ภรรยาของคาอินมาจากไหนครับ?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

จันทร์ พ.ย. 07, 2011 5:51 pm

ในเมื่อแรกเริ่มพระเจ้าสร้างอาดัมและเอวาเป็นมนุษย์สองคนแรกของโลก อาดัมมีบุตร2คนแรกเป็นบุตรชายทั้งคู่ แล้วภรรยาของคาอินมาจากไหนครับ?
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ พ.ย. 07, 2011 7:07 pm

ก็บุตร 2 คนแรกไงครับ
ภรรยาก็คือ ลูกคนต่อ ๆ มาของอดัมและเอวา
น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ
เรื่องการสมรสระหว่างกัน เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
ถ้าเราเชื่อว่า เราเกิดมาจากมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรก
ดังนั้น ทุกวันนี้ เราต่างมาเป็นพี่น้องกันครับ
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

จันทร์ พ.ย. 07, 2011 9:19 pm

Batholomew เขียน:ก็บุตร 2 คนแรกไงครับ
ภรรยาก็คือ ลูกคนต่อ ๆ มาของอดัมและเอวา
น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ
เรื่องการสมรสระหว่างกัน เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
ถ้าเราเชื่อว่า เราเกิดมาจากมนุษย์ชาย-หญิงคู่แรก
ดังนั้น ทุกวันนี้ เราต่างมาเป็นพี่น้องกันครับ
บุตร2คนแรกคือ คาอินกับอาแบล
อาแบลถูกฆ่าตาย
คาอินแต่งงาน
อาดัมและเอวามีบุตรชายเพิ่มอีก1คนคือเสท
ผมงงตรงที่ว่าผู้หญิงมีเอวาคนเดียวในโลก แล้วผู้หญิงอื่นมาจากไหนอีกสงสัยตรงนี้แหละครับ
ก็พอเดาตามที่คุณบอกนะครับว่า อาจจะเป็นลูกอาดัมและเอวาที่ไม่ได้ถูกบันทึก
(ผู้หญิงเหมือนไม่ได้เอามานับ) แต่ถ้าเป็นตามที่คิดกันเอง ก็ได้คำตอบข้อนี้แล้วครับ
แต่สงสัยตามมาอีกอย่างครับ ญาติพี่น้องห้ามสมรสกัน มันขัดในคำสอนข้อห้ามเรื่องบาปเพศสัมพันธ์ที่ผิด ในพระคัมภีร์เดิมสมัยโมเสส ดูมันขัดๆกันนะครับ ขอความกระจ่างด้วยครับ
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

จันทร์ พ.ย. 07, 2011 9:43 pm

ลำดับวงศ์วานจากอาดัมถึงโนอาห์
5:1 นี้เป็นหนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม ในวันที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์นั้น พระองค์ทรงสร้างตามแบบพระฉายาของพระเจ้า
5:2 พระองค์ทรงสร้างให้เป็นผู้ชายและผู้หญิง และทรงอวยพระพรแก่เขา และทรงเรียกชื่อเขาทั้งสองว่าอาดัม ในวันที่เขาถูกสร้างขึ้นนั้น
5:3 และอาดัมอยู่มาได้หนึ่งร้อยสามสิบปี และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันกับเขา และเรียกชื่อของเขาว่าเสท
5:4 ตั้งแต่อาดัมให้กำเนิดเสทแล้ว ก็มีอายุต่อไปอีกแปดร้อยปี และเขาให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน
5:5 รวมอายุที่อาดัมมีชีวิตอยู่ได้เก้าร้อยสามสิบปีและเขาได้สิ้นชีวิต
5:6 เสทอยู่มาได้ร้อยห้าปี และให้กำเนิดบุตรชื่อเอโนช
5:7 ตั้งแต่เสทให้กำเนิดเอโนชแล้ว ก็มีอายุต่อไปอีกแปดร้อยเจ็ดปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน

อีกประเด็น รู้สึกสมัยก่อนยังไม่มีการห้ามสมรสกันระหว่างญาติพี่น้องนะครับ เพิ่งจะมีมาภายหลัง
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

อังคาร พ.ย. 08, 2011 8:35 am

อ่านในช่วงเริ่มแรกอย่าเอาบัญญัติในยุคหลังมาจับเหตุผลไม่เช่นนั้นจะไม่เข้าใจ

บทปฐมกาลเหมือนประวัิติศาสตร์ที่มนุษย์เริ่มรู้จักพระเจ้า เทียบเคียงให้ง่ายขึ้นก็คือ
การมองว่ามนุษย์ทั้งหมดเหมือนทารกที่เพิ่งเกิดสิ่งอะไรที่ควรรู้ไม่ควรรู้ทารกไม่สามารถ
กำหนดเองได้ แต่พระเจ้าจะเป็นผู้สอนมอบความรู้คือมโนธรรม พระบัญญัติมาทีละ
จังหวะของชีวิต เหมือนบิดามารดาเริ่มป้อนนม อาบน้ำ ร้องกล่อมนอน ไม่ใช่ว่า
บิดามารดาจะกระทำทุกอย่างครั้งเดียวหมดแต่เพราะทารกร้องขอสิ่งใดจึงค่อย ๆ ให้
ตามความต้องการ เช่นเดียวกัน

