิต บังคับตน ภาวนา อดของชอบ ของอร่อย เพื่อใช้โทษบาป ฯลฯ
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
ประมาณนั้น ครับ†Ecclēsia เขียน: ขึ้นอยู่กับว่า กินไปเพื่ออะไรด้วยนะคะ
เเต่ก็คือกินได้ ถ้าสาระในการกินไม่ต่างอะไรจากการกินอาหารปกติค่ะ

-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
ซัดอาหารเจที่เยาวราชทุกปีครับ
อย่างเปรม ..
อย่างเปรม ..
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ประวัติเรื่องการกินเจ
คำว่า "เจ" หรือ "แจ" ในภาษาจีนมีความหมายในทางพระพุทธศาสานาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" ส่วน "กินเจ" หมายถึง การรับประทานอาหารก่อนเที่ยง ถ้ารับประทานหลังเที่ยงจะเรียกว่ากินเจไม่ได้ เนื่องจากการถืออุโบสถของจีน ซึ่งไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเพี้ยนไปว่าการไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการกินเจ ทั้งที่การไม่กินเนื้อสัตว์เรียกว่าการ "กินสู"
เรื่องการกินเจนี้คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นพิธี่เกี่ยวข้องทางพุทธศาสนา แต่ความจริงแล้วเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้อง ซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรมในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้มีแต่เฉพาะมณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นดินแดนขึ้นสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยอาศัยศาสนา บังหน้าการเมือง การที่เผยแพร่สู่เมืองไทยได้นั้น เพราะชาวแต่จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผนแพร่อีกทอดหนึ่ง
และเนื่องจากการทำพิธีดังกล่าวใช้สีเหลืองทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นสีของฮ่องเต้ ฉะนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการกิรเจจึงมักใช้สีเหลือง แม้กระทั่งธงที่ปักตามร้านขายอาหารเจ เป็นต้น ตามคติของมหายานนั้นเขาถือพระเคราะห์ทั้ง 9 คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ เพราะพระเคราะห์เหล่านี้มีอิทธิพลอยู่เหนือธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และธาตุทอง ซึ่งธาตุทั้ง 4 นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงบูชาพระเคราะห์ดังกล่าว ดังนั้นการกินเจของชาวจีนจึงเป็นการถือศีลบูชาดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวง และถือไป 9 วัน เริ่มต้นที่วันข้างขึ้นเดือนที่ 9 (ของจีน)
(ข้อมูลเอามาจากในเอกสารการสอนแต่ในเอกสารไม่ได้ให้ที่มาไว้)
ดังนั้น ...
คริสตชนสามารถ "กินสู" คือการงดเนื้อสัตว์ (หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการกินเจ) ได้โดย
1. ฝ่ายกาย - เพื่อสุขภาพ กินเนื้อมากๆ ก็ไม่ดี
2. ฝ่ายวิญญาณ - เพื่อการภาวนา (แบบคริสต์) เหมือนดาเนียล
คริสตชนไม่สามารถ "กินเจ" (ตามความหมายของเจจริงๆ) เพราะ เราไม่สามารถบูชาฮ่องเต้เป๊ง และดาวเคราะห์ทั้ง 9 ได้
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
