คนที่อยู่ในนรก วันสุดท้ายก็ต้องรับโทษหนักขึ้นเหรอ?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:59 pm

จากที่เคยเข้าใจมาตลอด ตามที่ศึกษาจากลิงค์ต่าง ๆ ผ่านที่นี่ กระทู้เก่า ๆ

เหมือนจะเคยมีกระทู้นึง ที่กล่าวถึงพระเยซูพาเด็กเจ็ดคน(ใช่ไหมนะถ้าจำไม่ผิด)ไปดูว่าในนรกเป็นอย่างไร

......อดวอรี่ไม่ได้เลย ได้ข่าวว่าในวันพิพากษา พวกเขาก็ต้องถูกเรียกมาตัดสินหน้าบัลลังค์อีกหนงั้นหรือ ได้ข่าวว่าโทษจะหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วย

หากพระองค์เมตตาและรักมนุษย์จริง ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ

*.......สงสัยพระองค์อีกแล้ว ท่าทางบั้นปลายคนแบบเราคงไม่เหลือเหมือนกัน เรื่องที่คาดหวังก็ท่าจะชวดแหงแซะ*

......แล้วถ้าเกิดวันนั้นเราต้องพบคนสำคัญที่ไม่ใช่คนไม่ดี และเราอยากให้รอด แต่เกิดไม่รอดเพราะอยู่ศาสนาอื่น หรือไม่ได้เชื่อพระเจ้าล่ะ

....ทุกวันนี้ก็ยังอดกังวลเรื่องเพื่อนศาสนาอื่นไม่ได้ เราไม่อยากให้ใครพินาศเลย (ส่วนเราน่ะ ไม่รอดก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ที่จริงถ้าเป็นไปได้ก็อยากอยู่ด้วยกันบนสวรรค์อยู่หรอก อยากสิ แต่ว่าคนแบบเราเนี่ยนะ)

ถึงจะพูดเรื่องศาสนสัมพันธ์ แต่มันเป็นคนละเรื่องกับ "ความจริง" นะ ถ้าหากว่าคนที่ไม่เชื่อก็ไม่รอดจริง แต่เราเกิดรอด(เผื่อฟลุ๊ค) ถึงตอนนั้นเราก็คงหาความสุขไม่ได้
(อย่างที่รู้ว่า บาดแผลในใจเราน่ะ ไม่ใช่สิ่งที่ "ชีวิตนิรันดร์" อย่างเดียวจะสมานได้หรอกนะ)

(เรายังไม่ปักใจเชื่อเรื่องไฟชำระ จะว่าเพราะเป็นโปรแตสแตนท์ก็ได้ แต่พระคัมภีร์ไม่ได้บอกชัดเจนจะให้กล้าฟันธงได้อย่างไร)

ทุกวันนี้ก็ยังคงสับสน และกังวลอยู่ต่อไป....

เราก็มีความรู้สึกนะ.... จะให้ได้แต่ "สิ่งทดแทน" แทนที่จะเป็น "สิ่งที่ต้องการจริง ๆ " ต่อไป มันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจได้เหมือนกัน

แต่เรามันอ่อนแอนี่นะ คนอ่อนแอจะคว้าสิ่งที่ต้องการได้ยังไงกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อังคาร พ.ย. 10, 2009 12:35 am

ก็เเล้วเเต่มุมมองเนอะ เรามองว่าพระเจ้าทรงมีความเมตตาต่อคนดีๆที่นับถือศาสนาอื่นอยู่ เเละเราก็วางใจในพระเมตตานั้น
จึงไม่สงสัยพระองค์เรื่องนี้...ละมั๊งนะ  : emo027 :


ขอพระจิตเจ้าทรงนำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 12:38 am

อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว อาจไม่ถูกต้องตามหลักศาสนาศาสตร์ของบางนิกาย

