สรรมาเล่า จากหนังสือแม่พระยุคใหม่
.....มอบทั้งหมดแด่พระเจ้า....
....ชายคนหนึ่งเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาไม่มีงานทำ และรู้สึกสิ้นหวัง
กับชีวิตมาก เขามีเงินติดกระเป๋าเพียง 50บาท เขาตั้งใจจะนำเงิน50บาทนี้ไปซื้อ
อาหารกิน เขารู้สึกหมดอาลัยในชีวิต ไม่มีใครคิดช่วยเขา เขาใช้เงินที่มีเหลืออยู่
เพียง50บาทสุดท้ายซื้ออาหารจากร้านข้างถนน ขณะที่นั่งลงและกำลังจะกินนั้น
มีชายชรากับเด็กเล็กๆสองคนหิวโซเดินเข้ามาขออาหารจากเขา พวกเขาไม่ได้
กินอะไรมา1อาทิตย์แล้ว ชายหนุ่มมองไปที่ชายชรากับเด็กสองคนนั้น พวกเขา
ผอมเหลือแต่กระดูก เขาจึงให้อาหารมื้อสุดท้ายที่เขามีอยู่แก่ชายชราและเด็กๆ
ทั้งสามขอบคุณ และมอบเหรียญให้เขาเหรียญหนึ่ง
.....ชายหนุ่มไม่เหลือเงินอีกแล้ว เขาไม่มีอะไรกิน และไม่มีงานทำ เขาจึงเดิน
ไปที่ใต้สะพาน นั่งทอดอาลัย ขณะที่เขากำลังจะหลับ เขาเหลือบมองเห็นหนังสือ
พิมพ์วางอยู่ที่พื้น เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านประกาศชิ้นหนึ่ง ซึ่งตามหาคนที่มีเหรียญ
เหมือนในภาพ
.....เขาตัดสินใจไปที่นั่นพร้อมกับเหรียญที่ชายชรามอบให้ เมื่อไปถึงเขาก็ส่งเหรียญ
ให้เจ้าของร้าน เจ้าของร้านตะโกนร้องด้วยความตื่นตะลึง เขาหยิบหนังสือเล่มใหญ่
ออกมาเล่มหนึ่ง และชี้ให้ชายหนุ่มดูรูปหนึ่ง รูปนั้นเป็นเหรียญแบบเดียวกับที่เขามี
มันมีมูลค่าถึง 30ล้าน เขากระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี ที่ได้เงินถึง 30 ล้าน
เขารับเงินก้อนนี้ไป และออกตามหาชายชราและเด็กๆ
.....เขากลับไปที่ที่เคยเจอทั้ง3คนนั้น แต่กลับไม่พบ ถามเจ้าของร้านก็บอกว่าไม่เห็น
เจ้าของร้านยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้เขา เขารีบรับกระดาษแผ่นนั้นมาเปิดอ่าน
โดยหวังว่า กระดาษแผ่นนั้นจะช่วยให้เขาตามหาทั้งสามเจอ แต่ในกระดาษแผ่นนั้น
กลับเขียนว่า
... "ท่านให้เราทั้งหมดที่ท่านมีและเราให้เหรียญแก่ท่านเป็นรางวัลตอบแทน"
ลงชื่อ... พระเจ้า
แล้วคุณล่ะ มอบทั้งหมดแด่พระเจ้าหรือยัง ถ้ายังก็ให้เริ่มวันนี้เลย ...
แล้วพระองค์จะทำให้คุณประหลาดใจ
.... ...
All for GOD... มอบทั้งหมดแด่พระเจ้า
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
พระเจ้าท่านมีคอลเลคชั่นเหรียญสะสมซะด้วย
สรรมาเล่า.....หนังสือแม่พระยุคใหม่ (พอล แมรี่ สุวิช)
....น้ำใจดี....
