ขอเชิญเดินทางไปบ้านแม่เวย์...พร้อมกับฉัน
สิบสองกิโลเมตร ก็ถึงบ้านแม่เวย์
เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ขอให้เวลานั้นเปรียบเหมือนการเดินทางในกิโลเมตรที่ 1 เพื่อมุ่งตรงสู่บ้านแม่เวย์ ดินแดนแห่งคริสต์ศาสนาท่ามกลางหุบเขา ขอให้ใช้เวลานี้คิดถึงความรักของพระบิดาเจ้า ที่ทรงส่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ลงมาไถ่บาปพวกเรา ... เป็นช่วงเวลาที่เราต้องขอบพระคุณในความรักของพระองค์ และด้วยความรักนี้ที่ถูกสานต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นความเชื่อในพระเจ้าที่มั่นคงถาวร จนมีผู้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อ “ความรัก” ที่มีต่อพระเจ้า และเพื่อนพี่น้อง
ชีวิตของพระศาสนจักเดินทางมาอีกยาวนาน ทั้งผ่านอุปสรรค ปัญหา การต่อสู้ การเบียดเบียน และบ่อยครั้งในหน้าประวัติศาตร์เหล่านี้ มีทั้งคราบน้ำตาจากความปวด การยอมตายเป็นมรณสักขีเพื่อยืนยันความรักของพระเยซูเจ้า อีกด้านหนึ่งพระศาสนจักรในยุคกลางเราผ่านยุคแห่งความมืดมนที่เอาตัวเองไปพัวพันกับการเมืองมากเกินไป จนมีการปฏิรูป และขอให้เราคิดว่านี้เป็นช่วงเวลาแห่งการขึ้นเนินเขาในกิโลเมตรที่สอง ที่เป็นทั้งบทเรียน คราบน้ำตา ความสุขใจ และรากฐานของยุคสมัยปัจจุบัน
ข่าวดีเรื่องของพระเจ้ามาถึงเมืองไทย และขอให้เวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เราเดินทางมาถึงบ้านซอแขระกลา เป็นช่วงกิโลเมตรที่สามแห่งการเดินทางไปบ้านแม่เวย์ ... ข่าวดีผ่านทางธรรมทูตผู้กล้าหาญ และเป็นเวลาที่ต้องขอบคุณคณะสงฆ์ต่างประเทศแห่งกรุงปารีส เป็นพิเศษ ที่อยู่เคียงคู่ประเทศไทยตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสมัยของเรานี้ ขอบคุณคณะนักบวช เป็นพิเศษคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร ในการช่วยเหลืองานด้านการศึกษา และแพร่ธรรม
การเดินทางมาถึงกิโลเมตรที่สี่ ขอให้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1932 เด็กหญิงเฉวียง ศรีวิชัยรัตน์ ถือกำเนิดในครอบครัวหนึ่งในวัดเซนต์ร๊อค ท่าไข่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ... ต่อมาได้เข้าศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-4 ที่โรงเรียนราษฏร์เซนต์ร๊อค ศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 1 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2-6 ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ .... หลังจากจบแล้วก็ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน จนกระทั่งมารู้ว่าได้สมัครเข้าคณะภคินีเซนต์ ปอล เดอ ชาร์ตร เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1952
การเดินทางผ่านทางแยกตะโค๊ะกวี ... มาไม่นาน เราเดินขึ้นหุบเขาชันอีกครั้ง และเป็นเช่นนี้เสมอในการเดินทางบนภูเขา ... ขอให้ช่วงนี้เป็นช่วงกิโลเมตรที่ห้า แห่งการเดินทาง ... เสียงลั่นชัตเตอร์สุดท้ายก่อนได้ภาพเพื่อลงตีพิมพ์ ในสารสาสน์ ฉบับปี 1953 ภาพแห่งความยินดีเมื่อหญิงสาวสามคนรับเสื้อคณะภคินี หนึ่งในสามคือ เซอร์เซนต์โมริส เฉวียง ศรีวิชัยรัตน์ (ลูกวัดเซนต์ร๊อค ท่าไข่) ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง เซอร์เฮเลนนา ไพฑูรย์ สุขเกษม (ลูกวัดเซนต์แอนโทนี แปดริ้ว) และเซอร์ซูซานนา มารินทร์ พุฒตาลศรี (ลูกวัดนักบุญลูกา บางขาม) ซึ่งลงวันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1953 ชีวิตการเป็นนักบวชเริ่มต้นแล้ว .....