เริ่มต้นจากอาดัม-เอวาคือการไม่รู้อะไรเลย บทเรียนสำคัญคือการนับคือพระเจ้าเพียงองค์เีดียว

คาอินกับอาเบล คือ การสอนที่ชัดเจนว่า อย่าฆ่า เป็นบัญญัิติที่ห้ามกระทำกับมนุษย์ด้วยกัน

ส่วนเรื่องการสมรสในวงศ์วานนั้นแรกเริ่มมนุษย์ยังไม่มีบัญญัติข้อนี้เลยค่ะ
สังเกตต่อในสมัยโนอาห์หลังน้ำท่วมแล้ว ลูกหลานโนอาห์ยุคต่อมาก็สมรสกันเองต่อ
หรือในสมัยของอัมบาฮัม โลคลูกพี่ลูกน้องของอัมบาฮัมก็สมรสกับลูกสาวตนต่อ

แต่เมื่อศึกษาต่อ ๆ ไป มนุษย์จะเรียนรู้จากมโนธรรม (พระจิต) ว่าสิ่งใดสมควรไม่สมควร
ภาพประจำตัวสมาชิก
fr_Tony
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 05, 2010 1:38 pm

พุธ พ.ย. 30, 2011 10:06 am

หนังสือปฐมกาลไม่ได้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ถ้าเราจะแปลความหมายตามตัวอักษร เราจะเข้าใจผิดจุดประสงค์ของหนังสือนี้ครับ ผู้เขียนหนังสือปฐมกาลมุ่งนำเสนอความจริงทางเทววิทยา ไม่ใช่มุ่งรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ในประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นเราควรศึกษาพระคัมภีร์และแปลความหมายตามบริบทของแต่ละหนังสือครับ
peopletribune
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa

ศุกร์ ก.พ. 10, 2012 11:38 pm

สวัสดีครับ คุณ s.gabriel

รูปภาพ
การอ่านพระคัมภีร์ หรือพระธรรมไม่ว่าพระธรรมเก่าหรือพระธรรมใหม่ นั้นจะต้องใช้การ
ตีความด้วย จะอ่านตรง ๆ ตามตัวหนังสืออย่างนั้นหาได้ไม่ครับ ผมชอบที่ท่านพุทธทาส
ท่าน ปาฐกถา เรื่อง "คริสตธรรม พุทธธรรม" ณ ศูนย์ศิลป วิทยาลัยพระคริสตธรรม
แห่งสภาคริสตจักร ประเทศไทย จ.เชียงใหม่ ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่าในพระคัมภีร์ หรือ
พระไตรปิฎก มีทั้ง "ภาษาคน" และ "ภาษาธรรม"

เราจะไปตีความพระัคัมภีร์ ตามตัวหนังสือ หาได้ไม่จำต้องใช้ปัญญาในการขบ ถ้าเป็นทาง
เซ็นเค้าเรียก ขบโกอาน
** โกอาน ปริศนาธรรม เกี่ยวกับพระพุทธศาสนานิกายเซ็น**

ศาสนามีความสุขุมคัมภีรภาพ หาได้เข้าใจง่าย ดังเช่นเรียน เลข หรือท่องจำสูตรคูณ
จำต้อง อาศัยการจิตนาการประกอบ แต่หาใช่ทุกคนที่อ่าน และจะเกิด ความเข้าใจ หรือ
ปัญญาเหมือนกัน
http://www.buddhadasa.com/BudChrist/Beunderstand1.html

รูปภาพ

ดังเช่นพระพุทธองค์เปรียบไว้ประดุจบัว 4 เหล่า คือ หลังสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสรู้แล้ว 7 สัปดาห์ ทรงเห็นว่าพระธรรมที่พระองค์ ทรงบรรลุนั้น มีความละเอียดอ่อน
สุขุมคัมภีรภาพ(สุขุมลึกซึ้ง) ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและ ปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อ
พระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาพระองค์ได้ทรง พิจารณาอย่างลึกซึ้ง
แล้วทรงเห็นว่า บุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวก สอนไม่ได้
เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ดังนั้นแล้ว จึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป

บัว 4 เหล่าที่พระองค์กล่าวถึง ได้แก่

1. ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ(ปัญญาเห็นชอบ)
เมื่อได้ฟังธรรมก็ สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ
เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบาน ทันที เรียก อุคฆฏิตัญญู

2.ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำพวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว
พิจารณาตามและ ได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ ซึ่งจะบานในวันถัดไป เรียก วิปัจจิตัญญู

3.ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณา
ตามและได้รับ การอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอย
ด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุด ก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัว
ที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้น เบ่งบานได้ในวันหนึ่ง เรียก เนยยะ