คำว่า "เจ" หรือ "แจ" ในภาษาจีนมีความหมายในทางพระพุทธศาสานาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" ส่วน "กินเจ" หมายถึง การรับประทานอาหารก่อนเที่ยง ถ้ารับประทานหลังเที่ยงจะเรียกว่ากินเจไม่ได้ เนื่องจากการถืออุโบสถของจีน ซึ่งไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเพี้ยนไปว่าการไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการกินเจ ทั้งที่การไม่กินเนื้อสัตว์เรียกว่าการ "กินสู"
เรื่องการกินเจนี้คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นพิธี่เกี่ยวข้องทางพุทธศาสนา แต่ความจริงแล้วเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้อง ซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรมในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้มีแต่เฉพาะมณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นดินแดนขึ้นสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยอาศัยศาสนา บังหน้าการเมือง การที่เผยแพร่สู่เมืองไทยได้นั้น เพราะชาวแต่จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผนแพร่อีกทอดหนึ่ง
และเนื่องจากการทำพิธีดังกล่าวใช้สีเหลืองทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นสีของฮ่องเต้ ฉะนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการกิรเจจึงมักใช้สีเหลือง แม้กระทั่งธงที่ปักตามร้านขายอาหารเจ เป็นต้น ตามคติของมหายานนั้นเขาถือพระเคราะห์ทั้ง 9 คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ เพราะพระเคราะห์เหล่านี้มีอิทธิพลอยู่เหนือธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และธาตุทอง ซึ่งธาตุทั้ง 4 นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงบูชาพระเคราะห์ดังกล่าว ดังนั้นการกินเจของชาวจีนจึงเป็นการถือศีลบูชาดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวง และถือไป 9 วัน เริ่มต้นที่วันข้างขึ้นเดือนที่ 9 (ของจีน)
(ข้อมูลเอามาจากในเอกสารการสอนแต่ในเอกสารไม่ได้ให้ที่มาไว้)
ดังนั้น ...
คริสตชนสามารถ "กินสู" คือการงดเนื้อสัตว์ (หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการกินเจ) ได้โดย
1. ฝ่ายกาย - เพื่อสุขภาพ กินเนื้อมากๆ ก็ไม่ดี
2. ฝ่ายวิญญาณ - เพื่อการภาวนา (แบบคริสต์) เหมือนดาเนียล
คริสตชนไม่สามารถ "กินเจ" (ตามความหมายของเจจริงๆ) เพราะ เราไม่สามารถบูชาฮ่องเต้เป๊ง และดาวเคราะห์ทั้ง 9 ได้
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

กินอาหารเจแต่ไม่ถือเจ และก็กินแค่บางอย่างด้วยครับ...
เพราะอาหารเจบางรายการก็รสชาติดี ผักเยอะ รับประทานแล้วดีต่อสุขภาพ
แต่บางรายการเต็มไปด้วยน้ำมันและมีสารอาหารไม่ครบถ้วน กินนานๆร่างกายอาจจะแย่ได้
ผมเห็นบางคนกินเจแบบคนขี้เกียจหาของกิน ประทังชีวิตช่วงเจด้วยมาม่าเจและผัดหมี่ซั้วแค่นั้น
และเห็นหลายคนระหว่างถือเจก็ชอบบ่นว่าอยากกินโน่นนี่ บ้างก็ถือได้แค่ไม่กี่วันก่อนจะเจแตก
วัตถุดิบปัจจุบันก็เป็นเนื้อสัตว์เทียมที่เป็นโปรตีนสังเคราห์ กินเข้าไปก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อสัตว์จริงเท่าไหร่
แล้วนี่จะช่วยลดความอยากเนื้อสัตว์ แล้วยกระดับจิตใจให้เมตตาต่อสัตว์อื่นได้แค่ไหนก็ไม่รู้
เพราะเห็นพอออกเจปั๊บก็เข้าร้านหมูกะทะกันเป็นแถว ประมาณว่าอดอยากปากแห้งมานาน
ถ้าเป้าหมายคือชำระกายใจให้บริสุทธิ์ แล้วถ้าทำอย่างนี้จะเรียกว่าประสบความสำเร็จรึเปล่าหนอ...