....ค่ำคืนหนึ่ง ที่นครฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย พายุฝนตกกระหน่ำ สามีภรรยา
สูงวัยคู่หนึ่งเข้าพักในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่พนักงานต้อนรับกล่าวขออภัยที่
โรงแรมไม่มีห้องว่างเหลือเลย เพราะมีการประชุมสัมมนาใหญ่ถึง3งาน อย่างไรก็ตาม
พนักงานต้อนรับได้กล่าวแก่สามีภรรยาอาวุธโสคู่นี้ว่า เขาจะปล่อยให้ทั้งคู่ไม่มีที่พัก
คืนนี้ไม่ได้ และเสนอให้พวกเขาไปนอนในห้องพักของตนในโรงแรมนั้นแทน
ทีแรกสามีภรรยาไม่ยอมรับ และถามว่าแล้วคุณจะพักที่ไหนเล่า เขาตอบว่าไม่ต้อง
ห่วงเขา เพราะเขาต้องอยู่เวรถึงรุ่งเช้า สามีภรรยาจึงยอมรับข้อเสนอ และเข้าพัก
ในห้องของพนักงานต้อนรับคนนี้
....รุ่งขึ้นขณะกำลังชำระเงินค่าห้อง ฝ่ายสามีกล่าวแก่พนักงานคนนี้ว่า " พนักงาน
โรงแรมที่ดีอย่างคุณนี่ สมควรจะเป็นผู้จัดการของโรงแรมที่ดีที่สุดของโลกเลยทีเดียว
สักวันผมจะสร้างโรงแรมที่ว่านี้ให้คุณบริหารจะดีไหม"
.....พนักงานคนนั้นมองมาที่สามีภรรยาคู่นั้น พร้อมกับหัวเราะด้วยความขบขัน
เข้าใจว่าชายนั้นคนพูดล้อเล่น และเขาก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท
.....เวลาผ่านไปอีกสองปี พนักงานต้อนรับคนนี้ ซึ่งยังคงทำงานอยู่ที่เดิม
ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมกับตั๋วเครื่องบินไปกรุงนิวยอร์ก เชิญให้เขาไปเยื่ยม
สามีภรรยาที่เขาเคยให้ห้องพัก
.....เมื่อถึงนิวยอร์ก ตัวสามีได้พาเขาไปที่มุมถนน และชี้ไปที่ตึกสูงตระหง่านสวยงาม
มาก และพูดว่า"...นี่คือโรงแรมที่ผมพูดกับคุณไว้เมื่อสองปีก่อน ผมต้องการให้
คุณเป็นผู้จัดการโรงแรมนี้"
.....โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่า Waldorf Astoriaเป็นโรงแรมอันดับหนึ่ง มีชื่อเสียงที่สุด
ในโลก เจ้าของก็คือสามีภรรยาคู่นี้คือ Mr.William Waldorf Astor และคนที่เป็น
ผู้จัดการคนแรกก็คือ George C. Boldt อดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมเล็กๆ
จากฟิลาเดเฟียนั่นเอง
....น้ำใจดี....
....ค่ำคืนหนึ่ง ที่นครฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย พายุฝนตกกระหน่ำ สามีภรรยา
สูงวัยคู่หนึ่งเข้าพักในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง แต่พนักงานต้อนรับกล่าวขออภัยที่
โรงแรมไม่มีห้องว่างเหลือเลย เพราะมีการประชุมสัมมนาใหญ่ถึง3งาน อย่างไรก็ตาม
พนักงานต้อนรับได้กล่าวแก่สามีภรรยาอาวุธโสคู่นี้ว่า เขาจะปล่อยให้ทั้งคู่ไม่มีที่พัก
คืนนี้ไม่ได้ และเสนอให้พวกเขาไปนอนในห้องพักของตนในโรงแรมนั้นแทน
ทีแรกสามีภรรยาไม่ยอมรับ และถามว่าแล้วคุณจะพักที่ไหนเล่า เขาตอบว่าไม่ต้อง
ห่วงเขา เพราะเขาต้องอยู่เวรถึงรุ่งเช้า สามีภรรยาจึงยอมรับข้อเสนอ และเข้าพัก
