10 อันดับ อัศจรรย์ทางศาสนา ที่น่าตื่นตะลึง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Veritas
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 01, 2010 1:24 pm

ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 1:30 pm

ที่มา http://listverse.com/2008/07/14/top-10- ... g-miracles






10 อันดับ อัศจรรย์ทางศาสนา ที่น่าตื่นตะลึง



10
เหตุแม่พระประจักษ์ ที่ เซอิตัวน์
1968 - 1970

Marian Apparition in Zeitoun




รูปภาพ



เหตุอัศจรรย์ การประจักษ์ของแม่พระ คือเหตุที่แม่พระปรากฏพระกายมาให้ผู้คนทั่วไป ทั้งผู้ที่อาจเชื่อหรือมิได้เชื่อได้เห็น ชื่อเรียกการประจักษ์ของแม่พระมักขึ้นอยู่กับชื่อเรียกของสถานที่ หรือเมืองที่พระนางประจักษ์ หรือขึ้นกับชื่อสมญานามที่ใช้เรียกพระนางจากการประจักษ์ในครั้งนั้น และหนึ่งในเหตุ การประจักษ์ของแม่พระที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือนิมิตของนักบุญ เบอร์นาเด็ต ที่ ลอร์เดส ซึ่งเกิดเหตุประจักษ์ขึ้น 6 ครั้ง และเหตุการณ์ประจักษ์ต่อเด็กทั้งสามที่ฟาติมา ในเหตุการณ์ประจักษ์ทั้ง 2 กรณีนี้ มีผู้คนมากมายเข้ามาคาบเกี่ยวข้อง พร้อมร่วมเป็นพยานยืนยันถึงการพยากรณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่แม่พระมาแจ้งบอก ร่วมไปถึงการเน้นยำเรื่องการสวดภาวนา และการเป็นทุกข์ถึงบาป ที่พระนางได้ทรงเน้นย้ำเป็นพิเศษ


อีกหนึ่งการประจักษ์ที่มีชื่อเสียงมาก คือ การประจักษ์ของแม่พระที่เซอิตัวน์ ในกรุงไคโร เหตุการณ์ประจักษ์นี้มีพยานพบเห็นร่วมล้านผู้ และเป็นการประจักษ์ที่กินระยะเวลานานร่วม 2-3 ปี ซึ่งเหตุ การประจักษ์นี้ยังสามารถบันทึกภาพลงบนฟิล์มของกล้องถ่ายภาพได้อีกด้วย ซึ่งพระสันตะปาปาของทางออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็คซานเดรีย ในกรุงไคโร ก็ยังยืนยันด้วยพระองค์เองว่าการประจักษ์นี้เป็นของจริง





9
ศพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่เน่าเปื่อย

Incorruptible Corpses





รูปภาพ



การมิเน่าเปื่อยของศพ คือคำที่ใช้เรียกสำหรับศพของผู้ที่ได้วายชนม์ไปแล้ว หากแต่ศพหาเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปไม่ การไม่เน่าเปื่อยของศพของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ถือว่าเป็นเครื่องหมายบ่งชี้บอกถึงความเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นั้น และยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ยืนยันถึงการเป็นนักบุญของท่านผู้นั้นด้วย การมิเน่าเปื่อยของศพแตกต่างกับการสงวนรักษาดูแลศพ ทั้งการดองศพ ใช้น้ำมันหอมชโลมศพ และวิธีอื่นใดในการรักษาสงวนสภาพศพให้มิรู้เปื่อยเน่า เพราะศพที่ได้จากกรรมวิธีเหล่านั้นจะแข็งกระด้าง และไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการมิเน่าเปื่อยของศพตามธรรมชาติ ที่ร่างกายของพวกท่านยังอ่อนนุ่ม ร่างกายแต่ละส่วนสามารถจับดัดโค้งงอได้อย่างอิสระ มีสีหน้า และความนุ่มนวลของร่างกายแลดูเป็นธรรมชาติ เสมือนประดุจว่าท่านผู้นั้นเพียงแค่กำลังนอนหลับอยู่เท่านั้น ซ้ำศพดังกล่าวยังมีกลิ่นหอมอันพึงประสงค์ ที่หอมมาจากภายในโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องหอม น้ำมันหอมใดๆ มาชโลมประทินผิวด้วย ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีศพของนักบุญหลายร้อยท่านที่ถูกพบว่ามิเน่าเปื่อย บางท่านแม้จะผ่านช่วงเวลาหลายร้อยปีมาแล้วก็ยังคงสภาพดีเสมือนหลับมิรู้เปื่อย ดังเช่นภาพของนักบุญเบอร์นาแด๊ต ที่ยังคงสภาพเยี่ยงเจ้าหญิงนิทรามาจนถึงทุกวันนี้ (เกินกว่า 129 ปีมาแล้ว) ส่วนศพมิเน่าเปื่อยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดท่านหนึ่งคือ ศพของนักบุญซิลวาน ที่ท่านมรณภาพมานานเกินกว่า 1,500 ปีมาแล้ว !!!





