พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 12, 2010 11:40 pm

บรรยาย โดย นพ.ภากร จันทรมัฏฐะ
อายุรแพทย์โรคหัวใจ รพ.รามาธิบดี
แพทย์ ประจำพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
วันอาทิตย์ ที่ 15 พฤษภาคม 2005 ณ คริสตจักรยุคพระคุณ

ตอนเกริ่น


ตอนที่2


ตอนที่3


ตอนที่4
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 12, 2010 11:49 pm

อันนี้เป็นคำพยานของคุณหมอที่บรรยายครับ


ภาพประจำตัวสมาชิก
Veritas
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 01, 2010 1:24 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 1:58 am

น่าทึ่งและชัดเจนมากครับ

สิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าใครดู ก็คงรู้ได้โดยทันทีว่า
ไม่มีทางที่ความบังเอิญเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนี้
หากไม่มีผุ้ออกแบบ จัดสรรค์ จัดสร้าง ออกแบบ สิ่งสารพันออกมาเป็นระบบแบบนี้ ::003::
tyransiam
โพสต์: 92
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มิ.ย. 08, 2010 5:06 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 11:17 am

คุณหมอชี้แนะทางผมได้ดีมากครับ...ทำให้ผมหายสงสัยในหลายๆเรื่องเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Veritas
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 01, 2010 1:24 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 7:05 pm

ผมสะกิดใจอย่างนะครับ
คนส่วนมาก หรือพวกฟาริสี ชอบนักชอบหนา ที่จะร้องเรียกขออัศจรรย์
ให้พระเข้าแสดงหมายสำคัญจากฟากฟ้า


แต่การที่โลกเราดำเนินอย่างปกติสุขมาเป้นหมื่นๆ ปี มีระบบอะไรที่สมบูรณ์ในตัวเอง
และอยู่ได้ถึงทุกวันนี้โดยไม่ล่มสลายไปก่อน

ผมว่านี่แหละคือความอัศจรรย์ที่อยู่รอบตัวเรา
และพบเห็นได้ทุกวันอยู่แล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 3:11 am

จริงๆต้องขอแก้ข่าวคุณหมอในคลิปที่3สักนิดนะครับ ปัญหาของกาลิเลโอกับพระศาสนจักร ไม่ใช่เรื่องโลกกลมหรือแบน แต่เป็นเรื่องของอะไรโคจรรอบอะไรกันแน่ คนโบราณไม่ว่าจะชาติไหนศาสนาไหน ก็พูดว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตก นั่นแปลว่าคนสมัยก่อนมีความคิดว่า โลกอยู่เฉยๆ แต่ดวงอาทิตย์นั้นเคลื่อนที่ไป ทุกวันนี้เรายังคงพูดคำว่าพระอาทิตยืขึ้นและตกกันอยู่เลย หนังสือและวรรณกรรมทุกชนิดมีคำนี้ และไบเบิ้ลก็มีคำนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้เกิดการตีความว่าโลกอยู่นิ่ง ดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนที่

แต่กาลิเลโอได้พบข้อมูลทางดาราศาสตร์ และประกาศว่า ดวงอาทิตย์ต่างหากที่อยู่นิ่งโลกต่างหากที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์

คำถามแรกสรุปว่าทุกวันนี้กาลิเลโอถูก พระศาสนจักรตีความผิดหรือ คำตอบคือ ถ้ามองว่า พระศาสนจักรเข้าใจดาราศาสตร์ผิด (เพราะบอกว่าโลกอยู่นิ่งดวงอาทิตย์เคลื่อนที่) กาลิเลโอก็เข้าใจดาราศาสตร์ผิดด้วยเหมือนกัน(เพราะบอกว่าอาทิตย์อยู่นิ่ง โลกเคลื่อนที่) เพราะว่าที่จริงทั้งดวงอาทิตย์และโลกเคลื่อนที่ทั้งคู่ ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ ในกาแลกซี่ครับ และ โลกเคลื่อนที่ในระบบสุริยะจักรวาล

คำถามต่อมาพระศาสนจักรจับกาลิเลโอไปทรมานเพื่อให้ปฎิเสธทฤษฎีของตนหรือ

ก็ต้องบอกว่า ไม่จริงเลย ไม่มีการทรมาณ แต่มีการบังคับให้กาลิเลโอปฏิเสธทฤษฎีตัวเองจริง และมีการกักบริเวณ ซึ่งไม่ใช่ขังคุก แต่เป็นการให้พักอยู่ในบริเวณวัด ห้ามเผยแพร่ทฤษฎีนี้ โดยมีลูกสาวของกาลิเลโอที่บวชเป็นซิสเตอร์คอยดูแลปรนิบัติ หลังจากนั้นไม่นานกาลิเลโอก็ยังมีอิสระทั้งในการสอนหนังสือ และพิมพ์ทฤษฎีของเขาเผยแพร่โดยพระศานจักรไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด

ดังนั้นการเข้าใจ หรือพูดโดยเกรียนเนต ว่ามีการเถียงเรื่องโลกกลม การทรมานหรือฆ่ากาลิเลโอ ก็เป็นความเกรียนที่เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ว่าคนคลั่งใคล้วิทยาสาสตร์ ก็สามารถพูดโดยไม่รู้และอวดฉลาดในข้อมูลผิดๆได้ตลอดเวลา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Veritas
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 01, 2010 1:24 pm

จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 11:12 pm

กับอีกเรื่องอย่างเรื่องล่าแม่มด
ก็ชอบยกมาโจมตีได้ โจมตีดี ไม่มีจบจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อังคาร มิ.ย. 15, 2010 10:52 am

Veritas เขียน:กับอีกเรื่องอย่างเรื่องล่าแม่มด
ก็ชอบยกมาโจมตีได้ โจมตีดี ไม่มีจบจริง
ไม่ลองเขียนเรื่องที่ยกเอาการข่มเหงคริสตชนทั่วโลกมาตีแผ่มั่งล่ะ ทดสอบโลก

ถ้าโลกยังให้ความเป็นธรรม ก็ดี ถ่วงดุลกันได้

ถ้าโลกยิ่งประนามหนักขึ้น ก็ควรแล้วที่จะถูกพิพากษาตายหมด
francisco xavier
โพสต์: 300
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am

พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2010 1:32 pm

ผิดคนอื่นเท่าภูเขา ผิดของเราเท่าเส้นผม
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

จันทร์ ก.ค. 12, 2010 9:14 pm

ชอบคลิปจังเลย ::001:: พูดได้มีหลักการดีจัง


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีเรื่องกวนใจผมเกี่ยวกับหลักการพวกนี้อยู่ดีนะครับ= ="(ไม่ได้จะลองของ แต่มันเป็นเหมือนคำถามที่ผมตอบไม่ได้จริงๆครับ)


คือ ถ้าจะบอกว่าการเกิดและคงอยู่ของมนุษยชาติและโลกต้องการความสมบูรณ์แบบและการออกแบบที่ดีเยี่ยม จึงเป็นการยืนยันทฤษฎีว่ามีผู้สร้าง ก็จริงอยู่ แต่ก็จะมีข้อค้านว่า...

สิ่งที่พวกเราเห็นไม่ใช่การออกแบบ แต่เป็น "ผลลัพธ์ของ 1 ใน ล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ การสุ่มในจักรวาล" คือในจักรวาลนี้ก็มีดาวอีกหลายพันดวงที่มีสภาพคล้ายๆโลก แต่ให้กำเนิดชีวิตไม่ได้เพราะยังดีไม่เทียบเท่า กระนั้นพวกเราก็อยู่ในจุดตัดที่ทุกอย่างลงตัวพอดีจากการสุ่มนับครั้งไม่ถ้วนในจักรวาลที่ดำเนินมาเนิ่นนานแล้วเท่านั้นเอง


ผู้ไม่รู้จะอธิบายกับความรู้สึกตรงนี้ยังไงดี ใครพอจะมีคำตอบให้บ้างครับ? ::005::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ก.ค. 12, 2010 10:27 pm

ผมตอบได้แค่ว่าถ้าชีวิตคุณมาจากการสุ่มและโลกนี้มาจากความบังเอิญ ถ้าคุณตายหรือทำลายล้างโลกซะก็ไม่เห็นต้องวิตกหรือให้ความสำคัญ เพราะมันแค่ของบังเอิญเกิดขึ้นไม่มีคุณค่าและไม่มีความหมาย ถ้าบังเอิญหายไปก็ไม่น่าวิตก

ที่จริงถ้าใครอ้างว่ามีดาวอื่นอีกเป็นล้านที่บังเอิญให้กำเนิดชีวิตได้ก็เอาหลักฐานมาดูหน่อย ไม่ใช่เดาเอาจากที่ไกลๆหลายล้านปีแสง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อังคาร ก.ค. 13, 2010 1:50 am

คนที่ไม่ยอมฟังและจะเถียงท่าเดียว ต่อให้เหตุผลของเขามันห่วยแตกยังไงก็ยังหาเรื่องพูดจนได้อยู่ดีแหละค่ะ

......แต่ปัญหาคือ มันทำให้เราหงุดหงิดและกวนรำคาญใจได้ + ถึงเราจะทนได้ แต่ก็ต้องมีคนที่ทนไม่ได้ หรือคนที่หลงไปกับความคิดห่วยแตกพวกนั้น และมากวนใจเราต่อ เผลอ ๆ ความสัมพันธ์ที่ดี ๆ ก็พังทลายเพราะเรื่องไม่เข้าท่าที่ปล่อยไว้จนมันบานปลาย

........บางทีพวกนักรบครูเสดกลับมาในยุคสมัยนี้ อาจจะดีก็ได้เนอะ
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

