บอกเล่าความทรมาน ของ พระเยซู
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
การตรึงที่กางเขนเป็นการทรมาน..ให้ตายอย่างช้าๆ
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้ายังเด็ก ครูรวีวารศึกษาได้สอนข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกถึงเรื่องพระกำเนิด, การดำเนินชีวิต, การสิ้นพระชนม์, และ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ครั้นข้าพเจ้าย่างเข้าสู่วัยหนุ่มก็ได้ พยายามจัดลำดับความรู้ เหล่านั้นให้เป็นระเบียบ เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าคิดสงสัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าปฏิเสธพระคัมภีร์ เพียงแต่รู้สึกไม่แน่ใจในหลายๆ อย่าง
บางครั้งความรู้สึกนี้ทำให้ข้าพเจ้า (สงสัยตนเองมีความสัมพันธ์กับพระคริสต์หรือไม่) เมื่อ ข้าพเจ้าศึกษาอยู่ในวิทยาลัย อาจารย์กำหนดให้ข้าพเจ้าเขียนรายงานประจำภาคเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้ เลือกค้นคว้าเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ เมื่อได้ศึกษาเรื่องนั้นแล้ว ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึก 2 อย่าง คือ รู้สึกหวาดกลัวในเหตุการณ์อันสยดสยองครั้งนั้น และมีความเชื่อในพระเยซูคริสตฺ์ จากหลักฐานต่างๆ ของนักประวัติศาสตร์เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย
ใน สมัยของพระคริสต์นั้น รัฐบาลโรมจะประหารชีวิตนักโทษโดยการจับตรึงที่กางเขน การลงโทษโดยใช้วิธีนี้มิใช่เพื่อล้างผลาญชีวิตของผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่เพื่อให้ประชาชนได้เห็นโทษที่ผู้กระทำผิดได้รับอีกด้วย
อย่างน้อย 10 ฉบับที่พยายามทำความเข้าใจสาเหตุทางกายภาพของการเสียชีวิตของพระเยซู ในจำนวนนี้รวมถึงความพยายามของคนอเมริกันกลุ่มหนึ่งในปี 2005 ที่มีการตรึงอาสาสมัครกับกางเขนชั่วคราวและอย่างปลอดภัยด้วยเข็มขัด การทดลองนี้ทำให้ได้มาซึ่งสมมติฐานมากมาย ตั้งแต่หัวใจล้มเหลวไปจนถึงเลือดคั่งในปอด และอาการสลบและช็อคเนื่องจากความดันโลหิตลดต่ำ เหยื่อจะเจ็บปวดทรมานอยู่นาน 6 ชั่วโมงนับจากถูกตรึงกางเขนจนเสียชีวิตจากการเสียเลือด ขาดน้ำ และน้ำหนักของร่างกายที่กดทับปอด
การตรึงที่กางเขน เป็นการทรมานนักโทษให้ตายอย่างช้าๆ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนขยาดกลัว มิกล้ากระทำผิด วิธีตรึงที่กางเขนนั้น แผกแตกต่างกันไปบ้าง เล็กน้อยในแต่ละแห่ง แต่ผลลัพธ์นั้นก็เหมือนกัน คือ ความเจ็บปวดรวดร้าวจนตาย อย่างช้าๆ ท่านเคยคิดสงสัยเหมือนข้าพเจ้าหรือไม่ว่า ตะปูที่แทงทะลุมือและเท้าจะทำให้คนตายได้อย่างไรกัน ขอเชิญพิจารณาร่วมกับข้าพเจ้าถึงเรื่องนี้
การโบยตี