8
รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ของ เทเรเซ่ นูวมานน์
1896 - 1962

Therese Neumann




รูปภาพ



เทเรเซ่ นูว์มานน์ เป็นสตรีชาวเยอรมัน ผู้เป็นศาสนิกชนคาทอลิก และยังเป็นผู้ถึงฌานและผู้ได้รับซึ่งรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ด้วย ในวันที่ 10 มีนาคม ปี 1918 เทเรเซ่ ประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาต จากการล้มตกลงในโรงนาของคุณลุงของท่าน ซึ่งหลังจากนั้นท่านยังประสบอาการบาดเจ็บ และการล้มลงอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งการล้มลงในปี 1919 ที่ทำให้ท่านสูญเสียจักษุสัมผัส ประสาทการมองเห็นของท่านไป ก่อนที่ดวงตาของท่านจะหายเป็นปกติอย่างน่าอัศจรรย์อีกครั้งในวันที่ 29 เมษายน ปี 1923


ท่านกล่าวเล่าออกมาว่า ในวันที่ 5 มีนาคม ปี 1926 ท่านเกิดรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเหนือหัวใจของท่าน หากท่านเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มิแพร่งพรายไปยังผู้ใด หากแต่สิ่งที่ท่านเปิดเผยกับผู้อื่นคือ นิมิต ที่ท่านได้เห็นพระเยซูประทับบนภูเขาร่วมกับอัครสาวกอีก 3 คน ในวันอีสเตอร์วันอาทิตย์ ท่านได้รับนิมิตเห็นการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้า และในอีกหลายศุกร์ที่ตามมา ท่านกล่าวว่า ท่านได้มีโอกาสสัมผัสซึ่งพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ได้รับซึ่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบนร่างกาย เช่นเดียวกับการเจ็บปวดรวดร้าวภายใน โดยเฉพาะในคืนวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกปี ที่เหตุพระมหาทรมานนี้จะเกิดขึ้นกับตัวท่าน


ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ปี 1926 ท่านปรากฏรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ 9 แผลบนศีรษะ บนหลัง และบนไหล่ของท่าน รอยแผลเหล่านี้มิอาจรักษาให้หายได้ และหลังจากนั้นแผลของท่านก็ติดเชื้อ และเป็นเหตุให้ท่านเสียชีวิตลง ตั้งแต่ปี 1922 จวบจนกระทั่งถึงปี 1962 ท่านไม่ได้รับอาหารอื่นใดเลยนอกจากศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้ดื่มน้ำอื่นใดเลยจนกระทั่งท่านเสียชีวิตลง ในปี 1927 นายแพทย์และพยาบาลของคณะฟรานซิสกัน 4 คน ที่เฝ้าดูแลท่าน 24 ชั่วโมงต่อวัน กล่าวยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านไม่ได้รับอาหารอื่นใดเลยนอกจากศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ต่อวัน แต่แม้กระนั้น ท่านก็ไม่ได้ป่วยไข้ ขาดอาหาร ขาดน้ำ หรือแม้แต่มีน้ำหนักตัวลดลงแต่อย่างใด