เราคริสตชนคาทอลิก มีมหาพรตให้อดอยู่ทุกปี ไปอดเนื้อช่วงนั้นดูจะได้ผลทางจิตใจมากกว่าถือเจ
และถ้าตั้งใจอด ก็จะทำได้ได้ยาวสะใจกว่าเจด้วย อดมันทั้งสี่สิบวันนั้นเลย กรั่กๆๆๆ
เพราะอาหารเจบางรายการก็รสชาติดี ผักเยอะ รับประทานแล้วดีต่อสุขภาพ
แต่บางรายการเต็มไปด้วยน้ำมันและมีสารอาหารไม่ครบถ้วน กินนานๆร่างกายอาจจะแย่ได้
ผมเห็นบางคนกินเจแบบคนขี้เกียจหาของกิน ประทังชีวิตช่วงเจด้วยมาม่าเจและผัดหมี่ซั้วแค่นั้น
และเห็นหลายคนระหว่างถือเจก็ชอบบ่นว่าอยากกินโน่นนี่ บ้างก็ถือได้แค่ไม่กี่วันก่อนจะเจแตก
วัตถุดิบปัจจุบันก็เป็นเนื้อสัตว์เทียมที่เป็นโปรตีนสังเคราห์ กินเข้าไปก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อสัตว์จริงเท่าไหร่
แล้วนี่จะช่วยลดความอยากเนื้อสัตว์ แล้วยกระดับจิตใจให้เมตตาต่อสัตว์อื่นได้แค่ไหนก็ไม่รู้
เพราะเห็นพอออกเจปั๊บก็เข้าร้านหมูกะทะกันเป็นแถว ประมาณว่าอดอยากปากแห้งมานาน
ถ้าเป้าหมายคือชำระกายใจให้บริสุทธิ์ แล้วถ้าทำอย่างนี้จะเรียกว่าประสบความสำเร็จรึเปล่าหนอ...

เราคริสตชนคาทอลิก มีมหาพรตให้อดอยู่ทุกปี ไปอดเนื้อช่วงนั้นดูจะได้ผลทางจิตใจมากกว่าถือเจ
และถ้าตั้งใจอด ก็จะทำได้ได้ยาวสะใจกว่าเจด้วย อดมันทั้งสี่สิบวันนั้นเลย กรั่กๆๆๆ
ถ้ากินเพื่อ สุขภาพ ก็กินได้คะ แต่ชาวพุทธ ส่วนใหญ่ กินเพื่อ บูชาเทพเจ้า และ เพื่อ ละเว้นการ ฆ่า สัตว์ เึคยมีเพื่อนชาวมุสลิม ถามเพื่อน คนพุทธว่า กินเจ เพื่ออะไรในเมื่อ หลังกินเจแล้วก็กลับไปกินเนื้อ สัตว์ อยู่ดีmew เขียน: คนที่นับศาสนาคริสต์สามารถกินเจได้ป่าวครับ

ส่วน ชาวคริสต์ จะละเว้นการกินเนื้อ สัตว์ใหญ่ (แต่กินปลาและอาหารทะเลได้) เพื่อ ระลึกถึง การตายบนกางเขน ของพระเยซู และ ละเว้นการสร้างมลทิน ถ้าคนเคร่ง จริงๆ ก็จะถือ อดอาหารไปเลย ปกติแล้ว ชาวคริสต์ ก็จะมี การถือศีล อดอาหารเช่นกัน แต่ทำกันได้น้อย มากกว่า ชาวมุสลิม

ก่อนเทศการ ห้ามมีการ ฉลอง หรืองานรื่น เริงใดๆ ให้ใจจดจ่อ อยู่กับ การ ภาวนา และ การไม่รับประทานอาหาร ที่เป็นสัตว์ใหญ่ ระลึกถึงการเสีย สละของ พระเยซู ที่ยอมลงมาบังเกิดเป็น มุนษย์ เรียกว่า Fasting time สำหรับคริสต์มาส ของชาว orthodox จะตรงกับวันที่ 7 มกราคม เพราะเราไม่ใช้ ปฎิทินของ โรมัน แต่จะใช้ ของเก่า ที่มีอยู่ ซึ่งทำให้วันไม่ตรงกัน
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
กินเจ คือกินอาหารเจ
ถือเจ นี่คือ
ถือเจ นี่คือ
ได้ยินคำว่า สู แล้วนึกถึง ปิแอDeo Gratias เขียน: ประวัติเรื่องการกินเจ
