อยากรู้ว่าตัวดิฉันกับแฟนอยากเป็นคริสต์มันยากไหม

[Atitaya Junprung]

ฉันกับแฟนเป็นพุทธกันทั้งคู่อยากจะศึกษาดูว่าเป็นคริสต์มันจะยากไหม แล้วนิกายโรมันคาทอลิก กับ คริสต์เตียนแตกต่างกันยังไง
ชาวคริสต์หมั้นกันได้ตอนอายุเท่าไหร่ หมั้นกันในโบสถ์ได้ไหม อยากรู้จริงๆตอบด้วยนะค่ะ

[littleseal]

ต่างกันตรงไหนที่เห็นชัดคงจะเป็น

คาทอลิก (คริสตัง)
1.ไปวัดไหนก็ได้
2. นับถือแม่พระ นักบุญเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย นับถือโป๊ปเป็นผู้นำ
3. เวลาแต่งงานต้อง (บางวัดต้องจองตารางล่วงหน้า 3 เดือน)
3.1 เข้าอบรมคู่แต่งก่อน
3.2 ล้างบาปเป็นคาทอลิกทั้งคู่จะได้ศีลสมรส
3.3 ล้างบาปฝั่งเดียว ได้แต่ทำพิธีไม่ได้รับศีลสมรส (เทียบเท่ารับศีล)
4. เป็นคาทอลิกจะได้สัญญารักนิรันดร์ ต่างจากพุทธและโปรฯ ที่สามารถหย่าได้
คาทอลิกหย่าไม่ได้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตถึงจะแต่งงานใหม่ได้
(แต่มีกรณียกเว้นบางกรณี ยกเว้นเป็นคน ๆ ไป)

โปรแตสแตนท์ (คริสเตียน)
1. รับบัฟติสโบสถ์ไหนต้องไปโบสถ์นั้นเท่านั้น
2. ไม่นับถือแม่พระ นักบุญ โป๊ป
3. เวลาแต่งงานบางที่บังคับต้องเป็นโปรฯ ทั้งคู่
4. โปรฯ บางที่ให้หย่าได้

เป็นคริสต์ยากมั้ย? ลองจูงมือแฟนไปหาคุณพ่อที่วัดใกล้ ๆ บ้านเลยค่ะ
ไปลองเรียนคำสอนทุกวันอาทิตย์ดูจะเข้าใจได้มากขึ้นว่าเราอยากเป็นคริสต์จริงมั้ย?

ปกติสวมแหวนมีแต่แหวนแต่งค่ะ เป็นส่วนหนึ่งในพิธีรับศีลสมรสของคาทอลิกค่ะ
(นอกเรื่อง - ไปงานแต่งเพื่อนมา เพื่อนตอนรับศีล ตอนเดินบน virgin road สวยมาก ๆ )

ข้อมูลอื่น ๆ รอท่านอื่นมาเสริมค่ะ

[Holy]

ลองอ่านรายละเอียดและติดต่อตามกระทู้นี้ได้เลยครับ

viewtopic.php?f=1&t=7350

[aqua-alta]

เพิ่มเติมนะครับ
สำหรับของคริสเตียน

-หมั้นกันในโบสถ์ได้ อายุตามความเหมาะสม โดยความอนุญาตของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

-และเช่นเดียวกับคาทอลิก ก็ต้องรับบัพติสมา(ศีลล้างบาป)ก่อนทั้งคู่ ทางโบสถ์จึงจะทำพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานให้ในโบสถ์ได้ หากเป็นคริสเตียนเพียงฝ่ายเดียวแต่ประสงค์ให้ทางโบสถ์จัดพิธีให้ ก็ทำได้ แต่เป็นนอกสถานที่(ผมอธิบายกรณีโดยรวม ทั้งนี้ก็แล้วแต่โบสถ์แต่ละแห่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอย่างไรครับ)

-โดยทั่วไปคริสเตียนแต่งงานกันแล้วก็อนุญาตให้หย่าไม่ได้เช่นกันนะครับ ยกเว้นเป็นกรณีไป เนื่องจากการสมรสเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นแบบเล็งถึง พระคริสต์และคริสตจักร(พระศาสนจักร) คู่บ่าวสาวนิรันดร์ ชาวคริสต์จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