7
เหตุอัศจรรย์ รูปแม่พระแกะสลัก ใน อาคิตะ
1973 - 1975

Statue in Akita




รูปภาพ



ในปี 1973 ซิสเตอร์ แอกเนส คัตซึโกะ ซาซากาว่า ในอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับนิมิตของแม่พระ และในวันที่ 28 มิถุนายน ปี 1973 เกิดเหตุปรากฏรอยแผลรูปกางเขนขึ้นที่มือข้างซ้ายของท่าน และจากรอยแผลนี่เอง มีโลหิตไหลหลั่งออกมา และทำให้ท่านได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ในวันที่ 6 กรกฎาคม ท่านได้ยินเสียงดังมาจากรูปแกะสลักของแม่พระในวัดน้อย ขณะที่ท่านกำลังบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ รูปแกะสลักนี้สูง 3 ฟุต ถูกแกะสลักขึ้นจากไม้จากต้นคัตซึระ และในวันเดียวกันนี่เอง ซิสเตอร์ได้สังเกตเห็นหยดโลหิตไหลหลั่งหยดลงมาจากรอยแผลบนหัตถ์ขวาของรูปแกะสลัก รอยแผลดังกล่าวดำรงคงอยู่จนถึงวันที่ 29 กันยายน ก่อนที่จะจางเลือนหายไป ซึ่งในวันที่รอยแผลจางหายไปนี่เอง ซิสเตอร์ได้สังเกตเห็นถึงหยดเหงื่อ ที่ไหลหลั่งออกมาจากรูปแกะสลักนี้ โดยเฉพาะในส่วนของหน้าผาก และลำคอ


2 ปีหลังจากนั้น ในวันที่ 4 มกราคม ปี 1975 รูปแม่พระแกะสลักนี้เริ่มที่จะร้องไห้ และเกิดเหตุรูปแกะสลักร้องไห้เป็นช่วงๆ และกินระยะเวลายาวนานถึง 4 ปี 8 เดือน นับรวมได้ทั้งหมด 101 โอกาส ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ของโลหิตและหยดเหงื่อที่ไหลหลั่งออกมาจากรูปแกะสลัก ที่กระทำโดยศาสตราจารย์ซากิซากะ แห่งวิทยาลัยแห่งอาคิตะ พบและยืนยันออกมาว่า โลหิต คราบน้ำตา และหยดเหงื่อที่ปรากฏนั้น เป็นของมนุษย์จริงๆ โดยตัวโลหิตนั้นมาจากกรุ๊ปเลือด 3 กรุ๊ปด้วยกัน คือ O, B และ AB ซึ่งพระคาร์ดินัล รัทซิงเจอร์ หรือ พระสันตะปาปา เบเนดิค ที่ 16 องค์ปัจจุบัน ได้ตัดสินรับรองเหตุอัศจรรย์ที่อาคิตะนี้ว่าเป็นของจริง และสามารถเชื่อถือได้





6
เหตุแม่พระประจักษ์ที่ เมืองลูดร์
1858

Lourdes




รูปภาพ



เหตุอัศจรรย์ การประจักษ์ของแม่พระที่เมืองลูดร์ เกิดขึ้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 1858 เมื่อท่าน เบอร์นาแด๊ต สตรีชาวบ้านอายุ 14 ปี ในเวลานั้น กล่าวยืนยันกับมารดาของท่านว่า ท่านได้เห็น “สตรีผู้หนึ่ง” ปรากฏกายขึ้นในถ้ำของ แมซซาบิลเล่ อันอยู่ห่างไปร่วมไมล์จากตัวเมือง ระหว่างที่ท่านกำลังรวบรวมเชื้อเพลิงร่วมกับน้องสาว และเพื่อนๆ ของท่าน