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้ายังเด็ก ครูรวีวารศึกษาได้สอนข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกถึงเรื่องพระกำเนิด, การดำเนินชีวิต, การสิ้นพระชนม์, และ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ครั้นข้าพเจ้าย่างเข้าสู่วัยหนุ่มก็ได้ พยายามจัดลำดับความรู้ เหล่านั้นให้เป็นระเบียบ เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าคิดสงสัยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าปฏิเสธพระคัมภีร์ เพียงแต่รู้สึกไม่แน่ใจในหลายๆ อย่าง
บางครั้งความรู้สึกนี้ทำให้ข้าพเจ้า (สงสัยตนเองมีความสัมพันธ์กับพระคริสต์หรือไม่) เมื่อ ข้าพเจ้าศึกษาอยู่ในวิทยาลัย อาจารย์กำหนดให้ข้าพเจ้าเขียนรายงานประจำภาคเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงได้ เลือกค้นคว้าเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ เมื่อได้ศึกษาเรื่องนั้นแล้ว ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึก 2 อย่าง คือ รู้สึกหวาดกลัวในเหตุการณ์อันสยดสยองครั้งนั้น และมีความเชื่อในพระเยซูคริสตฺ์ จากหลักฐานต่างๆ ของนักประวัติศาสตร์เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย
ใน สมัยของพระคริสต์นั้น รัฐบาลโรมจะประหารชีวิตนักโทษโดยการจับตรึงที่กางเขน การลงโทษโดยใช้วิธีนี้มิใช่เพื่อล้างผลาญชีวิตของผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่เพื่อให้ประชาชนได้เห็นโทษที่ผู้กระทำผิดได้รับอีกด้วย
อย่างน้อย 10 ฉบับที่พยายามทำความเข้าใจสาเหตุทางกายภาพของการเสียชีวิตของพระเยซู ในจำนวนนี้รวมถึงความพยายามของคนอเมริกันกลุ่มหนึ่งในปี 2005 ที่มีการตรึงอาสาสมัครกับกางเขนชั่วคราวและอย่างปลอดภัยด้วยเข็มขัด การทดลองนี้ทำให้ได้มาซึ่งสมมติฐานมากมาย ตั้งแต่หัวใจล้มเหลวไปจนถึงเลือดคั่งในปอด และอาการสลบและช็อคเนื่องจากความดันโลหิตลดต่ำ เหยื่อจะเจ็บปวดทรมานอยู่นาน 6 ชั่วโมงนับจากถูกตรึงกางเขนจนเสียชีวิตจากการเสียเลือด ขาดน้ำ และน้ำหนักของร่างกายที่กดทับปอด
การตรึงที่กางเขน เป็นการทรมานนักโทษให้ตายอย่างช้าๆ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนขยาดกลัว มิกล้ากระทำผิด วิธีตรึงที่กางเขนนั้น แผกแตกต่างกันไปบ้าง เล็กน้อยในแต่ละแห่ง แต่ผลลัพธ์นั้นก็เหมือนกัน คือ ความเจ็บปวดรวดร้าวจนตาย อย่างช้าๆ ท่านเคยคิดสงสัยเหมือนข้าพเจ้าหรือไม่ว่า ตะปูที่แทงทะลุมือและเท้าจะทำให้คนตายได้อย่างไรกัน ขอเชิญพิจารณาร่วมกับข้าพเจ้าถึงเรื่องนี้
การโบยตี
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
กางเขนเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรมานอย่างแท้จริงในสมัยก่อน (และจริง ๆ ก็กับคนที่ขาดความเชื่อด้วยน่ะนะ)
แต่เพราะการเสียสละของพระองค์เพียงผู้เดียว ก็เปลี่ยนมันกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความเชื่อ และความศักดิ์สิทธิ์ได้ในที่สุด
พระองค์ทรงยอมโดนกระทำขนาดนี้ มนุษย์เรามัวทำอะไรกันอยู่นะ ถึงยังกล้าทำตัวเป็นศัตรูกับพระองค์อยู่อีก
แต่เพราะการเสียสละของพระองค์เพียงผู้เดียว ก็เปลี่ยนมันกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความเชื่อ และความศักดิ์สิทธิ์ได้ในที่สุด