คำว่า "เจ" หรือ "แจ" ในภาษาจีนมีความหมายในทางพระพุทธศาสานาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" ส่วน "กินเจ" หมายถึง การรับประทานอาหารก่อนเที่ยง ถ้ารับประทานหลังเที่ยงจะเรียกว่ากินเจไม่ได้ เนื่องจากการถืออุโบสถของจีน ซึ่งไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเพี้ยนไปว่าการไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการกินเจ ทั้งที่การไม่กินเนื้อสัตว์เรียกว่าการ "กินสู"
เรื่องการกินเจนี้คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นพิธี่เกี่ยวข้องทางพุทธศาสนา แต่ความจริงแล้วเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้อง ซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรมในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้มีแต่เฉพาะมณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นดินแดนขึ้นสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยอาศัยศาสนา บังหน้าการเมือง การที่เผยแพร่สู่เมืองไทยได้นั้น เพราะชาวแต่จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผนแพร่อีกทอดหนึ่ง
และเนื่องจากการทำพิธีดังกล่าวใช้สีเหลืองทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นสีของฮ่องเต้ ฉะนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการกิรเจจึงมักใช้สีเหลือง แม้กระทั่งธงที่ปักตามร้านขายอาหารเจ เป็นต้น ตามคติของมหายานนั้นเขาถือพระเคราะห์ทั้ง 9 คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ เพราะพระเคราะห์เหล่านี้มีอิทธิพลอยู่เหนือธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และธาตุทอง ซึ่งธาตุทั้ง 4 นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงบูชาพระเคราะห์ดังกล่าว ดังนั้นการกินเจของชาวจีนจึงเป็นการถือศีลบูชาดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวง และถือไป 9 วัน เริ่มต้นที่วันข้างขึ้นเดือนที่ 9 (ของจีน)
(ข้อมูลเอามาจากในเอกสารการสอนแต่ในเอกสารไม่ได้ให้ที่มาไว้)
ดังนั้น ...
คริสตชนสามารถ "กินสู" คือการงดเนื้อสัตว์ (หรือที่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการกินเจ) ได้โดย
1. ฝ่ายกาย - เพื่อสุขภาพ กินเนื้อมากๆ ก็ไม่ดี
2. ฝ่ายวิญญาณ - เพื่อการภาวนา (แบบคริสต์) เหมือนดาเนียล
คริสตชนไม่สามารถ "กินเจ" (ตามความหมายของเจจริงๆ) เพราะ เราไม่สามารถบูชาฮ่องเต้เป๊ง และดาวเคราะห์ทั้ง 9 ได้
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