เหตุการณ์ประจักษ์ของสตรีปริศนา หรือ แม่พระ ปรากฏขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น และหนึ่งในการประจักษ์ที่เกิดขึ้น ท่านเบอร์นาแด๊ต ได้รับการบอกกล่าวจากแม่พระ ให้ท่านไปขุดที่พื้นใกล้หินในสถานแห่งหนึ่ง ก่อนจะเกิดน้ำพุผุดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์จากสถานที่ขุดนั้น เกิดเหตุอันน่าอัศจรรย์มากมายที่อุบัติขึ้นจากสถานที่ที่น้ำพุผุดขึ้นมานั้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคที่เกิดจากการดื่มกินชำระล้างด้วยน้ำจากน้ำพุนั้น และเหตุอัศจรรย์อีกมากมายที่เกิดขึ้นในทุกๆ ปี พร้อมกับมวลหมู่มวลชน ผู้แสวงบุญอีกนับล้านที่มาเยี่ยมชมและได้รับเหตุอัศจรรย์กลับไปในแต่ละปี ศูนย์การแพทย์ในเมืองลูดร์ได้ยืนยันว่า มีนับพันรายที่เป็นโรคที่ไม่อาจรักษาได้โดยการแพทย์แผนปัจจุบัน หากแต่ได้รับการเยียวยารักษาหายเป็นปกติได้จากน้ำพุแห่งนี้





5
อัศจรรย์บินบนฟ้า ของ ยอแซฟ แห่ง คูเปอร์ติโน่
1603 – 1663

Joseph of Cupertino




รูปภาพ



ยอแซฟ แห่ง คูเปอร์ติโน่ เป็นนักบุญชาวอิตาลี ท่านไม่ได้โดดเด่นด้วยสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดหรือความสามารถ อันที่จริงท่านค่อนข้างมีสติปัญญาทึบด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไป หากแต่สิ่งที่โดดเด่นของท่าน เป็นอัศจรรย์เรื่องการเหาะเหิรเดินอากาศได้ของตัวท่าน เป็นการถูกยกขึ้น ในยามที่ท่านเข้าสมาธิฌาณ คือในยามที่ท่านสัมผัสถึงความปิติยินดีจนถึงที่สุดที่มิอาจอธิบายได้จากภายใน ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของการเดินทางทางอากาศ นักบิน ผู้ป่วยมีปัญหาทางจิตทั้งหลาย และนักเรียนที่อ่อนแอ และท่านได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญในปี 1767


ในวันที่ 4 ตุลาคม ปี 1630 เมือง คูเปอร์ติโน่ ได้จัดงานฉลอง วันฉลองนักบุญฟรานซิส แห่ง อัสซีซี ท่านยอแซฟก็เป็นผู้หนึ่งที่มาช่วย และร่วมในงานฉลองนี้ด้วย หากแต่โดยไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดคาดคิด จู่ๆ ท่านก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และลอยอยู่เบื้องบนท่ามกลางท้องฟ้าและสายตาของประชาชนที่มุงดู เมื่อยามที่ท่านลดระดับลงมาแตะพื้นอีกครั้ง ท่านมีความอายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาก จนท่านต้องรีบหนีฝูงชน วิ่งกลับไปที่บ้านมารดาของท่านและหลบซ่อนตัว นั่นคือการเหาะเหิรเดินอากาศครั้งแรกของท่าน ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียว เพราะหลังจากนั้น ท่านยังบินขึ้นฟ้าอีกหลายต่อหลายครั้ง และนั่นทำให้ท่านได้รับมาซึ่งสมญานามว่า นักบุญผู้บินได้ (The Flying Saint)


การเหาะเหิรเดินอากาศที่มีชื่อเสียงที่สุดของท่าน เกิดขึ้นระหว่างพระสันตะปาปา เออร์บาน ที่ 8 ออกเสด็จพบปะประชาชน ซึ่งในขณะที่ท่านยอแซฟกำลังโค้งตัวลงจุมพิตพระบาทของพระสันตะปาปานี่เอง ท่านก็เกิดความรู้สึกเคารพยำเกรง และความปิติยินดีจากหัวใจต่อองค์พระสันตะปาปา ทำให้ท่านถูกยกตัวขึ้นลอยไปในอากาศ เหาะเหิรเดินอากาศ พร้อมกับความยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ อันมาจากประสบการณ์การถูกยกขึ้นนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มีพยานรู้เห็นเป็นพันคน