"ผมได้รับประสบการณ์ตรงจากพระเยซูเจ้า เนื่องจากตอนรับเชื่อในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ผมติดสนิทมาก และความเชื่อสูงที่สุดในรอบชีวิต
ผมเป็นห่วงถึงชีวิตหลังความตายของคนที่ผมรัก และผมถามพระองค์ว่า ถ้าคนที่ผมรักเหล่านั้น ไม่มีวันแม้แต่จะรู้จักพระเจ้าเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่บนโลก
เมื่อตายไป พระองค์จะทำยังไงกับพวกเขา ในเมื่อเขาเป็นที่รักของผมทั้งหมด พระองค์จะให้เขาได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าในที่ที่พระองค์เตรียมไหม...บลาๆ..
พระองค์ตอบว่า ........ "

ผมจึงสะสมบำเหน็จให้ได้มากที่สุดนี่ละครับ ^ ^
เมื่อมีวันนึงมีคนมาพูดคุยปรึกษาเป็นห่วงถึงคนรักที่ตายไป ผมจึงบอกให้อธิษฐานเผื่อผู้ตายนั้นไปอย่างซื่อๆ โดยไม่รู้เรื่องเลย ทั้งที่อยู่นิกายนี้มา 2 ปีได้..  : xemo023 :
ผมจึงเข้าเชื่อแบบคาทอลิกด้วย  : emo031 :
ผู้ตายจากโลกนี้แล้ว ยังมีชีวิตหลังความตาย ยังมีจิตใจ มีความรู้สึก ความรัก..... ฯ : xemo026 :

วางใจในพระเมตตาอันประหลาดที่หาที่สุดไม่ได้นั้นให้มากเข้าไว้นะครับ

ประเด็นสำคัญนั้น ไม่ใช่ว่านิกายที่แตกต่างจากนี้จะมีข้อเชื่ออย่างไร แต่มันคือ
เราวางใจในพระเจ้ามากแค่ไหน แม้สิ่งที่สำคัญต่อหัวใจเราที่สุด
นั่นแหละ ชีวิตที่จะเปี่ยมพระพรครับ  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 12:49 am

ขอเติมว่า "วิญญาณที่รับพระเมตตาที่เต็มล้นจากเรา รวมทั้งที่เราอธิษฐานเผื่อนั้น ต้องไม่เลวขนาดปฏิเสธพระเมตตาพระเจ้าด้วยนะครับ ไม่งั้นก็นรกแน่นอน"

ซึ่งคำตอบจากพระเยซูเจ้าในประสบการณ์ตรงส่วนตัวนั้น มันดันมาตรงกับคาทอลิก ซึ่งผมได้อ่านเจอใน  newmana แห่งนี้ อย่างเว่อร์ๆๆๆ

ก็แปลกดีครับ เหอะๆๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อังคาร พ.ย. 10, 2009 1:01 am

เรื่องโทษจะมีมากแค่ไหนไม่มีใครรู้ครับ ตามมโนธรรมของเค้าจะนำเค้าไปเอง
ถึงแม้พระเจ้าทรงยุติธรรมอย่างที่สุด แต่ก็ทรงเมตตาอย่างที่สุดด้วยนะครับ

แม้แต่อะไรที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก ก็ยังเทียบไม่ได้กับเสี้ยวสิริรุ่งโรจน์ในสวรรค์
ใช้มาตรฐานความคิดธรรมดาไม่ได้หรอกครับ พระเจ้าเรายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
เพราะพระเยซูไม่ต้องการให้ใครพินาศไปเลย จึงได้หาหนทางที่จะให้เราได้อยู่กับพระองค์มากมาย
ถ้าเค้าจะไม่รอด นั่นต้องหมายความว่าแม้แต่วันสุดท้ายเค้าก็ไม่กลับใจ และหันหลังให้พระเจ้าเสียเอง
เปิดทางให้ขนาดนี้ ชี้ทางให้ขนาดนี้ ถ้าวันสุดท้ายจริงๆ เห็นพระผู้พิพากษาจริงๆ แล้วยังไม่กลับตัว ก็คงไม่ไหว
ถ้าคุณเป็นฝ่ายที่อยู่ในสวรรค์อันรุ่งโรจน์ แล้วคุณจะยอมให้คนสกปรกมัวหมองแบบนี้ขึ้นมาอยู่กับคุณเหรอ