พระองค์ทรงยอมโดนกระทำขนาดนี้ มนุษย์เรามัวทำอะไรกันอยู่นะ ถึงยังกล้าทำตัวเป็นศัตรูกับพระองค์อยู่อีก
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เห็นภาพ บางภาพละสยอง เหมือนมือขาด เท้าขาด
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
รู้ซึ้งตั้งแต่ตอนที่ไปแบกไม้กางเขนที่ซางตาครู้สแล้วล่ะ-*-
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วยิ่งรักพระองค์มากยิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังใจเอาชนะการผจญล่อลวงต่างๆ มากยิ่งขึ้นค่ะ
อ่านแล้วยิ่งรักพระองค์มากยิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังใจเอาชนะการผจญล่อลวงต่างๆ มากยิ่งขึ้นค่ะ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
อุ๊ย จอบหล่น
เลิกบ่นความทรมานของตัวเอง แล้วมารำพึงกับความทรมานของพระเจ้าบ้าง
เลิกบ่นความทรมานของตัวเอง แล้วมารำพึงกับความทรมานของพระเจ้าบ้าง
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ทรงรักเราถึงเพียงนี้
อ่านไปอ่านมา คิดถึงแม่พระที่อยู่ร่วมพระมหาทรมารของพระเยซู แล้วเลยคิดไปถึงที่ที่ผมเคยอยู่
เขาบอกว่าพระเยซูไม่ควรสิ้นพระชนม์ ควรบรรลุถึงภาระกิจของพระองค์บนโลก และบอกว่าแม่พระบรรลุถึงความรับผิดชอบเฉพาะตอนที่คลอดพระเยซู(มีพิศดารกว่านั้น ขี้เกียจเล่าหมดเดี๋ยวยาวไป) ครอบครัวของพระเยซู(แม่พระ+นักบุญยอแซฟ+คนอื่นๆ)ไม่ได้สนับสนุนพระเยซู ตอนนั้นผมก็เชื่อตามนั้น แต่ทีหลังมาจึงรู้ว่าแม่พระอยู่กับพระเยซูตลอดพระมหาทรมารของพระองค์และช่วยเหลือในกิจการต่างๆของพระองค์มาจนปัจจุบัน
แต่คนที่สอนคำสอนนั้น เมียสาม ลูกบานเบอะ ลูกบางคนก็ออกมาแฉพ่อ บางคนก็ไปบวช บางคนพูดกับพ่อคนละภาษา สมัยเด็กๆแทบสื่อสารกับพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็บอกว่าเขาบรรลุถึงความรับผิดชอบในภาระกิจที่องค์พระมหาไถ่ของเราควรจะทำในทรรศนะของเขา
ที่ว่ามานี้อย่าเพิ่งไปตำนิฝ่ายนั้นเขาเลยนะครับ ผู้ที่เชื่อในไทยส่วนใหญ่แทบไม่มีใครหยิบพระคำภีร์มาอ่านจนจบเลยด้วยซ้ำ คนที่ทำให้สะดุดต่างหากละ ที่น่าเอาหินโม่ไปผูก แต่ทั้งนี้ขอให้พระเจ้าเป็นผุ้ตัดสินแล้วกัน เพราะอย่างไรคนทางโน้นก็พยายามมีชีวิตด้วยความชอบธรรมอย่างเคร่งครัด แม้ว่าคำสอนจะออกไปอีกทางก็ตาม
ผมเพียงแค่ประหวัดคิดถึงแม่พระขึ้นมาแค่นั้นเอง
เขาบอกว่าพระเยซูไม่ควรสิ้นพระชนม์ ควรบรรลุถึงภาระกิจของพระองค์บนโลก และบอกว่าแม่พระบรรลุถึงความรับผิดชอบเฉพาะตอนที่คลอดพระเยซู(มีพิศดารกว่านั้น ขี้เกียจเล่าหมดเดี๋ยวยาวไป) ครอบครัวของพระเยซู(แม่พระ+นักบุญยอแซฟ+คนอื่นๆ)ไม่ได้สนับสนุนพระเยซู ตอนนั้นผมก็เชื่อตามนั้น แต่ทีหลังมาจึงรู้ว่าแม่พระอยู่กับพระเยซูตลอดพระมหาทรมารของพระองค์และช่วยเหลือในกิจการต่างๆของพระองค์มาจนปัจจุบัน