เรื่องราวการกลับใจของบ้านแม่เวย์ ขอให้เป็นเรื่องราวระหว่างการเดินทางในกิโลเมตรที่หก ที่เราควรจดจำ ปี 1962 โดยเริ่มต้นจากความสนใจของชาวบ้าน ส่งตัวแทนไปหาคุณพ่อมีร์โก (คณะเบธาราม) ที่แม่สะเรียง คุณพ่อเดินทางสำรวจและพบว่าบ้านแม่เวย์ อยู่ในจังหวัดตาก ซึ่งอยู่ในเขตมิสซังกรุงเทพฯ จึงแจ้งพระสังฆราชหลุยส์ โชแรง ให้ทราบ ... แล้วคุณพ่อมีร์โกก็ยกคริสตังสำรองกลุ่มแรกของบ้านแม่เวย์ให้ธรรมทูตที่ถูกส่งมาอยู่ที่บ้านแม่เวย์ในปี 1963 และธรรมทูตผู้นั้นก็คือ คุณพ่อยอแซฟ แกงตาร์ด .... เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ เซอร์เซนต์โมริส เป็นครูโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสเซเวียร์ คอนแวนต์ ระหว่างปี 1955 – 1966
เรื่องราวแห่งการแยก “นครสวรรค์” ออกจากมิสซังแม่ สังฆมณฑลกรุงเทพฯ ขอให้ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการเดินทางในกิโลเมตรที่เจ็ด สังฆมณฑลนครสวรรค์ได้รับการสถาปนาในปี 1967 ซึ่งเป็นปีที่สอง ที่เซอร์เซนต์ โมริส ถูกส่งมาเป็นครูที่โรงเรียนวันทามารีย์ (ค.ศ.1966-1972) (ปัจจุบันคือโรงเรียนเซนต์โยเซฟนครสวรรค์) นั่นหมายความว่าเซอร์เซนต์โมริสได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของสังฆมณฑลนครสวรรค์ ทั้งการขึ้นรับตำแหน่งพระสังฆราชของ พระสังฆราชมิเชล ลังเยร์ ประมุของค์แรก การสร้างอาสนวิหารใหม่ซึ่งเสียหายจากเพลิงไหม้ และเรื่องราวในยุคแรก ๆ ของงานธรรมทูตในสังฆมณฑลใหม่ สังฆมณฑลนครสวรรค์
คณะเซอร์เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร กับการช่วยงานด้านการศึกษา อบรม และแพร่ธรรม ที่แม่สอด เรื่องเหล่านี้ขอให้เป็นการเดินทางในกิโลเมตรที่แปด ยุคแรกแห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ในดินแดนที่ห่างไกล และอันตราย มาเซอร์เล่าว่า “ทุกอย่างใหม่หมดสำหรับข้าพเจ้า ... เวลานั้นอยากร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก” ... ขอให้เป็นเวลาในวันที่ 14 พฤษภาคม 1972 เพราะนั่นคือวันที่เซอร์สามท่านย้ายมาอยู่ที่แม่สอด หนึ่งในนั้นก็คือเซอร์เซนต์โมริส ... เซอร์เริ่มเริ่มภาษาปกาเกอะญอ และดูแลหอพักที่มีเด็กลงมาเรียนที่โรงเรียนภัทรวิทยา ซึ่งขณะนั้นคุณพ่อแกงตาร์ด เป็นเจ้าอาวาส
การเดินทางในกิโลเมตรที่เก้า ขอให้เป็นช่วงเวลาที่เซอร์เซนต์โมริส เดินทางช่วยเหลืองานแพร่ธรรมในหมู่บ้านต่าง ๆ ของคุณพ่อในเขตสาม สังฆมณฑลนครสวรรค์ แน่นอนการเดินทางไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ การขึ้นเขาลงห้วยไม่รู้เท่าไร แต่มีเป้าหมายในการข่าวดีเรื่องความรักของพระเจ้าไปให้พี่น้องที่อยู่บนภูเขา ในช่วงปี 1989 เซอร์เซนต์โมริส ทำงานร่วมกับคุณพ่อตรีเครอัต คุณพ่อแกงตาร์ด คุณพ่อเดชา คุณพ่อมนัส คุณพ่อพงษ์เกษม ซึ่งในปีนี้เองเราเพิ่งทำการคิดถึงการจากไปของคุณพ่อกียู ครบรอบ 1 ปี มาเซอร์เซนต์โมริส ก็เคยเดินทางไปดอยลูกสุดท้ายที่ห้วยน้ำเย็น ที่ซึ่งคุณพ่อกียู ขึ้นไป แล้วกลับลงมาเสียชีวิต .... นี่เป็นธรรมทูตคนแรกที่ยอมฝังร่างลงสู่วิถีชีวิของชนเผ่าที่เขารัก
เรื่องราวของโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่ระมาด ขอให้เป็นการเดินทางในช่วงกิโลเมตรที่สิบ ก่อนถึงบ้านแม่เวย์ ช่วงแห่งการลงจากทางลาดชัน ขอให้เป็นช่วงเวลาในปี 1955 ที่เซอร์เซนต์โมริส บุกเบิกโรงเรียนแห่งนี้ ที่เปรียบเหมือนโรงเรียนนานาชาติพันธุ์ ที่รับเด็ก ๆ จากทุกสถานที่ ส่งเสริมให้เขาได้รับการศึกษา และเรียนรู้เรื่องราวความรักของพระเจ้า
