
เรื่องนี้เห็นได้ชัด จากนอทานเปรียบเทียบเรื่องลูกล้างผลาญ คือเมื่อลูกล้างผลาญขอแบ่งสมบัติตามสิทธิมรดกก็ยอมแบ่งให้ เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีอำเภอใจ ตัดสินใจอย่างไรตามสิทธิ์ที่เป็นมนุษย์ พระองค์ก็ทรงเคารพ แม้จะเป็นสิทธิ์ไม่ถูกต้องก็ตาม
ต่อจากนั้นก็ทรงตั้งพระทัยรอให้สำนึกผิดอย่างพระทัยเย็น จะนานเที่ไหร่ก็ทรงพอพระทัยรอ พี่ชายคงไม่รักน้องเท่าพ่อรักลูก พี่ชายคงดีใจที่น้องชายออกจากบ้าน ต่อไปนี้สมบัติงอกเงยอีกเท่าไร่ในบ้านจะเป็นของตนคนเดียว ผู้เป็นพ่ออ่านใจออก ตีบทแตก แต่ก็ใจเย็นไม่ว่าอะไร
พอน้องชายหวนกลับเข้าบ้านเท่านั้น พี่ชายตบะแตกคุมความรู้สึกไม่ไหว ต่อว่าพ่อทันที ทำอย่างนี้ได้ยังไง พ่อยังใจเย็น "ลูกเอ๋ย ยังไงเขาก็เป็นน้องของเจ้า" พ่อใจเย็นมากๆ เลย แต่พี่ชายใจเย็นไม่ไหว
น้องชายจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าพี่ชายต่อว่าพ่อที่รับตนเข้าบ้านเป็นลูกเหมือนเดิม ก่อนเข้าบ้านคงได้ตั้งใจไว้อย่างดีว่ายังไงก็ทนได้ แต่ครั้นพ่อคืนสิทธิ์เป็นลูกตามเดิมเสมอพี่ชายแล้ว คงทนไม่ไหวแล้วที่พี่รังเกียจน้องอย่างนั้น ต้องสั่งสอนกันบ้างล่ะ
พระบิดาในสวรรค์ทรงพระทัยเย็นขนาดไหนที่เห็นลูกๆ คริสตชนแตกแยกนิกาย แตกแยกในนิกายเดียวกัน แตกแยกในเขตวัดเดียวกัน แตกแยกในกลุ่มกิจกรรมเดียวกัน ทนไม่ไหวที่เห็นคนอื่นผิดกติกา ไม่ทำหน้าที่ไม่อยู่ในกรอบ ฉันถูกอยู่คนเดียว ต้องต่อสู้ ต้องขัดแย้ง ต้องสั่งสอน ทนดูไม่ได้
แต่พระบิดาในสวรรค์ยังพระทัยเย็นตลอดเวลา "ลูกเอ๋ย ยังไงเขาก็เป็นน้องของเจ้า"
คัดตัดตอนจากสารเวียน"เทียนต่อเทียน"วันที่ 21 พ.ค. 2001