4
แม่พระปรากฎบนเสื้อคลุม ของ ญวง ดิเอโก้
1474 – 1548

Tilma of Juan Diego




รูปภาพ



นักบุญ ญวง ดิเอโก้ เป็นชาวพื้นเมืองแม็กซิกัน ผู้ได้รับการประจักษ์ของแม่พระแห่งกัวดาลูป ใน ปี 1531 จากปากคำของท่าน ท่านเล่าว่าท่านได้รับการประจักษ์พบแม่พระปรากฏกายออกมาให้ท่านแลเห็น และในคืนหนึ่ง ท่านได้กลับมาที่บ้านและพบว่า ญวง เบอร์นาดิโน่ ผู้เป็นลุงของท่านกำลังล้มป่วยลงอย่างหนัก ในเช้าวันถัดมา วันที่ 12 ธันวาคม ท่านได้ออกไปตามบาทหลวง เพื่อมาประกอบพิธี และให้ศีลเจิมสุดท้ายสำหรับลุงของท่านที่กำลังจะตาย หากแต่ระหว่างที่ท่านกำลังเดินทางอยู่ที่ริมขอบของเทือกเขาเทเปยาค นี่เอง แม่พระประจักษ์มาบอกท่านว่า ลุงของท่านจะไม่ตาย และบอกให้ท่านปีนหุบเขาและรวบรวมดอกไม้ที่ท่านพบในบริเวณนั้นไป ตอนช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคม และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีดอกไม้บานขึ้นมาได้ หากแต่ท่านก็พบกุหลาบบานอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ แม้จะอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ แม่พระบอกให้ท่านนำกุหลาบที่พบนี้ใส่ไว้ในเสื้อคลุม และไม่ให้เปิดออกมาให้ผู้หนึ่งผู้ใดนอกจากพระบิชอปได้เห็น และเมื่อท่านไปพบพระบิชอปและเผยเสื้อคลุมออกมา เกิดเหตุอัศจรรย์ ปรากฏชั้นของมวลหมู่กุหลาบผุดขึ้นมาจากเสื้อคลุมของท่าน พร้อมกับภาพจารึกของแม่พระแห่งกัวดาลูป ที่ปรากฏพิมพิ์ทับอยู่ภายในตัวเนื้อผ้า ทำให้บิชอปที่พบเห็นได้แต่สั่นสะท้านทรุดลงไปคุกเข่าด้วยความตื่นตะลึงและยำเกรง บิชอปท่านนั้นยืนยันว่านี่คือเหตุอัศจรรย์ และได้สั่งให้มีการสร้างวิหารขึ้นในสถานที่แม่พระประจักษ์มาในทันที เสื้อคลุมดังกล่าวยังถูกแสดงอยู่ที่กัวดาลูปมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้แสวงบุญเข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก





3
เหตุอัศจรรย์ ของคุณพ่อ ปิโอ

Padre Pio (St Pio of Pietrelcina)
1887 – 1968




รูปภาพ



คุณพ่อ ปิโอ ผู้ได้รับการสถาปานาเป็นนักบุญ ปิโอ แห่ง ปิเอเทรลซิน่า ผู้นี้ เป็นพระคาทอลิกชาวอิตาเลียน ในคณะคาปูชิน ท่านได้รับนามปิโอ ในยามที่ท่านเข้าร่วมกับโองการชองคณะคาปูชิน และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในนามว่าคุณพ่อ ปิโอ แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้เกิดขึ้นกับท่าน แต่กระนั้นท่านก็ไม่อยากให้สิ่งนี้เป็นที่เปิดเผย หรืออีกนับหนึ่งท่านอยากทนทุกข์ทรมานในแบบลับๆ โดยลำพังเสียมากกว่า