รู้จักครับๆ ^^ ไม่ใช่แค่ร้านโกโฮ้นะ ที่ในตลาดหน้าอ้ามจุ้ยตุ่ยตอนประมาณ5 ทุ่มก็เริ่มมีแผงขายไก่ืทอดแล้วครับ (ปีที่แล้วไปซื้อกินอยู่อิอิ)อันตน เขียน:รู้จักร้านข้าวมันไก่โกไฮ้ปะ วันออกเจเปิดร้านถึงเที่ยงคืน ประมาณว่าส่งพระเสร็จก็มารับประทานกันได้เลยTarrin เขียน: (โดนบังคับให้กินมา10กว่าปีแล้ว) ปีนี้เลยไม่กินดู อิอิ ^^ ผิดไหมเนี่ย ก็ภูเก็ตนี่น่า
ไม่เ๊กี่ยวกับเรื่องกินเจได้หรือไม่ได้นะครับ แต่เป้นประสบการณ์ที่ได้ประสบมาในช่วงกินเจเลยอยากเอามาแบ่งปัน
เมื่อสองสามวันก่อนผมมีธุระไปกระบี่ ซึ่งเ็็ป็นช่วงที่เขากำลังแห่พระเยี่ยมตามบ้านกิน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูม้าทรงแบบใกล้ชิดตอนแสดงอิทธิฤทธิ์ ผมเกลียดเสียงประทัดมากเลยไม่้ค่อยชอบไปดู อีกอย่างไม่ชอบเ็ป็นทุนอยู่แล้ว วันนั้นบังเอิญพี่แกแห่กันมาใกล้ๆเลยพลอยจำต้องดู
ม้าๆทั้งหลายท่านก็เสียบเหล็ก เดินเ่ล่นประทัดกันมา หัวส่ายหัวคลอนไปตามเรื่อง แต่เวลาจะข้ามถนน ม้าจะมองซ้ายมองขวาก่อนเสมอ ทีนี้มีม้าอยู่ท่านหนึ่งเิดินผ่านหน้าไป มีเหล็กแหลมเสียบคาอยู่ บาดหลวงซิสเตอร์ ทำไมม้าถึงได้น้ำลายย้อยเป็นน้ำตกอย่า่งนั้นละ ผมตะลึงน้ำลายที่ย้อยออกมา แล้วก็นึก
แสยง งะ ทำไมเขาปล่อยให้วิญญาณ (ดีร้ายไม่ตัดสิน) มาครอบงำเขาอย่างนั้นหนอ ถ้าเขารู้จักพระเจ้าคงจะดีกว่าไม่น้อย อย่างน้อยๆพระองค์ก็ไม่ทรงครอบงำเขาให้น้ำลายย้อยดูอุจาดนัยตาอย่างนั้น นั่นคือความรู้สึกที่แวบเข้ามา
ไม่ทันไร ม้าทรงอีกคนก็เดินย้อนกลับมาผ่านหน้าผมอีก การเดินย้อนกลับมาทำให้ผมได้เห็นอีกด้านหนึ่งของม้าทรง
ที่แขนของม้าทรงคนนี้สักกางเขนเอาไว้เบ้อเร่อ เหมือนกับที่พวกวัยรุ่นชอบสักกัน กางเขนนั้นทำให้ผมน้ำตาตกใน
เพราะผมคิดถึงเพลงๆหนึ่งที่พระสงฆ์ขับในพิธีนมัสการกางเขน
"นี่คือกางเขน ทีตรึงแขวนพระองค์" (จำได้ไม่ถนัด แต่ประมาณนี้)
กางเขนกลายเป็นแฟชั่น แฟชั่นตกไปอยู่ในมือคนทรง ความหมายของกางเขนคืออะไร
ผมอยากจะร้องออกมาเสียตรงนั้น ทำไมหนองานแพร่ธรรมในเมืองไทยของเราถึงไม่สามารถบอกคนเหล่านี้ให้รับรู้เรื่องของพระองค์ได้หนอ
คิดไปคิดมา ผมเองก็ผิดที่ยังสวดให้หรือลงมาปฏิบัติในการแพร่ธรรมน้อยเกินไป จนเกือบจะไม่เลยด้วยซ้ำ ภาพที่เห็นครั้งนั้น ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ว่าอยากจะทำงานแพร่ธรรมให้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือคริสตัง ขอให้คนเหล่านั้นได้รู้จักพระเจ้า พระบิดาผู้พระทัยดีที่ไม่ได้ทรงฤทธิ์ ทรงเดชหักคอใคร ไม่ทำให้ใครน้ำลายย้อยกลางถนน พระองค์น่ารักออกอย่างนั้น ทำไมเราถึงไม่ชวนให้ใครๆมารู้จักพระองค์หนอ
เรามาช่วยกันนะครับพระน้อง
