วัดแม่พระฟาติมาดินแดงมีโครงการจัดให้เป็นวัดแสวงบุญ
-
- โพสต์: 1
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 23, 2010 10:04 pm
คุณพ่อสุรชัย กิจสวัสดิ์ เจ้าอาวาสมีโครงการจัดให้วัดแม่พระฟาติมา ดินแดงเป็นวัดแสวงบุญทุกวันที่ 13ของทุกเดือนมีกำหนดการดังนี้ เวลา 13.00 น.มีพิธีตั้งศีลมหาสนิท สวดบทพระเมตตา มีการอ่านพระวาจาแล้วรำพึงภาวนา เชิญวิทยากรมาแบ่งปันประสบการณ์จากการนำพระวาจามาใช้ในชีวิตประจำวัน เวลา 17.00 น. ร่วมรับประทานอาหารเย็น เวลา 18.00 น.ร่วมสวดสายประคำ โดยคุณพ่อชวลิต กิจเจริญ และอวยพรศีลมหาสนิท เวลา 19.00 น.พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ หลังพิธีมิสซามีการแห่พระรูปแม่พระ ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ และมีเวลาร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้
การจาริกแสวงบุญ (อังกฤษ: Pilgrimage) ทางด้านศาสนาและจิตวิญญาณ “การจาริกแสวงบุญ” คือการเดินทางหรือการแสวงหาสิ่งที่มีความสำคัญทางจริยธรรมต่อจิตใจ บางครั้งก็จะเป็นการเดินทางไปยังศาสนสถานที่มีความสำคัญต่อความเชื่อหรือความศรัทธาของผู้นั้น สมาชิกของศาสนาหลักของโลกมักจะร่วมในการเดินทางไปแสวงบุญ ผู้ที่เดินทางไปทำการจาริกแสวงบุญเรียกว่านักแสวงบุญ
การแสวงบุญของคริสตชน เกิดขึ้นครั้งแรกในสถานที่เชื่อมโยงกับพันธกิจของพระเยซูเจ้า หลักฐานของการแสวงบุญของคริสตชนที่หลงเหลืออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกรุงเยรูซาเล็ม ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เมื่อผู้แสวงบุญได้รับการสนับสนุนโดยปิตาจารย์ของพระศาสนจักร เช่นนักบุญเยโรม โดยมีนักบุญเฮเลนา พระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ และได้มีการเริ่มการแสวงบุญไปยังกรุงโรม และสถานที่อื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัครสาวก นักบุญต่าง ๆ และบรรดามรณสักขี เช่นเดียวกับสถานที่ซึ่งเชื่อว่าพระนางมารีย์พรหมจารีได้ทรงประจักษ์มา
อย่างไรก็ตาม ในทางคริสต์ศาสนา ตามคำสอนของนักบุญเปาโล “การแสวงบุญ” ก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น จากการตีความข้อความของท่านในพระคัมภีร์ 1 คร 6:19-20 “ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นพระวิหาร ของพระจิตเจ้าผู้สถิตอยู่ในท่าน ท่านได้รับพระจิตนี้จากพระเจ้า ท่านจึงไม่เป็นเจ้าของของตนเอง พระเจ้าทรงซื้อท่านไว้ด้วยราคาแพง ดังนั้นจงใช้ร่างกายของท่านถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด”
แต่กระนั้น ความอ่อนแอประสามนุษย์ ก็มักทำให้เราลืมความสำคัญที่ว่าตัวเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า พระศาสนจักจึงจำเป็นต้องหากิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือนให้คริสตชนตระหนักถึงความจริงประการนี้ที่ท่านนักบุญเปาโลสอน จึงจัดให้มีการจาริกแสวงบุญ ซึ่งต้องประกอบด้วย การพลีกรรม การสวดภาวนา การสารภาพบาป ฯลฯ เพื่อโดยอาศัยสื่อภายนอก มนุษย์จะได้พบกันสันติสุขภายในจิตใจ ซึ่งหากเราดำเนินชีวิตตามปกติไปวัน ๆ อาจจะไม่ได้มีเวลาพอจะฉุกคิด แต่ถ้าเราสละเวลาเพื่อการแสวงบุญ เราก็จะมีเวลาคิดพิจารณาถึงความจริงประการนี้
การแสวงบุญของคริสตชน เกิดขึ้นครั้งแรกในสถานที่เชื่อมโยงกับพันธกิจของพระเยซูเจ้า หลักฐานของการแสวงบุญของคริสตชนที่หลงเหลืออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกรุงเยรูซาเล็ม ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เมื่อผู้แสวงบุญได้รับการสนับสนุนโดยปิตาจารย์ของพระศาสนจักร เช่นนักบุญเยโรม โดยมีนักบุญเฮเลนา พระมารดาของจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ และได้มีการเริ่มการแสวงบุญไปยังกรุงโรม และสถานที่อื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัครสาวก นักบุญต่าง ๆ และบรรดามรณสักขี เช่นเดียวกับสถานที่ซึ่งเชื่อว่าพระนางมารีย์พรหมจารีได้ทรงประจักษ์มา
อย่างไรก็ตาม ในทางคริสต์ศาสนา ตามคำสอนของนักบุญเปาโล “การแสวงบุญ” ก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น จากการตีความข้อความของท่านในพระคัมภีร์ 1 คร 6:19-20 “ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นพระวิหาร ของพระจิตเจ้าผู้สถิตอยู่ในท่าน ท่านได้รับพระจิตนี้จากพระเจ้า ท่านจึงไม่เป็นเจ้าของของตนเอง พระเจ้าทรงซื้อท่านไว้ด้วยราคาแพง ดังนั้นจงใช้ร่างกายของท่านถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด”
แต่กระนั้น ความอ่อนแอประสามนุษย์ ก็มักทำให้เราลืมความสำคัญที่ว่าตัวเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า พระศาสนจักจึงจำเป็นต้องหากิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือนให้คริสตชนตระหนักถึงความจริงประการนี้ที่ท่านนักบุญเปาโลสอน จึงจัดให้มีการจาริกแสวงบุญ ซึ่งต้องประกอบด้วย การพลีกรรม การสวดภาวนา การสารภาพบาป ฯลฯ เพื่อโดยอาศัยสื่อภายนอก มนุษย์จะได้พบกันสันติสุขภายในจิตใจ ซึ่งหากเราดำเนินชีวิตตามปกติไปวัน ๆ อาจจะไม่ได้มีเวลาพอจะฉุกคิด แต่ถ้าเราสละเวลาเพื่อการแสวงบุญ เราก็จะมีเวลาคิดพิจารณาถึงความจริงประการนี้