การบุกเบิกงานในเขตขุนห้วยช่วงแคบ ขอให้เป็นช่วงเวลากิโลเมตรที่สิบเอ็ด ก่อนถึงบ้านแม่เวย์ ... ขอให้ช่วงเวลานี้เป็นปี ค.ศ. 2005 เซอร์เซนต์โมริส ร่วมงานเขตแพร่ธรรมขุนห้วยช่องแคบ ช่วยเหลืองานด้านการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2004 เราสูญเสียธรรมทูตผู้สำคัญท่านหนึ่ง คุณพ่อยอแซฟ แกงตาร์ด จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับงานแพร่ธรรม เขตสาม สังฆมณฑลนครสวรรค์ ... มาเซอร์ร่วมงานในโรงเรียนปรีชาญาณศึกษา ศูนย์ต่าง ๆ ... และที่น่าจดจำคือ ศูนย์พระมารดา ขุนห้วยช่องแคบ เพราะเป็นที่สุดท้ายก่อนที่มาเซอร์จะย้ายไปอยู่ที่แม่ระมาด ... ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงแม่เวย์ นี่เป็นช่วงสุดท้ายจริง ๆ ขอให้ช่วงเวลานี้ เป็นวันที่ 1 ม.ค. 2012 เวลานั้นที่เซอร์เซนต์โมริส ตั้งใจเดินทางไปร่วมฉลองความเชื่อ 50 ปี บ้านแม่เวย์ บ้านที่เซอร์ทั้งรัก และเคยช่วยเหลือพวกเขา เด็ก ๆ หลายคนในหมู่บ้านก็เติบโตมาพร้อมกับสองมือของมาเซอร์ เรายังคงจำได้ถึงตำนานการตั้งชื่อนามสกุลของคนบนดอยที่มีที่มาจากเซอร์เซนต์โมริส ... มาเซอร์ตั้งใจเดินทางไปแม่เวย์ แต่เพียงแค่สองโค้งสุดท้าย ปลาย ๆ กิโลเมตรที่สิบเอ็ด สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดกับมาเซอร์ที่เปรียบเหมือน “แม่” ของพี่น้องชนเผ่า “เทวดา” ของชาติพันธุ์ รถยนต์ตกเหว เพียงแค่สองโค้งสุดท้ายเท่านั้นเอง .... ขอให้ช่วงเวลานี้เป็นเวลาแห่งความโกลาหล การลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ... สายตาแห่งความห่วงใยจากหัวใจ ถูกส่งมาถึงเซอร์เซนต์โมริส ช่วงเวลาแห่งการภาวนา ใครที่รับข่าวสารก็ถามถึง และเป็นห่วง อีกทั้งก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่สุดวันที่ 4 มกราคม 2012 เซอร์เซนต์โมริส ก็เดินทางกลับไปเฝ้าเฉพาะพระเจ้า ตำนานชีวิตผู้แพร่ธรรม หญิงแกร่ง ผู้เดินดอยไม่ลดละ จบลง .....


และการเดินทางในช่วงสุดท้าย กิโลเมตรที่สิบสอง ขอให้เป็นเวลานี้ที่เรากำลังคิดถึงคุณงามความดี แบบอย่างชีวิตที่น่ารัก ความดุดันเอาจริงเอาจัง ในการทำงานอภิบาล แพร่ธรรม การศึกษา... เป็นช่วงเวลาที่เราได้ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของเซอร์เซนต์โมริส ที่อุทิศชีวิตเพื่อพี่น้องทั้งหลาย สมกับได้ชื่อว่า เป็นแม่ของพี่ชนเผ่า ..... จริงๆ
การเดินทางไม่มีวันสิ้นสุด แน่นอน หนทางแห่งการแพร่ธรรม ยังคงได้รับการสืบสานอย่างไม่จบสิ้น
ด้วยความเคารพอย่างสูง
จาก... ณ สวรรค์
****************
ขอทิ้งท้ายด้วยกลอนที่เซอร์เซนต์โมริส แต่งไว้
พระเลือกเรา เพื่อชนเผ่าปกาเกอะญอ เราจึงขอพลีชีวิตอุทิศให้
ปกาเกอญอสิงสถิตในดวงใจ พระเจ้าก็ทรงรักใคร่เขาเช่นกัน
พระองค์ส่งฉันมาเพื่องานนี้ พลังมีเท่าไรประกาศลั่น
ขอถวายพระองค์หมดสิ้นพลัน สู้จนกว่าจะถึงวันดับชีวี
ดอยจะสูงฟ้าจะต่ำเดินลำบาก แถมมีขวากหนามกั้นไม่หันหนี
จะเหนื่อยยากแสนลำบากทุกกรณี เท้าข้านี้จะย่างไปในบันดล
(เซอร์เซนต์โมริส ... เขียน)
ภาพแห่งความทรงจำ
ที่มา : http://kamsornway.blogspot.com/2012/01/ ... st_09.html