ในห้องของพนักงานต้อนรับคนนี้
....รุ่งขึ้นขณะกำลังชำระเงินค่าห้อง ฝ่ายสามีกล่าวแก่พนักงานคนนี้ว่า " พนักงาน
โรงแรมที่ดีอย่างคุณนี่ สมควรจะเป็นผู้จัดการของโรงแรมที่ดีที่สุดของโลกเลยทีเดียว
สักวันผมจะสร้างโรงแรมที่ว่านี้ให้คุณบริหารจะดีไหม"
.....พนักงานคนนั้นมองมาที่สามีภรรยาคู่นั้น พร้อมกับหัวเราะด้วยความขบขัน
เข้าใจว่าชายนั้นคนพูดล้อเล่น และเขาก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท
.....เวลาผ่านไปอีกสองปี พนักงานต้อนรับคนนี้ ซึ่งยังคงทำงานอยู่ที่เดิม
ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมกับตั๋วเครื่องบินไปกรุงนิวยอร์ก เชิญให้เขาไปเยื่ยม
สามีภรรยาที่เขาเคยให้ห้องพัก
.....เมื่อถึงนิวยอร์ก ตัวสามีได้พาเขาไปที่มุมถนน และชี้ไปที่ตึกสูงตระหง่านสวยงาม
มาก และพูดว่า"...นี่คือโรงแรมที่ผมพูดกับคุณไว้เมื่อสองปีก่อน ผมต้องการให้
คุณเป็นผู้จัดการโรงแรมนี้"
.....โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่า Waldorf Astoriaเป็นโรงแรมอันดับหนึ่ง มีชื่อเสียงที่สุด
ในโลก เจ้าของก็คือสามีภรรยาคู่นี้คือ Mr.William Waldorf Astor และคนที่เป็น
ผู้จัดการคนแรกก็คือ George C. Boldt อดีตพนักงานต้อนรับของโรงแรมเล็กๆ
จากฟิลาเดเฟียนั่นเอง
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ว้าว...ว ชอบเรื่องที่ 2 มาก...ก...ก ค่ะ
โอ้ยยๆๆ อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ สุดๆๆ ยอด จริงๆๆๆ
หนูเคยมีประสบการ์ณ อาจจะไม่ได้เหรียญคืนกลับเป็นล้าน ๆ แต่พระเจ้าก็ได้ตอบแทนกลับให้หนูเห็น เล่าละนะอย่างไม่อายด้วย คือความที่เป็นแม่เดี่ยวและ ภาระ ค่าใช้จ่ายมันงวดตัวมากๆๆ ก็เลยต้องคิดๆ ให้มากเข้าไว้เรื่องจะจ่ายอะไรเป็นพิเศษ
หลายๆ อาทิตย์นับแต่ที่มีพี่ผู้หญิงคนนึง มาบอกเรื่องที่เราควรจะไปวัดวันอาทิตย์นะ ไม่ใช่ว่าไปวันเสาร์ๆ มีเพื่อชดเชยในเวลาที่จำเป็น แต่มันก็ทดแทนกันไม่ได้ เพราะว่าพระับัญญัติบอกไว้ ใจก็ไปทั้งสองวัน ไปวันเสาร์เอาเด็กๆ ไปวัดเย็นที่มีนพวาร และเช้าวันอา ไปคนเดียวไปนั่งฟัง ซึมซับพระวาจา จากที่พระองค์จะบอก จากคุณพ่อ ที่มีการเทศน์ในอีกมุมมองนึง และต่อด้วยการเรียนคำสอน เรืยนเพื่อการฟื้นฟู เพื่อตัวเราเอง ตั้งแต่ 10.30-12.00 น.
วันนั้นมีเงินเหลือติดตัว แค่ 610 บาทเท่านั้้นๆ จริงๆ และจะต้องใช้กัน สามคน แม่ลูก โดยค่าใช้จ่ายคือ 350 บาทต่อวัน คือค่าเดินทางและค่าอาหารให้เด็กๆ ไปโรงเรียน วันเสาร์ เราไปวัดแล้ว เช้าวันอา. ใจนึงคำนวณแล้วมองเงิน จะพอถึงวันอังคารไหมนะ ถอนหายใจเฮีอกใหญ่ แล้วก็ตัดสินใจไปวัด ประมาณว่า ไปก็ไป ไว้ใจ วางใจในพระ ค่าเดินทางไปวัดจะตก ที่ 25 +50 ไปด้่วยมอไซค์ กลับด้วยแท๊กซี่ เชื่อไหม ไปก็ืคือเตรียมตัวอย่างดีนะ ไปก่อนเวลาเหมือนทุกที แล้วก็ไป ณ ตรงนั้นคือ อยู่กับพระไม่สนใจอะไรละ อะไรจะเกิดก็คือ เป็นน้ำพระทัยของพระ ไม่มีวอกแวก แต่ว่าไม่มีเงินทำบุญนะ