แต่ถ้าคิดว่า ไปอยู่กับคนพวกนี้ดีกว่าอยู่กับพระเจ้าก็ตามใจครับ พระเจ้าให้อิสระทุกคน

แต่สุดท้าย เรื่องวันสุดท้ายจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่เราจะคาดเดาได้ครับ
พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน และอยากจะช่วยมนุษย์ทุกคน พระองค์จะต้องพยายามช่วยเราถึงที่สุด
คิดไปก็ป่วยการ สงสัยไปก็ป่วยการ เพราะไม่มีใคร ไม่มีศาสนาไหนตอบเรื่องนี้ได้

ผมขอแนะนำว่า ดื่มนมอุ่นๆสักแก้ว แล้วไป "คุย" กับพระสักสิบนาที (คุยเลยนะครับ ไม่ใช่แค่ภาวนา)
ถ้าคุณเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แล้วคุณคิดว่าพระเจ้าคือใครในสายตาคุณ ผู้สร้าง เจ้านาย เจ้าชีวิต หรือพ่อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 1:22 am

จริงๆ แล้วอ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่คุณคิดและเห็นใจคุณนะคะ แต่ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี เพราะเคยตอบไปแล้ว

ถ้าพูดมากไปอีกเดี๋ยวจะกลายเป็นยัดเยียดความคิด แต่เมื่อเห็นว่าคุณประกาศตัวว่าเป็นโปรเตสแตนท์

ด้วยหัวใจผู้รับใช้จะทำเป็นไม่เห็น(เกือบจะทำอย่างนั้นแล้ว : xemo023 :)ก็คงทำผิดจรรยาบรรณและไม่สบายใจ

จึงขอแนะนำให้ไปปรึกษาศิษยาภิบาลของคุณ เข้ากลุ่มสามัคคีธรรมบ่อยๆ เท่าที่ทำได้ หรือปรึกษาพี่เลี้ยงที่เติบโตฝ่ายวิญญาณนะคะ

ที่สำคัญพระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้าและเป็นคำตอบที่ดีที่สุด วันนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจในหลายๆ เรื่องก็ไม่เป็นไร ค่อยเป็น ค่อยไป

วันเวลาจะช่วยให้คุณเข้าใจและมั่นใจน้ำพระทัยของพระเจ้ามากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ จะอธิษฐานเผื่อนะคะ  : emo045 :



ฝากภาพ(ทางความคิด)ไว้ให้คิดอีกนิดนึง ลองนึกดูว่า พระเจ้าพยายามยื่นกุญแจเข้าสวรรค์(ความเชื่อในพระเยซู)ให้กับทุกคน

โดยผ่านทุกวิถีทางแล้วนะคะ ถ้าใครรับกุญแจก็เปิดเข้าไปได้ แต่ถ้าใครไม่รับกุญแจกลับสลัดหรือโยนทิ้ง ก็ไม่มีใครจับยัดเข้าใส่มือให้ได้

เพราะพระเจ้าให้อิสระในการตัดสินใจและจะไม่ทรงไม่บังคับให้ใคร(จริงๆ พระองค์สามาถทำได้ แต่ไม่ทรงทำ) เมื่อไม่มีกุญแจที่จะเปิด ก็เข้าไปไม่ได้

และในเวลานั้นก็จะไม่มีการขอยืมกุญแจคนข้างๆ นะคะ  : xemo016 :


ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ   : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 1:24 am

ตามหลักความเชื่อของคาทอลิค เราไม่ได้ยึดหลัก Bible Alone แบบโปรแตสแตนท์ส่วนมาก(เผื่อไว้ให้บางสายนะครับ)

คาทอลิคยอมรับว่า พระเจ้าสามารถไขแสดงให้เราเข้าใจเรื่องพระองค์ได้จากทางพระจิตเจ้าด้วย และพระจิตเจ้าสามารถใช้อะไรก็ได้มากกว่าหนังสือเล่มเดียว นั่นคือ