จนกระทั่งในช่วงปี 1919 เรื่องรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของท่านเริ่มแพร่ขยาย ขจรไปไกล รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของท่านถูกตรวจสอบโดยผู้คนที่หลากหลาย รวมถึงบรรดาอายุรแพทย์ด้วย และทำให้ท่านกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังของผู้คนจำนวนมากไป


นอกจากรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านยังได้รับพระพรมากมายจากเบื้องบน ทั้งพระพรในการรักษา พระพรในการพยากรณ์ พระพรในการลอยตัว การอยู่สองสถานที่ได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงเหตุอัศจรรย์อื่นอีกมากมาย และการที่สามารถตื่นเฝ้าได้โดยไม่ต้องพักผ่อนหรือรับอาหารใดๆ เลย (เชื่อว่าท่านอยู่ได้ 20 วัน 20 คืนได้โดยไม่รับอาหารอื่นใดเลยนอกจากศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์) นอกจากนี้ท่านยังมีพระพรในการหยั่งรู้จิตใจคน พระพรในการพูดภาษาแปลกๆ พระพรในการเปลี่ยนใจคน และแม้แต่รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ของท่านเอง ยังมีกลิ่นหอมโชยออกมาด้วย หลังท่านมรณภาพไป ศพของท่านถูกเก็บรักษาในโลงศพแบบเปิด ที่ ซาน จิโอวานนี่ โรทอนโด้ เปิดเผยแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่าศพของท่านไม่เน่าเปื่อยผุพังไปตามกาลเวลาแต่อย่างใดอย่างน่าอัศจรรย์





2
เหตุอัศจรรย์ ศีลมหาสนิท แห่ง แลนซีอาโน่
700

The Miracle of Lanciano




รูปภาพ



ในกรุงแลนซิอาโน่ ประเทศอิตาลี ในปี 700 เหตุเกิดขณะที่บรรดาพระสงฆ์กำลังฉลองศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ ในโบสถ์ นักบุญเลกอนเทียน อย่างที่เราทราบและเราเชื่อกันมาว่าแผ่นปังคือพระกายของพระเยซูเจ้า และเหล้าองุ่นคือพระโลหิตของพระองค์ และการเสกศีลในพิธีบูชามิสซา คือสิ่งที่ทำให้แผ่นปังและเหล้าองุ่น มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นนั้นจริง ในระหว่างพิธีบูชามิสซานั่นเอง พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีเกิดความแคลงใจ สงสัยว่าแผ่นปังจะเป็นดั่งพระกายของพระเยซูเจ้าจริงได้อย่างไร และจากความแคลงใจนี่เอง ทำให้เกิดเหตุอัศจรรย์ปรากฏออกมา คือ แผ่นศีลที่ทำการเสก กลายเป็นเนื้อของมนุษย์จริงๆ และเหล้าองุ่นที่เตรียมมา ก็กลับกายเป็นก้อนโลหิตจริงๆ 5 ก้อน ที่มีความแตกต่างทั้งรูปทรงและขนาด


มีการสืบสวนพิสูจน์มากมายเกิดขึ้นกับเหตุอัศจรรย์นี้ ซึ่งทางศาสตราจารย์ของวิทยาลัยในซีเอน่า ได้กระทำการทดลองตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์กับเหตุอัศจรรย์นี้ ก่อนจะพบว่าเนื้อและโลหิตที่ปรากฏเป็นของมนุษย์จริงๆ เนื้อที่ปรากฏเป็นเนื้อส่วนหัวใจที่มีองค์ประกอบครบถ้วน และทั้งเนื้อและโลหิตอยู่ในกลุ่มกรุ๊ปเลือด AB เป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกับที่ปรากฏบนผ้าห่อพระศพแห่งตูริน และบนศีลมหาสนิทที่ก่อเหตุอัศจรรย์ทั้งหมด ศีลมหาสนิทอันกลายเป็นแผ่นเนื้อนี้มีขนาดเทียบเคียงเท่าๆ กับศีลมหาสนิททั่วไปที่ใช้ในพิธีบูชามิสซา ปรากฏมีเส้นใย และสีออกน้ำตาลอ่อน และกลายเป็นสีกุหลาบเมื่อแสงตกกระทบฉายมาจากทางด้านหลัง ส่วนก้อนโลหิตมีสีออกน้ำตาลเหลือง ทั้งสองอย่างถือเป็นเหตุอัศจรรย์และได้รับการเก็บรักษาอย่างดีจนถึงทุกวันนี้