อังคาร ก.ค. 13, 2010 10:54 am

Holy เขียน:ผมตอบได้แค่ว่าถ้าชีวิตคุณมาจากการสุ่มและโลกนี้มาจากความบังเอิญ ถ้าคุณตายหรือทำลายล้างโลกซะก็ไม่เห็นต้องวิตกหรือให้ความสำคัญ เพราะมันแค่ของบังเอิญเกิดขึ้นไม่มีคุณค่าและไม่มีความหมาย ถ้าบังเอิญหายไปก็ไม่น่าวิตก
ขอบคุณมากครับ ::001:: ได้คำตอบแบบที่จะหยุดความสงสัยของตัวเองได้ซะที^-^

จะว่าไปพอคิดอย่างนี้...ถ้าโลกเกิดจากการสุ่มจริงๆ ทุกๆอย่างก็คงไร้ความหมายในตัวเองไปเลย(เพราะรออีกหน่อย เดี๋ยวมันก็สุ่มขึ้นมาอีก) ประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกคงหมดความสำคัญ(พวกหลักการหรือการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ก็ด้วย เพราะมันก็แค่ "บังเอิญ")

ขอบคุณจริงๆครับ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะจริงๆ : xemo026 :
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ ก.ค. 16, 2010 2:15 pm

ผมเรียนวิชาพระพุทธที่โรงเรียนแล้วครูก็บอกให้ไปอ่านหนังสือเรียนแล้วย่อส่ง ผมอ่านหนังสือเรียนเล่มนั้นแล้วรู้สึกว่าทำไมศาสนาพุืทธชอบบอกว่า ศาสนาพุืืทธเชื่อถืิอได้เพราะมีกระบวนการแก้ปัญหาคล้ายวิทยาศาสตร์ ไม่เข้าใจจริงๆ รู้สึกว่าศาสนาพุืืทธเริ่มอ้างเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่ไอสไตน์พูดไว้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

เสาร์ ก.ค. 17, 2010 9:28 am

Holy Bible เขียน:ผมเรียนวิชาพระพุทธที่โรงเรียนแล้วครูก็บอกให้ไปอ่านหนังสือเรียนแล้วย่อส่ง ผมอ่านหนังสือเรียนเล่มนั้นแล้วรู้สึกว่าทำไมศาสนาพุืทธชอบบอกว่า ศาสนาพุืืทธเชื่อถืิอได้เพราะมีกระบวนการแก้ปัญหาคล้ายวิทยาศาสตร์ ไม่เข้าใจจริงๆ รู้สึกว่าศาสนาพุืืทธเริ่มอ้างเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่ไอสไตน์พูดไว้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีเวียนว่ายตายเกิดกับกรรมเวรรึ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ค. 17, 2010 11:47 am

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีเวียนว่ายตายเกิดกับกรรมเวรรึ?
คุณก็อย่าไปคิดเห็นแบบนั้นสิครับ : emo073 :

ที่เค้าบอกว่าพุทธศาสนามีส่วนคล้ายกับวิทยาศาสตร์ก็เพราะว่า วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ แต่พุทธศาสนาจะต่างจากวิทยาศาสตร์ตรงที่ว่า วิทยาศาสตร์นั้นเมื่อตั้งสมมติฐานและหาคำตอบของสิ่งนั้นๆเจอแล้ว ก็จะละทิ้งและหันไปตั้งสมมติฐานกับสิ่งอื่น แต่พุทธศาสนาเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไรแล้ว ก็จะศึกษาสิ่งนั้นๆ่ต่อไปเรื่อยๆ ส่วนวิทยาศาสตร์นั้นเน้นเรื่องภายนอกร่างกายมากกว่า คำว่าภายนอกร่างกายก็คือ สิ่งทั่วไปที่ไม่ใช่เรื่องทางจิตใจและวิญญาน แต่พุทธศาสนาเน้นภายใน กล่าวคือ เน้นด้านกรรมฐาน ฝึกจิต ลดอคติของตัวเองลงครับ ผมขอบอกเลยว่า ถึงแม้ผมจะเชื่อพระเจ้า แต่หลักของพุทธศาสนาช่วยได้จริงๆในบางข้อ บางอัน ก็ต้องรู้จักเลือกเอามาประยุกต์ใช้ อย่าไปมองว่ามีนั้นมีนี้ ที่เห็นนั้นคือ เปลือก ครับ ไม่ต้องไปสนใจ แต่แก่นจริงๆนั้นคือ หลักธรรมครับ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า"การที่จะนับถือบูชาเรานั้น มิใช่การบูชาด้วยรูปเคารพ แต่การบูชาเรานั้นคือการปฎิบัติตามหลักธรรม"(ต้องขออภัยเพราะฟังครูพูดมาอีกที หากมีตรงไหนผิดพลาด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย )
ตอบกลับโพส