1.คำสอนเล่าต่อกันปากต่อปากโดยไม่ได้มีบันทึกไว้ ซึ่งเรียกว่า ธรรมประเพณี เพราะทุกสิ่งที่พระจิตเจ้าดลใจไม่ได้เขียนไว้ในพระคัมภีร์ทั้งหมด

ยน 21:24-25
นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง  ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น


2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา


2.การไขแสดงส่วนบุคคล ของบรรดานักบุญในพระศาสนจักร

กจ 2:17
”พระเจ้าตรัสว่า ในวันสุดท้าย
เราจะให้พระจิตเจ้าของเรากับมนุษย์ทุกคน
บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของท่านจะประกาศพระวาจา
บรรดาคนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต
บรรดาคนชราของท่านจะฝันเรื่องต่าง ๆ
ในวันเหล่านั้น เราจะให้พระจิตเจ้าของเรากับทุกคน
แม้กระทั่งทาสชาย ทาสหญิงของเราด้วย
และเขาจะประกาศพระวาจา


---ดังนั้น หากมีนักบุญ ได้รับการประจักษ์ หรือรับนิมิตจากพระเจ้า และสิ่งนั้นไม่ขัดพระคัมภีร์ เราถือว่ามาจากพระเจ้าด้วย และเป็นความจริง ถ้าถามกลับมาว่า แล้วเอาอะไรพิสูจน์ เราทำตามพระวาจาบทนี้

มธ 7:15-20  ประกาศกเทียม
“จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนาม  หรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม  ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี  ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี  ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้ และต้นไม้พันธุ์ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้ ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ เพราะฉะนั้น ท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลงานของเขา”


---คนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญในพระศาสนจักรคาทอลิค ไม่ได้แค่มีความเชื่ออย่างเดียว แต่ต้องมีการกระทำที่พิสูจน์ตัวเองว่ามาจากพระเจ้าด้วย ผลงานที่ท่านเหล่านั้นได้ทำไว้ การดำรงชีวิตอย่างดี ความรักที่มอบให้ผู้อื่นโดยการกระทำกิจเมตตาตลอดชีวิต เมื่อมีนิมิตหรือการไขแสดงมายังท่าน เราจึงเชื่อว่ามาจากพระเจ้า เพราะท่านพิสูจน์จากผลงานแล้วว่าเป็นประกาศกแท้ มีที่มาจากต้นที่ดีคือพระเจ้า


จากที่มีการไขแสดงจากสวรรค์เสมอมากว่า2000ปีในพระศาสนจักร ประกอบด้วย ทำให้พระศาสนจักรคาทอลิคได้รับการเปิดเผยมากขึ้นในเรื่องชีวิตหลังความตายที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าจากพระคัมภีร์เล่มเดียว(ที่พระศาสนจักรคาทอลิครวบรวม และรับรองสาระบบให้คริสตชนทุกนิกายใช้จนปัจจุบัน) และนั่นทำให้พระศาสนจักรคาทอลิครู้ว่า


-พระเจ้าไม่ตัดสินผู้ที่ไม่รู้
-คนที่ไปนรกคือคนที่ปฎิเสธความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยตัวเขาเอง
-นรกมีอยู่ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกและมนุษย์เสียอีก มันคือที่ๆไม่มีพระเจ้านั่นเอง แต่มีซาตานอยู่ และคนที่ทรมานวิญญาณพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นซาตาน ที่พวกเขาเลือกที่จะไปอยู่กับมันเอง
-การอธิษฐานให้ผู้อื่นกลับใจ หรืออธิษฐานให้วิญญาณผู้ตาย สามารถทำได้
-มีการประทานพระพรในการกลับใจก่อนตาย สำหรับคนชอบธรรม หรือคนที่มีผู้อธิษฐานเพื่อเขา
-มีไฟชำระ และมันคือสถานที่แห่งพระเมตตา ไม่ใช่ที่ลงโทษ ให้กลับไปอ่านบทความในบอร์ดนี้จะเข้าใจ
-พระเมตตามีอำนาจเหนือพระยุติธรรม และพระเมตตามาก่อนพระยุติธรรม