1
เหตุอัศจรรย์ แห่ง พระอาทิตย์
The Miracle of the Sun




รูปภาพ



เหตุอัศจรรย์ของพระอาทิตย์นี้เป็นเหตุอัศจรรย์ที่มีพยานรู้เห็นเกินกว่าแสนคน ในวันที่ 13 ตุลาคม ปี 1917 ในท้องทุ่ง โควา ดา อิเรีย ใกล้ๆ กับ ฟาติมา ในประเทศโปรตุเกส มีฝูงชนมากมายมาชุมนุมร่วมกันเพื่อสังเกตการณ์ถึงเหตุปาฏิหารย์ ที่เด็กทั้ง 3 คนกล่าวว่าจักเกิดขึ้นในยามเที่ยงวัน ในวันนั้น
จากปากคำของพยานผู้ร่วมเหตุการณ์ วันนั้นเกิดฝนตกอย่างหนัก หลังจากนั้นเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้าจางหายไป และพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นในสภาพอันมืดทึบกว่าปกติ สามารถแลมองได้ด้วยสายตาเปล่า ก่อนจะหมุนเริงระบำไปในท้องฟ้า พระอาทิตย์ที่ปรากฏมีแสงสว่างที่น้อยกว่าปกติ และเปล่งแสงหลากสีส่องลงมาบนพื้นดินเบื้องล่าง เงาเบื้องล่าง เมฆเบื้องล่าง และมวลหมู่มวลชนเบื้องล่าง ที่ถูกปกคลุมด้วยหลากสีสันอันวิจิตรและงดงาม จากนั้นพระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำสู่เบิ้องล่างในรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ซิกแซก ทำให้ประชาชนที่เฝ้าดูแต่สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวด้วยความเข้าใจว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว นอกจากเหตุอัศจรรย์ที่ปรากฏนี้แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่น่าอัศจรรย์คือ เสื้อผ้าที่เปียกชื้นของผู้คนก่อนหน้านั้น กลับแห้งสนิทแล้วในเวลานั้น ซึ่งพยานรู้เห็นร่วมแสนได้มีส่วนร่วมในเหตุอัศจรรย์นี้ และบางคนยังมีชีวิตอยู่จนมาถึงทุกวันนี้


เหตุอัศจรรย์นี้ได้เป็นเครื่องยืนยันถึงอัศจรรย์การประจักษ์ของแม่พระฟาติมา ที่มาประจักษ์กับเด็ก 3 คน และได้แจ้งถึงเหตุอัศจรรย์ที่จักพลันบังเกิดขึ้นมานี้ โดยแม่พระได้แจ้งกับเด็กทั้งสามว่าในวันที่ 13 ตุลาคม พระนางจะมาประจักษ์และแสดงเหตุอัศจรรย์ให้ทุกคนได้เห็น เพื่อที่ทุกคนจะได้เชื่อ เหตุอัศจรรย์นี้ได้รับการรับรองจากรพระศาสนจักรคาทอลิกว่าเป็นเรื่องจริง เชื่อถือได้ และเป็นเครื่องยืนยันถึงการประจักษ์มาของแม
tyransiam
โพสต์: 92
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 08, 2010 5:06 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 9:11 pm

ขนลุกเลยครับ ..น่ายินดีจริงๆ
nerine
โพสต์: 153
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 09, 2010 4:54 pm

อังคาร มิ.ย. 29, 2010 9:13 pm

ขอบคุณค่า
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ ก.ค. 02, 2010 8:40 pm

ขอบคุณมากครับ
ตอบกลับโพส