บ้างก็นำมาจากพระคัมภีร์
บ้างก็นำมาจากประสบการณ์ส่วนตัว
บ่อยครั้งคำว่า”รัก” ที่ศิษย์พระคริสต์นิยมใช้
ได้เปลี่ยนความรักของพระคริสต์
ให้กลายเป็นความรักที่ตอบสนอง
และปรนเปรออัตตาของตนเอง
เมื่อหลงกลปีศาจเช่นนี้
ทำให้ความละเอียดอ่อนของจิตใจ
กลายเป็นความหยาบกระด้างแปรปรวน
และในการพิจารณามโนธรรมทุกเช้าค่ำ
ความจองหองได้ทำให้ละเลยบาปเล็กน้อยของตนเอง
แต่บาปเล็กน้อยนี่แหละ ทำให้ดวงตาปัญญามืดบอด
“ความไม่รัก”ที่สั่งสมขึ้นทีละน้อยและไม่เคยขัดเกลา
กลายเป็นเขม่า กลายเป็นเศษแก้ว กลายเป็นเชื้อร้าย
ซึ่งทำลายหัวใจของเราอย่างชาญฉลาดและเราไม่รู้ตัว
เราจึง”ไม่รัก”คนบาป คนบกพร่องรอบตัวเรา
นั่นแหละ จงขอโทษพระอาจารย์ของเราก่อนอื่นใด
เพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่สั่งสอนรักแท้
ต้องจริงจังถึงขั้นแบกไม้กางเขนแล้วเดินตามหา
ต้องจริงจังถึงขั้นร้องเรียกสุดดวงใจแบบมารีย์มักดาลา
ต้องจริงจังถึงขั้นยอมรับความทุกข์ทรมานแม้ความตาย
อย่างเงียบเชียบ ต่ำต้อย และถ่อมตน
ด้วยจิตใจที่ชื่นบานและวิญญาณที่ร้องเพลงสรรเสริญ
นี่จึงเป็นศิษย์พระคริสต์
เป็นผู้ที่พระอาจารย์ที่รักจะทรงเรียกหาเรา
พระองค์จะทรงให้เกียรติเราและปลอบโยนเรา
ทรงรักษาบาดแผลที่ชอกช้ำถึงกระดูกให้เรา
พระองค์จะทรงตรัสว่า “เจ็บไหม”
เพียงเท่านี้วิญญาณของเราย่อมหลอมละลายไป
เราได้รู้แล้วว่า เราเป็นคนบาปถึงเพียงนี้ก็ยังทรงรัก
ความรู้ที่แท้ส่วนนี้ ทำให้เรากล้าหาญอย่างรอบคอบ
ทำให้เราละเอียดอ่อนที่จะสื่อสารยิ่งทียิ่งมากขึ้น
เราผ่านชีวิตไปเพื่อจะละเอียดประณีตเพื่อพระคริสต์
เพื่อพระอาณาจักร เพื่อความรักที่จะปกคลุมโลก
หากเราจะใช้คำว่า”รัก”
เฉพาะอย่างยิ่ง”รักจากพระคริสต์”
“รัก”ที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เราคนบาป
และเราไม่อาจเก็บความชื่นชมยินดีนี้ไว้ได้จนต้องแบ่งปัน
เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความรู้และประสาทสัมผัสทั้งจิตและกาย
เราต้องรู้เสมอไปว่า
จะพยายามถักทอถ้อยคำแห่งข่าวดี
ให้เป็นความหมายของชีวิตใหม่สุดปลายแผ่นดิน
ให้เป็นความหวานชื่นที่ไม่ก้าวร้าว ไม่รุนแรง
เป็นความอ่อนน้อมถ่อมตนและรับใช้
เหมือนที่พระอาจารย์ทรงเคยล้างเท้าให้อัครสาวก
เริ่มต้นจากตรงนี้
เราต้องเริ่มที่”รักแท้”เสมอไป
เป็นความกระหายน้ำทิพย์ที่จะไม่มีวันสิ้นสุด
เป็นเสียงเรียกจากหัวใจถึงฟ้าสวรรค์
เป็นเปลวไฟร้อนระอุที่แผดเผาเราอย่างเร่าร้อน
ฉันรักเธอคนบาป
ฉันรักเธอก่อน
ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
ฉันรักเธอ