-เรื่องการให้ความสำคัญต่อแม่พระ บรรดานักบุญ และสันตปาปา โดยเนื่องจากธรรมประเพณีที่แตกต่างกันของคริสตังและคริสเตียน คริสเตียนจึงยึดถือนางมารีย์และเหล่านักบุญเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่"ไม่นับถือ"แล้วเห็นเป็นสิ่งต้องห้าม สิ่งสกปรกอะไรประมาณนั้น เพียงแต่ไม่ได้ความสำคัญมากไปกว่าบรรดาวิญญาณผู้ตายทั่วไปเท่านั้น

-โปรฯจะย้ายโบสถ์ก็ได้นะครับ ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่มีข้อห้ามด้วย ส่วนเรื่องจะเข้าโบสถ์ที่ไหนนั้น ตามที่คนนิยมคือเข้าที่ไหนก็ได้ แต่ที่ถูกจริงๆ ก็ต้องดูตามพระคัมภีร์นะครับ ในพระคัมภีร์มีปรากฎเพียงคริสตจักรท้องถิ่น ไม่ใช่คริสตจักรใดก็โอเคไปหมด (เช่น คาทอลิกมีวัดในกทม. ก็สังกัดในสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นต้น)

ปล.การเป็นคริสต์ ผมบอกตามตรงอย่างไม่ปิดบังเลยว่าไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมันไม่ใช่แค่เปลี่ยนศาสนาแต่คือการรับเอาชีวิตใหม่เข้ามาในตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณเป็นคริสต์แล้วได้ชีวิตนิรันดร์ ไม่พินาศ รอดไฟนรก พระเจ้าจะดูแลคุณตั้งแต่วันที่รู้จักกับพระองค์จนโลกนิรันดร์พระองค์ก็ยังดูแลคุณ อย่างที่ศาสนาให้คุณไม่ได้ นี่สิถึงเป็นเรื่องสำคัญ
ขอพระเจ้าผู้ทรงรักคุณ อวยพระพรคุณครับ^^

[fr_Tony]

ถามว่ายากไหม คำตอบนั้นคือ ใช่ และ ไม่ใช่
ใช่ เพราะว่า ต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะศึกษาเพื่อมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาและพัฒนาความเชื่ออย่างเข้มแขงก่อนที่จะได้รับศีลล้างบาป ผู้ศึกษาต้องจริงใจ มีความภาคเพียร ความเสียสละ ในการศึกษาและปฏิบัติ สิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้

ไม่ใช่ เพราะว่าทุกคนสามารถเข้าศาสนาได้ คุณพ่อ ซิสเตอร์ ครูคำสอน ในวัดต่างๆ พร้อมที่จะอบรมท่าน และเดินทางกับท่านตลอดเวลานี้

[Jeab Agape]

ขอเพิ่มเติมจากพี่ๆ ที่ว่าคริสเตียนย้ายโบสถ์ หรือไปนมัสการ(มิสซา)ที่อื่นได้ไหม

>ย้ายได้ ตามความสะดวกของเรา

การที่เหมือนข้อบังคับของคริสตจักรโปรฯว่า รับบัพติสมา(ล้างบาป)ที่ไหนต้องไปนมัสการที่นั้น
เพราะว่า...

1.เนื่องจากโบสถ์โปรฯมีลักษณะการอภิบาลที่ต่างกับคาทอลิก เพราะเมื่อคุณเป็นสมาชิกโบสถ์แล้ว
ศิษยาภิบาล จะอบรม/อภิบาลคุณส่วนตัวเลย เช่นยามทุกข์ ยามสุข ไปหาศิษยาภิบาลได้เลยเพราะเป็นคนในครอบครัวพระเจ้าแล้ว

2.มีกิจกรรมเสริมสร้างความเติบโตด้านจิตวิญญาณ ต้องมีการศึกษาพระคัมภีร์ มีกลุ่ม เช่น อนุชน สตรี บุรุษ หรือกลุ่มอาชีพ กิจกรรมพวกนี้จะมีหลังนมัสการ

3.ให้สมาชิกร่วมรับใช้พระเจ้า ดังนั้นจึงต้องมีการอบรม และการออกไปร่วมทำพันธกิจ

4.คริสเตียนเชื่อเรื่องการสามัคคีธรรม (fellowship) ว่าคริสตชนเป็นครอบครัวเดียวกัน คือครอบครัวของพระเจ้า ต้องร่วมทุกข์ สุข หนุนใจ ฯลฯ ดังนั้นจึงเน้นการรู้จักตัวเป็นๆกัน

อย่างน้อยสิ่งที่เจี๊ยบกล่าวมาแล้ว จะช่วยให้คริสเตียน เจริญฝ่ายจิตวิญญาณ
และมีสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้า และกับมนุษย์ ฮะ