4.ดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ(ปัญญาเห็นผิด)
แม้ได้ฟังธรรมก็ ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความ
เพียร เปรียบเสมือน ดอกบัวที่จม อยู่กับโคลนตม รังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มี
โอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน เรียก ปทปรมะ

ผมไม่พูดต่อที่คนรุ่นหลังตั้งว่ามีบัวเต่าถุยอีก ...คือต่ำเตี้ยเรี่ยติดดิน เตากินเป็นอาหารยัง
ถุยออกมา >>>เรียก บัวเต่าถุย

หลังพระพุทธองค์ทรงตัดสินใจจะเทศนาโปรดชาวโลก จึงทรงมีพระกรุณาธิคุณ ระลึกถึง
อาฬารดาบสและอุททกดาบส ว่าเป็นผู้มีกิเลสเบาบาง สามารถตรัสรู้ได้ทันที

แต่ท่านทั้ง 2 ได้ละสังขารแล้ว จึงทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ และได้เสด็จไปที่ป่าอิสปตน-
มฤคทายวัน เมือง พาราณสี แคว้นกาสี(ปัจจุบันคือ ต.สารนาถ) ตรงกับวันเพ็ญ เดือน
อาสาฬหมาส(เดือน 8) พระพุทธองค์ ทรงเสร็จ มา ณ เมืองสารนาถ แสดงปฐมเทศนาแก่
ปัญจวัคคีย์ (สาวกรุ่นแรก 5 องค์ คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ
พระมหานามะ และพระอัสสชิ) ที่ อิสิปตนมฤคทายวัน โดยธรรม ที่แสดงนั้นมีชื่อว่า
“ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”

:s002:

รูปภาพ
พระวารสารบันทึกโดยนักบุญมัธธิว ตามพระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ กล่าวว่า...
เวลานั้นพระจิตเจ้าทรงนำพระเยซูเจ้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้ปีศาจมาผจญพระองค์

"ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปังเถิด"

พระองค์ตรัสตอบว่า

"มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น แต่ดำรงด้วย พระวาจา
ทุกคำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า"


ต่อจากนั้น ปีศาจอุ้มพระองค์ไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหารแล้วทูลว่า

"ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงกระโดดลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
พระเจ้าทรงสั่ง ทูตสวรรค์เกี่ยวกับท่านให้คอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน"


พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า

"ในพระคัมภีร์ยังมีเขียนไว้ด้วยว่า อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย"

และอีกครั้งหนึ่งปีศาจนำพระองค์ไปบนยอดเขาสูงมาก ชี้ให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณา
จักรรุ่งเรืองต่าง ๆ ของโลกแล้วทูลว่า "เราจะให้ทุกสิ่งนี้แก่ท่าน ถ้าท่านกราบนมัสการเรา"

พระเยซูตรัสว่า
"เจ้าซาตานจงไปให้พ้น ยังมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงกราบนมัสการองค์
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น"


ปีศาจจึงได้ละพระองค์ไปแล้วทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์

พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศข่าวดี
หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำพระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลีทรงประกาศเทศนาข่าวดี
ของพระเจ้า ตรัสว่า "เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้วพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด"

รูปภาพ

พระเยซูเจ้าเริ่มสั่งสอนที่ริมทะเลสาบอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนจำนวนมากมาชุมนุมห้อมล้อม
พระองค์ จนต้องเสด็จลงไปประทับบนเรือในทะเลสาบ ส่วนประชาชนทั้งหมดอยู่บนฝั่ง
พระองค์ทรงสอนเขา หลายเรื่องเป็นอุปมา ในการสอนนั้นพระองค์ตรัสว่า...

จงฟังเถิด ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเม็ดพืช ขณะที่เขากำลังหว่านเมล็ดพืชอยู่นั้น

รูปภาพ

- บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน นกก็จิกกินจนหมด
- บางเมล็ดตกบนพื้นหินที่มีดินอยู่เล็กน้อย ก็งอกขึ้นมาทันทีเพราะดินไม่ลึก
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ก็ถูกแดดเผา และเหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีราก
- บางเมล็ดตกในพงหนาม ต้นหนามก็ขึ้นคลุมมันไว้ จึงไม่เกิดผล
- บางเมล็ดตกในที่ดินดี จึงงอกขึ้น เติบโตขึ้น และเกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง
ร้อยเท่าบ้าง

ต่อจากนั้นพระองค์ตรัสว่า ..."ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด"
::001:: ::001:: ::001:: ::001:: ::001:: ::001:: ::001::

พระคัมภีร์ ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่าย จำต้องใช้การตีความ และหมั่นศึกษา ด้วยเหตุนี้เราจึง
ต้องมีพระสงฆ์ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนพระศานุศิษย์ของพระเยซู ช่วยชี้แนะพวกเราไงครับ

:s024:
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ (เดินทางทุกที่ ที่มีพระองค์)
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 11:01 pm

ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เข้ามาให้ข้อมูลและแนะนำครับ
ตอบกลับโพส