แต่คนที่สอนคำสอนนั้น เมียสาม ลูกบานเบอะ ลูกบางคนก็ออกมาแฉพ่อ บางคนก็ไปบวช บางคนพูดกับพ่อคนละภาษา สมัยเด็กๆแทบสื่อสารกับพ่อกับแม่ไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็บอกว่าเขาบรรลุถึงความรับผิดชอบในภาระกิจที่องค์พระมหาไถ่ของเราควรจะทำในทรรศนะของเขา
ที่ว่ามานี้อย่าเพิ่งไปตำนิฝ่ายนั้นเขาเลยนะครับ ผู้ที่เชื่อในไทยส่วนใหญ่แทบไม่มีใครหยิบพระคำภีร์มาอ่านจนจบเลยด้วยซ้ำ คนที่ทำให้สะดุดต่างหากละ ที่น่าเอาหินโม่ไปผูก แต่ทั้งนี้ขอให้พระเจ้าเป็นผุ้ตัดสินแล้วกัน เพราะอย่างไรคนทางโน้นก็พยายามมีชีวิตด้วยความชอบธรรมอย่างเคร่งครัด แม้ว่าคำสอนจะออกไปอีกทางก็ตาม
ผมเพียงแค่ประหวัดคิดถึงแม่พระขึ้นมาแค่นั้นเอง
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
มอง กางเขนแล้ว
ก็นึงถึงคริสเตียน บาง คน ที่ ลงลืมพระคุณ พระเจ้า จริงๆ
งานรับใช้ ก็ ไม่ทำ(ทั้งที่หนุนใจ เปลาๆ กลายเป็นคริสเตียน จอมบ่นๆ
กลายเป็นคริสเตียนเย็นชา
เวลามีปัญหาก็มาโทษ พระเจ้า เป็น โรคต่างๆ ก็ มาให้พระองค์รักษา แต่พอพระองค์เสร็จ ก็ ทำตัวกลับเป็นเหมือนเดิม
แต่ไม่เคย มองกลับด้านเลยว่า
ที่คุณ มารูจักพระองค์ได้ นั้นเพราะพระองค์ทรงรักเพียงใด
จนยอม มรณา ที่กางเขน
พระคริสต์เป็นเจ้าชีวิตของข้า
ข้าสรรเสริญพระองค์
อย่าให้ข้าลืมเกเซมาเน
อย่าใหข้าลืมความทรมาน
อย่าให้ข้าลืมความ ..ความรัก..อ่อนหวาน
โปรดนำไปถึงกางเขน
ก็นึงถึงคริสเตียน บาง คน ที่ ลงลืมพระคุณ พระเจ้า จริงๆ
งานรับใช้ ก็ ไม่ทำ(ทั้งที่หนุนใจ เปลาๆ กลายเป็นคริสเตียน จอมบ่นๆ
กลายเป็นคริสเตียนเย็นชา
เวลามีปัญหาก็มาโทษ พระเจ้า เป็น โรคต่างๆ ก็ มาให้พระองค์รักษา แต่พอพระองค์เสร็จ ก็ ทำตัวกลับเป็นเหมือนเดิม
แต่ไม่เคย มองกลับด้านเลยว่า
ที่คุณ มารูจักพระองค์ได้ นั้นเพราะพระองค์ทรงรักเพียงใด
จนยอม มรณา ที่กางเขน
พระคริสต์เป็นเจ้าชีวิตของข้า
ข้าสรรเสริญพระองค์
อย่าให้ข้าลืมเกเซมาเน
อย่าใหข้าลืมความทรมาน
อย่าให้ข้าลืมความ ..ความรัก..อ่อนหวาน
โปรดนำไปถึงกางเขน
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
^
^
^
อัลเลลูยา พระเจ้าทรงรักเราก่อน อาแมน (ขอบพระคุณ - โต๋)
^
^
อัลเลลูยา พระเจ้าทรงรักเราก่อน อาแมน (ขอบพระคุณ - โต๋)
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สงสารจัง
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ฉึก! โดนแทงเต็ม ๆ กลางหัวใจค่ะJesus loves You เขียน: มอง กางเขนแล้ว
ก็นึงถึงคริสเตียน บาง คน ที่ ลงลืมพระคุณ พระเจ้า จริงๆ
งานรับใช้ ก็ ไม่ทำ(ทั้งที่หนุนใจ เปลาๆ กลายเป็นคริสเตียน จอมบ่นๆ
กลายเป็นคริสเตียนเย็นชา
เวลามีปัญหาก็มาโทษ พระเจ้า เป็น โรคต่างๆ ก็ มาให้พระองค์รักษา แต่พอพระองค์เสร็จ ก็ ทำตัวกลับเป็นเหมือนเดิม
แต่ไม่เคย มองกลับด้านเลยว่า
ที่คุณ มารูจักพระองค์ได้ นั้นเพราะพระองค์ทรงรักเพียงใด
จนยอม มรณา ที่กางเขน
พระคริสต์เป็นเจ้าชีวิตของข้า
ข้าสรรเสริญพระองค์
อย่าให้ข้าลืมเกเซมาเน
อย่าใหข้าลืมความทรมาน
อย่าให้ข้าลืมความ ..ความรัก..อ่อนหวาน
โปรดนำไปถึงกางเขน