เมื่อสองสามวันก่อนผมมีธุระไปกระบี่ ซึ่งเ็็ป็นช่วงที่เขากำลังแห่พระเยี่ยมตามบ้านกิน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูม้าทรงแบบใกล้ชิดตอนแสดงอิทธิฤทธิ์ ผมเกลียดเสียงประทัดมากเลยไม่้ค่อยชอบไปดู อีกอย่างไม่ชอบเ็ป็นทุนอยู่แล้ว วันนั้นบังเอิญพี่แกแห่กันมาใกล้ๆเลยพลอยจำต้องดู
ม้าๆทั้งหลายท่านก็เสียบเหล็ก เดินเ่ล่นประทัดกันมา หัวส่ายหัวคลอนไปตามเรื่อง แต่เวลาจะข้ามถนน ม้าจะมองซ้ายมองขวาก่อนเสมอ ทีนี้มีม้าอยู่ท่านหนึ่งเิดินผ่านหน้าไป มีเหล็กแหลมเสียบคาอยู่ บาดหลวงซิสเตอร์ ทำไมม้าถึงได้น้ำลายย้อยเป็นน้ำตกอย่า่งนั้นละ ผมตะลึงน้ำลายที่ย้อยออกมา แล้วก็นึก

ไม่ทันไร ม้าทรงอีกคนก็เดินย้อนกลับมาผ่านหน้าผมอีก การเดินย้อนกลับมาทำให้ผมได้เห็นอีกด้านหนึ่งของม้าทรง
ที่แขนของม้าทรงคนนี้สักกางเขนเอาไว้เบ้อเร่อ เหมือนกับที่พวกวัยรุ่นชอบสักกัน กางเขนนั้นทำให้ผมน้ำตาตกใน
เพราะผมคิดถึงเพลงๆหนึ่งที่พระสงฆ์ขับในพิธีนมัสการกางเขน
"นี่คือกางเขน ทีตรึงแขวนพระองค์" (จำได้ไม่ถนัด แต่ประมาณนี้)
กางเขนกลายเป็นแฟชั่น แฟชั่นตกไปอยู่ในมือคนทรง ความหมายของกางเขนคืออะไร
ผมอยากจะร้องออกมาเสียตรงนั้น ทำไมหนองานแพร่ธรรมในเมืองไทยของเราถึงไม่สามารถบอกคนเหล่านี้ให้รับรู้เรื่องของพระองค์ได้หนอ
คิดไปคิดมา ผมเองก็ผิดที่ยังสวดให้หรือลงมาปฏิบัติในการแพร่ธรรมน้อยเกินไป จนเกือบจะไม่เลยด้วยซ้ำ ภาพที่เห็นครั้งนั้น ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ว่าอยากจะทำงานแพร่ธรรมให้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือคริสตัง ขอให้คนเหล่านั้นได้รู้จักพระเจ้า พระบิดาผู้พระทัยดีที่ไม่ได้ทรงฤทธิ์ ทรงเดชหักคอใคร ไม่ทำให้ใครน้ำลายย้อยกลางถนน พระองค์น่ารักออกอย่างนั้น ทำไมเราถึงไม่ชวนให้ใครๆมารู้จักพระองค์หนอ
เรามาช่วยกันนะครับพระน้อง
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เทพเจ้าของเค้านะครับ(ตามข้อมูลคือ เจ้าแม่กวนอิม) พอนึกได้แล้ว เรื่องม้าทรง เคยออกเรื่องจริงผ่านจอ
คนพวกนี้จะไม่เจ็บอ่ะครับ กับการถูกแทงไรนั่น
แต่สำหรับผม ไม่ว่าผมจะใช่คริสต์หรือไม่ ผมคิดว่า มันไร้สาระ และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้มนุษย์จำนวนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนั้น
คนพวกนี้จะไม่เจ็บอ่ะครับ กับการถูกแทงไรนั่น
แต่สำหรับผม ไม่ว่าผมจะใช่คริสต์หรือไม่ ผมคิดว่า มันไร้สาระ และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้มนุษย์จำนวนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนั้น
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ต.ค. 26, 2009 1:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.