ที่สำคัญ อย่าคิดว่าบาดแผลของคุณพระเจ้าจะรักษาไม่ได้ เพราะนั่น คือการดูถูกพระเจ้ามากเกินไป ถ้ามีคนบาดเจ็บมา แล้วหมอดูแล้วยืนยันบอกว่า ผมรักษาให้หายได้ แต่คนไข้รู้สึกเจ็บมาก จึงคิดว่าหมอไม่สามารถรักษาได้หรอก เพราะมันเจ็บซะขนาดนี้ นั่นคือคนไข้กำลังเก่งกว่าหมอ ทำตัวเป็นหมอซะเอง และดูถูกหมอ และมันจะกลายเป็นว่าที่คุณไม่หายไม่ใช่เพราะความร้ายแรงของแผล หรือหมอไม่เก่งพอ แต่เป็นความไม่อยากหาย หรือ ไม่เชื่อว่าหาย ของตัวคุณเอง

ดังนั้นจงถ่อมใจ อะไรที่คุณคิดว่าเฮงซวยที่สุดในชีวิตที่ได้เคยเจอมา โปรดจำไว้ว่า พระเยซูเคยได้รับอันที่เฮงซวยยิ่งกว่าคุณหลายเท่ามาแล้ว และพระองค์เอาชนะมาแล้ว และดังนั้น พระองค์เข้าใจคุณ รักคุณ และจะเอาชนะมันให้คุณ จงวางใจในพระองค์ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่โลกไม่อาจมอบให้ได้ จะเป็นของคุณ

ขอพระเจ้าอวยพร
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อังคาร พ.ย. 10, 2009 1:25 am

หลักของผมนะครับ



ผมถือว่า ..เรื่องพระเรื่องเจ้า

ผมไม่เคยคิดจะสงสัย

ครับผม

: emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 1:31 am

สำหรับคำตอบของคำถาม แนะนำบทความอ่านประกอบนะครับ


เทววิทยา เรื่อง วาระสุดท้ายของมนุษยชาติ

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=10317.0


เทววิทยาเรื่องความตาย

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=10073.0


เทววิทยาเรื่องความตาย---ภาค2

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=10181.0
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร พ.ย. 10, 2009 11:34 am

คุณพ่อผมเพิ่งจะแปลเรื่องเทววิทยาเกี่ยวกับนรก และคำสอนเรื่องไฟชำระของนักบุญเวียนเนย์ลงในหนังสิอแม่พระยุคใหม่เล่มปัจจุบัน ลองอ่านดูครับ แล้วจะเข้าใจมากขึ้น

เท่าที่ผมเข้าใจผู้ที่สร้างนรกขึ้นมาคือมนุษย์เราเองนี่แหละครับ ไม่ใช่พระเจ้า และก็ไม่ใช่ซาตานด้วย
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

อังคาร พ.ย. 10, 2009 10:05 pm

ผลของการกระทำดีและทำชั่วมันไม่ได้จบตอนที่เราตายไปนะครับ มันยังคงให้ผลสืบเนื่องไปเรื่อยๆ บ้างที่อาจจะสืบเนื่องไปถึงวันสิ้นโลกเลยก็ได้ ไม่ว่าคุณจะทำดีหรือทำชั่ว มันจะมีผลกระทบต่อคุณเองแล้วคนอื่นๆสืบเนื่องต่อไป แม้ว่าคุณจะตายไปแล้วก็ตามครับ การพิพากษาประมวลพร้อมจะเอาตรงนั้นมาพิจารณาด้วยถ้าจำไม่ผิด

เจอข้อความนั้นล่ะ อ่านดู

        ความดีและความชั่วของแต่ละคนขณะมีชีวิตย่อมส่งผลกระทบต่อลูกหลานเรื่อยไปจน กว่าจะสิ้นพิภพ เมื่อสิ้นพิภพ พระเจ้าจะพิพากษาประมวลพร้อมเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลนอกเหนือจากที่ได้ประทาน ให้คราวพิพากษาทีละคนให้แก่กิจการที่ส่งผลกระทบที่ดี และเพิ่มโทษให้แก่กิจการที่ส่งผลกระทบทางชั่ว
ตอบกลับโพส