วันจันทร์ คืบคลานเข้ามาพร้อมกับความเครียด ที่เงินก็งวดลงไปๆ และวันจันทร์ก็มีพี่คนนึงจะออกทุนให้เราทำขายแซนด์วิช และในวันอังคารมีคนให้ยืมเงิน 4000 ซึ่งต่อชีัวิตเรากับลูกๆ ไปได้อีกเป็น 10 วัน พอเค้าบอกว่า ขอเบอร์บัญชีจะโอนเงินให้ เป็นอะไรที่ คำแรกคือ ขอบคุณพระ ขอบคุณพระองค์ นี่หล่ะ พระหรรษทาน ที่ทรงให้เรา พระองค์ได้ยินคำภาวนาของลูก
หนูเคยมีประสบการ์ณ อาจจะไม่ได้เหรียญคืนกลับเป็นล้าน ๆ แต่พระเจ้าก็ได้ตอบแทนกลับให้หนูเห็น เล่าละนะอย่างไม่อายด้วย คือความที่เป็นแม่เดี่ยวและ ภาระ ค่าใช้จ่ายมันงวดตัวมากๆๆ ก็เลยต้องคิดๆ ให้มากเข้าไว้เรื่องจะจ่ายอะไรเป็นพิเศษ
หลายๆ อาทิตย์นับแต่ที่มีพี่ผู้หญิงคนนึง มาบอกเรื่องที่เราควรจะไปวัดวันอาทิตย์นะ ไม่ใช่ว่าไปวันเสาร์ๆ มีเพื่อชดเชยในเวลาที่จำเป็น แต่มันก็ทดแทนกันไม่ได้ เพราะว่าพระับัญญัติบอกไว้ ใจก็ไปทั้งสองวัน ไปวันเสาร์เอาเด็กๆ ไปวัดเย็นที่มีนพวาร และเช้าวันอา ไปคนเดียวไปนั่งฟัง ซึมซับพระวาจา จากที่พระองค์จะบอก จากคุณพ่อ ที่มีการเทศน์ในอีกมุมมองนึง และต่อด้วยการเรียนคำสอน เรืยนเพื่อการฟื้นฟู เพื่อตัวเราเอง ตั้งแต่ 10.30-12.00 น.
วันนั้นมีเงินเหลือติดตัว แค่ 610 บาทเท่านั้้นๆ จริงๆ และจะต้องใช้กัน สามคน แม่ลูก โดยค่าใช้จ่ายคือ 350 บาทต่อวัน คือค่าเดินทางและค่าอาหารให้เด็กๆ ไปโรงเรียน วันเสาร์ เราไปวัดแล้ว เช้าวันอา. ใจนึงคำนวณแล้วมองเงิน จะพอถึงวันอังคารไหมนะ ถอนหายใจเฮีอกใหญ่ แล้วก็ตัดสินใจไปวัด ประมาณว่า ไปก็ไป ไว้ใจ วางใจในพระ ค่าเดินทางไปวัดจะตก ที่ 25 +50 ไปด้่วยมอไซค์ กลับด้วยแท๊กซี่ เชื่อไหม ไปก็ืคือเตรียมตัวอย่างดีนะ ไปก่อนเวลาเหมือนทุกที แล้วก็ไป ณ ตรงนั้นคือ อยู่กับพระไม่สนใจอะไรละ อะไรจะเกิดก็คือ เป็นน้ำพระทัยของพระ ไม่มีวอกแวก แต่ว่าไม่มีเงินทำบุญนะ
วันจันทร์ คืบคลานเข้ามาพร้อมกับความเครียด ที่เงินก็งวดลงไปๆ และวันจันทร์ก็มีพี่คนนึงจะออกทุนให้เราทำขายแซนด์วิช และในวันอังคารมีคนให้ยืมเงิน 4000 ซึ่งต่อชีัวิตเรากับลูกๆ ไปได้อีกเป็น 10 วัน พอเค้าบอกว่า ขอเบอร์บัญชีจะโอนเงินให้ เป็นอะไรที่ คำแรกคือ ขอบคุณพระ ขอบคุณพระองค์ นี่หล่ะ พระหรรษทาน ที่ทรงให้เรา พระองค์ได้ยินคำภาวนาของลูก
- pagorn1174
- โพสต์: 122
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 08, 2012 12:13 pm
- ที่อยู่: House No.157 Village No.3,Thon Samo Sub-district,Tha Chang District,Singburi Province 16140
น่าจะมีปุ่มกด Like นะ ชอบ 2เรื่องเลย วันหลังเอามาอีก น๊าาา